ในงานสัมมนา RISE ที่ฮ่องกงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา South China Morning Post และ Abacus เว็บในเครือ ได้ออกรายงานความเคลื่อนไหววงการอินเทอร์เน็ตของจีนในช่วงปีที่ผ่านมา China Internet Report 2019 ซึ่งเป็นปีที่สองที่มีการออกรายงานนี้ จากที่ทุกปีเราจะเห็นรายงาน Internet Report แต่เน้นเรื่องราวอเมริกา และเสริมภาพรวมทั่วโลกมากกว่า
ภาพรวมของรายงานในปีนี้ ชี้ให้เห็นว่าวงการอินเทอร์เน็ตจีน ได้หลุดจากการลอกเลียนแบบที่มีแต่แอปตะวันตกเวอร์ชันจีน มาเป็นการสร้างเทรนด์และทำให้แอปฝั่งตะวันตกเลียนแบบตามบ้าง อาทิ ซูเปอร์แอป ที่มีทุกบริการอัดรวมในแอปเดียว หรือแอปเล่นวิดีโอขนาดสั้นที่เริ่มจากจีน แล้วสามารถสร้างกระแสในอเมริกาได้ นอกจากนี้ AI ที่มีการใช้แพร่หลายในจีน ก็ทำให้นวัตกรรม AI จีน เป็นที่สนใจในระดับโลก
ไฮไลท์น่าสนใจบางส่วนจากรายงานมีดังนี้
รายงานหน้าแรกเปรียบเทียบขนาดประชากรอินเทอร์เน็ตของจีน เทียบกับฝั่งอเมริกา ซึ่งแม้อัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจีนจะอยู่ที่ 60% แต่ด้วยฐานประชากร ก็ทำให้ประชากรอินเทอร์เน็ตจีนมีถึง 829 ล้านคน เทียบกับอเมริกา 293 ล้านคน ก็ใหญ่กว่ากันเกือบ 3 เท่า และถ้าดูเฉพาะการใช้มือถือจ่ายเงินหรือ Mobile Payment ตัวเลข 583 ล้านคน เทียบกับ 62 ล้านคน ของอเมริกา ก็ยิ่งเห็นความแตกต่าง
สไลด์นี้เทียบให้เห็นว่า ในทุกบริการบนอินเทอร์เน็ต จะมีผู้เล่นฝั่งจีนกับฝั่งอเมริกา คู่ขนานกันทุกอย่าง
10 อันดับบริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ของจีน เป็นดังนี้ ที่น่าสนใจคือคำเรียกสามยักษ์ใหญ่ BAT ที่หมายถึง Baidu-Alibaba-Tencent อาจต้องเปลี่ยนไปก็เป็นได้
มีคำเรียก 3 บริษัทอินเทอร์เน็ตจีนหน้าใหม่ที่มาแรงว่า TMD (Toutiao แอปอ่านข่าวของ ByteDance เจ้าของเดียวกับ TikTok, Meituan-Dianping แอป O2O และ Didi แอปเรียกรถแท็กซี่) สไลด์นี้เทียบให้เห็นว่า BAT และ TMD ตอนนี้ยึดบริการใดไว้บ้าง
รายงานสรุป 4 แนวโน้มใหญ่ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2018 และยังคงเป็นอยู่เช่นนั้นในปีนี้
เมื่อมีเทรนด์ปีที่แล้ว ก็มี 4 เทรนด์ใหม่ที่น่าสนใจในปี 2019 ดังนี้
อย่างแรกคือการเป็นซูเปอร์แอป (Super App) ที่ใส่บริการทั้งหมดอัดเข้ามาในแอปเดียว ซึ่งแอปจีนนิยมทำกัน ไม่ว่าจะเป็น WeChat, Alipay หรือ Meituen ซึ่งตอนนี้ได้เห็นวิธีการเหมือนกันในแอปอย่าง Facebook, LINE หรือ Go-Jek
การทำโซเชียลบวกกับอีคอมเมิร์ว เช่นการ Live ในแอปขายของ หรือการรวมกลุ่มกันซื้อสินค้า
แอปวิดีโอวนลูปขนาดสั้นอย่าง TikTok ประสบความสำเร็จ จนหลายแอปก็ใส่ฟีเจอร์นี้เข้ามาเหมือนกัน
ปัจจุบันจีนมีการทดสอบ 5G แล้วในหลายเมือง ผ่านผู้ให้บริการหลัก 3 ค่าย ครอบคลุมประชากรราว 167 ล้านคน อีกทั้งบริษัทจีนก็ถือครองสิทธิบัตร 5G มากที่สุดในโลกตอนนี้ สไลด์นี้ทำให้เห็นว่าจีนมีความพร้อมในการเปิดบริการ 5G เต็มรูปแบบมากกว่าที่อื่น
จีนมีการใช้ AI ในวงกว้างกับหลากหลายวงการ อาทิ ระบบรู้จำใบหน้า ที่นำมาใช้ในการจ่ายเงิน ในการเช็กอินโรงแรม หรือนำมาใช้กับแอปอ่านข่าวเพื่อคัดสรรข่าว นำมาใช้กับการลองเสื้อแบบ virtual
นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังนำ AI มาใช้ในการควบคุมความเรียบร้อย ซึ่งมีทั้งการใช้ระบบตรวจสอบบุคคล จนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายหนีคดี หรือตรวจจับคนทำผิดกฎจราจร
จีนเริ่มใช้ระบบเครดิตทางสังคมกับประชากรตั้งแต่ปี 2014 มีแผนจะใช้กับประชากรทั้งประเทศในปี 2020 จากนี้ระบบให้คะแนนเครดิตจะมีผลมากยิ่งขึ้นในทุกด้าน
รายงานฉบับนี้ยาว 110 สไลด์ เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการลงรายละเอียดบริการทางอินเทอร์เน็ตทีละกลุ่มธุรกิจ หากอยากเข้าใจอินเทอร์เน็ตจีนมากยิ่งขึ้นก็ไปดาวน์โหลดมาอ่านได้ จากลิงก์นี้
ที่มา: South China Morning Post
Comments
จีนเป็นผู้นำเรื่องแอพวิดีโอวนลูปขนาดสั้น #vineร้องไห้ทำไม ....
แอปผู้นำที่ว่านี่ คุ้นๆมันเคยมีแอปอื่นทำมาก่อน แค่ไม่ดังเท่า
หุย บอกงี้ระวังจะมีคนรับไม่ได้น้อ
ผมเดาว่าที่จะรับไม่ได้คือข้อ 4 Social Credit แน่นอน (เรื่อง 5G ว่าเรื่องใหญ่แต่เรื่องนี้ใหญ่กว่า) แต่ผมจะไม่เสนอความเห็นอะไรทั้งนั้น รออ่านความคิดเห็นในนี้ดีกว่า
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
พอเห็นที่มาของบทฟาม ก็ร้องอ๋อเลย
ขอบคุณที่นำเสนอข้อมูลน่าสนใจมาให้อ่านครับ