วันนี้เป็นวันแรกที่รัฐบาลใหม่รับตำแหน่งเต็มตัว เรื่องหงุดหงิดใจอย่างหนึ่งที่ผมเห็นสำนักข่าวจำนวนมากชอบทำคือการนำเสนอผล "โพล" ให้คะแนนรัฐบาลในด้านต่างๆ ว่าจะให้กี่คะแนน แล้วสำนักข่าวก็เสนอตัวเลข "เฉลี่ย" ว่าด้านไหนผ่านไม่ผ่านโดยไม่สามารถบอกได้ว่าผ่านหรือไม่อย่างไร
วันนี้ผมชวนผู้อ่าน Blognone ช่วยกันตั้ง เกณฑ์สำหรับการสอบผ่านในด้านไอซีทีของรัฐบาลใหม่ โดยหลังจากสิ้นสุดรัฐบาลชุดนี้เราจะได้กลับมาดูกันอีกครั้งว่า "ผ่าน" หรือไม่
กติกาการตั้งเกณฑ์
- เป็นเกณฑ์ของรัฐบาลนี้ อาจจะกำหนดช่วงเวลาสี่ปีหรือต่ำกว่านั้นได้ เช่น ปีแรกต้อง.... แต่ทั้งนี้ไม่เกินสี่ปีตามวาระรัฐบาล
- อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง แบบอยากได้อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ใหญ่กว่าอินเดีย หรือพัฒนาชิปก้าวหน้ากว่าอินเทลอย่างนั้นไม่เอา
- เป็นนโยบายไอซีทีเท่านั้นแต่ไม่จำกัดว่าต้องเป็นกระทรวงไอซีที เช่นนโยบายแท็บเล็ตซึ่งอาจจะเป็นของกระทรวงศึกษาธิการก็สามารถตั้งเกณฑ์ได้ หรือระบบติดต่อราชการของมหาดไทย ตลอดจนระบบทางการทหารของกลาโหม แต่ไม่เอาเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ หรือ ประกันราคาพืชผล ซึ่งน่าจะหาเวทีถกเถียงที่ดีกว่า Blognone ได้
- ไม่จำเป็นต้องเป็นนโยบายที่รัฐบาลเสนอมา หรือกระทั้งหากไม่เห็นด้วยกับนโยบายส่วนใดของรัฐบาลก็สามารถตั้งเกณฑ์ว่า "ไม่ทำ" จึงจะผ่านได้
- เกณฑ์นี้เป็นเกณฑ์สำหรับ "สอบผ่าน" เท่านั้น ขอให้แยกเกณฑ์ที่ "ได้ก็ดี" หรือ "จะดีมากถ้า..." ออกไว้ต่างหาก
- ถ้ามีคนเสนออันไหนไว้แล้ว ต้องการสนับสนุนขอให้ระบุให้ชัดว่าสนับสนุนข้อใด
- เกณฑ์นี้สำหรับ "รัฐบาล" เท่านั้น ไม่รวมถึงองค์กรอิสระ เช่น กสทช. ที่ทำหน้าที่ประมูล 3G และความถี่อื่นๆ ยกเว้นส่วนการให้ความร่วมมือเช่น "ออกคำสั่งห้ามหน่วยงานในกำกับของรัฐบาลขัดขวางกสทช. ไม่ให้ประมูล..." เช่นนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐบาล
Comments
คุณ lew เล่นเขียนซะเกือบครอบคลุมหมดเลยครับ
สำหรับผม ผมขอพูดในมุมกว้างๆ ละกัน คือ ICT ควรจะทำอะไรที่ควรทำ , ต้องทำอะไรที่ต้องทำ , อย่าทำอะไรที่ไม่ควรทำ และแสดงให้เห็นว่ารู้จักใช้อำนาจที่มือในมือ ซึ่งคุณ lew พูดไปแล้วด้านบน
"ออกคำสั่งห้ามหน่วยงานในกำกับของรัฐบาลขัดขวางกสทช. ไม่ให้ประมูล..." ไม่ควรจะทำแบบประชาธิปัตย์ที่โยนให้ฝั่งโน้นที ฝั่งนี้ที พูดอีกอย่างคือ อย่าแกล้งโง่ อย่าเข้าเกียร์ว่าง อย่าทำไขสือ อย่ามึน อย่าให้มันตะกละตะกรามจนน่ารังเกียจถึงขั้นประชาชนไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ เลยยกเว้นพวกพ้อง
ซึ่งการกระทำแบบที่ประชาธิปัตย์ทำกับการประมูล 3G นั้นผมเห็นว่าตาสีตาสาที่ไหนก็ทำได้ โยนไป โยนมา ดึงเกมส์ดีนัก เป็นไงล่ะ
เพิ่มเติม #1 บังคับใช้กฏหมายทางด้าน ICT แบบมาตรฐานเดียว ไม่หย่อนยาน และขอให้บังคับใช้เรื่อยๆ อย่าทำแบบผักชีโรยหน้า ทำช่วงนึง แล้วก็เว้นยาวววววว
เรื่องโยนนี่ผมไม่รู้นะ ผมหวังว่ารัฐบาลจะไม่ยึดเอาหน้าที่ของหน่วยงานอื่นมาทำ (เช่น การแย่งเอาโครงการรถไฟฟ้าจากกรุงเทพมหานครมาทำเอง อย่างที่เคยทำ) ไม่งั้นจะมีหลายหน่วยงานทำไม ก็ยุบ ๆ ไปซิ
หน้าที่ของตัวเองต้องทำให้ดีก่อน ก่อนจะไปเอาหน้าที่คนอื่นมาทำ
เริ่มจากผมก่อน
ปีแรก
ภายใน 2-3 ปี
ภายในสี่ปี
lewcpe.com, @wasonliw
เป็นนโยบายที่ผมอยากรัฐบาลทำมานานแล้ว ผมให้เวลา 4 ปีเท่าคุณลิ่วแหละครับ (เพราะรู้ว่าคงต้องเตรียมความพร้อมบุคคลากรพอสมควร) แต่ก็อยากเห็นเป็นแผนแม่บทแบบจริงๆ จังๆ เอาเงินภาษีไปซื้อ smart card มาใช้ทั้งที ต้องใช้ให้คุ้ม
อีกหนึ่งเรื่องที่อยากเห็นเช่นกัน กม.ไทยหลายฉบับเหมือนไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรักษาความมีระเบียบของบ้านเมือง แต่ออกแบบมาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง และผมอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในจุดนี้ (รวมถึงระบบกฎหมายอื่นๆ ด้วย)
โยกเงินสัมปทานออกจากรัฐวิสาหกิจ ปรับเปลี่ยนกฏเกณฑ์ให้รัฐวิสาหกิจด้าน ICT เช่น กสท. และ ทศท. มีความคล่องตัว มีความสามารถในการทำกำไรด้วยตัวเอง พร้อมจะแข่งขันกับเอกชน
ถุงเงินถุงทอง ใครจะยอมโยนทิ้ง
3 ข้อสุดท้ายเป็นไปไม่ได้เลย อู่ข้าวอู่น้ำโดยแท้
รอดูวิธีป้องกันการสวม และดำเนินการได้เมื่อระบบไอทีมีปัญหา(แบบหน่วยงานภาครัฐ)หยุดชะงักก็ไม่ต้องรอเป็นวัน
UniNet ควรไปถึงระดับโรงเรียน
Internet โรงเรียน ไม่ควรต่ำกว่า จำนวนคน x 0.5 Mbps
เอ้อ....... คิดว่าน่าจะหมายถึง จำนวนคน active มากกว่านักเรียนและอาจารย์ทั้งหมดรวมกันมั้งครับ
เช่นมีห้องคอมหนึ่งห้องมี 50 ที่นั่ง ควรจะมีสักประมาณ 15 Mbps
คือถ้ามีห้องคอม 5 ห้อง 200 เครื่อง
Internet ควรเร็ว 100 Mbps ครับ
คิดตามจริง ผมว่ามันมากไปนะ ถ้าให้ขนาดนี้เหมือนใช้ห้องคอมไว้โหลดบิทกันเลย
คอม 200 เครื่อง โอกาสเปิดใช้งานพร้อมกันทั้งหมด ผมว่าคงน้อย
แล้ววัตถุประสงค์หลักของห้องคอมฯ คงไม่ได้ให้มานั่งเล่นเน็ตกันอย่างเดียวหรอกครับ
เสริมด้วยการบริหารจัดการที่ดี เช่น proxy หรือ เทคโนโลยีเสริมอื่นๆ ผมว่า 100 Mbps เกินความจำเป็นไปมาก
มันต้องใช้งานพร้อมกันบ่อยอยู่แล้วครับ
ไม่งั้นจะเปลืองค่าคอมมากว่าค่าเน็ต 100Mbps ไม่เกินไปนะ
เน็ตเร็ว นักเรียนก็สร้างสรรค์ผลงานดีๆ ออกมาได้เยอะ
อย่างน้อยที่สุดก็เข้าถึง Streaming media ได้เยอะขึ้น
ส่วนเรื่อง bit อะไรพวกนี้ เล่นเว็บคงไม่ต้องพูดละมั้งครับ
ในสถานศึกษาต้องหาวิธีจัดการหรือ block อยู่แล้ว
ทำไมคิดว่า Streaming media จำเป็นสำหรับการเรียนระดับมัธยมล่ะครับ ไม่ใช่มหาลัยนะจะได้มีเด็กจำนวนมหาศาลแห่กันไปเล่นเนตห้องคอมตอนพักเที่ยง
เพราะนโยบายแจกแท็บเล็ทไงครับ
พูดก็พูดคือ มันถึงยุคแล้ว ที่เด็กตั้งแต่มัธยม จะไปขุดหาข้อมูลผ่านทางระบบ Online ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตามแต่
Tablet ไม่ได้ตอบคำถามว่า ทำไม Streaming media จำเป็นสำหรับการเรียนระดับมัธยมครับ
ขุดหาข้อมูลผ่านทางระบบ Online แล้วทำไมต้องเป็น Streaming media ครับ
ข้อมูลในปัจจุบันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆครับ
ผมต้องถามมากกว่าว่า แล้วทำไมมันถึงต้องไม่ใช่ Streaming Media?
ส่วนใหญ่สื่อการสอน น่าจะมีลักษณะเป็นวิดีโอ หรือ Live แล้วทำไมมันถึงไม่ใช่ Streaming?
การสื่อสารสองทาง VOIP ต้องใช้ Streaming รึเปล่า?
ส่วนใหญ่สื่อการสอน... เป็นกระดาษ เป็นหนังสือ เป็น... ebook ไม่ใช่ video
VOIP ใช้ Streaming แล้ว VOIP จำเป็นสำหรับการเรียนมัธยม?
"ส่วนใหญ่สื่อการสอน... เป็นกระดาษ เป็นหนังสือ เป็น... ebook ไม่ใช่ video" <<< คุณรู้มาจากไหน?
ปกติผมเห็นคนเรียนทางไกล เรียนนอกเวลา ใช้การดูวิดีโอที่อัดการสอนในห้อง เปิดฟัง
ชีวิตนี้ไม่เคยเห็นโฆษณา เรียนกับครูตู้?
แล้วมันควรจะมีการพัฒนารึเปล่า? สมัยนี้มีคนทำ 3D อธิบายคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ Infographic เยอะแยะเต็มไปหมด ก็ยังจะให้โหลดแต่ EBook ?
คิดบ้างรึเปล่าครับ หรือสักแต่จะเถียงให้ได้
คิดบ้างรึเปล่าครับ หรือสักแต่จะเถียงให้ได้ <-- ที่ก๊อปมานี่ไม่ได้จะล้อเลียน ด่าจริงจังครับ
อย่างน้อยบทความส่วนมากที่รัฐบาลก่อนเสียค่าโง่แปลไปหลายร้อย หลายพัน หลายล้านบทความก็ยังคงเป็นแค่ Text และรูปธรรมดา ที่ไม่ใช่ Streaming ครับ
ที่ผมจะเสริมความชัดเจนคือ การเรียนที่เป็น Streaming ส่วนมากนั้นจะเป็นคอร์สใหญ่ๆ เลย พูดง่ายๆ คือเหมือนมีครูมาสอนให้เราฟังอีกรอบนึง ซึ่งถ้าเป็นในห้องเรียนก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ Streaming เพราะว่ามีคุณครูประจำวิชานั้นๆ สอนอยู่แล้วครับ อันนี้ไม่ต้องพูดถึงว่าเด็กกลับมาดูที่บ้านนะครับ เพราะกรณีนี้พูดถึงอินเตอร์เน็ตโรงเรียน และผมเชื่อว่าเด็กส่วนน้อยคงไม่อยากเรียนซ้ำหลายๆ รอบ ยกเว้นว่าจะไปเรียนพิเศษครับ
ครูตู้เรียนผ่านดาวเทียมครับ และใช้ตู้เดียวในการเรียน 1 ห้องครับ ฉะนั้นแยกเรื่อง Tablet ออกจากประเด็นนี้ไปได้เลย
ส่วนวิชาและบลาๆ ที่คุณกล่าวถึงผมว่าถ้ามี Tablet ก็ไม่จำเป็นต้อง streaming ครับ content มันลงไปที่ tablet เลยโดยตรง เพราะคอร์สสื่อการสอนที่คุณกล่าวมันไม่จำเป็นต้อง streaming ครับ
ถ้ามีใครออกแบว่านักเรียนในห้องใช้ Tablet เพื่อ streaming สื่อการสอนแบบนี้ ผมว่าคนออกแบบระบบควรไปหาความรู้ใส่ตัวเพิ่มเติม เพราะว่าเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างไร้ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลอย่างร้ายแรงครับ (ทั้งทางด้านเซิร์ฟเวอร์ และไคลเอนต์)
แต่ถ้าบอกว่า "ก็ใช้ดาวน์โหลดสื่อการสอนน่ะแหละ" ผมก็จะบอกว่า "ใช้ LAN หรือ WiFi ที่เป็น Intranet ก็พอครับ"
ผมจำได้ว่าผมเถียงกับคุณ Thaina หลายๆ ครั้งเพราะไม่เข้าใจที่คุณพูด แต่งวดนี้ผมคิดว่าเหตุการณ์มันต่างกันครับ
เท่าที่ผมเห็น ก่อนที่จะมีไอ้เรื่องที่เสียค่าโง่แปล Text เราก็มีการอัดเทป CD DVD การเรียนการสอนวิชาต่างๆอยู่แล้วครับ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่แค่เรื่องเด็กจะเอามาทวนซ้ำ แต่อยู่ที่เวลาที่ไม่มีครูสอนวิชานั้นๆ พื้นที่ขาดแคลนครู หรือแม้แต่การเรียนอยู่กับบ้าน ตรงนี้การส่งข้อมูลความเร็วสูงเป็นเรื่องสำคัญหรือไม่
และเด็กที่เรียนกับทีวีดาวเทียม ก็แปลว่าแถวนั้นไม่มีครูอยู่ใช่มั้ยครับ จากที่มีแต่การใช้ดาวเทียมส่งการสอนทางเดียว ควรจะการเพิ่มการสื่อสารสองทางขึ้นมารึเปล่า เผื่อว่าเด็กจะต้องการถาม ปรึกษา หรือว่าทีวีดาวเทียมสามารถโต้ตอบได้อยู่แล้ว?
ผมแค่ไม่รู้จะเรียกอะไรเลยเรียก VOIP
การส่งข้อมูลแบบเก่า ที่กระจายผ่านดาวเทียม กับส่งผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต มันต่างกันแค่ไหน ถ้าหากเปลี่ยนครูตู้จากที่ใช้ดาวเทียมมาใช้เครือข่าย Internet
จริงๆแล้วผมคิด(ไปเอง)ว่าดาวเทียมดวงต่อๆไป ไม่น่าจะมีแบบที่ส่งสัญญาณอนาล็อกแบบเก่าแล้ว น่าจะเป็นดาวเทียมที่เน้นส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตแบบเดียว และข้อมูลทั้งหมดก็จะเป็นข้อมูลดิจิตอล (เห็นหลายประเทศตอนนี้มีแต่โทรทัศน์ระบบดิจิตอลแล้ว ไม่มีโทรทัศน์สัญญาณอนาล็อก) ถามว่าแบบนี้คือการ Streaming รึเปล่า
และประเด็นแรกสุดไม่ได้อยู่ที่แค่เรื่อง Streaming หรือไม่ แต่เป็นเรื่องเน็ตควรจะเร็วส์หรือไม่ จะ LAN หรือ WiFi หรือ Streaming ขนาดไฟล์เท่ากัน มันก็ต้องการความเร็วเน็ตเหมือนๆกันรึเปล่า? (นี่ผมเข้าใจผิดรึเปล่าว่า Streaming มันก็ส่งข้อมูลทาง Intranet LAN หรือ WiFi อยู่ดีนั่นแหละ)
แล้วแท็บเล็ทมาเกี่ยวยังไง
ก็ ในเมื่อเรามีอุปกรณ์แล้ว โอกาสที่จะมีการเรียกดูข้อมูลโดยอิสระก็มีมากขึ้น เด็กนักเรียนก็จะเปิดดูนั่นดูนี่มากขึ้น การเรียกดูข้อมูลแยกกัน ค้นหารูปภาพ วิดีโอ แต่ละคนก็หาอะไรไป
สมมุติว่ามีวิดีโอที่เกี่ยวกับความรู้กองกันอยู่ในกระทรวง หรืออาจจะเป็น PDF นักเรียนทั่วประเทศโหลดโน่นโหลดนี่กัน มันควรจะโหลดมาเก็บเป็นกองๆ หรือควรจะ Streaming แยกกันทีละส่วนล่ะ?
จะว่าไปผมถามหน่อย คุณเรียกการที่เปิด PDF แล้วมันค่อยๆโหลดมาทีละหน้า เฉพาะหน้าที่กำลังเปิด ว่าการ Streaming รึเปล่า?
พูดถึงเรื่องการออกแบบระบบ Streaming มันก็เป็นวิธีการลดงานได้ เพราะเรียกดูเฉพาะข้อมูลบางส่วน โหลดเท่าที่จำเป็น หยุดเมื่อปิดไม่จำเป็นต้องโหลดหมด
ถ้า Streaming เป็นการออกแบบระบบที่กาก ผมว่ายูทุบคงไม่เกิดหรอกมั้ง?
ตอบสั้นๆ ครับ
เอาประเด็นครูตู้ก่อน ผมก็ไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไรเหมือนกัน ผมเห็นด้วยว่าควรมีระดับสื่อสาร 2 ทางครับ ตอนนี้ยังไม่มั่นใจว่าปัจจุบันใช้วิธีใดอยู่ และไม่มีข้อมูลในมือ ฉะนั้นอินเตอร์เน็ตน่าจะเป็นคำตอบของตอนนี้
อีกประเด็น
ถ้า content ที่คุณว่าทั้งหมดอยู่ใน intranet .... internet ก็ไม่สำคัญครับ (สำหรับ content) ครับ
ที่จะบอกเพิ่มเติมคือผมเห็นด้วยนะ ว่าโรงเรียนควรมีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง แต่คงไม่ได้มีไว้ใช้กับเหตุผลแบบที่คุณ Thaina ว่ามา และที่ไม่เห็นด้วยกับคุณ untilate คือมันไม่ควรที่จะต้องเร็วถึง 100 Mb/s ครับ
เอ้า!! เห็นว่า edit เพิ่มอีก ไม่ตอบของส่วนที่เพิ่มละ orz
เรื่อง Intranet/Internet... ผมเคยพูดถึงเรื่องนี้นะ เรื่องของการแจก Tablet เพื่อใช้แทนห้องสมุด
จุดประเด็นอีกหน่อยว่า ในขณะที่ 3G 4G จะกลายเป็น Infrastructure ซึ่งรัฐและเอกชนรายใหญ่จะลงทุนและคอยดูแลให้ใช้งานได้ในทุกพื้นที่ Cost ของ Network จะลดต่ำลง เราควรจะต้องให้โรงเรียนแต่ละโรงเรียน มี Server เก็บข้อมูล ที่ต้องคอยซ่อมบำรุงและดูแลรักษากันเอง รึเปล่า?
ผมคิดว่าทิศทางของโลก IT จะไปทาง Cloud Network มากขึ้น และหน่วยเก็บข้อมูล Local จะมี Cost มากกว่าเมื่อเทียบกับการใช้ Network คอยเรียกข้อมูล
ย้อนกลับไปข้างบนที่ผมถามนะครับ การใช้ระบบ Streaming จะเป็นระบบที่มีความยืดหยุ่นและเหมาะสมมากกว่ารึเปล่า ถ้าหากว่ามีการดึงข้อมูลที่กระจัดกระจายและไม่แน่นอนมากขึ้น
Local Server แบบไม่ต้องดูแลรักษาเองก็ได้ครับ ใ้ช้การบริหารจัดการจากศูนย์กลางเอา ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินก็แค่วิ่งเข้ามาเปลี่ยน Hardware
ป.ล. พอคุณ Thaina พูดถึง cloud มาผมนึกออกเลย ที่อยากให้ ICT ทำคือให้หน่วยงานรัฐมีระบบ cloud ของตัวเอง
ขอเสริมคุณ PaPaSex อีกนิด
ตรงประเด็นเลยครับ 100 Mbps มันเยอะเกินไป
สมมุติว่าจะสตรีมมิ่งวีดีโอกันจริงๆก็เถอะ มันมีวิธีบริหารจัดการแบนด์วิธอีกหลายวิธี ที่ไม่จำเป็นต้องเผื่อแบนด์วิธไว้ให้มากขนาดนั้น (ในกรณีนี้ 512Kbps/Client)
ถ้าตอบแบบสั้นๆคือ "สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ" ครับ
ถ้าทุกโรงเรียน 100 Mbps กันหมด แล้วทางต้นทาง(เซิพเวอร์กลางที่เก็บสื่อต่างๆสำหรับสตรีมมิ่ง) แบนด์วิธขาอัพโหลดคงต้องเยอะมากๆๆ ถึงจะทำให้อัตราส่วน 512K/Client ยังใช้งานได้จริง
ยกตัวอย่าง หากโรงเรียน ก. รู้รายชื่อวิชาหรือสื่อการสอนออนไลน์ที่ต้องการให้นักเรียนเข้าถึงในเบื้องต้นอยู่แล้วำเนาสิ่งที่เรารู้แน่ชัดไว้ก็ได้ครับ ตอนกลางคืนแบนด์วิธโล่งๆให้มัน Sync กันไว้ก็ได้ แล้วให้นักเรียนใ้ช้ผ่าน Intranet เอา
ส่วนข้อมูลนอกเหนือจากที่มี ก็ให้มีการทำแคชไว้เลย เผื่อมีการเรียกใช้ซ้ำจะได้ไม่ต้องเปลืองแบนด์วิธอีกรอบครับ
ไอ้การคำนวนแบนด์วิธแบบที่คุณ ultilate คิดไว้ มันมีค่าใช้จ่ายแฝงอีกมากมายครับ ถ้าจะให้ได้อัตราส่วนคงที่จากต้นทางไปยังปลายทาง ไอ้แค่ที่ใช้กันอยู่ตอนนี้แบนด์วิธก็ไม่ต่ำนะครับ แต่คุณภาพการบริหารจัดการ "ต่ำ" กว่าที่ควรจะเป็นครับ
แบนด์วิธที่ไม่มีการบริหารจัดการที่ดี ก็เหมือนถนนที่รถติดๆ เพราะต่างคนต่างขับรถผิดกฎ รถช้าขับขวา แซงซ้าย ปาดกันไปมา มันก็ยิ่งติดครับ วิธีแก้ก็เพิ่มการจัดการที่ดีโดยการเอาตำรวจจราจรมาเข้มงวดวินัยจราจรให้เป็นไปตามกฎหมายครับ (ไม่เอาแบบหัวทองที่แอบตามพุ่มไม้นะครับ)
ผมกำลังคิดถึงเรื่องของ การดึงข้อมูลกองเดียวจาก Node ย่อยๆหลายๆ Node มารวมกัน ด้วยครับ แบบ Bittorent
อย่างเช่นที่โรงเรียน A กับ B อยู่ในอำเภอเมืองของจังหวัดข้างๆกัน อาจจะมีการตั้ง Server ใหญ่ๆ ไว้ Cache ข้อมูล แล้วโรงเรียนเล็กๆ ในสองจังหวัดนั้นจะคอยดึงข้อมูลจากสองที่นี้
Server ที่เป็น "ต้นทาง" ก็จะสลับกันระหว่างสองโรงเรียนนี้ หรืออาจจะเป็น Node ย่อยอื่นๆ หรือจังหวัดที่ห่างออกไปเล็กน้อย ถ้าหากมีการ Cache ข้อมูลทิ้งเอาไว้
ส่วนตัวแล้วผมเองก็ ไม่รู้ ว่า 100 mb/s มันเยอะเกินไป หรือเปล่า แต่เราต้องการความเร็วที่สูงแค่ไหนถึงจะพอกันแน่?
ผมคิดว่า 100 mb/s ที่พูด อาจไม่ใช่ "ต่อ Client" แต่เป็น "ต่อ 1 โรงเรียน" ก็ได้
ตอนนี้เรามี bw 10Gbps ไปทุกๆ จังหวัดแล้ว และต่อ 1Gb ไปยังทุกๆ สพท.ในแต่ละเขต และจาก สพท. ก็ไปยังโรงเรียนด้วยความเร็ว 10Mbps จนถึง 1Gbps ขึ้นอยู่กับขนาดโรงเรียนและการใช้งาน
ปีนี้ จะมี 2000 โรงเรียนมาเชื่อมต่อครับ ปีหน้าอีก 9000 โรงเรียน
และถ้าเป็นไปได้ อยากให้ พท. ให้งบประมาณในการนำโรงเรียนที่เหลือเข้าโครงการนี้ด้วย
ผมชอบที่คุณ Thaina และคุณ PaPaSEK discuss กันชะมัดเลย
ใครผิดถูกไม่รู้นะ รู้อย่างเดียว ได้แง่คิดดีครับ
ปชป. พึ่งอนุมัติงบเดินสาย fiber 9,000 โรงเรียน
(ความเร็วเริ่มต้นที่ 10Mbps จนถึง 1Gbps ปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งานจริง เพราะ media converter วิ่งไปรอที่ 1Gbps อยู่แล้ว)
ผมขอเสนอให้ พท. อนมุติเพิ่ม เกทับไปเลย เพิ่มอีก 20,000 โรงเรียนครับ
UniNet นี่น่าจะเป็นระดับมหาวิทยาลัยอย่างเดียวหรือเปล่า ?
ผมคุ้น ๆ ว่ามันมี SchoolNet อีกอันนิ (ไม่รู้ว่าเอาไปใช้ทำอะไร ? ลืมแล้ว)
รวมกันแล้วครับ
ตอนนี้รวม Uninet + MOENet + VECNET มาเป็น NEdNET แล้วครับ
โดยสมัย ปชป. ต้องการ "ใช้เงิน เพื่อกระตุ้นเศษฐกิจ" ก็มี 1 ในหลายๆ โปรเจค ที่ได้เสนอ ครม.
ซึ่งก็เลยได้เงินมาลงทุนด้าน network ในระดับโครงสร้างการศึกษาแห่งชาติ
โดยแผน 2553-2555 ได้วางไว้โดยรองรับ
2,xxx โรงเรียน
4xx อาชีวะ
xx มหาวิทยาลัย
xx ห้องสมุดประชาชน
และก่อนที่จะยุบสปา(สภา) ก็ได้อนุมัตงบให้ขยายการเชื่อมต่อไปอี 9,000 โรงเรียน ในงบปี 2555-2556
และผมก็หวังว่า พท. จะสานต่อโดยให้งบขยายการเชื่อมต่อไปยังโรงเรียนอื่นๆ ที่เหลือ
หน่วยงานของรัฐเปิดเผยข้อมูลที่ไม่จำเป็นต้องเป็นความลับแบบ machine readable ครับ เช่น กรมควบคุมมลพิษ อาจจะมี XML แจก เป็นต้น
+1
งานแบบนี้ 1 ปีน่าจะได้นะ
ปกป้อง | เฟสบุ๊ก | ทวิตเตอร์
เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ
ส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์ระดับภูมิภาคให้มากขึ้นเพื่อจะได้เป็นการกระจายงานออกไปยังภูมิภาคซึ่งจะทำให้เกิดผลดีตามมาในหลายๆด้าน
เห็นด้วย
ให้หน่วยงานราชการใช้โปรแกรมออฟฟิสแบบโอเพ่นซอร์ส
+1 โปรแกรม Office จะใช้ตัวไหนก้ได้ แต่ขอให้แลกเปลี่ยนไฟล์โดยใช้ Open Document Format
+1 ครับ
+1
Plus One
+1 เห็นด้วย
+1
เป็น 2 สมัยไม่รู้จะเกิดได้หรือเปล่า เริ่มจากการสอนในโรงเรียนก่อนจะดีกว่า แล้วให้น้ำใหม่ไล่น้ำเก่าออกไป พร้อมๆ กับค่อยเฟดของเก่าออก
เริ่มต้นให้ไปสอนผู้บริหารก่อนว่าโปรแกรมพวกนี้มันทำงานได้แค่ไหน เพราะไม่งั้นจะกลายเป็นว่า ใช้ Calc แต่หวังผลขนาด Excel
เห็นด้วยมากครับ
ถ้าหน่วยงานรัฐ, มหาวิทยาลัย, โรงเรียน ใช้นำร่องผมว่าโอกาสที่หน่วยงานเอกชนจะใช้ตามก็ง่ายขึ้นเยอะครับ
+1
+1 อย่ากให้มันเป็นแบบ มาตั้งนานแล้ว...
ให้เวลาหนึ่งเทอม 4 ปีเลย เยอะจัด
ปกป้อง | เฟสบุ๊ก | ทวิตเตอร์
+165580141
1)แก้/ยกเลิก พรบ. ในส่วนข้อที่ขัดกับ เสรีภาพการในแสดงออกตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights) และ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant of Civil and Political Rights)
2)ให้การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงเป็นสิทธิขั้นพิ้นฐานของประชาชน
3)ออกมาตรฐานระบบปฏิบัติการและซอฟท์แวร์ ที่ใช้ในภาครัฐให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน เช่น บังคับให้ใช้ Opensource ทั้งหมด
4)ผลักดันให้หน่วยงานภาครัฐทั้งหมดเข้าสู่ระบบ Paperless
ยกเลิกการบล๊อคเว็บ
ถ้าจะบล๊อค ควรบล๊อคแค่ child porn
สองมาตฐาน
ผมว่าไม่นะครับ กรณีนี้เป็นที่ยอมรับของสากลอยู่แล้ว
ที่ข้างบนว่ามาคือเท่ากับไม่ปิดกั่นเนื้อหา "ทุกชนิด" เลย ยกเว้นอย่างเดียวเท่านั้นคือเด็กต้องได้รับการคุ้มครองทุกกรณึครับ อันนี้ Make sense นะ
ปล. ผมว่าไทยเลิกบล็อคเว็บไม่ได้หรอก พวกคลั่งมีเยอะ
เห็นด้วยครับ พท ประกาศว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตย แต่พอเข้ามาจริงๆ ก็ block เว็บเหมือนเดิมแหละ คลั่งพอกัน
lolita ???
กรณีการบล็อคเว็บ สำหรับผม กระทรวง ICT ควรกำหนดสเปคของเว็บที่จะถูกบล็อคอย่างแน่นอน ไม่ใช่ใช้ดุลพินิจส่วนตัวแบบที่เป็นอย่างทุกวันนี้ โดยการกำหนดสาเหตุดังกล่าวไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาเป็นปีในการทำนโยบายแต่อย่างใด อย่างมากอาจจะเป็นแค่ Policy ของกระทรวง หรือไม่ก็ผ่านเป็นกฎหมายเข้าสภาไปเลย
นอกจากการกำหนดสาเหตุ ควรจะมีการประกาศรายชื่อของเว็บที่ถูกบล็อค พร้อมกับกำกับสาเหตุที่บล็อคไปด้วย
ส่วนเว็บโป๊ ไม่ควรบล็อคครับ (แต่รู้สึกว่าเกิดเป็นคนไทยไม่มีสิทธิในการดูภาพโป๊ ไม่ว่าจะออนไลน์หรือออฟไลน์) แต่ Child Pornography นี่ต้องบล็อคไม่มีข้อยกเว้นครับ
@TonsTweetings
ควรจะทำได้
ได้ก็ดี
May the Force Close be with you. || @nuttyi
เรื่อง non-ie ขอ utf-8 ด้วยได้มั้ย
ปกป้อง | เฟสบุ๊ก | ทวิตเตอร์
+1 เรื่องหางานให้ลูกจ้างฝ่าย IT ในสำนักงานบ้าง ผมทำงานในหน่วยงานราชการอยู่ครับ จะพูดว่าไม่มีงานเลยก็คงไม่ถูก งานเยอะมาก มีแต่งานอะไรก็ไม่รู้ กว่าจะปลีกตัวมาทำงานหลักเกี่ยวกับ IT ได้จริงๆ ก็จวนจะหมดเวลาอีกแล้ว นั่งทำโอฟรีเช่นเคย...ตอนนี้ผมวางแผนไว้แล้วว่าจะหางานใหม่ที่จะได้ใช้ความรู้ความสามารถให้เต็มที่ และพัฒนาตัวเองได้มากกว่านี้ T-T
บล็อกเว็บ อนาจารย์ก็ดี เว็บการพนัน ก็ดี แต่เรื่องความเชื่อ ก็ให้ไปฟ้องหมิ่นประมาทเอาเอง น่าจะดีกว่า
จัดเวทีประกวดเยอะๆ สำหรับด้านไอที
คิดเอาไว้ด้วยว่า ถ้าจะแจก Tablet จะทำไงให้อาจารย์มีความรู้พอสอนเด็กใช้
ถ้าจะสร้างเมืองใหม่จริงๆ ขอให้เกาะที่ที่จะถมทะเล ซัก 25% เป็น silicon valley จะดีมากมาย
ยกเลิกการ Block ที่ผ่านมาทั้งหลายแหล่จาก สอฉ รวมถึงการให้สิทธิ์เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เช่น การเมือง บนโลกอินเทอร์เน็ท
แค่นี้ก็พอ ผมให้ผ่านไปเลย..
+ พัฒนา BB แห่งชาติด้วย ทุกวันนี้ท่อ Inter ไทยแย่งกันใช้อนาถมาก
วิจารสถาบัน........ ได้
นั่นคงต้องแก้อีกกฎหมายนึงมั้งครับ
สถาบันการศึกษา ?
สถาบันสถาปนา ฮา~~~
เสียวแทนจริงๆ
สถาบันอะไรครับ?
อยากให้เลิก การที่สั่ง ISP ต้องให้เปิดเว็บผ่าน w3.mict ซะทีครับ
ควรสั่งยกเลิกทันทีเลย
+1 ครับ
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
+1
ปกป้อง | เฟสบุ๊ก | ทวิตเตอร์
ทำระบบ โฉลด, สปก, ที่ดิน สื่ง ปลูกสร้าง ให้ Online จริง เช็คได้ทันที (กล้าหรือเปล่า ระบบง่ายๆ ที่ไม่มีใครกล้าทำ)
จะได้เห้นกันจะ ใคร เป้นเจ้าของพื้นที่ไหน ใครเก็งกำไร ล่วงหน้า
ประโยชน์ถึง ประชาชน ก้อเช่น ตรวจสอบได้ทัน ไม่ซ้ำ ซ้ำรอย เหมือน โฉลดกล้วยแขก ของพระพยอม
โฉลด --> โฉนด
เกณฑ์ว่าสอบผ่านไม่ผ่าน ภายในระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง (ไม่ว่าจะ 4 ปีหรือ 1 ปี ก็ตาม) ไม่อยากเร่งรัดว่าต้องทำอะไรก่อน บางครั้งบางเรื่องมันทำได้ช้าบ้างเร็วบ้าง บางอันติดข้อกฎหมาย บางอันแค่แก้ไขได้ไม่ยาก ฯลฯ ดังนั้นผมให้โอกาสตลอดระยะเวลาของการทำงานในกระทรวงไปเลย
การเซนเซอร์สื่อ และริดรอดสิทธิ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น "โดยไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลผู้อื่น" ต้องได้รับการยกเลิก อิสระในการแสดงความคิดเห็นเป็นของประชาชนทุกคน โดยเฉพาะเว็บบอร์ดทางการเมืองอื่นๆ ซึ่งจะสามารถร่วมอภิปรายและแสดงความคิดเห็นได้
พัฒนาระบบราชการ โดยการใช้สื่ออิเลคทรอนิกส์ให้มากขึ้น ลดการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองโดยเฉพาะกระดาษ และให้ใช้วิธีการอนุมัติเอกสาร หรือส่งเอกสารระหว่างฝ่าย/หน่วย/องค์กร/บุคคล โดยการส่งเป็นระบบอีเมล หรือเป็นระบบการส่งอื่นๆ เพื่อให้ได้ความรวดเร็ว (แต่อนุโลมว่าบางสถานที่ที่ส่งเป็นแบบนี้ไม่ได้ก็ส่งเป็นกระดาษไป)
ร่วมมือกันพัฒนาระบบไอทีกับหน่วยงานภาครัฐอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะเว็บไซต์กระจายข้อมูลข่าวสารสำคัญต่างๆเช่นราชกิจจานุเบกษา ที่ปัจจุบันสังเกตมาตั้งแต่รัฐบาลก่อนผ่านไป 2 ปี เว็บสำคัญที่เป็นการประกาศข่าวสำคัญของราชการ ไม่สามารถใช้งานได้มาโดยตลอด (รวมถึงหน่วยงานอื่นๆเช่นกัน ต้องตรวจสอบใหม่ทั้งหมด)
ตั้งแผนก หรือหน่วยย่อยขึ้นมา เพื่อใช้ในการตรวจสอบดูแลเรื่องความผิดในการใช้เว็บไซต์ในทางมิชอบโดยเฉพาะ เช่นเว็บไซต์ประเภทลามก, สื่อละเมิดลิขสิทธิ์ และการขายหวยใต้ดินออนไลน์ที่ปัจจุบันรัฐบาลเก่าผ่านมา 2 ปี เว็บเหล่านี้ขึ้นเป็นดอกเห็ด ไม่ว่าจะเป็นหวยรัฐ หวยเถื่อน หรือหวยหุ้น ปราบอย่างจริงจัง
ให้การพัฒนาและความร่วมมือในการจัดการระบบทางเครือข่ายอินเตอร์เนต หรือเซอร์เวอร์ ร่วมกับองค์กรที่มีความจำเป็นต้องดำเนินงานบางอย่างร่วมกับระบบอินเตอร์เนตเช่น การประกาศผลสอบแอดมิชชั่น (ล่มทุกปี และล่มนานด้วย), ระบบการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉพาะในวันที่มีปริมาณซื้อขายมากๆ ระบบจะล่มและล่มนาน การล่มเช่นนี้เป็นผลทำให้สูญเสียโอกาสที่สำคัญทางการเงิน "อย่างมหาศาล"
TOT CAT กทช. ยุบทั้งสามองค์กรแล้วรวมเข้าเป็น กสทช. ทั้งหมด และดำเนินนโยบายสัมปทานโดย กสทช. เป็นผู้ดูแลทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว รวมถึงระบบจัดเก็บและระบบต่างๆ ให้ร่วมมือกันเป็นแบบศูนย์ราชการขนาดใหญ่เพื่อดูแลเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะ
สัมปทานคลื่นความถี่ทุกอย่างทุกระบบที่เป็นสัมปทานตามกฎหมาย จัดเก็บแบบ 40/60 โดย 40% เก็บเข้ารัฐ และ 60% ให้เป็นของเอกชน จัดเก็บโดยหักจากรายได้รวมทั้งหมด โดยไม่หักค่าใช้จ่าย เช่น บริษัท ABC มีรายได้จากการดำเนินงานส่วนของการให้บริการคลื่นความถี่ 10,000 ล้านบาท ... 4 พันล้านต้องส่งเข้ารัฐทันที ส่วนอีก 6 พันล้าน ไปหักค่าใช้จ่ายเอาเอง และกำไรที่เหลือไปจัดสรรค์ใช้จ่ายและปันผลผู้ถือหุ้นเอา
เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการเสนอความเห็นใหม่ๆ หรือการให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการดำเนินงานกับกระทรวง ICT โดยจัดเป็นงานประชุมสัมนาไตรมาสละ 1 ครั้ง เพื่อหาสิ่งที่ดีขึ้นในระบบเทคโนโลยี เพราะเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ต้องอัพเดทด้วยความรวดเร็วมาก
จัดตั้งทุนการศึกษาทางคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีเพื่อให้นักศึกษาที่มีความสามารถในทางเทคโนโลยีโดยตรงสามารถขอทุนเพื่อศึกษาต่อได้ถึงระดับปริญญาโท (โดยมีเงื่อนไข) และต้องทำงานใช้ทุนไม่ต่ำกว่า 5 ปีให้กับกระทรวง ICT อย่างน้อยก็เพื่อป้องกันสมองไหลตั้งแต่ช่วงแรก เพราะหลังๆเห็นมีการจ้างนักศึกษาจบใหม่ที่เป็นหัวกะทิทางเทคโนโลยี ไปทำงานร่วมกับองค์กรเอกชนต่างประเทศ เป็นจำนวนมาก
Wifi, WiMax, หรือ 3G ฟรีทั่วประเทศ ตามนโยบายหาเสียง ต้องทำให้ได้
สำหรับผมแล้วเสนอ 10 ข้อ
- ทำได้ ต่ำกว่า 4 ข้อ = ห่วย
- ทำได้ 5 ข้อหรือมากกว่า = ก็แค่นั้น/งั้นๆ แต่ยังไม่ผ่าน
- ทำได้ 6 ข้อหรือมากกว่า = ถือว่าสอบผ่าน แต่ก็ไม่ประทับใจ
- ทำได้ 7 ข้อหรือมากกว่า = สอบผ่าน และมีทัศนคติที่ดี
- ทำได้ 8 ข้อหรือมากกว่า = คุณเป็นรัฐมนตรี ICT ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ขอเสริมข้อ 2 ครับ
อยากให้เอาข้อมูลของหลายๆ หน่วยงานสามารถใช้ด้วยกันได้
ไม่อยากให้ต่างคนต่างเก็บครับ เพราะจะพบว่ามีข้อมูลซ้ำซ้อนกันเยอะมาก
เหนด้วยครับ
มี Smart Card ใช่แต่ทำไมต้องถ่ายเอกสารอยู่เรื่อยไป
Destination host unreachable!!!
ข้อ 6) TOT กับ CAT เป็นบริษัทนะครับ ไม่ใช่หน่วยงานจัดสรรคลื่นความถี่ จะไปยุบรวมกันไม่ได้ครับ
สิ่งที่จะทำได้สำหรับข้อนี้ก็คือ ให้หน่วยงานเหล่านี้ "คืน" สิทธิ์ของคลื่นที่ได้รับการจัดสรรไปแล้ว และไม่มีการใช้งาน/หรือกำลังจะหมดอายุสัมปทาน กลับไปให้ กสทช เพื่อให้มีเพียงหน่วยงานเดียวที่ทำหน้าที่จัดสรรความถี่ครับ
ขอบคุณครับ ตามนั้นเลยครับ
ภายใน 1 ปี
ภายใน 2 ปี
ให้หน่วยราชการทั้งหมดเลืกใช้ pirate software มีระบบจัดเก็บ license สำหรับเครื่องของหน่วยงานที่ประมูลจัดซื้อมา (เห็นฝ่ายดูแลของราชการเอาแผ่นพันทิปมาลงประจำ -*-)
1.1 คอมส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ราชการที่นำไปใช้ก็ขอให้ละเว้น pirate ด้วยก็ดี ทำแบบมหาลัยที่มี license สำหรับสถาบัน หน่วยงาน องค์กรก็ได้ครับ
จากที่คุณ galactic บอกว่าให้ใช้ OpenOffice ก็ให้เจ้าหน้าที่งดใช้ office เถื่อนด้วยครับ (ซื้อของแท้มาใช้ก็ได้ แต่คนที่ใช้ OpenOffice ก็สามารถทำงานได้เช่นกัน)
ภายใน 4 ปี
ภายใน 1 ปี ผมว่าไม่มีทางทำได้แน่ครับ
การเปลี่ยนทุกเว็บ ต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ ยิ่งของราชการก็รู้ๆกันอยู่ แล้วกว่าจะประชุมกันจบกว่าจะได้ลงมือ กว่าจะเสร็จ ไม่ทันภายใน 1 ปีแน่
ภายใน 1 ปีจะหยุดสนับสนุน ie 6 ผมว่ามันไม่ realistic สักเท่าไหร่เลยครับ เอาแบบเป็นไปได้ดีกว่า
โยกเงินสัมปทานออกจากรัฐวิสาหกิจ
อีกไม่กี่ปี tot, cat ก็หมดสัมปทานมือถือแล้ว ถ้าไปโยกเงินเหมือนเมื่อก่อน เดี๋ยวก็โดนข้อหาขายชาติแล้วโดนยึดทรัพย์อีก
ภายในปีนี้
ภายใน 1 ปี
ภายใน 4 ปี
pittaya.com
+1
ปกป้อง | เฟสบุ๊ก | ทวิตเตอร์
อืม เรื่อง tablet ทำให้นึกถึง คอมพิวเตอร์ ICT สินสมุทร
มองภาพรวมของทรัพยากรทั้งหมดที่รัฐบาลมี ไม่ว่าจะอยู่กระทรวงไหน แล้ววางแนวทางพัฒนาแบบองค์รวม อะไรที่หน่วยงานไหนทำไปแล้ว หน่วยงานอื่นจะได้ไม่ต้องทำซ้ำ เปลืองภาษีอ่ะ
จากเนื้อหาผมยังไม่เห็นบทสรุปว่า "สอบผ่าน" หรือ "ไม่ผ่าน" แล้วจะทำอะไรต่อ หรือแค่ตั้งเกณฑ์เพื่อประเมินเฉยๆ หวังว่าจะใช้ประโยชน์ที่ได้ เสนอไปยังรัฐบาลเหมือนกับที่เคยติงธนาคารก่อนหน้านี้ ในวาระ 4 ปีที่กำหนดไว้แล้วเกิดเปลี่ยนขั้วอีก ผลการประเมินจะเอาไปทำอะไรได้ คนใหม่ก็บอกว่านั่นเป็นผลงานของคนก่อน คิดว่าเป็นการประเมินที่ใช้เวลานานเกินไปหากจะเปลี่ยนระบบให้เกิดความเข้มแข็งในวงการไอทีโดยเฉพาะโอเพ่นซอร์ส
อันนี้ฝากไว้ให้คิด
จากคำบอกเล่าที่เกิดขึ้นจริงๆ จากเจ้าหน้าที่รัฐ เขาบอกว่า งบที่ได้ "ต้อง" ใช้ให้หมด ถ้าไม่หมดทางส่วนกลางจะมองว่าไม่บริหารงานและตัดงบในปีถัดไปลง ถ้าจะให้มาใช้โอเพ่นซอร์สเขาบอกว่าไม่ทำแน่นอน เสียเวลา ใช้ยาก ต้องเทรนด์คนอีกเยอะ ปัญหาตามมามากมาย ไหนจะปัญหาการใช้ไฟล์ร่วมกันภายในประเทศ ในเมื่อมีงบให้อยู่แล้วเขาจะไม่เสียเวลาตรงนี้ ไม่ได้ผลงาน ไม่ได้คำชื่นชมจากเบื้องบน (เงิน/ตำแหน่ง) ไม่ได้ฐานเสียงจากเบื้องล่าง (คะแนนเสียง)
เจ้าหน้าที่รัฐไม่อยากเปลี่ยนนี่ปรกติครับ ต่อให้เอกชนลงระบบ IT ใหม่พนักงานก็ไม่อยากเปลี่ยน เรื่องพวกนี้ถึงต้องคาดหวังในระดับนโยบายก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วนี่ครับ
lewcpe.com, @wasonliw
บังคับ?
ก็อยากได้คำชื่นชมจากเบื้องบนไม่ใช่หรือครับ? ถ้ามีนโยบายมาก็ได้แล้วไงครับ ส่วนเบื้องล่างก็ต้องทำใจ คงไม่มีวันไหนที่ Opensource มันจะแซงหน้าถึงขนาดทำให้ข้าราชการระดับล่าง ๆ อยากจะใช้จนชักดิ้นชักงอได้หรอก แต่อยา่งน้อยถ้ามีนโยบายมา คนที่บ่นก็จะบ่นน้อยลง เพราะนโยบายที่ "บังคับใช้" พร้อมกันทั่วประเทศ ย่อมจะทำให้ปัญหาต่าง ๆ ลดลง โดยเฉพาะปัญหาความเข้ากันได้ของฟอร์แม็ตเอกสาร แค่นี้ผมว่ามันก็ช่วยได้เยอะแล้ว
ถ้าไม่รีบทำเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ คนทั่วไปก็จะแห่กันไปใช้ MS Office 2007-2010 กันหมด แล้วจะเริ่ม "ชิน" (โดยเฉพาะระบบริบบ้อน) พอมาบังคับให้เปลี่ยนไปใช้ OO.o หรือ LibreOffice ที่หน้าตาและฟังก์ชันตามทันแค่ MS Office 2003 เขาก็จะบ่นหนักกันมากขึ้นอีก
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เป็นหัวหน้าก็ต้องสั่งสิครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ก้อต้องอย่างนั้นแหละครับ
ถ้าต้องการเปลี่ยนก้อต้องเริ่มต้นที่จะเปลี่ยน
ถ้าไม่เริ่มต้น แล้วเมื่อไหร่จะเปลี่ยนล่ะ
เปลี่ยนต้องเปลี่ยนยกหน่วยงานไปเลย ใครไม่พอใจให้ทำหนังสือขึ้นไป
ใครมีปัญหาปลดแมร่งเลย
Destination host unreachable!!!
แก้ไข พรบ.คอมฯ50 คือ ระบุความผิดให้ชัดเจน ลบบทลงโทษแพะแทนที่จะเอาผิดกับผู้กระทำผิดออก เลิกใช้คำว่า ดุลพินิจของศาล
เลิกบล๊อคเว็บต่างๆ ให้เสรีภาพประชาชนในการแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์
3.อินเตอร์เน็ตพื้นฐาน
อย่างนี้คิดว่าทำได้เลย เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
ศาลคือหน่วยงานที่ให้คู่กรณีได้โต้แย้งคดีความที่เกิดขึ้นแล้วใช้หลักกฏหมายตัดสิน ถ้าไม่เชื่อศาลหรือไม่มีผู้ตัดสินที่ยอมรับได้ปัญหาตามมาแน่นอน ยาว มีวิวาทะสองมาตรฐานแน่ๆ
รักษาสิทธิด้วยการละเมิดสิทธิคนอื่น ในกรณีนี้จะทำอย่างไร ผลของความคิดเห็นแบบเสรีแล้วไปสร้างความเสียหายให้กับคนอื่นล่ะ จริงเท็จประการใดไม่รู้ หลายคนชอบอ้างประชาธิปไตยที่มีผลประโยชน์ต่อตัวเองเหมือนฝรั่งโดยไม่ทำความเข้าใจกับประชาธิปไตยจริงๆ
ถ้าได้ก็ดี แต่ขอทั่วประเทศนะ อาจใช้หน่วยงานรัฐเป็นฐาน เช่น อบต หรือไม่ก็ผูกเงื่อนไขไปกับสัมปทานมือถือ
1-2 หาคำตอบให้ได้ก่อน
1.ขอแค่เปิดกว้างดีกว่ามั๊งครับ ไม่ต้องระบุโอเอส ถ้าไปเจาะจงอาจมีปัญหาในเรื่องความไม่เสรี ทั้งคู่มีค่าใช้จ่ายทั้งนั้น
2.เข้าใจยังไงเหรอครับ
คุ้มครองสิทธิ์ผู้บริโภคอินเตอร์เนต สามารถที่จะเลือกติดตั้งอินเตอร์เนตเองได้ โดยไม่จำกำว่า ที่พักอาศัยจะเป็นหอพัก อพาทเม้นต์ หรือ คอนโด (บางคอนโดไม่อนุญาติให้ติดตั้งอินเตอร์เนต ต้องใช้อินเตอร์เนตที่ทางหอพัก/อพาทเมนต์/คอนโด เปิดให้ใช้)
ขอข้อแรกให้ผมเถอะครับ ขอร้องละ
1.ขอแค่อินเตอร์เน็ตขั้นพื้นฐานเข้าถึงบ้านของผมก็พอ แล้ววววว...(พัฒนาแต่ในเมื่อง นอกเมืองไม่ต่างจากแอฟริกา ทุรกันดานสุดๆๆๆ)
รอดูผลงานก่อนดีกว่าไหมครับ ท่านนักเลงคีบอร์ดทั้งหลาย
งงครับ ปัญหาคืออะไร???
lewcpe.com, @wasonliw
คงสับสนกับอีกกระทู้น่ะครับ อีกกระทู้วิจารณ์รมว.ไอซีทีอย่างออกรสน่ะครับ
ก็เห็น บางคนที่ตอบกระทู้นี้ แบบนักเลงไปหน่อยครับยังไม่เห็นผลงานเลย
รบกวนดูด้วยครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้สอบถามว่า "คุณคิดว่ารมว.คนนี้ควรทำอะไร จึงจะเรียกว่าสอบผ่านในความเห็นคุณ"
ความเห็นทุกคนออกมาแนวนี้ก็ถูกแล้วไม่ใช่หรือครับ?
การที่คุณไม่ไปพูด "แบบนี้" กับ "บางคน" ที่ทำแบบที่คุณว่า โดยตรง
แต่กลับมา Reply ตรงนี้
มันก็ทำให้เกิดความรู้สึกว่าคุณเหมารวมครับ
คนไหนตอบไม่เหมาะสม คุณสามารถแจ้งผม หรือเตือนเจ้าตัวด้วยการ reply ได้โดยตรงครับ
การที่คุณเลี่ยงไม่เจาะจงความเห็นแล้วตอบกระทู้เพื่อระบายอารมณ์ไม่พอใจของคุณเป็นการกระทำที่เสียมารยาทนะครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ถ้ามี Like , Unlike ใต้ความเห็น ก็คงดีครับ แต่หัวข้อที่เกียวกับการเมือง ก็เป็นแบบนี้ประจำอยู่แล้ว ^^'
จัดการกับปัญหา software ผิดลิขสิทธิ์อย่างจริงจัง ไม่ใช่ขายกันแบบง่าย ๆ ทั้งพันทิพย์แบบนี้
That is the way things are.
เห็นด้วย ว่าแต่นั่นมันหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งขึ้นอยู่กับกระทรวงพาณิชย์...
ป.ล.ขอบ่น หลัง ๆ ซ่อมคอมให้คนโน้นคนนี้ มักเจอปัญหาพวกใช้ซอฟต์แวร์เถื่อนแล้วตัวแครกทั้งหลายมันออกลาย ผมเบื่อแก้ปัญหาพวกนี้เต็มทีละ ทำไมผมต้องมาร่วมกระทำผิดด้วยเนี่ย?
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
+1 ให้ ปล. จะไม่ทำให้ก็ยังไงอยู่ บางทีมาถึงบ้าน
ผมว่า ทำไม่ได้ซักข้อ
ผมว่าอาจได้ไม่ได้บางข้อ แต่บางข้อผมว่าอาจดีกว่ามาก
อย่างเช่นเรื่อง Tablet ที่ทุกคนสนใจแต่ในความเป็นจริง(ที่ผมเห็นเขียนไว้ในการพัฒนาการศึกษา)
มันเป็นเพียงแค่บรรทัดเดียวใน 3 หน้าเท่านั้น ซึ่งถ้าพัฒนาไปได้ซัก 1 หน้าครึ่ง
ก็จะสร้างคุณูปการให้กับประเทศชาติและปราชนได้อีกมากมายเหลือคณานับแล้ว
ออก พรบ. ควบคุมความเร็วสัญญาณต่างๆ เช่น ADSL, EDGE, 3G ให้ถูกต้องตามที่โฆษณาไว้
ให้มีการลงโทษอย่างรุนแรงเช่น ปรับเงิน 2-10 เท่า หากสัญญาณไม่ถึงที่กำหนด
ภายใน 2 ปีปรับปรุงเว็บชำระภาษีออนไลน์ให้มันดี ไม่มี 404 Not Found เวลากดลืม Password ก็โอเคแล้วครับ = ="
รอเบี้ย 300 ครับ
ชอบกะทู้นี้
ให้ออกกฎหมายลูก เพื่อให้สามารถใช้งาน เรื่อง ลายเซ็นดิจิตอล Digital Signature ได้จริง
ปรับระบบงานบริการภาครัฐที่สำคัญให้อยู่บน Cloud Technology เช่น งานระบบทะเบียนราษ งานระบบภาษีต่างๆ
และเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานรัฐบาลเข้าด้วยกัน
ไม่รู้เกี่ยวไหม แต่ขอให้ไอซีทีช่วยสนับสนุนให้ได้ 3G 2100MHz อย่างเดียว ผมก็น้ำตารินล่ะ
ข้อ 4 นี่ท่าทางเกิน 4 ปีแน่ๆ ^^"
ผมขออย่างเดียวเลย
ทำแบบ MIT OpenCourseWare ครับ อัด vdo กับเอา ข้อสอบมาลงในเน็ต
ทำแค่ ไม่กี่สถาบันและวิชา ก็พอ เพื่อประหยัด
มัธยม : โรงเรียนเตรียม กับ มหิดลวิทยานุสรณ์
มหาลัย : สถาบันชั้นนำทั่วไป โดยอัดเฉพาะวิชาที่ไม่เฉพาะเกินไป มีประโยชน์กับคนเยอะๆ ก็พอ และแต่ละมหาลัยก็อาจจะแบ่งทำแต่ละสาขาวิชาก็ได้
ขออย่างเดียวคือ พัฒนา ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่
อย่าง 3G นี่ตกลงคือยังไงจนเอกชนเขาทนไม่ไหว
บุคลากรควรให้ทันกับความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี
และที่สำคัญคือพัฒนาผู้นำให้มีวิสัยทัศน์
ผมจริงๆโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้หรอก อย่างน้อยรัฐบาลต้องรู้ทันผู้บงการ Technology อย่างเช่น 3G เขาก็ไม่ได้ห้ามใช้คลื่น 850, 900 MHz แต่ผู้ประกาศมาตรฐานกับผู้ผลิตไม่ทำให้รองรับ ติดเรื่องระบบสัมปทานที่ผ่านมา คลื่นความถี่ซึ่งรัฐ(ไม่ใช่แค่ประเทศไทย)เป็นเจ้าของ และมีข้อตกลงระหว่างประเทศ หรือเป็นเรื่องที่ผูกพันมาแต่ก่อน ความเห็นส่วนตัวถ้า การจัดตั้งหน่วยงาน หรือแปลงหน่วยงานบริหารจัดการคลื่นความถี่ และโทรคมนาคม ไม่เกิดปัญหาจากการแทรกแซงทางการเมืองจากกลุ่มต่างๆโดยเฉพาะเอกชนที่ไม่ให้รัฐวิสาหกิจได้ปรับตัวพยายามหาทางควบคุมตลาด ก็คงไม่เกิดปัญหาย่ำอยู่กับที่ แล้วถ้ามาตรฐานจัดการแบบ NMT900(หรือที่เรียกกันว่า Cellular) ไปสู่ GSM ที่ปัญหาความล่าช้าความครอบคลุมเกิดจากตัวเอกชนด้วยผลักภาระความปลอดภัยจากมาตรฐานไปสู่ผู้ให้บริการ และผู้ซื้อ หรือว่ากว่า GPRS สู่ EDGE จะครอบคลุมทั่วประเทศก็นานพอสมควรถ้านับจากเวลาที่ EDGE มีมา เอกชนเขาคงทนไหว
ทันกับความก้าวหน้าแบบ FOMA สู่ UMTS หรือว่าดีหน่อยก็ W-CDMA สู่ IMT-2000 คงยากสำหรับประเทศไทยในตอนนี้
ป.ล. ช่วงนี้น่ากังวลโคลน เรื่อง ที่ดิน กับ สาธารณะสุข ว่าพวกที่มีส่วนในการทำงานวางมือจาก SC ASSET, โรงพยาบาลเอกชนกับบริษัทในเครือแล้วจริงๆหรือยัง นอกจาก M-Link
^_^ นึกไม่ออกแล้วแฮะ ความจริงก็ไม่หวังว่ารัฐบาลนี้จะทำได้หรอกนะ แต่ก็ขอพื้นที่ในการแสดงความเห็นบ้างไรบ้าง :P
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.