เป็นสองข่าวที่พูดเรื่องใกล้เคียงกัน รวบเป็นข่าวเดียวเช่นเคย
ข่าวแรก หลังการเปิดตัว iPad ก็เริ่มมีคนคำนวณว่าต้นทุนที่แท้จริงของมันอยู่ที่เท่าไร บริษัทวิจัย BroadPoint AmTech ประมาณการณ์ว่า ต้นทุนทางการผลิตของ iPad รุ่น $499 จะอยู่ที่ $270.5 (แปลว่าแอปเปิลกำไร $208 ต่อเครื่อง) ถ้าเป็น iPad รุ่นสูงกว่านั้น กำไรจะยิ่งเพิ่มขึ้น เช่น รุ่น $629 มีต้นทุนที่ $306.50, รุ่น $729 ต้นทุน $332
ส่วนที่แพงที่สุดในเครื่องคือจอภาพ $100 ส่วนชิป A4 ตัวละ $15 บริษัทนี้คาดว่าแอปเปิลจะขาย iPad ได้ 7 ล้านเครื่องในปีนี้ และมองว่า iPad จะเป็นขุมทองขุมใหม่ที่แอปเปิลทำกำไรได้ง่ายมาก - ComputerWorld
ข่าวที่สอง มีรายงานว่าคู่แข่งจากไต้หวันที่กำลังซุ่มทำแท็บเล็ต เช่น ASUS และ MSI ต้องกลับไปทำการบ้านเรื่องราคาใหม่ หลังแอปเปิลเคาะราคา iPad ได้ถูกมาก เดิมทีผู้ผลิตเหล่านี้เตรียมตั้งราคาไว้ถูกกว่า iPad ประมาณ 20-30% ของราคาเดิมที่เชื่อว่าจะอยู่ที่ $1,000 - Digitimes
Comments
จริงๆ แล้วเรื่องราคานี่เป็นจุดแข็งที่ยากจะหาใครมาแข่งกับแอปเปิลได้ในช่วงหลัง สตีฟมักสั่งของล็อตมใหญ่ๆ แบบที่คู่แข่งไม่กล้าทำเพื่อกดราคาให้ต่ำเข้าไ้ว้
lewcpe.com, @wasonliw
เจอ A4 เข้าไปหลาย ๆ เจ้าคงปาดเหงื่อกันเลยทีเดียว
นี่คือราคาวัสดุล้วนๆ หรือรวมค่าแรง ค่าขนส่ง ค่าโฆษณา ค่านู่นนี่จิปาถะแล้วอะครับ
รุ่นที่คุ้มค่าเงินที่สุดก็คือรุ่นที่ถูกที่สุด เพราะรุ่นอื่นแพงขึ่นอย่างละ $100 แต่อุปกรณ์ที่เพื่มขึ้นมีเพียง เปลี่ยน hdd แล้วก็เพิ่ม 3g เท่านั้นอ่ะ
ศาสดา ตีตลาดแตก
ต้นทุนก็น่าจะประมาณนั้น ถ้าข่าวต้นทุนของไอโฟนถูกต้อง
iPhone -> $178.96
iPad -> $270
ต้นทุนชิ้นส่วนในการสร้าง iPhone 3GS แค่ 6 พันกว่าบาท
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
แต่ดันขายถูกกว่า iPhone ฮาาา
ดีครับ เจ้าอื่นจะได้คิดราคากันใหม่ โอม (ราคา) จงลงๆ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
อ้าว... คนใช้ iPhone ก็โง่สิเนี่ย เง้อออ
ผมว่าขายถูกเฉพาะรุ่นแรกเพื่อดึงตลาด พอรุ่นสองก็ขายราคากำไร เหมือนตอนไอโฟนช่วงแรกแหละ
onedd.net
แย่หนัก เพราะผมใช้ 3GS 555+
ถ้ามันแก้ปัญหาได้ดีขึ้ัน เราก็ไม่เห็นต้องสนนี่ครับว่าอันไหนต้นทุนแพงกว่าอันไหน
ซื้อของเพราะต้นทุนมันแพง แต่ดันแก้ปัญหาให้เราไม่ได้นี่ก็ไม่ไหวนะ
lewcpe.com, @wasonliw
HP Slate เท่านั้นคือคำตอบ อย่างน่อยก็สามารถพัฒนา APP บน win ได้
เห็นด้วยครับ ดูจาก gizmodo ที่มีตารางเปรีียบเทียบฟังก์ชั่นแล้ว HP Slate น่าใช้ที่สุดครับตอนนี้
แต่ต้องดูราคาด้วยครับ เพราะ Apple เปิดตัวมาถูกมาก ๆ
ซื้อมันทั้งคู่ lol
@TonsTweetings
ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบ UI Windows 7 ในฐานะ Tablet สักเท่าไหร่แฮะ
น่าจะเอา Windows CE มาโมใหม่ให้เฉพาะทางแล้วก็ทำไปเป็น Tablet
ที่จริงมันก็เหมาะพอควรแล้วนะครับ แบบ taskbar ที่ใช้แตะแล้วลากขึ้นเพื่อเปิดเมนูแทนคลิกขวาได้ หรือช่องพิมพ์ของ IE ที่แตะแล้วดึงลงเพื่อดูรายการได้ (แต่ไม่มีบอก จะให้เดากันเอง? ผมรู้มาเพราะฟลุ๊กครับ) แต่อีกหลายๆ ส่วนก็ยังไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าโอเคกว่า XP, Vista แล้วครับ สองอันนั้นนี่ถ้าไม่มีคีย์บอร์ดกับเมาส์แล้วขัดใจอย่างแรง
OSX ไม่ทราบครับ ไม่เคยเล่นจอสัมผัส
OSX for iPhone, iPod, iPad เหมาะกับระบบสัมผัสสุดๆ แล้วครับเพราะไม่ต้องออกแบบเผื่อผู้ใช้ที่ใช้รูปแบบอื่น (Windows 7 ส่วนมากยังอยู่กับคีย์บอร์ดและเมาส์มากกว่าจอสัมผัสอย่างเดียว) อุปกรณ์เฉพาะทางแบบนี้จะทำในลักษณะเฉพาะทางได้ดีกว่าครับ
แต่ราคามันน่ายุให้คนรู้จักสอยมาแล้วยืมเล่นจริงๆ (พูดง่ายๆ ไม่มีปัญญาซื้อเอง T-T)
อืมม หลายๆอย่างไม่บอกก็ไม่ทราบเหมือนกันครับสำหรับ Windows 7
ยอมรับครับว่า Windows 7 ออกแบบมาเผื่อสำหรับการใช้งานทัชสกรีนได้ดีกว่าตัวเก่าๆแล้ว (เห็นชัดๆก็ Taskbar อันใหญ่โตมโหฬาร)
แต่ผมคิดว่าถ้าเอามาใช้กับอุปกรณ์แบบแท็บเล็ทควรใช้ UI ที่มันเฉพาะทางกว่านี้น่ะครับ (อย่างที่คุณบอกนั่นแหละ คือ Windows 7 ก็ออกแบบให้รองรับเมาส์กับคีย์บอร์ดด้วย ดีไม่ดีการออกแบบเพื่อทัชสกรีนจะเป็นการออกแบบเผื่อเแาไว้อีกต่างหาก)
ถึงแม้ HP จะดูดีที่สุด (ผมก็เห็นด้วย)
แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือมะเร็งที่แถมมากับยี่ห้อนี้ (= ="
สมัยนี้มะเร็งรักษาได้แล้วครับ :)
ก็แค่เปลี่ยนอะไหล่ใหม่ที่ยังมีเชื้อมะเร็งมาใส่เฉยๆครับ
(ผมโดนไป 2 เครื่องแล้ว..)
ส่วนใหญ่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ถ้านับแต่ค่าวัสดุมันก็ถูกมากนี่่ครับ เป็นปกติ
คิดหนักไมอ่ะ ถ้าทำดีกว่า ipad จริงๆ ขายแพงกว่าแอปเปิ้ลก็ไม่เห็นแปลก
*เดิมทีผู้ผลิตเหล่านี้เตรียมตั้งราคาไว้ถูกกว่า iPad ประมาณ 20-30% ของราคาเดิมที่เชื่อว่าจะอยู่ที่ $1,000
ขนาดนั้นเลย ไม่มั่นใจในผลิตภัณฑ์ตัวเองเลยนะเนี่ย
เชื่อมั่น ก็น่าจะเชื่ออยู่คับ แต่ติดปัญหาอย่างหนึ่งตรงที่...คู่แข่งเป็น apple
ขนาด walkman ขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพ การออกแบบ มานาน เจอ iPod เข้าไป ตอนนี้ยังกู่แทบไม่กลับเลยคับ
ยี่ห้ออื่นนั้น Brand Loyalty ของผู้ใช้ไม่สูงเท่า Apple ครับ เปรียบเทียบจากตัวคุณเองก็ได้ อะไรที่เป็นของ Apple นั้นดีทุกอย่าง ส่วนอะไรที่ไม่ใช่ของ Apple คุณก็ไม่คิดจะซื้ออย่างแน่นอน
หากข้อความข้างต้นผิด แย้งได้ครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
+65535
5555+
ถูกใจให้กิฟต์
ขนาดของ Sony ที่โดนถล่มเละอยู่เรื่อยๆ เรื่อง Brand Loyalty ยังห่างไกลเลยครับ (แต่ก็สูงนะ)
ที่น่าสงสารที่สุดน่าจะเป็น Creative แหละครับ จากมุมมองของผู้บริโภคที่เป็นสินค้าระดับสูงในยุคนั้น พอโดน Sony ตีตลาดตามด้วย iPod จนปัจจุบันถูกมองว่าเป็นสินค้าระดับ 2 หรือต่ำกว่านั้นไปแล้ว หากไม่มีสินค้าจำพวกการ์ดเสียงอยู่หลายๆคนอาจจะลืมชื่อนี้ไปแล้วก็ได้ (หรือมีคนลืมไปแล้ว?)
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมยังเก็บ Creative Muvo รุ่นเดอะไว้อยู่นะ =D
ประทับใจเสียงดีมาก
ปล.จะมีซักกี่คนรู้จักชื่อ Zii ไหมนหนอ..
(หรือโดน iPod กลบซะมิดเลย)
ปล2.แต่ก็เป็นที่ Creative เองด้วยที่ปล่อยให้ Apple รุกอยู่ฝ่ายเดียวซะอย่างงั้น
(สมัยที่ออกมาใหม่ๆตอนนั้นดังมาก แล้วก็กลบ Rio Diamond ยี่ห้อ MP3 เจ้าแรกออกไปจากตลาดซะมิด)
ผมก็มี ผมเอามาฟัง เทียบกับ ipod ผมว่ามันเสียงดีกว่า ipod อีก - -''
(ใช้หูฟังอันเดียวกันทดสอบ ของ Philips)
เสียดายที่มันเก็บได้น้อย ผมมี 512 MB เอง
Ton-Or
+1 ครับ ผมก็มี เจ้า Muvo slim 512 MB อยู่ตัวนึงเหมือนกัน (ที่ยังใช้งานได้ดีอยู่อนะ)
ส่วนสองตัวที่เหลือ ก็พิการไปด้วย การใช้วัสดุที่ไม่ค่อยดีของ creative แต่เรื่องเสียงนี่ รับประกันครับ ใช้ creative มาก่อน Ipod เสียอีก.. จนรับเรื่องคุณภาพวัสดุไม่ได้นี่แหละ
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.
ก็ยังคงมีความเห็นประมาณนี้มาเรื่อยๆ.. อย่างว่าล่ะนะ..
ขอโทษนะครับ ผมต้องออกความเห็นประมาณไหนหรือครับ ให้ถูกใจคุณหรือ?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
+1
สมัยนึงแล้วโซนี่อาจจะหนักกว่านะครับ หลายคนจะซื้อโซนี่เพราะมันเป็นโซนี่ จะแพง แพงมาก แพงที่สุดยังไงก็ยังโซนี่
lewcpe.com, @wasonliw
+1 ผมเคยเป็น จริงๆ มันไม่ใช่อารมณ์ว่าจะแพงแพงมากก็โซนี่นะครับ แต่เหมือนสมัยนั้นจะรู้สึกว่าอยากใช้ของโซนี่ให้ครบวงจรของมันมากกว่า (Sony Society)
ตอนนั้นใช้ทั้ง VAIO, CyberShot, Handycam, Sony Ericsson จนมี Walkman ตอนนั้นตัดสินใจเปลี่ยนใจซื้อ iPod mini แทนเพราะมันถูกกว่า NetMD ตอนนั้นฝากเพื่อนซื้อจากอเมริกา ยังให้ engrave ข้างหลังเครื่องว่า "Don't ask why I didn't buy Sony." อยู่เลย
555+
มันก็แหงล่ะครับ ต้นทุนมันก็คงต้องพอๆ กับ iPod Touch ที่เสียค่าจอแพงขึ้นนี่นา อาจจะเพิ่มบางอย่างที่ขยายส่วนกับแบตเตอร์รี่ ส่วน CPU ถึงแรงกว่าแต่เป็นยี่ห้อตัวเองอาจจะเท่าๆ กันก็ได้ ราคามันจะมาเท่าๆ กับ Tablet ที่ใช้แทนคอมพิวเตอร์เครื่องนึงได้ในเกือบทุกงานเพราะใช้ OS เดียวกับคอมได้ยังไง
เพิ่มเติมนิดนึงครับ ผมไม่นับว่า iPad เป็น Tablet นะครับ ค่อนข้างจะนับเป็น mobile internet device แบบที่ Nokia เคยออกมากกว่า N800 หรืออะไรนี่แหละ แต่ผมก็ไม่รังเกียจ ถ้ามีคนเอา iPhone มาให้ผมผมคงขายต่อซื้อเครื่องใหม่เพราะไม่เข้ากัน แต่ถ้ามีคนเอา iPad มาให้ผมเก็บไว้ใช้ครับ เพราะผมไม่ได้รังเกียจ Apple แต่อคติกับสาวกสุดโต่งที่ไม่ฟังใคร
+1
ไม่ใช่ tablet แต่เป็น internet device!
มาแซวเพื่อความเข้าใจด้าน "ต้นทุน"
ต้นทุนของเว็บดีไซน์ อยู่ที่ 0 บาท
ต้นทุนของโปรแกรมออฟฟิศและโปรแกรมอื่นๆ อยู่ที่ 0 บาท (แต่ถ้ารวมค่ากล่อง+cd อาจสูงถึง 20 บาท)
ต้นทุนของข้าวผัดกะเพรา อยู่ที่ 10 บาท (ขายถึง 30 บาท)
:D
(แต่ผมไม่รับทำเว็บที่ราคานี้นะคร้าบบบบ :P)
กำลังจะจ้างพี่ทำเว็บในราคาต้นทุนเลยครับ lol
ต้นทุนแฝง นี่ล่ะที่แพง :)
เห็นด้วยครับ
เท่าที่ดูรายละเอียดที่กล่าวมาในข่าว ยังไงก็น่าจะเป็นแค่ marginal cost ไม่รวม fixed cost อื่นๆ แน่ๆ
ราคาที่ได้ (เช่น $270.5) น่าจะเป็นราคาวัสดุ/โสหุ้ยอย่างเดียว เพราะยังไม่รวมค่าประกอบ, ค่าบรรจุหีบห่อ, ค่า่ขนส่ง, ค่าวิจัยและพัฒนา, ค่าบริหารคลังสินค้า, ฯลฯ
Bill of Material (BOM) น่าจะแปลว่ารายการวัสดุ น่าจะสื่อความหมายมากกว่านะครับ
ดังนั้นกำไร น่าจะเป็นแค่กำไรข้างต้นมากกว่านะครับ
นี่ยังไม่นับค่าครองชีพของผู้ผลิตด้วยนะครับ ของทุกอย่างจะว่าเค้าเอากำไรมากก็คงไม่ได้เพราะเจ้าตัวก็ต้องกินต้องใช้เช่นกัน แบบข้าวผัดกระเพราทุน ๑๐ บาทขาย ๓๐ บาท ถ้าเค้าขาย ๑๒ บาทก็คงอดตาย แล้วไม่งั้นงานแบบพนักงานบริษัทที่ไม่มีต้นทุนวัสดุเลยแทบจะใช้แรงงานอย่างเดียวก็คงไม่มีรายได้ (ขอระบายนิด เนื่องจากบางคนชอบใช้คำว่าค้ากำไรเกินควรพร่ำเพรื่อเพราะดูแต่ต้นทุนวัสดุอย่างเดียวจริงๆ)
คนสายไอทีเข้ามาอ่านข่าว : อืม...ต้นทุนสมเหตุสมผล ไหนจะต้องรวมค่าพัฒนาระบบ ค่าดีไซน์ตัว OS ค่าดีไซน์ตัวเครื่องอีก
คนสายบริหาร การตลาด : อืม...ไหนจะค่าโฆษณา ค่าการตลาด ค่าจิปาถะมากมาย
Petdo : แม่ง! ต้นทุนแค่ $270 แต่เสือกเอามาขายตูตั้ง $499 เหรียญ ค้ากำไรเกินควรนี่หว่า! ฟ้อง สคบ เว้ย กูไม่ยอม!
+1 ฮาเลย
ปล. เม้นด้านบนที่ผมตอบไว้ผมยังไม่ได้อ่านเม้นนี้แฮะ ไม่งั้นคงตอบต่อจากเม้นนี้ :P
Petdo คืออะไรครับ?
+10 อ่านแล้วเก็ตเลย
เมื่อก่อนผมสงสัยว่าแอปเปิ้ลผลิต semiconductor เองเลยเหรอถึงได้ขายแพงมากขนาดนั้น แต่ก็เข้าใจ(นิดนึง)นะ...
สงสัยจะไม่รู้เรื่องการผลิตการขายการตั้งราคาของสินค้าเลย
รู้ได้งัยว่าต้นทุน 270USD คาดการณ์เอาทั้งนั้น
ถึงแม้มันจะออกมาจากโรงงานด้วยต้นทุน 300USD
หาก Apple จะขายที่ 499USD แล้วบอกว่าค้ากำไรเกินควรได้งัย
ยังไม่รวมค่าขนส่ง ค่าโฆษณา กำไร และอื่นๆอีก
สินค้าอื่นๆก็เหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะ iPad ของบางอย่าง
ตั้งราคาแพงคนยังซื้อเลย....พอใจก็ซื้อไม่พอใจก็ไม่ต้องซื้อ
งั้นช่วยตีแผ่หน่อยสิครับ ถ้าคิดว่าข้อมูลมัน 'ไม่รู้จริง'
สงสัยจะไม่เก็ตมุก petdo..
lewcpe.com, @wasonliw
สมมุติผมคิดไว้
ค่าอุปกรณ์ตามข่าว 270$
ค่าประกอบ 20$
ค่าขนส่ง 20$
ค่าการตลาด 30$
ค่าวิจัยและพัฒนา 30$
ค่าประกันอุปกรณ์ 20$
รวมก็ราวๆ 390$
ถ้าตามนี้จริง แปลว่า Apple เน้นเอากำไร App Store + iBook
โดยไม่เอากำไรจากตัวเครื่อง เหมือนเครื่อง Play Station
ข้างบนนี้เป็นราคาสมมุติมามั่วๆ ไม่ต้องซีเรียสนะครับ ^_^
Don't forget about retail cost, which usually is 20-40% of retail prices. (even they have their own retail stores, but most of sales still come from other resellers. )
ผมว่าราคาขายสุดท้าย(ขายปลีก)น่าสนใจกว่าต้นทุนนะ
ดูว่าเราจ่ายไปเท่าไหร และ ได้เรากลับมาเท่าไหร คุ้มกับที่เสียไปไหม
ถ้าคิดคร่าวๆ เอา กำไรหารต้นทุนทั้งหมด
สินค้า Apple กำไรประมาณ 15% ต่อชิ้นได้ครับ
ตัว ipad คงน้อยกว่านี้ไปอีกซักหน่อย Apple คงตั้งใจปั้นตัว e-book store
ถ้ารวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ไปด้วยนี่คงแทบจะไม่กำไรเลย กะเอากำไรจาก apps และ ibook store จริงๆ นะนี่ วางราคา้ฆ่า tablet เจ้าอื่นเลย
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ไม่งั้นเดี๋ยว iPad เข้ายากครับ เพราะอย่าง Amazon นี่ก็กินไปเยอะเหมือนกัน
มาอีกแล้วข่าวเคราะห์(แค่)ต้นทุน Hardware พร้อมกันนั้นหลายคนก็จะบ่นว่า Apple ขายแพง(อีกละ)
ปล.นี่คือสินค้าที่ถูกที่สุดจาก Apple ! เห็นราคาแล้วสาวก(ผม)ตกใจ -w-'
ต้นทุนทางปัญญาของแอปเปิล "ประเมินค่ามิได้" ครับ
ส่วนมากคนดูของชอบคิดแต่ว่าค่าต้นทุนอุปกรณ์มันกี่บาทครับ ไม่ค่อยคิดพวกต้นทุนด้านความคิดและปัจจัยอื่นๆ อย่างเขียนเว็บทุนมันอาจไม่กี่บาทแต่ถ้าคุณจ่ายเท่านั้นจริงคนเขียนเค้าก็อยู่ไม่ได้ครับ และก็จะไม่มีใครทำ ที่กล่าวๆมาไหนจะค่าความเสี่ยงผมว่าหนักนะ เพราะเค้าฟ้องร้องกันโหดไ่ม่เหมือนบ้านเรา