Tags:
Node Thumbnail

ถ้ายังจำกันได้ เดิมทีนั้น Microsoft Azure เคยมีชื่อเรียกว่า Windows Azure และเป็นบริการคลาวด์ที่เน้นระบบปฏิบัติการ Windows Server เป็นหลัก แล้วค่อยๆ เปิดกว้างมากขึ้น รองรับ VM ลินุกซ์ครั้งแรกในปี 2012 และเลิกใช้คำว่า Windows Azure ในปี 2014

สัดส่วนการใช้งานลินุกซ์บน Azure เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และล่าสุดคือแซงหน้า Windows ไปเรียบร้อยแล้ว เท่ากับว่า Azure กลายเป็นบริการคลาวด์ที่ลูกค้าหลักเป็นลินุกซ์แทน

ข้อมูลนี้มาจาก ใบสมัครของไมโครซอฟท์เข้าร่วมอีเมล Linux Security เมื่อเดือนที่แล้ว โดย Sasha Levin นักพัฒนาเคอร์เนลลินุกซ์ของไมโครซอฟท์ เปิดเผยในอีเมลสมัครเข้ากลุ่มว่า อัตราการใช้งานลินุกซ์บน Azure แซงหน้า Windows ไปแล้ว (the Linux usage on our cloud has surpassed Windows)

นอกจากการใช้ลินุกซ์บน Azure ซึ่งเป็นการตัดสินใจเลือกของผู้ใช้งาน ไมโครซอฟท์ยังมีดิสโทรลินุกซ์ของตัวเองถึง 3 ตัวคือ Azure Sphere ลินุกซ์สำหรับ IoT, WSL2 ที่ใช้เคอร์เนลลินุกซ์ตัวเต็มรันบน Windows และ Azure HDInsight / Azure Kubernetes Service บนคลาวด์

ที่มา - OpenWall, ZDNet

Get latest news from Blognone

Comments

By: Sephanov
iPhoneUbuntu
on 24 July 2019 - 10:17 #1121237
Sephanov's picture

ถ้าใช้ของ windows มันก็ต้องบวกเพิ่มไปอีกหลายบาท เลือกถูกๆ เลือกแบบฟรี ก็ต้องเลือกลินุกซ์อยู่แล้ว ไม่แปลกที่สัดส่วนจะแซงหน้า

By: mk
FounderAndroid
on 24 July 2019 - 10:40 #1121242 Reply to:1121237
mk's picture

RHEL นี่ก็ไม่ถูกนะครับ

By: put4558350
ContributorAndroidUbuntuWindows
on 24 July 2019 - 10:53 #1121248 Reply to:1121242
put4558350's picture
  1. ถูกกว่า windows
  2. Linux ที่เป็นของฟรีก็มี

samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo

By: TeamKiller
ContributoriPhone
on 24 July 2019 - 11:49 #1121254
TeamKiller's picture

ลดราคาวินโดส์ให้เท่าๆ Linux ซิ

พี่ขายตรงเองเลยน่าจะมีราคาพิเศษหน่อย

By: Ford AntiTrust
ContributorAndroidBlackberryUbuntu
on 24 July 2019 - 13:05 #1121266 Reply to:1121254
Ford AntiTrust's picture

จากที่ใช้มา ราคา license ตัว Windos Server บน Azure จะราคาถูกกว่าใช้บน AWS นะครับ

แต่ถ้าเทียบกับ Linux บาง Distro ก็แน่นอนว่ามันแพงกว่า เพราะบาง Distro มันฟรี แต่ฟรีคือดูแลตัวเอง รับความเสี่ยงเอง (patch บางตัวออกหลังจากฝั่ง distro เสียเงินสนับสนุนออกประมาณ 1-2 วัน หรือขอ hot fix ได้ด้วยหากเราเจอ bug ที่ยังไม่ official fix) แต่ถ้าต้องการการสนับสนุนจากผู้ผลิต เพื่อเอาไปรองรับลูกค้าที่ต้องการ เช่น ลูกค้าองค์กร Distro อย่าง Red Hat หรือ SUSE ก็จะได้ราคาก็จะพอๆ กันกับ Windows Server หรือบาง plan ของการสนับสนุน ของ Linux จะราคาแพงกว่า (แน่นอนว่าถ้ามองภาพรวมของของราคา โดยการแยกการสนับสนุนระหว่าง dev กับ production แล้ว ก็อาจจะถูกกว่าอยู่ดี แต่ถ้าเทียบ production)

By: TheOne
iPhoneWindows Phone
on 24 July 2019 - 12:29 #1121262
TheOne's picture

ไมโครซอฟท์สยายปีก ตอกย้ำนโยบายเปิดกว้างนั้นมาถูกทาง