Tags:
Node Thumbnail

สื่อเยอรมัน Handelsblatt ลงบทความอ้างแหล่งข่าวจากที่ปรึกษารัฐบาล ระบุว่าการเปลี่ยนผ่านสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าอาจทำให้งานในอุตสาหกรรมรถยนต์ของเยอรมนีหายไปถึง 410,000 ตำแหน่งภายในปี 2030

รายงานระบุว่าเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเครื่องยนต์ และระบบขับเคลื่อนราว 88,000 ตำแหน่งจะตกอยู่ในความเสี่ยง เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ามีชิ้นส่วนน้อยกว่ารถยนต์ปกติมาก อีกทั้งยังต้องการการดูแลรักษาต่ำกว่าด้วย

นอกจากนี้ตำแหน่งอื่นที่เสี่ยงต่อการถูกปลดคือพนักงานประกอบรถยนต์ เพราะในอนาคตโรงงานก็จะใช้หุ่นยนต์เข้ามาช่วยประกอบมากขึ้นเรื่อยๆ โดยสมาคมอุตสาหกรรมรถยนต์แห่งเยอรมนี (Verband der Automobilindustrie – VDA) ก็ระบุว่าในปี 2020 จะมีการลดตำแหน่งงานลงเรื่อยๆ หลังจากการจ้างงานในอุตสาหกรรมรถยนต์ขึ้นสู่จุดสูงสุดที่ 834,000 ตำแหน่งเมื่อปี 2018

ภาพการประกอบเครื่องยนต์เบนซินของ Mercedes-Benz ที่โรงงานย่าน Untertürkheim เมือง Stuttgart ประเทศเยอรมนี | ภาพโดย Daimler

เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว Daimler บริษัทแม่ของ Mercedes-Benz ก็ประกาศยุติการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในแล้ว

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปต้องเร่งเปลี่ยนสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าคือมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง

ที่มา - Reuters

Get latest news from Blognone

Comments

By: sukjai
iPhoneAndroidRed HatUbuntu
on 15 January 2020 - 10:16 #1143831

ได้อย่างเสียอย่าง แต่จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อละเพราะงานเริ่มหายากทุกวัน

By: thearm on 15 January 2020 - 10:17 #1143832
thearm's picture

ก็แนวโน้มมันมาแบบนี้อะนะ แล้วก็ไม่ใช่แค่รถ โรงงานอย่างอื่นหุ่นยนต์ก็จะมาแทนคนไปเรื่อยๆ คนเองนั่นแหละต้องรู้จักปรับตัวตามโลก

By: Bigkung
iPhoneWindows Phone
on 15 January 2020 - 11:06 #1143848 Reply to:1143832
Bigkung's picture

แนวโน้มแบบนี้ก็ไม่ควรเพิ่มประชากรโลกแล้วหล่ะครับ ยกเว้นจะเลี้ยงได้ถึงจะไม่มีงานทำ คนคุมหุ่นยนต์ไม่จำเป็นต้องมีเยอะซะด้วย ยกเว้นจะเอาไปทำสงครามกับหุ่นยนต์ซะเอง แบบ คนเหล็ก

By: obnetarena
Windows PhoneWindows
on 15 January 2020 - 14:17 #1143913 Reply to:1143848

จริง ๆ เพราะโลกเพิ่มประชากรแหละครับ เราเลยต้องการหุ่นยนต์มาช่วยทำงาน

เพราะว่าความต้องการสินค้ามีมากขึ้น คนทำไม่ทัน แถมต้นทุนสูง ดังนั้นจึงนำหุ่นยนต์มาช่วยทำลดต้นทุน ทำให้ผลิตสินค้าได้ทันความต้องการของตลาด

ทั้งนี้คนจากที่ต้องทำงานเป็นหุ่นยนต์ (ซึ่งมูลค่าน้อยมาก ทำให้ค่าแรงถูกสุด ๆ) ก็สามารถปรับตัวมาเป็นคนคุมหุ่นยนต์ ถ้าจะว่าไปแล้ว ก็เหมือนขึ้นมาเป็นหัวหน้านั่นแหละครับ
เพียงแต่ลูกน้องเป็นหุ่นยนต์ทำงานแทนเรา เราก็เป็นคนคุมป้อนคำสั่ง

สินค้าที่ใช้หุ่นยนต์ต้นทุนต่ำถ้าผลิตปริมาณมาก สินค้าเหล่านี้ขายให้คน ถ้าหากไม่มีคนสินค้าก็ขายได้น้อย หรือถ้าคนไม่มีเงินก็ไม่อยากซื้อสินค้า ทีนี้ถ้าผลิตมาเยอะก็ขายได้ถูกไปอีก ผลิตน้อย ก็จะไม่คุ้มทุนที่ซื้อหุ่นยนต์มา

เพราะหุ่นยนต์มีข้อดีกว่ามนุษย์ตรงที่ทำงานซ้ำ ๆ ในปริมาณเยอะ ๆ ได้ถูกต้องมากกว่า ทำได้ทั้งวันทั้งคืน ผลการทำงานมีมาตรฐานคงที่กว่า

ถ้าไม่มีงานให้ทำเยอะ ๆ แล้วไม่ต้องทำทั้งวันทั้งคืน ผมว่า มันก็ไม่ได้ดีกว่ามนุษย์ไปเท่าไหร่นะครับ ลงทุนครั้งแรกก็สูง

By: Mypandacm on 15 January 2020 - 10:52 #1143845
Mypandacm's picture

สุดท้ายก็จะมีงานเกี่ยวกับหุ่นยนต์แทน กล่าวได้ว่าโรงงานผลิตไม้ขีดปิดตัว แล้วโรงงานไฟแช็คมาแทน

By: Bigkung
iPhoneWindows Phone
on 15 January 2020 - 11:11 #1143852 Reply to:1143845
Bigkung's picture

ต่างกันครับ อันนั้นเป็นที่ผลิตภัณฑ์สินค้า(ไฟแช็คใช้งานง่ายกว่า) แต่อันนี้เป็นเรื่องแรงงานเลย เอาง่ายๆ ออกไป 88,000 ส่วนคนที่มีงานคุมหุ่นจะถึง 8,000 ตำแหน่งหรือเปล่านี่สิ คนที่หายไปไม่มีเงิน หลักๆเลยคือเรื่องอาหารก็จะมีการจับจ่ายน้อยลง คนคุมหุ่นยนต์ที่มีรายได้ เขาไม่ได้กินอะไรเพิ่มขึ้นแค่ราคาอาจแแพงขึ้นเงินที่ใช้ต่อเมนูอาจเยอะขึ้น แต่ ปริมานมันก็เกือบเท่าๆเดิม คนที่จะตายในกลุ่มต่อมาคือกลุ่มผลิตผลทางเกษตร

By: Mypandacm on 15 January 2020 - 11:52 #1143872 Reply to:1143852
Mypandacm's picture

ที่ผมพยายามเปรียบเทียบคือ มันมีสิ่งหนึ่งตกไป มักจะมีสิ่งใหม่มาทดแทนครับ แล้วคุณตัดส่วนที่ผมบอกว่างานเกี่ยวกับหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนออกไปไม่ได้นะ ส่วนนี้สำคัญ
แล้วก็ "เขาไม่ได้กินอะไรเพิ่มขึ้นแค่ราคาอาจแแพงขึ้น" ทำไมราคาถึงเพิ่มขึ้นละครับผมมองว่าไม่ค่อยเกี่ยวกับส่วนนี้ พอเข้าใจว่าจะสื่อว่าคนตกงานเดือดร้อน แต่จับทุกอย่างมาโป๊ะๆ โดยไม่มีที่มาก็ไม่น่าจะดีนะครับ

By: Bigkung
iPhoneWindows Phone
on 15 January 2020 - 15:42 #1143950 Reply to:1143872
Bigkung's picture

มันไม่ใช่ราคาโดยรวมแพงขึ้นครับ กลุ่มคนคุมหุ่นยนต์ต้องมีสกิลอยู่นะยิ่งพวกซับซ้อนนี่ยิ่งแล้วเลย เงินเดือนเขาจะสูงชดเชยกับคนที่ต้องออกไป เช่น เอาคนออกไป 5 คน รับคนเข้ามาหนึ่งคนคุมหุ่นยนต์ เงินเดือนอาจจะเท่ากับ 3 ใน 5 คนที่ออกไป มารวมในคนคนเดียว อีก 5 คน รายได้เป็น 0 ซึ่งคนพวกนี้ต้องประหยัดลดการบริโภคลง แล้วคนที่เข้ามาแทนเขาไม่สามารถซื้อของมา อุปโภค บริโภค ชดเชยคนที่ออกจากงานได้หรอกครับมันไม่พอ
โดยปกติพวกประเทศหรือรัฐเลยมีความต้องการให้ประชากรหลายคนมีรายได้ ดีกว่าประชากรคนเดียวมีรายได้อยู่แล้วเพื่อกระตุ้นการบริโภค ยิ่งมีหลายคนปริมาณที่ต้องการจะเยอะขึ้น ตรงกันข้าม ถ้ามีแค่ คน คนเดียว มันจะลดปริมาณแต่เพิ่มคุณภาพก็หมายถึงเขาเลือกซื้อของที่แพงขึ้นนั่นเอง ส่วนของถูกจะไม่ค่อยซื้อ มันแยกเป็นเกรด

ตัวอย่างง่ายๆ เราไปซื้อข้าว มีข้าวให้เลือก คือ ข้าวขาว, ข้าวหอมมะลิ, ข้าวซ้อมมือ, ข้าวสีนิล
คุณจะซื้ออะไรหล่ะ ราคาไม่เท่ากัน แต่ส่วนมากแล้วกลุ่มแรงงานจะซื้อข้าวขาว เพราะมันถูกสุด และประหยัดเงิน ถ้ากลุ่มนี้ตกงาน ข้าวขาวก็จะมีการถูกซื้อน้อยลงไปอีก แล้วก็ลามไปถึงต้นน้ำของการผลิตจนลามไปที่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการผลิต แล้วลามไปที่อื่นๆตามที่ระบบเงินหมุนไป

By: Mypandacm on 15 January 2020 - 11:55 #1143876 Reply to:1143852
Mypandacm's picture

จริงๆ ผมจะสื่อแค่ว่ามีงานนึงตาย ก็จะมีงานอื่นๆ เกิดขึ้นมาแทน เพราะหุ่นยนต์ไม่ได้เกิดขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง มันต้องมีคนสร้าง จริงๆ ผมจะบอกแค่นี้แหละ
แต่จะให้คนทำรถยนต์ย้ายไปทำหุ่นเลยก็ไม่ใช่นะ ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น แฮร่

By: langisser
In Love
on 15 January 2020 - 13:00 #1143896 Reply to:1143876

จะเม้นแบบนี้พอดี งานนี้หายก็มีงานใหม่เกิด
แต่แน่นอนว่างานใหม่ที่เกิดอาจจะไม่ได้ใช้คนจากตำแหน่งที่หายไป

By: Orion
Windows PhoneAndroidWindows
on 15 January 2020 - 13:24 #1143901 Reply to:1143896
Orion's picture

ใช่งานใหม่เกิดก็จริงแต่โดยส่วนใหญ่แล้วงานที่มาแทนก็ใช้คนจำนวนน้อยลงขณะที่จำนวนคนเพิ่มขึ้น

By: Zatang
ContributoriPhoneAndroid
on 15 January 2020 - 13:38 #1143903 Reply to:1143901

ปรับตัวได้ก็อยู่รอดครับ แรงงานเหลือเดี๋ยวก็เกิดงานใหม่อื่นๆ อีก ยุคที่เครื่องจักรเข้ามา คอมพิวเตอร์เข้ามา ก็แทนจำนวนคนมหาศาลนะครับ สุดท้ายก็ยังมีงานที่ต้องการคน แต่ต้องปรับสกิลใหม่ ถ้าจะแข่งแรงกับเครื่องจักร แข่งคำนวณกับคอมพิวเตอร์ ก็แข่งไม่ได้หรอกครับ


อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว

By: whitebigbird
Contributor
on 15 January 2020 - 19:41 #1144002 Reply to:1143903
whitebigbird's picture

ผมกำลังคิดว่า งานที่ใช้สมองน่าจะมีตำแหน่งงานน้อยลง งานบริการ งานบันเทิง งานศิลปะน่าจะยังคงเดิม

By: Hoo
AndroidWindows
on 15 January 2020 - 20:38 #1144014 Reply to:1143845

เท่าที่อ่านมา
อัตราส่วนจำนวนตำแหน่งงาน จะ"ลดมากกว่าเพิ่ม" อย่างแน่นอน ครับ

มันไม่เหมือนปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ผ่านๆมา ที่อัตราส่วนจำนวนตำแหน่งงาน จะมากขึ้นหรือคงที่ โดยเพิ่มการศึกษาคนเพื่อไปรับงานที่ซับซ้อนขึ้นอย่าง ใช้แรงงาน กลายเป็นพนักงาน office
เพราะ AI มันดันฉลาดจนกวาดงาน office ไป
เรียกว่าคนมีการศึกษาก็ไม่รอดในยุค AI
และสัดส่วนคนมี IQ พอจะอยู่ในระดับสร้าง AI ได้ก็น้อยมาก
แล้วคนสร้าง AI
ถ้าสร้างได้อย่างนึง นั่นหมายถึงคนเป็นแสน-ล้านตำแหน่งทั่วโลกจะตกงาน
แล้วคนสร้าง AI คนเดียวอาจสร้างได้หลาย AI ตลอดชีวิตการทำงาน

เว้นแต่มันขึ้นเป็น general AI ไปอีก
คราวนี้คนสร้าง AI ก็ไม่รอด เพราะ AI มันสร้างตัวเอง

By: maxmin on 15 January 2020 - 12:08 #1143878

ถ้าคนตกงานเพราะหุ่นยนต์เยอะๆประเทศจะไม่สงบ จะเกิดการประท้วงกันชิปหายวายวอด สุดท้ายรัฐบาลจำเป็นต้องออกมาตรการภาษีหุ่นยนต์มาเล่นงาน
เว้นแต่จะออกกฎหมายให้หุ่นยนต์เลือกตั้งได้ ถถถ

By: put4558350
ContributorAndroidUbuntuWindows
on 15 January 2020 - 18:05 #1143986 Reply to:1143878
put4558350's picture

ถึงเวลาเค้าก็ดูว่าที่ใหนเก็บภาษีหุ่นยนต์ต่ำที่สุด จากนั้นก็ย้ายโรงงานไปที่นั้นครับ

จะเก็บจากตัวสินค้า เค้าก็ผลักไปที่ราคาสินค้า

เล่นกับกลไกลการตลาด มันไม่ง่ายนะครับ


samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo

By: tfctaf
Windows PhoneUbuntuWindows
on 15 January 2020 - 18:15 #1143987 Reply to:1143986

น่าจะตามสกิลคนมากกว่าครับ เช่นบริษัท ญี่ปุ่นเยอรมัน เดี๋ยวนี้ถ้าจะเปิดโรงงานที่ใช้หุ่นยนต์เยอะ ก็เลือกกลับไปบ้านตัวเองแล้วเพราะหาบุคลากรได้

By: whitebigbird
Contributor
on 15 January 2020 - 11:59 #1143880
whitebigbird's picture

ผมคิดดูเล่นๆ ว่าถ้าเลิกใช้พลาสติกกันเยอะๆ แบบจริงๆ จังๆ ตำแหน่งงานในโรงงานพลาสติกก็น่าจะหายไปเยอะเหมือนกัน

By: loptar on 16 January 2020 - 12:58 #1144150 Reply to:1143880
loptar's picture

เกิดขึ้นจริงแล้วครับ

By: whitebigbird
Contributor
on 16 January 2020 - 21:05 #1144213 Reply to:1144150
whitebigbird's picture

มีบ.ที่เลย์ออฟคนงานด้วยสาเหตุนี้เหรอครับ?

By: A4
iPhoneAndroidRed HatSUSE
on 15 January 2020 - 12:36 #1143890
A4's picture

ปี 1998
พอคนหันมาใช้คอมพิวเตอร์ และใช้อินเตอร์เน็ต
จะไม่มีหนังสือและการกระดาษอีกต่อไป
ต้นไม้ก็จะไม่ถูกโค่น ป่าก็จะไม่ถูกทำลาย

ปี 2020 หนังสือคอมพิวเตอร์เต็มร้านไปหมด

By: nessuchan
iPhoneAndroidWindows
on 15 January 2020 - 14:08 #1143908 Reply to:1143890
nessuchan's picture

แต่คนก็ซื้อหนังสือลดลงจริง ดูจากร้านขายหนังสือหลายร้านทยอยปิดตัวลง

By: obnetarena
Windows PhoneWindows
on 15 January 2020 - 14:20 #1143916 Reply to:1143908

ใช่ครับ ร้านหนังสือที่เป็นร้านให้เดินเข้าไปดูหนังสือปิดไปเยอะ บางแห่งก็ยุบเหลือแค่เล็ก ๆ
แต่ร้านหนังสือที่สั่งซื้อ ออนไลน์เพิ่มขึ้นเยอะเลยนะครับ (ซึ่งพวกร้านหนังสือที่เคยขายหน้าร้านก็มาเปิดช่องทางนี้แทนกำไรไปอีก)

E-book ก็มีให้ซื้อเยอะมาก
หรือจะสั่งซื้อหนังสือแล้วไปรับหน้าร้านหรือให้ส่งไปรษณีย์มาก็มีเยอะเหมือนกัน

By: 7
Android
on 16 January 2020 - 03:38 #1144055 Reply to:1143890
7's picture

สมัยนี้หาร้านหนังสือยากมาก เอาง่ายๆแผงหนังสือที่เคยเห็นสมัยเด็ก ไม่เหลือแล้ว อนาคตหนังสือกระดาษจะเหลือน้อยมากจริงๆ ไม่ใช่ของทั่วไปแบบแต่ก่อนแล้ว

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 15 January 2020 - 13:57 #1143905

อาจเป็นแค่บางตำแหน่ง

แต่เรื่องประกอบรถ ก็ต้องใช้แรงงานมีskill เป็นพื้นฐานอยู่ดี ใช่ว่าจะใช้หุ่นยนต์ทดแทนได้หมด

เห็นรถ EV ชื่ออังกฤษผลิตจีน ขายในไทยยี่ห้อนึง มีคันนึงออกจากศูนย์แล้วสปริงหัก....ยังไม่นับdefect จุกจิกอีกเพียบ

บางทีเรื่องการประกอบก็ต้องอาศัยความชำนาญในงานเหมือนกัน แม้จะเป็น ev ที่ชิ้นส่วนน้อยลงก็เถอะ

By: bodinmon
AndroidWindows
on 15 January 2020 - 15:58 #1143957 Reply to:1143905
bodinmon's picture

ได้อ่านกระทู้นั้นเหมือนกัน สงสาร จขกท. น่าดูเลย