วงการขายเกมแบบดิจิทัลปั่นป่วนอีกครั้ง เมื่อศาลฝรั่งเศสตัดสินให้ผู้ใช้ Steam มีสิทธิ์ที่จะขายต่อเกมของตัวเองได้ จากการโดนฟ้องร้องโดยกลุ่มปกป้องสิทธิ์ผู้บริโภคของฝรั่งเศส UFC-Que Choisir ในปี 2015

ผู้ฟ้องร้องกลุ่มนี้ได้ยื่นฟ้องศาลชั้นต้นแห่งกรุงปารีสว่าด้วยเงื่อนไขการใช้งานระบบ Subscriber ของ Steam ขัดต่อกฎหมายสหภาพยุโรปโดย UFC-Que Choisir แสดงข้อกังวลหลักว่าเกมในรูปแบบดิจิทัลนั้นควรจะเหมือนกับเกมในรูปแบบฟิสิคอลคือมีสิทธิ์ที่จะขายต่อได้

ในที่สุดศาลก็เห็นด้วยกับกลุ่มผู้ฟ้องร้องนี้ โดยอ้างถึงคำพิพากษาของศาลยุโรปในปี 2012 ที่ว่าการซื้อขายของสิ่งของที่เป็นดิจิทัลนั้นเป็นสิทธิ์ของเจ้าของ ศาลจึงตัดสินให้ Valve ห้ามต่อต้านการขายต่อเกมของผู้ใช้ แม้ว่าผู้ใช้จะทำการดาวน์โหลดไปตั้งแต่แรกแล้วก็ตาม

ซึ่ง Valve เองพยายามจะตีกรอบของการขายเกมของตัวเอง ว่าเป็นรูปแบบของการ subscription ต่อเกมนั้นๆ แต่ศาลมองว่าในความเป็นจริง มันเป็นการซื้อ licenses เพื่อเล่นจึงทำให้เข้าเงื่อนไขของกฎหมายสหภาพยุโรป

นอกจากเรื่องนี้แล้วทางศาลก็ได้สนับสนุนเรื่องที่ UFC-Que Choisir ได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาอีก 14 ข้อในเงื่อนไขการใช้งานระบบ Subscriber ของ Steam ที่ไม่ควรถูกบังคับใช้ อาทิ Valve ไม่สามารถเก็บ Wallet ของผู้ใช้เมื่อผู้ใช้เลิกใช้งาน Steam แล้วและผู้ใช้ควรที่จะนำเงินออกมาได้ และผู้พิพากษายังกล่าวเพิ่มเติมว่า Valve ควรที่จะรับผิดชอบหากซอร์ฟแวร์ที่ใช้งานในแพลทฟอร์มก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ แม้จะเป็นเวอร์ชั่นเบต้าก็ตาม

ถ้าภายใน 3 เดือน Valve ปฎิเสธที่จะทำตามคำตัดสินของศาลฝรั่งเศส Valve ต้องจ่ายค่าปรับเป็นจำนวน 3,000 ยูโรต่อวันเป็นระยะเวลามากที่สุด 6 เดือน

ผลจากความสำเร็จครั้งนี้กลุ่ม UFC-Que Choisir ได้ออกมาบอกว่ามีแผนที่จะมองไปถึงแพลทฟอร์มและสินค้าอื่นๆ อย่างไรก็ดี เคสนี้ยังไม่สิ้นสุด Valve ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ ซึ่ง Doug Lombardi ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของ Valve ได้ออกมาพูดผ่าน PC Gamer ว่าเค้าผิดหวังต่อคำตัดสินของศาลชั้นต้นแห่งกรุงปารีสและจะยื่นอุทธรณ์ และคำตัดสินนี้ยังไม่ส่งผลกระทบอะไรกับ Steam ในขณะที่เรื่องยังอยู่ในชั้นอุทธรณ์

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Valve มีปัญหากับศาลว่าด้วยเรื่องการปฎิบัติต่อผู้บริโภค ในปี 2016 Valve ก็เคยถูกปรับ 3 ล้าน AUD เหตุบิดเบือนข้อมูลสิทธิผู้บริโภคของเกมเมอร์ออสเตรเลีย เช่นกัน

ที่มา - EUROGAMER, PC Gamer