ลือ! iPhone 17 Pro มาพร้อม RAM 12GB, รุ่น Pro Max ขนาด Dynamic Island “แคบลง”

iPhonemod - 7 May 2024 - 11:42

Jeff Pu เผยข้อมูลว่า iPhone 17 Pro อาจมาพร้อมการอัปเกรด […]

The post ลือ! iPhone 17 Pro มาพร้อม RAM 12GB, รุ่น Pro Max ขนาด Dynamic Island “แคบลง” appeared first on iMoD.

YouTube Premium กำลังทดสอบฟีเจอร์ Jump ahead ที่ทำงานด้วยระบบ AI

iPhonemod - 7 May 2024 - 11:33

ล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคม ทาง YouTube Premium ก็ได้เปิดให้ […]

The post YouTube Premium กำลังทดสอบฟีเจอร์ Jump ahead ที่ทำงานด้วยระบบ AI appeared first on iMoD.

ลือ! อุปกรณ์จอพับ Apple ตัวแรก เปิดตัวปี 2025 – 2026

iPhonemod - 7 May 2024 - 11:14

มีรายงานว่าอุปกรณ์จอพับของ Apple ตัวแรกจะเริ่มผลิตจำนวน […]

The post ลือ! อุปกรณ์จอพับ Apple ตัวแรก เปิดตัวปี 2025 – 2026 appeared first on iMoD.

บริษัทขายเครื่องกรองน้ำ โคเวย์ ลาออกจากสมาชิก เครดิตบูโร

Brand Inside - 7 May 2024 - 10:44

บริษัทขายเครื่องกรองน้ำ โคเวย์  ลาออกจากสมาชิก เครดิตบูโร ส่งผลให้ลูกค้าไม่มีชื่อติดเครดิตบูโรอีกต่อไป 

กรณีลูกค้า โคเวย์ ที่ใช้บริการเครื่องกรองน้ำของบริษัท มียอดค้างชำระจากการที่บริษัทคีย์ข้อมูลไม่ครบ ส่งผลให้ลูกค้าติดเครดิตบูโร ล่าสุดบริษัท โคเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด  ออกมาชี้แจงว่าได้ลาออกจากสมาชิกเครดิตบูโรแล้ว

บริษัท โคเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ชี้แจงว่า บริษัทฯ ตระหนักถึงผลกระทบของลูกค้าบางท่าน ดังที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการขอประชุมวาระเร่งด่วน กับ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เพื่อหารือและชี้แจงในรายละเอียดต่างๆ และได้รับความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาให้แก่ลูกค้าทุกท่านได้เป็นที่เรียบร้อย โดยทางบริษัทฯ จะลาออกจากการเป็นสมาชิกของเครดิตบูโร ซึ่งจะมีผลทำให้ลูกค้าผู้ขอสินเชื่อ (การบริการ subscription รายเดือน) ของบริษัทฯ ทุกรายจะไม่มีชื่อและข้อมูลที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท โคเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด อยู่ในระบบฐานข้อมูลของเครดิตบูโรอีกต่อไป ซึ่งการดำเนินการนี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. 2567 เป็นต้นไป

บริษัทฯ ขออภัยในความไม่สะดวกต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ และขอเน้นย้ำว่าบริษัทฯ น้อมรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าทุกท่านอยู่เสมอ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าทุกปัญหาของลูกค้าโคเวย์ จะได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งทางบริษัทฯ ได้นำข้อเสนอแนะจากเหตุการณ์ในครั้งนี้มาใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการ แก่ลูกค้าทุกท่านให้ดียิ่งขึ้นต่อไป หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสำนักงานขายและศูนย์บริการตามเบอร์โทรศัพท์ในโพสต์นี้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ผ่านช่องทาง LINE Official : @Coway-Thailand Email: cowaythailandofficial@coway.co.th หรือ Call Center 1421 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post บริษัทขายเครื่องกรองน้ำ โคเวย์ ลาออกจากสมาชิก เครดิตบูโร first appeared on Brand Inside.
Categories: Blognone Network

Gemini อาจรองรับให้สามารถเพิ่มไฟล์ PDF ได้!

iPhonemod - 7 May 2024 - 10:00

สำหรับใครที่ใช้งาน Gemini อยู่ ในอนาคตอาจจะมีการรองรับใ […]

The post Gemini อาจรองรับให้สามารถเพิ่มไฟล์ PDF ได้! appeared first on iMoD.

[ลือ] iPhone แบบพับได้อาจตีตลาดควบคู่ หรือไม่ก็เปิดตัวในฐานะ iPhone 18 ปี 2026?!

MacThai - 7 May 2024 - 10:00

นักวิเคราะห์แอปเปิลอย่าง Jeff Pu จาก Hatton International Securities เชื่อกันว่าไอโฟนแบบพับได้ รวมถึง MacBook Pro แบบ All-screen พับได้คาดว่าจะมีไทม์ไลน์เปิดตัวเร็วกว่าที่คิดครับ

หลังจากที่มีข่าวลือมานานว่าไอโฟนแบบพับได้กำลังพัฒนา และจะเปิดตัวแบบไม่ซ้ำปี เพราะข่าวลือก็มักจะบอกว่า “ปีหน้า” ไปเรื่อย ๆ  แต่ล่าสุดก็มีอัปเดตมาว่า MacBook Pro แบบ All-screen พับได้จะเปิดตัวก่อนในปี 2025 แล้วค่อยตามมาด้วยไอโฟนแบบพับได้ในอีกหนึ่งปีต่อมา

ซึ่งไอโฟนพับได้นั้นอาจมีโอกาสที่จะมาพร้อมกับ iPhone 18 หรือไม่ก็เปิดตัวสู่ตลาดในฐานะ iPhone 18 ปี 2026 เลยก็ได้เช่นกันครับ

แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนมากนักว่าทำไม Jeff Pu ถึงเชื่อว่า MacBook Pro แบบพับได้จะเปิดตัวก่อน ทั้ง ๆ ที่อุปกรณ์ที่เล็กกว่าอย่างไอโฟนน่าจะมีความท้าทายด้านวิศวกรรม และการผลิตน้อยกว่าอุปกรณ์ที่มีฟอร์มแฟกเตอร์ขนาดใหญ่ การเปิดตัวหลังไอโฟนพับได้ในปี 2026 หรือ 2027 น่าจะเป็นไปได้มากกว่า

ส่วนไอโฟนพับได้ Pu เองก็คาดว่ามีขนาด 7.9 นิ้วหรือ 8.3 นิ้วเมื่อกางจอออก ซึ่งจะมีขนาดพอ ๆ กับ iPad mini ที่จะมีความกว้างมากขึ้น แต่ไม่สูงเท่า iPhone 15 Pro Max ที่มีอยู่ และยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มว่าตัวเครื่องจะมีความหนาขนาดไหนครับ

ตามมาด้วย MacBook Pro แบบพับได้ทั้งหน้าจอจะมีขนาด 20.3 นิ้ว โดยจะมีขนาดความกว้างและความยาวอยู่ระหว่าง MacBook Pro รุ่น 14 นิ้วและ 16 นิ้ว แต่ก็ยังขึ้นอยู่กับการจัดการกับบริเวณบานพับ รวมถึงความหนาของอุปกรณ์ก็ยังเป็นปริศนาเช่นกัน

ที่มา – https://appleinsider.com/articles/24/05/06/all-screen-macbook-pro-and-iphone-fold-get-new-and-aggressive-rumored-launch-timetable

The post [ลือ] iPhone แบบพับได้อาจตีตลาดควบคู่ หรือไม่ก็เปิดตัวในฐานะ iPhone 18 ปี 2026?! appeared first on Macthai.com.

Categories: Partners

พบเบาะแส Apple Pencil Pro ลุ้นเปิดตัวในงาน “Let Loose”

iPhonemod - 7 May 2024 - 07:07

มีรายงานการพบข้อมูล Apple Pencil Pro ในชุดคำสั่งบนเว็บไ […]

The post พบเบาะแส Apple Pencil Pro ลุ้นเปิดตัวในงาน “Let Loose” appeared first on iMoD.

Amazon Web Services ขี่คลื่นการเงินไทยเติบโต ลุยลูกค้าทั้งระดับสตาร์ตอัปถึงกลุ่มธนาคารใหญ่

Brand Inside - 6 May 2024 - 14:45

Amazon Web Services หรือ AWS มีการทำตลาดในประเทศไทยมาระยะหนึ่ง และบุกตลาดด้วยความแข็งแกร่งเรื่องคลาวด์ กับบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดึงลูกค้าตั้งแต่กลุ่มสตาร์ตอัป จนถึงองค์กรขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เข้ามาใช้งาน

หนึ่งในลูกค้าสำคัญของ AWS ในประเทศไทยคงไม่พ้นกลุ่มบริการทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นสตาร์ตอัปด้านฟินเทค ไปจนถึงธนาคารยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย เพราะธุรกิจเหล่านี้ให้ความสำคัญกับการลงทุนเกี่ยวกับคลาวด์ และการวิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ

วันนี้ Brand Inside มีโอกาสพูดคุยกับ วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ AWS เพื่อฉายภาพให้เห็นถึงการบุกตลาดลูกค้ากลุ่มบริการทางการเงิน รวมถึงโอกาสทางธุรกิจ และทิศทางเกี่ยวกับความต้องการอื่น ๆ ของลูกค้ากลุ่มบริการทางการเงินในประเทศไทยดังนี้

AWSวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ AWS ดิจิทัลตอบโจทย์การเงินยุคใหม่

วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ AWS เล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันธนาคารต่าง ๆ ในประเทศไทยมีการให้ความสำคัญกับโลกดิจิทัลมากขึ้น และกล้าที่จะนำเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่มามาตอบโจทย์บริการทางการในฝั่งดิจิทัล เช่น Web3 และ Blockchain มาประยุกต์ใช้เพื่อตอบโจทย์การใช้บริการทางการเงินยุคใหม่

อย่างไรก็ตาม ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวยังต้องการนำเทคโนโลยีคลาวด์ไปตอบโจทย์การใช้งานรูปแบบต่าง ๆ เช่นเดิม ผ่านการปรับแต่งได้อย่างอิสระ ตอบโจทย์การใช้งานในแต่ละช่วงเวลาได้ ซึ่งเป็นแบบนี้ทั้งกลุ่มลูกค้าธนาคาร, นักลงทุนสถาบัน, ประกัน รวมถึงบริการรับชำระเงิน

“กระแสต่าง ๆ ทำให้อุตสาหกรรมบริการทางการเงินยังเดินหน้าไปในบริการเกี่ยวกับคลาวด์ ไม่ว่าจะเป็นการทำบริการต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละแง่มุมมากขึ้น และที่เห็นได้ชัดคือ ประกัน ที่ปัจจุบันมีความหลากหลาย และการใช้งานผ่านดิจิทัลกลายเป็นเรื่องปกติ รวมถึง บริการชำระเงิน ที่นำ AI เข้ามาตรวจสอบธุรกรรมเช่นกัน”

AWS

ยิ่งหลากหลายที่ต้องไปดิจิทัล

ขณะเดียวกันฝั่งผู้บริโภคเองมีความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้ผู้ให้บริการทางการเงินมีความจำเป็นต้องลงทุนในมุมดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นตาม ไม่ว่าจะเป็น บริการแชตบอต, การใช้บริการในรูปแบบเว็บเบส และโมบาย, การใช้งานสมาร์ตดีไวซ์ต่าง ๆ เพื่อยกระดับการใช้ชีวิต รวมถึงการเข้าถึงคอนแทคเซ็นเตอร์ที่พร้อมแก้ปัญหาได้เร็ว

“มีการสำรวจพบว่า 62% ของผู้นำตลาดเกี่ยวกับบริการทางการเงินให้เหตุผลว่า การขยับไปใช้บริการคลาวด์มาจากการช่วยเพิ่มรายได้ในอนาคตได้ รวมถึงเรื่องการสร้างผลกำไรในอนาคตเช่นกัน แสดงให้เห็นว่าการลงทุนด้านคลาวด์ไม่ได้ช่วยแค่ประหยัดต้นทุน”

ทั้งนี้ AWS อยู่เบื้องหลังธุรกิจบริการทางการเงินทั่วโลกในด้านคลาวด์ และบริการดิจิทัลอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Capital One, Standard Chartered, HSBC, BBVA และ SGX เป็นต้น ส่วนในประเทศไทยมีทั้งธนาคารกรุงศรี, ทรูมันนี่ รวมถึง มันนิกซ์ สตาร์ตอัปที่ให้บริการสินเชื่อดิจิทัลรายย่อยในชื่อ Finnix ที่ใช้บริการ

AWS

ใช้คลาวด์รับสังคมไร้เงินสดโต

หากเจาะไปที่ประเทศไทยจะพบว่า ช่วงปี 2020-21 มีจำนวนธุรกรรมผ่านพร้อมเพย์เติบโตถึง 4 เท่าตัว และมีผู้ใช้งานใหม่กว่า 9 ล้านราย แต่ถึงอย่างไรครัวเรือน และภาคธุรกิจต่าง ๆ ยังชื่นนิยมใช้เงินสด และเช็ค รวมถึงยังใช้บริการที่สาขา กับตู้ ATM ประกอบกับ SME ถึง 60% ยังไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อ

นอกจากนี้มากกว่า 60% ของ SME ในประเทศไทยยังไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินต่าง ๆ ทำให้การนำการประเมินความเสี่ยงผ่านดิจิทัลจะช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อได้เช่นกัน เมื่อประกอบกับครัวเรือนไทย 97% เคยใช้งานบริการต่าง ๆ ของสถาบันการเงิน ก็ยิ่งต้องพัฒนาระบบให้รองรับการใช้งานได้ดีขึ้น

ตัวอย่างสถาบันการเงินที่เร่งเครื่องเรื่องบริการดิจิทัล เช่น ธนาคารกรุงศรี ที่จะเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ และใช้ดิจิทัลพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด ผ่านเป้าหมายเพิ่มฐานลูกค้าอีก 50% เป็น 15 ล้านรายภายใน 3 ปี และมีถึง 12 ล้านรายที่จะใช้งานแพลตฟอร์มดิจิทัลของธนาคาร รวมถึงมีการใช้ AI ในบริการสินเชื่อด้วย

AWS

ดิจิทัลสำคัญต่อสตาร์ตอัปการเงิน

อีกตัวอย่างคือ มันนิกซ์ ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อย Finnix ที่ต้องการทำตลาดกับกลุ่มคนรายได้น้อยที่เข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินไม่ได้ และมีมากกว่า 36 ล้านรายในประเทศไทย โดยการประเมินความเสี่ยงสินเชื่อนั้นใช้งานดิจิทัลทั้งหมด ปัจจุบันมีลูกค้ากว่า 3 ล้านราย และให้สินเชื่อไปแล้วกว่า 18,000 ล้านบาท หลังก่อตั้งปี 2020

“ตอนนี้ Finnix ใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจ ไม่ได้มีคนมาช่วยในเรื่องนี้ ทำให้เราปรับตัวได้ไว และอยู่รอดมาถึงตรงนี้ได้ ซึ่งก็พิสูจน์ได้เช่นกันว่า เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเรื่องความปลอดภัยได้จริง ถึงเราไม่มีสาขา ไม่มีตัวแทน แต่ก็พร้อมเดินหน้าธุรกิจได้” ถิรนันท์ อรุณวัฒนกูล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ มันนิกซ์ กล่าว

ทั้งนี้ มันนิกซ์ ใช้บริการคลาวด์ของ AWS มาตั้งแต่เริ่มธุรกิจ ส่วนธนาคารกรุงศรี ใช้งานคลาวด์ของ AWS มานาน 3-4 ปี โดยการทำงานน้อยกว่าครึ่งหนึ่งนั้นอยู่บนคลาวด์ โดยเฉพาะกับ Core Banking ที่ยังต้องตั้งในธนาคาร เพราะเป็นระบบสำคัญที่สุด

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post Amazon Web Services ขี่คลื่นการเงินไทยเติบโต ลุยลูกค้าทั้งระดับสตาร์ตอัปถึงกลุ่มธนาคารใหญ่ first appeared on Brand Inside.
Categories: Blognone Network

[ลือ] กล้องสแกน Face ID ใต้จอ จะนำไปใช้กับ iPhone 18 Pro ปี 2026!?

MacThai - 6 May 2024 - 10:00

จากเดิมที่มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับกล้องสแกน Face ID ใต้จอของไอโฟนรุ่นที่ดูเหมือนจะห่างออกไปเรื่อย ๆ หนึ่งปีเสมอ ตอนนี้ก็คาดว่าจะถูกเลื่อนไปใช้กับ iPhone 18 Pro ปี 2026 ด้วยครับ

โดยในตอนแรกนักวิเคราะห์ด้านจออย่าง Ross Young ได้อ้างว่ากล้องใต้จอที่ใช้สแกน Face ID ของแอปเปิลจะมาแทนรอยบากบนกล้องหน้าปกติที่มีอยู่เดิมของ iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max

แต่เขาก็มีอัปเดต และปรับเปลี่ยนข่าวลือนั้นเล็กน้อยว่า Face ID ที่สามารถสแกนใต้จอได้จะถูกเลื่อนออกไปเป็นปี 2026 ซึ่งตรงกับไทม์ไลน์การเปิดตัว iPhone 18 พอดี

และหาก Ross Young คาดการณ์ถูกต้อง ก็จะทำให้ทั้ง  iPhone 18 Pro และ iPhone 18 Pro Max ปี 2026 เป็นไอโฟนเครื่องแรกที่จะมีกล้องใต้จอไว้สแกน Face ID และหน้าจอก็จะไร้รอยบากด้วย ส่วนรุ่นที่ไม่ใช่รุ่นโปรก็อาจจะยังไม่มีกล้องแบบนี้

หรือจนกว่าจะถึงช่วงเปิดตัว iPhone 19 ในช่วงปลายปี 2027 ไม่แน่แอปเปิลก็อาจจะอัปเกรดให้ไอโฟนซีรีส์นั้นทุกรุ่นมีฟีเจอร์นี้ เพราะยังไงก็คงหาวิธีกำจัดรอยบากอยู่แล้วครับ

นอกจากนี้  iPhone 17 ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก ก็คือการเปลี่ยนจากโพลีซิลิคอนอุณหภูมิต่ำ (LTPS) ไปเป็นโพลีคริสตัลไลน์ออกไซด์อุณหภูมิต่ำ (LTPO) กับทุกรุ่นในปี 2025 เพราะนับตั้งแต่ iPhone 14 Pro จอแสดงผลLTPO คือสิ่งที่ช่วยให้รุ่นโปรสามารถใช้โหมด Always-on แบบรักษาอายุแบตเตอรี่ได้นั่นเอง

ที่มา – https://appleinsider.com/articles/24/05/04/under-screen-face-id-allegedly-pushed-back-to-2026-iphone-17-pro

The post [ลือ] กล้องสแกน Face ID ใต้จอ จะนำไปใช้กับ iPhone 18 Pro ปี 2026!? appeared first on Macthai.com.

Categories: Partners

วิจัยชี้ สหภาพยุโรปอาจขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าเป็น 55% ป้องกันแบรนด์จีนแย่งแชร์ผู้ผลิตท้องถิ่น

Brand Inside - 5 May 2024 - 16:21

บริษัทสำรวจ และวิจัย Rhodium Group คาดการณ์ว่า สหภาพยุโรป หรือ EU อาจยกเพิ่มค่าธรรมเนียมการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนไปที่ 55% เพื่อป้องกันแบรนด์จีนแย่งส่วนแบ่งในตลาดนี้จากผู้ผลิตรถยนต์ในกลุ่มยุโรป เพราะเดิมที่จัดเก็บอยู่ราว 10% ทำให้แบรนด์จีนมีส่วนต่างอัตรากำไรต่อคันที่สูงถึง 35%

BYD

EU อาจขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีน

สำนักข่าว CNBC รายงานโดยอ้างอิงผลวิจัยจาก Rhodium Group ว่า แม้หลังจากนี้สหภาพยุโรป หรือ EU อาจปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนเป็น 15-30% แต่ตัวเลขดังกล่าวอาจไม่เพียงพอต่อการลดโอกาสทางธุรกิจจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน รวมถึงช่วยเหลือผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มประเทศยุโรป

หากอ้างอิงตัวเลขปัจจุบันที่การนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนมาจำหน่ายในประเทศกลุ่มสหภาพยุโรปจะต้องเจอกับอัตรานำเข้า 10% รถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Seal U ของ BYD ที่นำเข้ามาจำหน่ายในยุโรปราคา 42,000 ยูโร จะมีคาดการณ์กำไรต่อคันที่ 14,300 ยูโร ซึ่งมากกว่าในประเทศจีนที่จำหน่ายราคา 20,500 ยูโร แต่กำไรต่อคัน 1,300 ยูโร

และถึงจะเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าเป็น 30% อัตรากำไรต่อคันของรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนก็ยังเป็นที่น่าพอใจอยู่ดี แม้ว่าปัจจุบัน BYD จะเริ่มปรับลดราคาเพื่อเพิ่มโอกาสการแข่งขันในพื้นที่ยุโรป ตัวอัตรากำไรต่อคันก็ยังน่าพอใจเช่นเดิม ดังนั้นหาก EU ต้องการแก้ปัญหานี้จริง ๆ อาจต้องเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าเป็น 45-55%

เช็คบิลการสนับสนุน เหตุกระทบผู้ผลิตในยุโรป

ในทางกลับกัน คณะกรรมาธิการยุโรป หรือ European Commission อยู่ระหว่างการตรวจสอบมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนเมื่อปี 2023 เนื่องจากมาตรการดังกล่าวอาจช่วยเพิ่มรถยนต์ไฟฟ้าราคาคุ้มค่าจากจีนมากเกินไป และไม่เป็นผลดีต่อผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มสหภาพยุโรป

ที่มาของปัญหานี้ต้องย้อนไปถึงมาตรการการสนับสนุนผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น แบตเตอรี่ ของรัฐบาลจีนตั้งแต่ต้นทศวรรษ 2010s เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างสตาร์ตอัปรถยนต์ไฟฟ้า และผู้ผลิตชิ้นส่วนราคาประหยัดจำนวนมาก และเกือบทั้งหมดสามารถก้าวขึ้นมามีบทบาทในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในระดับโลก

ขณะเดียวกันการถูกทางการสหรัฐอเมริกากีดกันทางการค้า ทำให้แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนให้ความสำคัญในตลาดยุโรปมากขึ้น เพื่อชดเชยโอกาสทางธุรกิจที่หายไป จนมีหน่วยงานคมนาคม และสิ่งแวดล้อมในยุโรปคาดว่า แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนจะมีส่วนแบ่งในกลุ่มสหภาพยุโรป 11% ในปี 2024 และเพิ่มเป็น 20% ในปี 2027

หากขึ้นภาษีก็กระทบผู้ผลิตท้องถิ่นที่ตั้งฐานในจีน

อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของยุโรป เช่น BMW มีการตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในจีนเพื่ออาศัยต้นทุนที่ถูก และภาษีที่คุ้มค่า เพื่อนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีนมาจำหน่ายในกลุ่มสหภาพยุโรป จนหากนับรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดที่ผลิตในจีนจะมีสัดส่วนมากกว่า 25% ของรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดที่จำหน่ายในกลุ่มสหภาพยุโรป

ดังนั้นหากมีการขึ้นภาษีนำเข้าย่อมกระทบกับผู้ผลิตแบรนด์ท้องถิ่นเช่นกัน รวมถึง Tesla ที่มีการใช้กลยุทธ์ดังกล่าวเพื่อทำตลาดในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปด้วย แต่ถึงอย่างไรกลุ่มผู้ผลิตต่าง ๆ ของยุโรป เช่น Volkswagen, BMW และ Mercedes-Benz ต่างมีโรงงานผลิตในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปอยู่แล้ว

ทั้งนี้จากความเป็นไปได้เรื่องการขึ้นภาษีนำเข้า ทำให้แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนเริ่มวางแผนตั้งโรงงานในประเทศของกลุ่มสหภาพยุโรปมากขึ้น เช่น BYD ที่อยู่ะรหว่างเดินหน้าสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศฮังการี

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post วิจัยชี้ สหภาพยุโรปอาจขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าเป็น 55% ป้องกันแบรนด์จีนแย่งแชร์ผู้ผลิตท้องถิ่น first appeared on Brand Inside.
Categories: Blognone Network

Apple ปล่อยโฆษณา “Find Your Friends” กับธีม Star Wars บน iPhone 15!

MacThai - 5 May 2024 - 10:00

แอปเปิลได้ปล่อยวิดีโอโฆษณาเพื่อโปรโมตฟีเจอร์ “Find Your Friends” ใหม่บน iPhone 15 แต่! ไม่ได้เป็นการโปรโมตฟีเจอร์แบบธรรมดาว่าใช้งานเพื่อตามหาเพื่อนที่ใช้ไอโฟนด้วยกันได้ยังไง เพราะยังมีธีมโฆษณาเป็นภาพยนตร์เรื่อง Star Wars ด้วยครับ

ใครเป็นแฟน Star Wars หรือแฟน Mandalorian ก็น่าจะถูกใจสิ่งนี้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นการจำลองสถานการณ์ไปเจอเพื่อนที่เข้าถึงง่าย และคอลแลบร่วมกันกับธีมได้ลงตัวแบบครีเอทีฟสุด ๆ

เพราะมี Mandalorian ที่กำลังใช้ไอโฟน และฟีเจอร์ Find Your Friends ตามหาเพื่อนที่แต่งคอสตูมเหมือนกัน และระหว่างทางต้องเดินทางไปรวมแก๊งคอสเพลย์ด้วยกัน ก็เลยมีฟีเจอร์นี้ของ iPhone 15 เข้ามาเป็นสื่อกลาง เพื่อให้เหล่า Mandalorian ได้เจอกัน

ซึ่งการใช้งานก็บอกครบทั้งวิธีการใช้ฟีเจอร์ Find Your Friends แบบเนียน ๆ สอดแทรกเข้าไป ว่าจะต้องมี iPhone 15 เพื่อที่จะใช้ค้นหาตำแหน่งของเพื่อน เช่นเดียวกับ AirTag ที่รองรับการค้นหาอย่างแม่นยำ ฟีเจอร์นี้ก็จะมีลูกศรบอกทางบนหน้าจอ พร้อมกับระยะทางที่ห่างจากตำแหน่งของเพื่อนด้วยครับ

สามารถรับชมโฆษณาแบบเต็มได้ที่นี่: https://youtu.be/yk6UVnMn9ts

ที่มา – https://www.macrumors.com/2024/05/03/iphone-15-find-your-friends-ad/

The post Apple ปล่อยโฆษณา “Find Your Friends” กับธีม Star Wars บน iPhone 15! appeared first on Macthai.com.

Categories: Partners

KBank Private Banking เปิดแผนกลยุทธ์ลงทุนปี 2567 ท่ามกลางตลาดผันผวน

Brand Inside - 4 May 2024 - 23:07

KBank Private Banking เปิดแผนกลยุทธ์ลงทุนปี 2567

ดร.ตรีพล ภูมิวสนะ Senior Managing Director, Private Banking Business Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย ระบุว่า ทำ KBank Private Banking มา 5 ปีแล้ว เราเชื่อว่า Private Asset สามารถลดความผันผวนให้ลูกค้าได้ 

ดร.ตรีพล ภูมิวสนะ

เนื่องจากสถิติ Private Equity จะให้ผลตอบแทนสูงกว่า Public market, โดย Private Equity และ Private Infrastructure ช่วยกระจายความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ, เพิ่มทางเลือกและโอกาสเข้าการลงทุนที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทเอกชนหลายๆ บริษัทชะลอการเข้า IPO หลังเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น

KBank Private BankingKBank Private Banking

หลายปีที่ผ่านมาออกมาแล้ว 10 กอง แบ่งได้ดังนี้ 6 กอง คือกลุ่มหุ้นนอกตลาด (Private Equity Fund) เราขายแต่เพียงผู้เดียว, 3 กอง คือกลุ่มอสังหาริมทรัพย์นอกตลาด (Private Real Estate Fund) แบ่งเป็นทั่วโลกและอีก 2 กองคือกองในไทย โดยเป็นการออกกองทุนมาในไทยช่วงโควิด ช่วงที่คอนโดไม่มีใครโอน ยอดโอนต่ำ, กอง HOMA ทำอพาร์ทเมนท์เพื่อขาย เหมือนโรงแรม ให้คนอยู่ 10-12 เดือนและเอากองออกขาย ส่วนอีก 1 กอง คือหนี้นอกตลาด (Private Credit Fund) ใน 2 ปีก่อนหน้านี้ก็ถือว่าเป็นเจ้าแรกที่ทำกองทุนหนี้นอกตลาด

KBank Private Banking

ตัวอย่างความสำเร็จ คือกองทุนหุ้นนอกตลาดทั่วโลก มีผลตอบแทน 58.67% มีการไปลงทุนในร้านอาหาร NARA Thai Cuisine ให้ผลตอบแทน +20% นับจากวันที่เริ่มลงทุนซึ่งในช่วงเวลาเดียวกัน เมื่อเทียบกับเครือร้านอาหารไทยที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ขาดทุนกว่า 25%

ข้อดีของ Private asset คือช่วยทำให้ลูกค้าได้ผลตอบแทน กระจายความเสี่ยง ช่วยให้เศรษฐกิจเดินต่อไปได้ ถ้าลูกค้าเข้าใจการลงทุนระยะยาวแบบนี้ 5-10 ปีข้างหน้า ก็จะมีอะไรที่สามารถพัฒนาในเมืองไทยได้

KBank Private Banking

KBank Private Banking

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน 3 เรื่องหลัก

1) การจัดพอร์ตแบบ Core and Satellite เป็นครั้งแรก หนึ่งเดียวโดย KBank Private Banking โดย Core Portfolio (Semi-Liquid) แบ่งเป็น Private Equity 50%, Private Credit 40%, Infrastructure 10% พอร์ตสินทรัพย์นอกตลาดจะเป็นกองทุนสินทรัพย์นอกตลาดกึ่งสภาพคล่อง ที่ลงทุนเพิ่มได้ทุกเดือน ขายหน่วยลงทุนได้เป็นรายไตรมาส มีล็อกเงินลงทุน 12-18 เดือน ได้พาร์ทเนอร์กับผู้จัดการกองทุนระดับโลก อย่าง EQT และ Apollo ถือเป็นพัฒนาการสำคัญที่เสนอให้ลูกค้าส่วนบุคคลลงทุนได้

โฟกัสเป็นประเทศ, Healthcare, Opportunistic เช่น เห็นคอนโดขายไม่ได้ ก็ทำกองขึ้นมา, Climate Change เทรนด์ใหญ่ที่บริษัทต้องปรับโครงสร้างโรงงานให้ส่งออกไปยุโรปได้, Real Estate ไทยวันนี้มีแต่คนขายโรงแรม ที่ดิน ถ้าจะให้ราคาไม่ทรุดไปมาก ต้องหาคนที่มีกำลังซื้อเข้ามา ให้มันไปต่อได้ มี Venture Capital ปีที่แล้วออกไปแล้ว คิดว่าจะมีใหม่อีก, นอกนั้นก็มีเรืองเทคโนโลยีและบริษัทก่อนเข้าตลาด

KBank Private Banking

KBank Private Banking

2) ออกแบบพอร์ตการลงทุนที่สร้างให้เฉพาะคุณ (Tailor-Made Portfolio Management) จะเริ่มมี semi-liquid เรามาจัดให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ตรงกับความเสี่ยงที่รับได้ ออกแบบพอร์ตการลงทุนที่สร้างให้เฉพาะคุณ มีทั้ง Core Portfolio, Satellite Funds และ Co-Investments

นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดคือลงทุนหุ้นจีน ถ้าคุณสามารถเก็บยาว 7-8 ปีได้ ตัวอย่างการออกแบบพอร์ตการลงทุน ตามเป้าหมายลงทุนของลูกค้า นักลงทุนที่ไม่เคยลงทุนใน Private Assets อาจเริ่มต้นด้วย Core Portfolio โดยนักลงทุนที่มีระยะเวลาการลงทุนที่ยาวนานขึ้น สามารถเพิ่มสัดส่วน การถือครองใน Satellite ได้ ซึ่งสัดส่วน Satellite จะมีระยะเวลาการล็อกเงินลงทุนไว้ยาวนานกว่า ผลตอบแทนที่คาดหวังสูงกว่าและความผันผวนของราคาต่ำกว่า

KBank Private Banking

3) ผนึกกำลังกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก (Partner with the Best) นำของดีระดับโลกสู่นักลงทุนไทย เช่น ผนึกกำลังกับบริษัทสินทรัพย์นอกตลาดชั้นนำ (Private Equity-PE) อย่าง EQT, GOLDMAN SACHS และ APOLLO สร้าง Ecosystem การลงทุนที่แข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนมีทางเลือกที่หลากหลาย

แต่ละกองมีล็อคอัพ ล็อคเงินลงทุน เพิ่มสภาพคล่อง ซื้อได้ทุกเดือน ขายคล่องทุกไตรมาส แก้ปัญหาการเข้าถึงขั้นต่ำเข้าถึงการลงทุนที่หลากหลาย

KBank Private Banking

EQT สัญชาติสวีเดน อันดับ 3 ของโลก

ก่อตั้งมาแล้ว 30 ปี มีสินทรัพย์กว่า 2.3 แสนล้านยูโร มี Active funds มากกว่า 50 กอง และมีพนักงานกว่า 1,800 รายกว่า 20 ประเทศ มีการลงทุนหลากหลาย ทั้งในด้าน Healthcare, Infrastructure, Technology ตัวอย่างบริษัท SHL Medical มีการคาดการณ์ว่าอีก 5-10 ปีข้างหน้า โลกเราจะมีคนอ้วนน้อยลง มันมีปากกาที่ฉีดอินซูลิน ที่ปักไปแล้วจะหิวน้อย เทคโนโลยีนี้ จะทำส่วนตัวง่ายขึ้น เช่น Molly อยู่ในกองนี้กว่า 10%

มีการลงทุนในบริษัท Indira IVF ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจเด็กหลอดแก้วโตเร็วมาก เวลาเศรษฐกิจโตไว ส่วนใหญ่ผู้หญิงต้องเลือกระหว่างครอบครัวกับงาน ผู้หญิงที่มีครอบครัวอายุมากขึ้น IVF เข้ามามีส่วนสำคัญ มันจะตามมากับประเทศที่เศรษฐกิจโตเร็ว กลุ่มเป้าหมายคือมีรายได้ปานกลาง ประชากรยังเยอะอยู่ ทำให้คนในอินเดียเยอะมาก กลุ่มที่อยากมีลูกแต่ไม่มีลูกคือกลุ่ม Middle Income และ Upper หลายบริษัทจะชอบธีมที่มีแรงส่งอีกยาว แบบนี้ คุณหมอ Indira IVF

KBank Private Banking

APOLLO บริษัทชั้นนำด้านการจัดสินทรัพย์

มียอดการปล่อยสินเชื่อนอกตลาดอันดับ 1 ของโลก มีมูลค่ารวม 4.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐนอกจากนี้ก็มีแผนจะร่วมมือกับ Goldman Sachs เพื่อสร้าง Ecosystem ในการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาดที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

ท่ามกลางความผันผวนสูงในตลาดทุนทั่วโลก ทำให้โอกาสในการลงทุนสินทรัพย์ทางเลือกอย่างสินทรัพย์นอกตลาดน่าสนใจยิ่งขึ้น

ที่มา – KBank Private Banking

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post KBank Private Banking เปิดแผนกลยุทธ์ลงทุนปี 2567 ท่ามกลางตลาดผันผวน first appeared on Brand Inside.
Categories: Blognone Network

BYD เตรียมลงทุน 47,000 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศอินโดนีเซีย

Brand Inside - 4 May 2024 - 14:39

BYD ประกาศลงทุน 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 47,000 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศอินโดนีเซีย โดยโรงงานดังกล่าวอยู่ที่จังหวัด West Java ห่างจากกรุง Jakarta ราว 2 ชม. และจะเริ่มขึ้นไลน์ผลิตได้ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2026 และคาดว่าจะมีกำลังผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 1.5 แสนคัน/ปี

BYDภาพจาก BYD Indonesia BYD ลงทุนตั้งโรงงานในประเทศอินโดนีเซีย

สำนักข่าว Tech in Asia รายงานว่า การลงทุนครั้งล่าสุดของ BYD ถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์อีกรายที่เข้ามาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ประเทศอินโดนีเซียในช่วงนี้ เพราะเมื่อปี 2022 Hyundai รวมถึง Wuling จากเกาหลีใต้ และจีนตามลำดับ ต่างมาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก่อนแล้ว

โรงงานดังกล่าว BYD ได้ร่วมมือกับ Suryacipta Swadaya กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมของ Surya Internusa Group ซึ่งโรงงานนี้ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรม Subang Smartpolitan ของ Suryacipta Swadaya เช่นกัน แถมเตรียมจ้างงานกว่า 1,000 ตำแหน่ง เพื่อเดินหน้าธุรกิจด้วย

ก่อนหน้านี้ Airlangga Hartarto รัฐมนตรีกระทรวงประสานงานเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย เคยแจ้งเมื่อเดือน ม.ค. 2024 ว่า BYD มีแผนการสร้างโรงงาน แต่เวลานั้นยังไม่มีรายละเอียดใด ๆ ควบคู่ไปกับ Eagle Zhao ประธาน BYD อินโดนีเซีย แจ้งว่า บริษัทเตรียมขยายช่องทางจำหน่ายสู่ 50 แห่ง ภายในสิ้นปี 2024

ปัจจุบัน BYD ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นระดับโลกในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า และเตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 3 รุ่นใหม่เพื่อทำตลาดในอินโดนีเซียภายในปี 2024 ทั้งยังปิดดีลกับ Blue Bird ผู้ให้บริการรถแท็กซี่ท้องถิ่น เพื่อเข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์ด้านรถยนต์ไฟฟ้าให้กับบริษัทดังกล่าว

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ปี 2022 BYD ได้รับอนุมัติการลงทุนจาก BOI มูลค่า 17,900 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย โรงงานดังกล่าวจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ 1.5 แสนคัน/ปี นับตั้งแต่ปี 2024 ตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง ผ่านการร่วมมือกับ WHA Group และจะผลิตเพื่อขายในไทย และส่งออกไปประเทศต่าง ๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในไตรมาส 1 ของปี 2024 BYD สามารถก้าวขึ้นเป็นแบรนด์รถยนต์ที่ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าล้วน หรือ BEV (Battery Electric Vehicle) ได้มากที่สุดในโลกที่ 5.26 แสนคัน ถือเป็นครั้งแรกที่แซงหน้าอันดับหนึ่งอย่าง Tesla ที่ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าล้วนได้ 4.94 แสนคัน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post BYD เตรียมลงทุน 47,000 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศอินโดนีเซีย first appeared on Brand Inside.
Categories: Blognone Network

Pages