ถ้าจะลำบาก ก็เชิญละบากไปประเทศเดียวเถอะ อย่าให้คนอื่นๆลำบากไปด้วยเลย

ทหารกำลังถูก disrupted ด้วยเทคโนโลยีและแนวคิด เพราะสงครามใหม่ๆอยู่ในรูปแบบอื่นๆ แม้แต่คำว่า "สงครามการค้า" ก็เป็นศัพท์ที่เก่าไปแล้ว เจอของใหม่กว่าอย่าง AI Arms Race หรือล่าสุด Vaccine War ทหารในนิยามดั้งเดิมเลยต้องออกมาเรียกร้องความสนใจ

Tiktok ล่ะ

ก็ปรกดีนิที่ต้องรีบชิงปิดก่อน ไม่งั้นจะกลายเป็นฝั่งผู้ให้บริการสั่งแบนบัญชีทหาร แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายด่าได้ นัดชุมนุมได้อย่างเต็มที่

ถ้าปิดได้รอบนึงแล้ว งวดต่อไปสั่งแบนบัญชีอะไรตามคำสั่งรัฐก็ง่ายล่ะ เพราะฝั่งผู้ให้บริการต้องง้อแทน ถ้าไม่ง้อก็ปิดยาวรัฐไม่เสียอะไร เพราะไงก็เก็บภาษีแทบจะไม่ได้อยู่แล้วนี่นา

ยังห่างชั้นจากบ้านเรา เรามีทั้งเผด็จการทหารและนักศึกษา

ที่น่ากลัว คือเป็นจุดเริ่มต้นเหมือนเหตุการณ์8888 ปี 1988 หรือไม่ เริ่มจากการปิดกั้นข่าวสาร แล้วต่อไปที่ล้อมฆ่า (ตอนนั้นประมาณการว่าตายไปหลักหมื่นนะครับ แต่รบ.รายงานแค่หลักร้อย)

สิ่งที่รบ.ทหารพม่าต่างจากบ้านเรา คือเขาไม่ได้พึ่งพากลุ่มทุนภายนอกมาก ส่วนใหญ่ก็เป็นเจ้าของสัมปทานผูกขาดในประเทศอยู่แล้ว และรายได้หลักคือการส่งออกอัญมณีและทรัพยากรธรรมชาติอผ่านประเทศเผด็จการที่ยอมรับเช่นจีนอยู่แล้ว (ที่เคยมีดราม่า นายพลให้ของขวัญลูกสาวแต่งงานเป็นหยกราคาพันล้าน ในขณะที่ประชาชนอดตาย) ฉะนั้น เขาไม่เกรงใจใคร และไม่สนธุรกิจอื่นๆ ต่างจากบ้านเราที่ผู้สนับสนุนหลักของรบ.ทหารต้องพึ่งพาตลาดทุน จะปิดกั้นปิดประเทศทำได้ยาก(ที่เคยปิดFBได้แค่ไม่ถึงชั่วโมง ก็เพราะผู่สนับสนุนโวย)

ใครที่คิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา แนะนำให้ลองศึกษาเหตุการณ์เก่าก่อนนะครับ ถ้าไม่รู้เรื่องเลยก็สมควรที่จะโดนคนเขาด่าว่า "เชยเฉิ่ม"จริงๆนั่นแหละนะ

ป.ล. ต่อให้คุณไม่สนใจสิทธิมนุษยชนของคนในประเทศอื่น แตอ่ย่างน้อยที่น่าห่วงขั้นแรกคือธุรกิจของ"คนไทย"ที่ทำในพม่าครับ เอาแค่ติดต่อสื่อสารกลับมาลำบากก็แย่แล้ว
ป.ล.2 เทเลนอร์ นี่สมเป็นบ.ของสวีเดน เป็นคนกล้าแฉ คำสั่งรบ.ทหาร ที่คิดว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน เหมือนตอนที่แฉว่ารบ.ไทยสั่งปิดกั้นFB ตอนนั้น จนโดนขู่ถอนสัมปทานเลยจริงๆ

เราจะทำตามสัญญา