แอปเปิลได้จดสิทธิบัตรเทคโนโลยี text-to-speech และ speech-to-text ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้การติดต่อสื่อสารไม่สะดุดถึงแม้ผู้รับสายจะอยู่ในสถานที่มีเสียงรบกวนหรืออยู่ในที่ประชุมจึงไม่สามารถรับสายได้ ดังนี้
แอปเปิลระบุในสิทธิบัตรว่า จะใช้ไมโครโฟนเป็นตัวตรวจจับระดับเสียงรบกวน หากมีคนอื่นโทรเข้ามาในขณะที่มีเสียงรบกวนดังถึงจุดหนึ่ง ผู้รับสามารถเลือกที่จะตอบกลับผู้โทรโดยใช้เทคโนโลยีใหม่นี้ รวมถึงข้อความตัวอักษรธรรมดา ข้อความตัวอักษรที่ได้รับการบันทึกไว้ล่วงหน้า หรือข้อความเสียงได้ หากผู้รับสายเลือกใช้ทางเลือกแรก ผู้รับสายก็เพียงพิมพ์ข้อความลงโทรศัพท์แล้วเครื่องผู้รับสายจะแปลงข้อความตัวอักษรเป็นเสียงแล้วส่งไปที่เครื่องผู้โทรเข้าให้ และเมื่อผู้โทรเข้าพูดเสียงของเขาก็จะถูกแปลงกลับเป็นข้อความตัวอักษรและปรากฏบนหน้าจอเครื่องผู้รับสายให้
รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับสิทธิบัตรนี้เชิญดูได้จากที่มาของข่าวครับ
ที่มา: Patently Apple ผ่าน CNET
Comments
เก็บเรียบเลยลุง
บรรทัดสุดท้ายครับ ล ลิง เกินมาหนึ่งตัว
แก้แล้วครับ ขอบคุณครับ
ผมรู้สึกว่าหัวข้อข่าวค่อนข้าง misleading นะครับ มันขาดใจความสำคัญที่ว่าเอาไปใช้ที่ไหนไป (และคิดว่าหลายๆ คนที่มาคอมเม้นต์ก็คงไม่ทันอ่านละเอียดเหมือนกัน)
ที่จริงย่อหน้าแรกผมก็เขียนไว้ชัดนะครับ เอาว่าคราวหน่าจะพยายามเขีบยที่หัวข่าวให้ชัดเจนกว่านี้แล้วกันครับ
จดเล็กจดน้อย
อันนี้น่าจะเป็นวิธีการประยุกต์ใช้งาน มากกว่าตัวเทคโนโลยี ซึ่งมีการพัฒนากันมาตลอด
ผมละไม่ชอบบริษัทนี้จริงๆ
เห็นหลายสิทธิบัตรที่จดกันแล้วนึกโอกาสเกิดใหม่ของเทคโนโลยีต่อยอด/เกิดใหม่ เป็นง่อยเลย
เป็นอะไรที่ใหม่หรือนวัตกรรมหรือ?
ระบบสิทธิบัตรมันแปลกๆ เพื่อการค้าอย่างเดียว ...
เขาใช้กันมานานแล้วนี้หว๋า text-to-speech และ speech-to-text
ไม่อยากเชื่อว่ายังสามารถจดได้
จดได้ครับ ได้ผลลัพธ์เหมือนกันแตุ่วิธีทำต่างกันจดได้ครับ เพราะฉะนั้นเจ้าอื่นก็ทำได้ครับแต่วิธีทำต้องต่างกันไม่งั้นโดนฟ้อง
กะจะเอาไว้หากินยันหลานบวชเลยสินะ
ถ้าจดได้นี่ Google Translator, Bing Translator เป็นง่อยแดกแน่ สองเจ้านี้มีมาก่อน Apple จะขอจดนะ สงสัยทำต่อสู้เรื่องชื่อ "App Store"
@update - patent application 20110111735. จดได้แล้วแต่เป็นสิทธิบัตรทางด้าน Application เดี๋ยว Android กับ WP7 เอามั่ง แต่การทำงานทั้ง TTS และ STT ทำงานทางฝั่งของ Web service โดยไม่ต้องจดสิทธิบัตรการทำงานแต่อย่างใด เพราะบริการแบบนี้ Google และ Bing มีมานานแล้ว
ผลิตภันฑ์/เทคโนโลยีหลายอย่างของ google ผมว่าน่าจดกว่าเยอะ
แต่ก็ไม่เห็นมีข่าวว่าจด (แต่จริงๆ ก็ไม่รู้ว่าเขาแอบจดหรือเปล่าอ่ะนะ)
ผมเข้าใจว่าจดเฉพาะใช้งานกับตัวแอปโทรศัพท์ (Phone App) เขาจดตรงกระบวนการการทำงานกับแอปมากกว่า ถ้าผมเข้าใจผิดรบกวนแก้ด้วย ปล. ผมมองแบบนี้ เช่น เทคโนโลยี A, B มีใช้มานานแล้ว แต่ถ้าผมเอา A + B = Z ผมจะจด Z ได้หรือไม่? ถ้าผมจด Z ได้ เวลาเอาไปใช้ผมต้องเสียค่าไลเซ่นให้ A, B ด้วยถูกมั้ย? (กรณี A, B มีลิขสิทธิ์)
มันต้องมีคนค้านบ้างแหละน่า
ถ้าจดได้จริง โลกแคบแน่ๆ Appleสามารถใช้แทคโนโลยีรูปแบบนี้ได้แต่เพียงผู้เดียว ไม่น่าเลยย
หัดทำตัวแบบพี่ใหญ่ IBM ซะบ้าง โลกเทคโนโลยีมาถึงวันนี้อย่างรวดเร็วเพราะความใจดีของ IBM
และอีกหลายๆความร่วมมือที่แชร์เทคโนโลยีซึ่งกันและกัน
การจดสิทธิบัตร ของ apple ผมไม่คิดอะไรหรอก หลายๆที่เขาก็ทำกันแบบนี้ เป็นการเอาเทคโนโลยีที่เขาแชร์กัน
มาดัดแปลงนิดหน่อย เพื่อให้กลายเป็นของตัวเองแบบเบ็ดเสร็จ ป้องกันไม่ให้คนอื่นมาฟ้อง
แต่ปัญหาก็คือว่า อย่าคิดเอาสิทธิบัตรอ่อนๆแบบนี้ไปไล่พ้องคนอื่นละกัน มันดูดำมืดมาก แค่นี้ก็ดูดำมืดเต็มทน
ผมเคยดูคลิปที่ siu เอามาแชร์ เรื่องว่าระบบสิทธิบัตรในวงการแฟชั่นที่อ่อนแอช่วยพัฒนาวงการให้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วได้อย่างไร
ซึ่งผมว่าที่วงการไอทีมันดูหนืดๆตันๆแบบนี้ก็เพราะมัวแต่ฟ้องร้องกันนี่แหละ ยิ่งสิทธิบัตรแนววิธีการแบบนี้ด้วย จะยิ่งทำให้ความคิดสร้างสรรค์ในวงการตายในระยะยาว
บริษัทต่างๆควรจะสู้กันแบบ Red Queen hypothesis บ้าง ฟ้องเพื่อหวงของเดิมไว้ไม่ดีกับการพัฒนาโดยรวมของมนุษยชาติหรอกนะ
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ดูๆ แล้ว ไม่ใช้การจดทะเบียนเทคโนโลยี tts และ stt แต่อย่างใดครับ... ไปดูที่มาแล้ว apple จดในเรื่องของ "วิธีการ" ในการทำงานของ 2 อันนี้บน iphone มากกว่า...
จริงๆ แล้ว ทั้ง 2 อันนี้ โนเกียมีมานานมากๆ แล้วนะครับ แต่วิธีการประยุกต์การทำงานลักษณะนี้ของโนเกียยังไม่มี ที่สำคัญ ของโนเกียล้ำกว่า เพราะรองรับภาษาไทยมาตั้งนานแล้ว แต่ apple ยังมีแต่ภาษาอังกฤษอยู่
เทคโนโลยีนี้ มันนานแล้วไม่ใช่หรือ จดทำไม่ ไอ...
Coder | Designer | Thinker | Blogger
มันจะฟังรู้เรื่องหรอ....
ที่ผมไม่ชอบ Apple เพราะชอบทำตัวขวางโลกนี่ละ
ส่วนตัวผมเรียกว่า "ฉวยโอกาส เห็นแก่ตัว อย่างน่ารังเกียจ"
ผมว่าวิจารณ์แรงเกินไปครับ ถ้าเปิดบริษัทแล้วมีโอกาสแต่ไม่ฉกฉวยผมก็คงเรียกว่า ... เหมือนกัน
That is the way things are.
ยังไงหรือครับ ผมเห็นแค่ว่าเค้าลงทุนวิจัยวิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้คุยโทรศัพท์ได้ในที่ๆ ไม่สะดวกใช้เสียงก็เท่านั้นเอง ไม่ได้ไปขโมยอะไรใครที่ไหนมาจดสักหน่อย
คุณเอาความคิดคนอื่นเขาไปจด คิดว่าทำถูกไหม?
อย่าคิดว่าเทคโนโลยีตัวนี้ apple คิดคนแรกนะครับ
แต่ผมไม่เคยเห็นเจ้าไหนออกมาทำระบบ TTS STT กับการคุยแบบปกติเลยนะครับ หรือผมตกข่าว ? หรือคุณเข้าใจผิด ? หรือผมเข้าใจผิด ? เริ่มงง
คือมันก็ไม่ใช่ TTS STT เป้ะๆซะทีเดียว แต่ผมคุ้นๆว่ามันมีแอพทำแบบนี้อยู่ถ้าจำไม่ผิด
edit: เจอละ แนวคิดเดียวกัน แต่ใช้คนละที่
มันมีมาตั้งนานแล้ว "แต่แอปเปิ้ลอาจจะทำให้มันกลับมาได้รับความนิยมก็ได้"
แบบ Facetime ที่เมื่อก่อนจะมีคนพูดว่า "video call ฝรั่งเค้าเลิกฮิตไปแล้ว" ไม่ไหวจะฮาจริงๆ
ผมอ่านแล้วก็เข้าใจสิ่งที่จดนะ ยังไม่เห็นว่า goog ms เคยทำอะไรแบบนี้เลยไม่ใช่หรอ เค้าคิดได้เค้าจดก็ถูกแล้ว ทำไมหลาย คห. เหมือนจะเฉพาะอ่านหัวข่าวแล้วมาเม้นเลยหว่า..
May the Force Close be with you. || @nuttyi
เห็นด้วย สุดท้ายผลประโยชน์ไม่ได้ตกไปยังบริษัทอย่างเดียว แต่ประเทศชาติก็จะได้ด้วย ดูประเทศไทยมีสิทธิบัตรเท่าไร ญี่ปุ่นเท่าไร อเมริกาเท่าไร?? แล้วถ้ามันดีจริงๆ ค่ายอื่นหาทางดัดแปลงได้อยู่แล้ว
+1
+1 อ่านแต่หัวข่าว
โลกทุกนิยมเนี่ยน่าเกลียดขึ้นทุกวัน
ไม่ผิดหรอกครับ หากเทคโนโลยี่ Text to speech นี่ apple เป็นคนทำคนแรก
อธิบายง่ายๆ เช่น ผมคิดวิธีการผลิตรถยนต์ได้ แต่คุณผลิตรถยนต์ที่มีถุงลม คุณจดสิทธิ์บัตรรถยนต์ที่มีถุงลม
คิดเอาแล้วกัน
ก็ทำถุงลม 2 ใบ พร้อมลายเก๋ๆ เพื่อช่วยซับแรงกระแทกให้ดียิ่งขึ้น - -"
อธิบายซะเห็นภาพเลย
แล้วไงหว่า? ก็เค้าคิดถุงลมนี่ ผมอาจจะหนีไปจดสิทธิ์บัตรรถมีถุงยางแทน..
May the Force Close be with you. || @nuttyi
มันคือ จดรูปแบบการประยุกต์ไปใช้รึเปล่าครับ ?
ผมสงสัย เพราะในหน้า setting ของ Android ก็มี Text-to-Speech setting มานานแล้วนี่ครับ + Google ก็ทำค้นหาด้วยเสียง ด้วยการแปลงเสียงเปนคำแล้วมา search นานแล้วนี่ครับ ?
ทำไมอ่าน Comment แล้วรู้สึกว่าหลายๆคนยังแยก บริษัท กับ มูลนิธิ ออกจากกันไม่ได้
บริษัทปกติที่ไหนเค้าก็มีแต่ตั้งมาเพื่อทำการค้ามุ่งหากำไรนะครับ ไม่ใช่เพื่อการกุศลถึงจะมีบ้างก็เถอะ
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
บางทีอาจคิดว่ากูเกิลเป็นบริษัทเหมือนกัน แต่ใจดีแจกของฟรีเยอะ บริษัทอื่นควรเอาเยี่ยงอย่างล่ะมั้งครับ
ธุรกิจต่างกันครับ ยิ่งมีคนใช้ของกูเกิ้ลมาก ก็ยิ่งได้กำไรมากขึ้นจากการใช้งานของเราๆ ท่านๆ ทั้งโฆษณา ข้อมูลต่างๆ
ถ้า Apple ทำธุรกิจเซิร์สเอนจิ้น หากำไรจากโฆษณาเป็นหลัก เราก็คงจะได้เห็นแจก IOS พ่วงสมัคร Mobile Me ฟรีๆ เหมือนกัน
การที่ไม่เสียเงิน ก็ไม่ได้แปลว่าได้เปล่า แต่จริงๆสิ่งที่เค้าได้จากเรา มันคุ้มค่ากว่าที่เสียไปตังหาก
+1
แปลว่าต่างฝ่ายต่างประสบความสำเร็จในธุรกิจของตน
บริษัทอื่นกระโดดหลบกันให้ว่อน แต่ก็น่าจะพอเลี่ยงๆ ได้บ้าง ตัวที่จดไปนี่ถือว่าครอบคลุมใช่เล่นเหมือนกัน
สงสัยเข้าสู่ภาวะป้องกันตัวเอง เนื่องจากช่วงหลังโดนฟ้องกระจาย O-o
บริษัทที่กำไรดี ส่วนมากก็โดนฟ้องเรื่องสิทธิบัตรเพียบ พอไม่มีสิทธิบัตรไปคานกับบริษัทอื่นก็เหมือน
ถุงเงินให้คนอื่นมาเจาะเอาเงินไปเรื่อยๆ -*- จริงๆผมไม่ชอบระบบสิทธิบัตรของอเมริกาเลยแฮะ
เทคโนโลยี คิดดีทำดี ไปได้ดี ^^"
เท่าที่ผมอ่านต้นฉบับ เหมือนจะเป็นจด "วิธีการ" นี่ครับ
คือการโทรศัพท์ในพื้นที่ที่เสียงดังมากๆ จนเราต้องตะโกนใส่ไมค์มือถือ ไอโฟนก็จะเปลี่ยนให้เราส่งเป็นข้อความพิมพ์เอาแล้วจะถูกแปลงเป็นเสียงโดยใช้เทคโนโลยี TTS
กลับกัน ถ้าเราอยู่ในที่เงียบๆ เช่น ห้องประชุม ถ้ามีสายสำคัญเข้าแต่เราไม่สามารถออกเสียงพูดคุยในห้องนั้นได้ ก็ใช้วิธีส่งข้อความและแปลงเป็นเสียงส่งไปปลายทางเอา