ชี้พิกัด! แอปทำรูป P2S สุดฮิต แบบฟรีไม่เสียเงิน

iPhonemod - 5 April 2024 - 16:02

ช่วงนี้กระแสการทำรูป P2S กำลังมาแรงบน TikTok วันนี้ทีมง […]

The post ชี้พิกัด! แอปทำรูป P2S สุดฮิต แบบฟรีไม่เสียเงิน appeared first on iMoD.

กำไรดำเนินงานโต 900%! Samsung เตรียมแจ้งในไตรมาส 1 นี้ หลังหน่วยธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ฟื้นตัว

Brand Inside - 5 April 2024 - 15:13

Samsung แจ้งอย่างเป็นทางการว่า กำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 1 ของปี 2024 มีโอกาสเติบโตมากกว่า 900% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากหน่วยธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์สามารถทำกำไรได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

samsung

Samsung กำไรจากการดำเนินงานโตกระฉูด

Samsung หนึ่งในผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายสำคัญของโลก คาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานของไตรมาส 1 ปี 2024 ที่ 6.6 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 931.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวม 71 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 11.4% ซึ่งตัวเลขกำไรจากการดำเนินงานนั้นมากกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ แต่รายได้นั้นไม่ถึง

หากเทียบระหว่างไตรมาส 1 ปี 2024 กับไตรมาสก่อนหน้านี้ กำไรจากการดำเนินงานจะเติบโตราวเท่าตัว และรายได้เติบโต 4.8% โดย Samsung จะแจ้งผลประกอบการอย่างเป็นทางการอีกครั้งภายในเดือน เม.ย. 2024 โดยนักวิเคราะห์มองว่าการที่ Samsung มีกำไรจากการดำเนินงานเติบโตขนาดนี้มาจากธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ฟื้นตัว

สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานโดยอ้างอิงนักวิเคราะห์ว่า ธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของ Samsung ฟื้นตัวจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่กำลังเผชิญปัญหา ผ่านการยกระดับการพัฒนา Hih-Bangwidth Memory หรือ HBM ซึ่งชิ้นส่วนดังกล่าวมีความสำคัญต่อการใช้งาน AI ในยุคปัจจุบัน

นักวิเคราะห์ดังกล่าวยังชี้ว่า Samsung ได้ฟื้นตัวจากการจำศีล และกลับมาเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดอีกครั้ง ยิ่งการเกิดแผ่นดินไหว 7.2 ริกเตอร์ ในไต้หวัน ยังเป็นอีกโอกาสสำคัญในการเร่งทำตลาดเซมิเคอนดักเตอร์ของ Samsung เพราะ Micron และ TSMC สองยักษ์ใหญ่เซมิคอนดักเตอร์มีฐานการผลิตหลักอยู่ที่นั่น

อ้างอิง // Nikkei Asia

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post กำไรดำเนินงานโต 900%! Samsung เตรียมแจ้งในไตรมาส 1 นี้ หลังหน่วยธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ฟื้นตัว first appeared on Brand Inside.

How To เชื่อมต่อบลูทูธพร้อมกัน 2 อัน บน Samsung!

iPhonemod - 5 April 2024 - 14:43

ใครที่อยากจะฟังเพลงพร้อมกับเชื่อมต่อบลูทูธพร้อมกัน 2 อั […]

The post How To เชื่อมต่อบลูทูธพร้อมกัน 2 อัน บน Samsung! appeared first on iMoD.

คนไทยนิยมเที่ยวญี่ปุ่นมากที่สุด กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ต่อยอดแคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี” ดึงคนไทยใช้บัตรกรุงศรีคุ้มค่ากว่า

Brand Inside - 5 April 2024 - 12:24

ญี่ปุ่น คือ จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของคนไทยจำนวนมาก และครั้งเดียวไม่พอเพราะเป็นประเทศที่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี เที่ยวซ้ำก็ยังได้ ดังนั้น กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องญี่ปุ่นอยู่แล้ว ได้จัดแคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี” ด้วยการมีเครือข่ายที่แข็งแกร่งอย่าง มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) ยิ่งเสริมความได้เปรียบในการจัดโปรโมชั่นทำการตลาดในญี่ปุ่นให้คนไทยที่ถือบัตรเครดิต ในเครือกรุงศรรี คอนซูมเมอร์ ได้ประโยชน์มากกว่า

krungsri consumer

สมหวัง โตรักตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด บอกว่า จากการสำรวจพบว่า ญี่ปุ่นคือประเทศที่คนไทยอยากไปเที่ยวมากที่สุด โดยพบว่า ปี 2023 คนไทยเดินทางมาญี่ปุ่น 9.95 แสนคน เมื่อดูข้อมูลลูกค้าบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ จะพบว่า มีการใช้จ่ายผ่านบัตรในต่างประเทศมีกว่า 183,000 คน มีมูลค่าใช้จ่ายรวม 5,500 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นสัดส่วนมาประเทศญี่ปุ่น 106,000 คน มีมูลค่าใช้จ่ายรวม 2,200 ล้านบาท

krungsri consumer

แนวโน้มการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในเครือ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ที่ญี่ปุ่นมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตลาด การจัดแคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี” ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้บริษัทได้ขยายความร่วมมือกับเครือข่ายทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของ MUFG และพันธมิตรทั้งในญี่ปุ่นและไทยเพิ่มเติม รวมกว่า 600 แบรนด์ นำเสนอสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้บัตรที่ดียิ่งขึ้นในฐานะบัตรเครดิตหลักที่ลูกค้านิยมใช้จ่ายที่ญี่ปุ่น เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดใช้จ่ายผ่านบัตร โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว

krungsri consumer

krungsri consumer

สำหรับยอดการใช้จ่ายกว่า 2,200 ล้านบาทในปี 2566 มีหมวดใช้จ่ายสูงสุด เรียงตามยอดใช้จ่าย ได้แก่ 1. ห้างสรรพสินค้า 2. โรงแรม ที่พัก 3. สินค้าแฟชั่น เครื่องแต่งกาย 4. เครื่องสำอาง สินค้าเบ็ดเตล็ด 5. สนามบินและสินค้าปลอดภาษี โดยลูกค้าส่วนใหญ่ราว 80% เป็นกลุ่ม Gen X และ Gen Y มียอดใช้จ่ายต่อคน เฉลี่ย 32,000 บาท หรือ เติบโต 10% เทียบกับปี 2565

krungsri consumer

ส่วนสำคัญของแคมเปญนี้ คือการสร้างประสบการณ์การเที่ยวญี่ปุ่นแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบ เริ่มจากการจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก กิน ดื่ม เที่ยว ช้อปปิ้ง ลูกค้าจะได้รับโปรโมชั่น ส่วนลด เครดิตเงินคืน ฯลฯ ผ่านพันธมิตรกว่า 600 แบรนด์ตลอดการเดินทาง และเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของแคมเปญนี้ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จะขับเคลื่อนด้วย 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

  1. ขยายความร่วมมือโดยเพิ่มจำนวนพันธมิตร เพิ่มสิทธิประโยชน์ เสริมหมวดหมู่ใหม่ ๆ ภายใต้ระบบนิเวศธุรกิจเพื่อคนรักญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 600 แบรนด์ทั่วประเทศญี่ปุ่น
  2. นำเสนอทางเลือกในการชำระเงินที่หลากหลาย อำนวยความสะดวกให้ลูกค้า สามารถผ่อนชำระได้ ใช้ U Point ได้ ชำระเงินแบบ Wallet ได้ รวมถึงร่วมกับธนาคารกรุงศรี ด้วยบัตรพรีเพด Krungsri Boarding Card แลกเงินได้เรทที่ดีกว่า
  3. เสริมประสบการณ์ให้หลากหลาย ครบทุกเรื่องญี่ปุ่น ทั้งในและต่างประเทศ เช่น เพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านร้านอาหาร การช้อปปิ้ง และบริการ งานอีเวนต์ที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น เรียกว่า สร้างประสบการณ์ญี่ปุ่นในไทย แม้ไม่ได้ไปเที่ยวก็สามารถได้รับสิทธิประโยชน์ผ่านกว่า 2,000 ร้านค้าในไทยได้
  4. ใช้ข้อมูลและนวัตกรรม เสริมประสิทธิภาพการตลาด ใช้ AI มาคำนวณการนำเสนอโปรโมชั่นเฉพาะบุคคล เฉพาะสถานที่

krungsri consumer

ทั้งนี้ คาดว่า สิทธิประโยชน์ที่ครบ จบ ทุกประสบการณ์เรื่องญี่ปุ่น และเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง จะช่วยให้กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เป็นผู้นำธุรกิจในเซกเมนต์ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่น และกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านบัตร โดยบริษัทตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ญี่ปุ่น 2,950 ล้านบาทในปี 2567 (เติบโต 50% เทียบกับปีก่อน)

สำหรับแคมเปญ เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี มีสิทธิประโยชน์ เช่น จองโรงแรม สายการบิน และบัตรเข้าสถานที่ท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นกับแพลตฟอร์มบริการท่องเที่ยวที่ร่วมรายการ เช่น Klook, Traveloka, Trip.com, Agoda, การใช้คะแนนสะสมแลกซื้อซิมเพื่อใช้งานที่ญี่ปุ่นในราคาพิเศษ หรือแลกสิทธิเข้าเลานจ์ภายในสนามบิน, สิทธิพิเศษเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรที่ห้างและร้านค้าพันธมิตรที่ญี่ปุ่น เช่น Takeya, Mitsui Outlet Group, Bic Camera, Keio Department Store, Kintetsu Department Store

krungsri consumer

ทั้งนี้ ทุกยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ญี่ปุ่นตามเงื่อนไข ยังสามารถสะสมยอดเพื่อรับเครดิตเงินคืนเพิ่มสูงสุด 5,200 บาท และสำหรับบัตรเครดิตกรุงศรี เจซีบี แพลทินัม และบัตรเครดิตสยาม ทาคาชิมายะ เจซีบี ยังได้รับเครดิตเงินคืน 10% เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรที่ญี่ปุ่นตามเงื่อนไข (ระยะเวลาและเงื่อนไขของแต่ละโปรโมชันขึ้นอยู่กับร้านค้าและประเภทของบัตรที่ร่วมรายการ)

นอกจากนี้ เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติม ลูกค้าที่สนใจใช้บัตร Travel Card ยังสามารถเลือกใช้บัตร Krungsri Boarding Card จากธนาคารกรุงศรีฯ ซึ่งเป็นบัตร VISA Prepaid Card Multi-Currency ที่มีกระเป๋าเงิน e-Wallet 16 สกุลเงินต่างประเทศ และ 1 Wallet สกุลเงินบาท ตอบโจทย์ในด้านความคุ้มค่าของเรทเงิน และความสะดวกสบายในการใช้งานอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต ผู้ถือบัตรควรใช้แต่พอดีตามความจำเป็น และชำระเงินเต็มจำนวนตามเวลาที่กำหนด เพื่อสร้างวินัยทางการเงินที่ดี

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post คนไทยนิยมเที่ยวญี่ปุ่นมากที่สุด กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ต่อยอดแคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี” ดึงคนไทยใช้บัตรกรุงศรีคุ้มค่ากว่า first appeared on Brand Inside.

Apple ปลดพนักงานกว่า 600 ราย หลังโปรเจกต์ Apple Car และจอ microLED สำหรับ Apple Watch ไปไม่รอด

Brand Inside - 5 April 2024 - 12:09

Apple ปลดพนักงานกว่า 600 ตำแหน่งในแคลิฟอร์เนีย หลังตัดสินใจยุบโปรเจกต์ใหญ่อย่างการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า Apple Car และหน้าจอ microLED รุ่นใหม่สำหรับ Apple Watch 

apple

ตามรายงานที่ Apple ยื่นต่อสำนักงานพัฒนาการจ้างงานของรัฐแคลิฟอร์เนีย (EDD) พนักงานที่ถูกปลดอย่างน้อย 87 ราย อยู่ในฝ่ายพัฒนาหน้าจอรุ่นใหม่ของ Apple Watch ขณะที่ 361 รายเป็นพนักงานที่ทำงานในโปรเจกต์รถยนต์ไฟฟ้าในสำนักงานหลักในแคลิฟอร์เนีย รวมทั้งอีกหลักสิบคนในสำนักงานย่อย

ตัวเลขของพนักงานที่ถูกปลดออกเป็นไปได้ว่าอาจต่ำกว่าความเป็นจริงเนื่องจาก Apple มีพนักงานที่รับผิดชอบใน 2 โปรเจกต์ใหญ่อยู่ในรัฐอื่นนอกเหนือจากแคลิฟอร์เนียและในประเทศอื่นด้วย แม้ว่าพนักงานบางคนยังได้ทำงานต่อโดยได้รับมอบหมายให้ทำงานร่วมกับฝ่ายอื่นแทน

ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ Apple ได้แจ้งต่อพนักงาน 2,000 รายที่ทำงานในส่วนรถยนต์ไฟฟ้าว่าโปรเจกต์นี้จะถูกยุติลงทำให้พนักงานบางคนจะถูกย้ายไปทำงานฝ่าย AI แทนซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่หลายแห่งให้ความสนใจเพิ่มขึ้น รวมถึงในฝ่ายหุ่นยนต์ผู้ช่วยภายในบ้านด้วย

ต้นทุนที่สูงเกินไปและความล่าช้าในการเปิดตัวกระทบต่อโปรเจกต์ Apple Car ที่ยังต้องคำนึงถึงเรื่องเทคโนโลยี การทำกำไร และความสนใจของกลุ่มผู้บริโภค

นอกจากนี้ Apple ยังได้ตัดสินใจที่จะยุติความพยายามในการพัฒนาหน้าจอรุ่นใหม่สำหรับ Apple Watch จากปัญหาเรื่องต้นทุนและความล่าช้าเช่นเดียวกัน รวมถึงปัญหาด้านวิศวกรรมและซัพพลายเออร์ด้วย

Apple มีพนักงานทั้งหมดอยู่ 161,000 ราย ตามข้อมูลทที่ปรากฎในรายงานประจำปีในช่วงสิ้นสุดไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว

ที่มา – Bloomberg, Business Insider

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post Apple ปลดพนักงานกว่า 600 ราย หลังโปรเจกต์ Apple Car และจอ microLED สำหรับ Apple Watch ไปไม่รอด first appeared on Brand Inside.

GO Wholesale เดินหน้าเปิดสาขารังสิต ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร เพื่อผู้ประกอบการในระบบสมาชิก

Brand Inside - 5 April 2024 - 10:49

โก โฮลเซลล์ (GO Wholesale) ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร เพื่อผู้ประกอบการในระบบสมาชิก ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดสาขาลำดับที่ 6 “รังสิต” ใกล้ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต

สุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจในประเทศไทยและต่างประเทศ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า พื้นที่รังสิต เป็นทำเลศักยภาพพื้นที่หนึ่งของ โก โฮลเซลล์ (GO Wholesale) ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหารเพื่อผู้ประกอบการ  เพราะโดยรอบมีผู้ประกอบการร้านอาหาร ผู้เกี่ยวข้องในธุรกิจอาหาร ตลอดจนร้านค้าปลีกขนาดเล็ก หรือโชห่วย ตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสตรีทฟู้ด กลุ่มอาหารตามสั่ง อาหารจานเดียว ร้านกาแฟ คาเฟ่  ถือได้ว่ามีความหนาแน่นเป็นพิเศษ สอดคล้องกับจำนวนประชากรที่อาศัยในย่านดังกล่าว  ซึ่งสาขานี้มีพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร มีสินค้ากว่า 20,000 รายการ มีแผนกอาหารสด ขนาดใหญ่ ที่จะทำให้ทุกคนประทับใจกับความเป็น King of Fresh, อาหารแช่แข็ง ขนาดใหญ่ครบครัน, ข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องปรุงรส และสินค้าอุปโภคบริโภคจากในไทยและทั่วโลกมากมาย ที่จะสร้างโอกาสและประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ผู้ประกอบการทุกคน

โก โฮลเซลล์  ได้ศึกษาความต้องการของผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก พบว่า ลูกค้าไม่เพียงต้องการสินค้าคุณภาพในราคาขายส่งเท่านั้น แต่ยังต้องการประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะช่วยเติมเต็มความรู้ ไอเดีย ที่หลากหลาย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับร้านของตนเองในมิติอื่นๆ ด้วย เราจึงไม่ได้เป็นแค่ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร แต่ยังเป็นเหมือน คอมมูนิตี้ ให้ผู้ประกอบการได้เข้ามาพบเจอบริการที่หลากหลาย”

โก โฮลเซลล์ สาขารังสิต ได้รับการออกแบบให้มีความครบครัน ด้วยร้านค้าและบริการที่เข้ามาเพิ่มเติมสีสันและจุดประกายความคิดในการทำธุรกิจ อาทิ GOfe’ มุมอาหารและเครื่องดื่มที่คนชื่นชอบหลังเปิดตัวครั้งแรกที่สาขาพระราม 2 ซึ่งมีเมนูยอดนิยมอย่าง ไก่ย่าง ซี่โครงหมูบาร์บีคิว ไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟ, Beverage Solution คลังไอเดียดีๆ ที่มีสูตรเครื่องดื่มมาชงชิมกันแก้วต่อแก้ว พร้อมแจกสูตรไปสร้างกำไรให้อีก, ร้านค้าพันธมิตร อาทิ “อเมซอน”  “อานตี้ แอนส์”  “ยอดชา” ฯ, ห้องเวิร์คช้อป ที่จะมีหลักสูตรอาชีพและความรู้ดีๆ มาอัพเดท

ในช่วงเปิดสาขา ยังเปิดพื้นที่ให้ โอท็อปและสินค้าท้องถิ่นในจังหวัดปทุมธานีจำนวน 14 ร้านค้า มาร่วมออกบูทจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 3-8 เมษายน เปิดโอกาสสร้างรายได้ให้กับเอสเอ็มอีในพื้นที่ รวมถึงนำผักสลัด จากน้องๆ ผู้บกพร่องทางสติปัญญา ในศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพราชานุกูล (บางพูน) จ.ปทุมธานี มาจำหน่ายที่แผนกผักสด ส่งเสริมการสร้างทักษะพื้นฐานการทำงาน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายส่งเสริมการสร้างอาชีพที่มั่นคงให้กับคนในท้องถิ่นและกลุ่มเปราะบาง

“ในวันที่มีการผลักดันการเติบโตด้านการท่องเที่ยว ตลอดจนส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ด้านอาหารอย่างมากมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ทำให้เกิดปัจจัยบวกที่เอื้อต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ที่ต้องการเตรียมความพร้อมรองรับกำลังซื้อที่จะเกิดขึ้น โก โฮลเซลล์ จึงเป็นจุดหมายใหม่ที่จะมาเติมเต็มและสร้างโอกาสในการทำธุรกิจให้เติบโตและมั่นคงไปด้วยกัน”

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post GO Wholesale เดินหน้าเปิดสาขารังสิต ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร เพื่อผู้ประกอบการในระบบสมาชิก first appeared on Brand Inside.

Apple ยุติสองโปรเจคต์ใหญ่ ยืนยันปลดพนักงาน 600 คน

iPhonemod - 5 April 2024 - 10:23

Apple ยุบโครงการ Apple Car และการพัฒนาหน้าจอ microLED ข […]

The post Apple ยุติสองโปรเจคต์ใหญ่ ยืนยันปลดพนักงาน 600 คน appeared first on iMoD.

[ลือ] Next Big Thing ของ Apple ต่อไปอาจจะเป็น “Home Robot”

MacThai - 5 April 2024 - 10:00

จาก Macintosh มาสู่ MacBook Pro, iPhone, iMac, Apple TV, iPod, MacBook Air, iPad, MacBook Pro, Apple Watch, AirPods, HomePod, Apple Car และ Vision Pro ก็มีข่าวลือคาดการณ์มาว่า The Next Big Thing ต่อไปของแอปเปิลจะเป็น “Home Robot” ครับ

เพราะดูเหมือนแผนกหุ่นยนต์ของแอปเปิลจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากเถ้าถ่านของ Apple Car และต้องการสร้างหุ่นยนต์คู่ใจไว้คู่บ้านสำหรับผู้ใช้แทน โดยจะนำการวิจัยเกี่ยวกับระบบอัตโนมัติ และหุ่นยนต์มาเป็นทางเปิดไปสู่โครงการต่อไปด้วย

ซึ่งนี่ไม่ใช่แค่หุ่นยนต์ที่ช่วยทำงานบ้าน หรือดูดฝุ่นได้ แต่หุ่นยนต์ของแอปเปิลแน่นอนว่าต้องล้ำหน้า และทำอะไรได้มากกว่านั้น

โดยทาง Bloomberg ได้มีแง้มมาว่าโครงการนี้กำลังเกิดขึ้น และพัฒนาภายใต้แผนกวิศวกรรมฮาร์ดแวร์ของแอปเปิลด้วย ซึ่งหัวหน้าฝ่าย AI อย่าง John Giannandrea และผู้บริหารโปรดักเกี่ยวกับบ้านอย่าง Matt Costello และ Brian Lynch ก็จะเข้ามาช่วยดูโครงการหุ่นยนต์นี้ด้วย

เพราะแอปเปิลตั้งใจที่จะโฟกัสทั้งด้านยานยนต์ บ้าน และ Spatial Computing แต่ Apple Car ถูกพับไปก่อน ทำให้ต้องย้ายไปโฟกัสเรื่องหุ่นยนต์แทน โดยตอนนี้มีสองโครงการที่กำลังทำอยู่

ทั้งหุ่นยนต์ที่สามารถติดตามผู้ใช้หรือตอบสนองต่อสถานการณ์บางอย่างบนหน้าจอได้ และหุ่นยนต์ที่สามารถติดตามผู้ใช้ในบ้านได้ พร้อมฟังก์ชันการทำงานบ้านตามคำสั่งง่าย ๆ เป็นต้น

เช่นเดียวกับ Amazon ที่หันมาสร้างหุ่นยนต์ในบ้านเช่นกัน แต่จะเป็นกล้องโดรน และหุ่นยนต์ตัวเล็ก ๆ ที่คอยรักษาความปลอดภัยของบ้านได้ ซึ่งทั้งสองโครงการนี้เรียกได้ว่าต้องพึ่งพาการทำงานด้วย AI ของแอปเปิลไม่น้อยเลยทีเดียว

ซึ่งหากในอนาคต The Next Big Thing ของแอปเปิลเป็นหุ่นยนต์ Home Robot จริง ก็น่าสนใจไม่น้อยครับ

ที่มา – https://appleinsider.com/articles/24/04/03/apples-next-big-thing-could-be-a-home-robot

The post [ลือ] Next Big Thing ของ Apple ต่อไปอาจจะเป็น “Home Robot” appeared first on Macthai.com.

Categories: Partners

ญี่ปุ่นงัดกลยุทธ์ โปรโมทการท่องเที่ยวด้วยอินฟลูเอนเซอร์ ได้ผลแม้คนดูรู้ว่าเป็นโฆษณา

Brand Inside - 5 April 2024 - 09:56

องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) ใช้กลยุทธ์ร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังเพื่อทำคอนเทนต์ท่องเที่ยวในสถานที่ได้รับความนิยมน้อย

Chomad อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังสายท่องเที่ยวจากแดนโสมเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน เพราะเขามียอดผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคนบน Instagram และเกือบ 780,000 คนบน YouTube โดย เขาได้เผยแพร่วิดีโอที่ตัวเองท่องเที่ยวในหมู่บ้านเล็ก ๆ ในจังหวัดมิเอะของญี่ปุ่นที่มีจุดเด่นคืออาหารทะเลกับกลุ่มอามะซัง (นักดำน้ำผู้หญิงที่ทำอาชีพหาอาหารทะเลโดยไม่ใช้อุปกรณ์สมัยใหม่ช่วย)

คลิปนี้ของ Chomad มียอดผู้ชม 37,000 ครั้งบน YouTube และมียอดกดไลก์บน Instagram กว่า 24,000 ครั้ง เเถมยังได้ผลตอบรับที่ดีจากสนใจจากคนจำนวนมากที่มองว่าหมู่บ้านดูเงียบสงบและน่าเที่ยวมากกว่าเมืองใหญ่อย่างโตเกียวหรือโอซาก้าเสียอีก 

โดยเรื่องนี้ก็ ไม่ใ่ช่ความบังเอิญแต่เกิดจากความพยายามของ JNTO ที่มองหาอินฟลูเอนเซอร์มาช่วยสร้างความสนใจให้สถานที่ท่องเที่ยวที่ยังไม่เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว สืบเนื่องจากที่ญี่ปุ่นได้ตั้งเป้าไว้ว่าในปี 2030 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศ 60 ล้านคนโดยจะผลักดันให้เดินทางมาเที่ยวซ้ำและไปในที่ที่ได้รับความนิยมน้อยกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการมีนักท่องเที่ยวมากเกินไปในจุดท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นฟูชุมชนในพื้นที่โซเชียลมีเดียและอินฟลูเอนเซอร์จึงกลายเป็นกลยุทธ์มือสำคัญของรัฐบาลในการสร้างความสนใจใหม่ ๆ ให้เเก่สถานที่ท่องเที่ยวที่ยังอยู่นอกสายตาของนักท่องเที่ยว

จากผลสำรวจในปี 2022 จากองค์กรด้านการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นเผยว่า แหล่งข้อมูล 3 อันดับแรกที่นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้ในการหาข้อมูลด้านการท่องเที่ยวเป็นหลัก 22.8% ตอบว่ามาจากญาติและเพื่อน 21.9% ใช้โซเชียลมีเดีย ขณะที่ 21.4% หาข้อมูลจากแห่งแชร์วิดีโอ

Hideki Tomioka ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการท่องเที่ยวของนักเดินทางต่างประเทศประจำ JNTO เผยว่า องค์กรของเขาได้ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวมาตั้งแต่ปี 2017 แต่นักท่องเที่ยวมีมุมมองว่า JNTO  จะพูดเเต่เรื่องเชิงบวกของญี่ปุ่น ทำให้การสื่อสารให้เข้าถึงนั้นเป็นไปได้ยาก ในทางตรงกันข้าม นักท่องเที่ยวกลับมีอคติน้อยกว่าเมื่อชมคอนเทนต์ของอินฟลูเอนเซอร์ ถึงแม้จะรู้ว่าวิดีโอหรือคอนเทนต์นั้นได้รับการสนับสนุนจาก JNTO อยู่ดี

อามะซังในญี่ปุ่น

ไม่ได้มีการเปิดเผยว่า JNTO ร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์ไปเเล้วกี่ราย แต่โดยปกติจะร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์หลายรายต่อการทัวร์หนึ่งครั้ง โดยแต่ละคนจะทำคอนเทนต์ในเเนวทางและวิธีการเล่าของตัวเองเพื่อให้ตรงกับจริตของผู้ติดตาม อีกส่วนหนึ่งเนื้อหาจะขึ้นอยู่กับความเป็นที่รู้จักของญี่ปุ่นในประเทศของอินฟลูเอนเซอร์ด้วย

อย่างเช่นสิงคโปร์ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเข้าญี่ปุ่นซ้ำเกือบ 70% นับว่าเป็นประเทศที่รู้จักญี่ปุ่นดีอยู่แล้ว คอนเทนต์ที่สื่อออกไปก็จะเป็นเชิงลึกมากขึ้น เป็นสถานที่ที่คาดว่านักท่องเที่ยวไม่เคยรับรู้มาก่อนหรือรับรู้น้อย

Tomioka อธิบายว่า การผลักดันให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปในสถานที่ที่เป็นที่นิยมน้อยกว่ามาจากปัญหาเรื่องนักท่องเที่ยวมากเกินไปในจุดท่องเที่ยวยอดนิยมที่กลับมาเปิดหลังช่วงโควิด-19 ขณะที่ผู้คนมีแนวโน้มที่จะมีความสนใจตามอินฟลูเอนเซอร์ในเรื่องการเดินทางไปสถานที่ที่เฉพาะเจาะจง

อิทธิพลของอินฟลูเอนเซอร์

อินฟลูเอนเซอร์มีอิทธิพลมากกับธุรกิจและการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น เห็นได้จากที่ JNTO ไม่ใช่องค์กรเดียวที่พึ่งพาอินฟลูเอนเซอร์ในการสื่อสารกับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ บริษัทการตลาดหลายแห่งในญี่ปุ่นเริ่มที่จะใช้วิธีนี้ในการโฆษณาสินค้าและการท่องเที่ยว

Carta Marketing Firm เป็นบริษัทหนึ่งในหลายแห่งที่ให้บริการการทำการตลาดโดยใช้อินฟลูเอนเซอร์สำหรับลูกค้าที่รวมถึงรัฐบาลทั้งถิ่นที่ต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายในเอเชีย เช่น จีน เกาหลีใต้ หรือไต้หวัน 

Ryosuke Sasaki นักวางแผนกลยุทธ์ของบริษัทกล่าวว่า แม้จะเพิ่งเปิดให้บริการอินฟลูเอนเซอร์ในปีที่แล้วแต่ก็ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากกลุ่มลูกค้า เพียงแค่ 3 เดือนแรก เกือบ 50% เป็นโปรเจกที่มุ่งเจาะกลุ่มตลาดต่างประเทศแทนที่แบบเดิมที่ให้บริการตลาดภายในประเทศเป็นหลัก

การทำงานกับอินฟลูเอนเซอร์ก็มีการเปลี่ยนรูปแบบไปด้วย อย่างเช่นหากลูกค้าของบริษัทต้องการขายไวน์ จากเดิมจะเป็นการส่งไวน์ไปให้อินฟลูเอนเซอร์รีวิว แต่ในปัจจุบัน มีการเชิญอินฟลูเอนเซอร์มาสำรวจโรงกลั่นไวน์ทำให้ทำการตลาดได้ทั้งผลิตภัณฑ์ไวน์เองรวมถึงการโปรโมทโรงกลั่นให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ได้ด้วย 

อนาคตการตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์

แม้ว่าญี่ปุ่นจะใช้กลยุทธ์การตลาดโดยใช้อินฟลูเอนเซอร์ดึงดูดนักท่องเที่ยวในสถานที่ที่ได้รับความนิยมรองลงมา แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะวัดผลว่าอะไรเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการที่นักท่องเที่ยวจะตัดสินใจว่าจะเดินทางไปสถานที่ไหนบ้างเพราะส่วนใหญ่มาจากหลายเหตุผล

อย่างไรก็ตาม JNTO พยายามคำนวณจำนวนผู้มองเห็นและผู้มีส่วนร่วมกับคอนเทนต์ของอินฟลูเอนเซอร์ในการร่วมงานในแต่ละครั้ง ในบางครั้งจำนวนผู้ชมก็มีมากกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ ทำให้เห็นอิทธิพลของอินฟลูเอนเซอร์อย่างต่อเนื่อง 

ญี่ปุ่นยังเห็นโอกาสมากขึ้นจากการโฆษณาประเทศโดยใช้วิธีนี้เพราะคนมากขึ้นพึ่งพาโซเชียลมีเดียเป็นแหล่งข้อมูลหลักไม่ว่าจะในกลุ่มผู้ที่อายุน้อยหรืออายุมาก 

ที่มา – Japan Times

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ญี่ปุ่นงัดกลยุทธ์ โปรโมทการท่องเที่ยวด้วยอินฟลูเอนเซอร์ ได้ผลแม้คนดูรู้ว่าเป็นโฆษณา first appeared on Brand Inside.

วิมุต เดินเกมโรคเฉพาะทางเต็มตัว หลังรีแบรนด์โรงพยาบาลเทพธารินทร์ ควบคู่เสริมแกร่งบริการเลสิก

Brand Inside - 5 April 2024 - 09:35

โรงพยาบาลวิมุต ธุรกิจสุขภาพในเครือ บมจ. พฤกษา โฮลดิ้ง เตรียมเดินหน้าบริการกลุ่มโรคเฉพาะทางเต็มตัว หลังรีแบรนด์ โรงพยาบาลเทพธารินทร์ สู่ วิมุต – เทพธารินทร์ เสริมแกร่งการรักษาโรคเบาหวาน, ไทรอยด์ และต่อมไร้ท่อ ทั้งลงทุนศูนย์เลสิกเพิ่ม หวังผู้เข้าใช้บริการ 1,000 เคส สิ้นปี 2024

วิมุต

วิมุต เปิดเกมเสริมแกร่งโรคเฉพาะทาง

พิชิต กังวลกิจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ. พฤกษา โฮลดิ้ง และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต จำกัด เล่าให้ฟังว่า ในปี 2024 การดำเนินงานของกลุ่มวิมุตเป็นไปตามจุดมุ่งหมายขององค์กรตามกรอบแนวคิด “อยู่ดี มีสุข” ของพฤกษา โฮลดิ้ง ที่ต้องการส่งมอบความเป็นอยู่ที่ดีให้กับสังคมไทย

และเพื่อให้การดำเนินงานสามารถตอบแนวคิดดังกล่าว วิมุตจึงไม่ได้มองตัวเองเป็นเพียงโรงพยาบาล แต่มีการยกระดับสู่แพลตฟอร์มด้านสุขภาพที่ผสานความชำนาญการเฉพาะโรคเข้ากับนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัย เข้าถึงความช่วยเหลือทางการแพทย์แบบไร้รอยต่อ

และด้วยโรงพยาบาลเทพธารินทร์ เป็นหนึ่งในธุรกิจของโรงพยาบาลมาระยะหนึ่ง ล่าสุดจึงเพิ่มความชัดเจนด้วยการปรับแบรนด์ใหม่เป็น โรงพยาบาลวิมุต – เทพธารินทร์ และชูเด่นเรื่องโรงพยาบาลแห่งแรกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานเฉพาะโรคเบาหวาน และแห่งเดียวที่ได้รับการรับรองเฉพาะโรคไทรอยด์ จาก สรพ.

39 ปี ที่เชี่ยวชาญช่วยเหลือกลุ่มวิมุตให้เติบโต

“บริษัท โรงพยาบาลวิมุต โฮลดิ้ง จำกัด ได้เข้าถือหุ้นในโรงพยาบาลเทพธารินทร์ในสัดส่วน 51% ในปี 2021 และโรงพยาบาลวิมุต – เทพธารินทร์ถือเป็นจุดเริ่มต้น และเป็นการวางรากฐานไปสู่การขยายธุรกิจของโรงพยาบาลเฉพาะทางอื่น ๆ ในกลุ่มวิมุตต่อไป”

ด้าน สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลวิมุต – เทพธารินทร์ กล่าวว่า เทพธารินทร์มีความชำนาญในการรักษาโรคเบาหวาน ไทรอยด์ และต่อมไร้ท่อที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลมานานกว่า 39 ปี อีกทั้งยังสามารถรักษาโรคเฉพาะทางอื่น ๆ ที่มีความซับซ้อน โดยในหลายสาขามีแพทย์เฉพาะทางระดับแนวหน้าของประเทศ

ทั้งนี้หลังจากรีแบรนด์ โรงพยาบาลวิมุต – เทพธารินทร์ เตรียมเดินหน้าธุรกิจผ่าน 4 กลยุทธ์ประกอบด้วย

  • การคิดค้นและเป็นต้นแบบแนวทางการรักษา เราให้การดูแลโดยทีมสหสาขาวิชาชีพ หรือ Multidisciplinary Team ซึ่งเป็นทีมเฉพาะทางที่สร้างมาตรฐานการดูแลรักษามาเกือบ 40 ปี
  • การดูแลแบบไร้รอยต่อ มีระบบการดูแลแบบแพทย์ประจำตัว หรือ primary doctor เป็นศูนย์กลางประสานงานกับแพทย์หลากหลายสาขาที่ให้การดูแล
  • การส่งเสริมให้ผู้คนดูแลตัวเองในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เพียงแค่การรักษา แต่ส่งเสริมให้มีการป้องกันโดยเน้นให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อให้ทุกคนสามารถดูแลตนเองได้ และลดความเสี่ยงของการเกิดโรค
  • การดูแลคนในครอบครัวและคนรอบข้างผู้ป่วย มีการให้ความรู้เรื่องการดูแลสำหรับครอบครัวของผู้ป่วย ทั้งวิธีการดูแล การปรับพฤติกรรม รวมทั้งการป้องกัน และตรวจคัดกรองโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์

วิมุต

เพิ่มศูนย์เลสิกคาดสิ้นปีมี 1,000 เคส

สมบูรณ์ ทศบวร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต เสริมว่า ในปี 2022 อุตสาหกรรมการทำเลสิกทั่วโลกมีมูลค่ากว่า 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 92,000 ล้านบาท และจะเติบโตทบต้นปีละ 5.6% ไปจนถึงปี 2032 ดังนั้นเพื่อล้อกับการเติบโตดังกล่าว กลุ่มวิมุตจึงลงทุนนำเทคโนโลยี FEMTO LDV Z8 เพื่อมายกระดับการผ่าตัดเลสิกดั้งเดิม

“วิมุต มุ่งมั่นนำเสนอการดูแลสุขภาพตาอย่างเต็มรูปแบบ ให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาสายตามั่นใจได้ว่าการมองเห็นจะกลับมาชัดเจนได้อย่างปลอดภัย โดยคาดว่าหลังจากมีการนำเทคโนโลยี FEMTO LDV Z8 มาใช้ที่ศูนย์เลสิก รพ.วิมุต จะทำให้มียอดผู้ใช้บริการ เพิ่มขึ้นอีก 20 % ภายใน 1 ปี และในปีแรกจะมีเคสการผ่าตัดทั้งหมด 1,000 เคส”

สำหรับโอกาสในบริการเลสิกอ้างอิงจากการรายงาน World Report on Vision 2022 ขององค์การอนามัยโลก ว่า ในปีดังกล่าวมีผู้บกพร่องทางการมองเห็น 2,200 ล้านคนทั่วโลก และอย่างน้อย 1,000 ล้านคน มีความบกพร่องทางการมองเห็นระยะใกล้ และระยะไกลที่ยังสามารถป้องกันได้หรือยังแก้ไขได้หากมีการตรวจพบอย่างทันท่วงที

นอกจากนี้ในปี 2050 คาดการณ์ประชากรโลก 50% หรือราว 3.5 พันล้านคน จะเจอปัญหาสายตาสั้น ยิ่งปัจจุบันการใช้งานดิจิทัลมีการแพร่หลายมากขึ้น ส่งผลต่อการใช้สายตา ยิ่งทำให้โอกาสในการเกิดปัญหาทางสายตามีมากขึ้นเช่นกัน

อ้างอิง // วิมุต

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post วิมุต เดินเกมโรคเฉพาะทางเต็มตัว หลังรีแบรนด์โรงพยาบาลเทพธารินทร์ ควบคู่เสริมแกร่งบริการเลสิก first appeared on Brand Inside.

โอสถสภา รุกหนักธุรกิจเพอร์ซันนัลแคร์ ตั้งเป้า 4 พันล้าน ใน 4 ปี

Brand Inside - 4 April 2024 - 18:11

โอสถสภา มองเห็นการเติบโตของธุรกิจ เพอร์ซันนัลแคร์และโฮมแคร์ โตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดปูพรมรุกตลาด เน้นใช้นวัตกรรมคิดค้นและต่อยอดจุดแข็ง พร้อมขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้าให้ครอบคลุมผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ พร้อมขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ตั้งเป้าผลิตภัณฑ์กลุ่มเพอร์ซันนัลแคร์เติบโต 4 พันล้าน ภายในปี 2570

สุทิพา ปัญญามหาทรัพย์ Chief Home & Personal Care and Health Care Officer เปิดเผยว่า ตลาดผลิตภัณฑ์เพอร์ซันนัลแคร์และโฮมแคร์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็กมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกันกับตลาดผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลมีเทรนด์กลับมาเติบโตหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย โดยโอสถสภา นำจุดเด่นของสินค้าที่โดดเด่นเรื่องด้านความอ่อนโยนและความหอมอย่าง ‘เบบี้ มายด์’ ที่อยู่ในกลุ่ม House of Mildness ครองส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 38.3% ก็ได้ปรับให้ Brand proposition ใหม่ “The Power of Gentle Touch พลังสัมผัสอันอ่อนโยน สานสัมพันธ์ให้แข็งแรง” เพื่อสื่อถึงความสำคัญของพลังสัมผัสอันอ่อนโยนของแม่จากการทำกิจวัตรประจำวันง่ายๆที่คุณแม่สามารถทำได้ทุกวัน

หรือกลุ่มเป้าหมายใหม่ของ ‘เบบี้ มายด์’ โดยเฉพาะกลุ่ม วัยรุ่น วัยทำงาน ตลอดจนกลุ่ม silver generation ได้ออกผลิตภัณฑ์ในกลุ่มแบรนด์ ‘อัลตร้ามายด์ บาย เบบี้มายด์’ สินค้าครอบคลุมตั้งแต่ ครีมอาบน้ำสำหรับผู้ใหญ่ ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม ผลิตภัณฑ์ล้างจาน และล่าสุด ผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น ได้ผลตอบรับที่ดีมาก ทั้งหมดนี้ ทำให้ ‘เบบี้ มายด์’ ครองตำแหน่งสินค้าผลิตภัณฑ์อาบน้ำและดูแลผิวเด็กยอดขายอันดับ 1 (วัดจากยอดขายร้าน official store) บนแพลตฟอร์ม Lazada และ Shopee โตขึ้นถึง 7 เท่า (693%) นับจากปีแรกที่เริ่มขายบนช่องทางอีคอมเมิร์ซ

ในส่วนของสินค้ากลุ่ม House of Beauty แบรนด์ ‘ทเวลฟ์พลัส’ และ ‘เอ็กซิท’ เป็นหัวเรือมีการเติบโดอย่างต่อเนื่อง โดย ‘ทเวลฟ์พลัส’ เป็นผู้นำอันดับ 2 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ลูกกลิ้งระงับกลิ่นกายสำหรับผู้หญิง ด้วยส่วนแบ่งตลาด 10.7%  ด้าน ‘เอ็กซิท’ ตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำตลาดอันดับ 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์โรลออนสำหรับผู้ชาย

วางกลยุทธ์การตลาดขยายการเติบโตทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก และกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงาม เพื่อครองใจกลุ่มเป้าหมายหลักอย่างเหนียวแน่นและพร้อมขยายสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ ล่าสุดได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ “ทเวลฟ์พลัส โรลออน สมูท เรเดียนซ์ ไฮยา” ที่มาพร้อมเทคโนโลยีนำสมัย Hy-N (ไฮ-เอ็น) นวัตกรรมไบโอพอลิเมอร์ ช่วยนำส่งส่วนผสมให้มีประสิทธิยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกับแนบโซลูท (Nabsolute) สตาร์ทอัพก่อตั้งโดยทีมงานวิจัยที่มีความรู้จากคณะเภสัชศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกับช่องทางการขายแบบเอ็กซ์คลูซีฟอื่นๆ เช่น Twelve Plus Brightening Perfume Lotion โลชั่นน้ำหอมกลิ่นเคาน์เตอร์แบรนด์ในราคาที่เข้าถึงได้  มีวางจำหน่ายในร้านวัตสันเท่านั้น รวมถึงการ collab ข้ามแบรนด์ของ ทเวลฟ์พลัส กับ เบบี้มายด์ เป็นผลิตภัณฑ์โคโลญกลิ่นแป้งเด็ก วางจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

สุดท้ายบริษัทฯ เชื่อว่าการนำแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งขยายไปยังกลุ่มสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการในตลาดที่มีศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนสำหรับผู้ใหญ่ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ แตกไลน์สินค้าและออกผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับทุกคนในครอบครัวที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน รองรับโอกาสทางการตลาดที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง พร้อมแผนกลยุทธ์เพื่อรักษาความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง ครองใจกลุ่มเป้าหมายหลักอย่างเหนียวแน่น และขยายสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ เพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดในเซ็กเมนต์อื่นๆ ตามแผนยุทธศาสตร์การเติบโตระยะยาวของโอสถสภา

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post โอสถสภา รุกหนักธุรกิจเพอร์ซันนัลแคร์ ตั้งเป้า 4 พันล้าน ใน 4 ปี first appeared on Brand Inside.

Pecgo แอปซื้อสัตว์เลี้ยง ซื้อขายง่าย แถมปลอดภัย!

iPhonemod - 4 April 2024 - 16:54

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังหาแอปซื้อสัตว์เลี้ยงที่ปลอด […]

The post Pecgo แอปซื้อสัตว์เลี้ยง ซื้อขายง่าย แถมปลอดภัย! appeared first on iMoD.

แนะนำไอเดีย ใช้ iPhone ให้สนุกและปลอดภัยช่วงสงกรานต์

iPhonemod - 4 April 2024 - 15:57

ช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ หลายคนก็คงเตรียมตัวเล่นน้ำและบางค […]

The post แนะนำไอเดีย ใช้ iPhone ให้สนุกและปลอดภัยช่วงสงกรานต์ appeared first on iMoD.

Taylor Swift ติดโผบนรายชื่อของ Forbes เป็นเศรษฐีพันล้านอย่างเป็นทางการแล้ว

Brand Inside - 4 April 2024 - 15:46

ไม่ต้องขายของ เพราะเธอขายเสียง! Taylor Swift ติด 1 ในรายชื่อเศรษฐีพันล้าน 2,871 คน จากการจัดอันดับของ Forbes ในปี 2024 อย่างเป็นทางการ เป็นนักร้องคนแรกที่ติดลิสต์รายชื่อจากรายได้ที่มาจากเพลงและคอนเสิร์ตเพียงอย่างเดียว

Taylor Swift

Swift ขึ้นแท่นเป็นเศรษฐีพันล้านมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้วก่อนที่ Forbes จะประกาศอย่างเป็นทางการในปีนี้ โดยมีทรัพย์สินรวมอยู่ที่ 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือราว 4 หมื่นล้านบาทจากเพลงและการแสดงคอนเสิร์ตเพียงอย่างเดียว ไม่มีรายได้จากแบรนด์ การร่วมทุนทางธุรกิจ และกิจกรรมที่สร้างเม็ดเงินอย่างอื่น

รายได้ของ Swift กว่า 500 ล้านเหรียญโดยประมาณมาจากค่าลิขสิทธิ์เพลงและทัวร์คอนเสิร์ต รวมกับมูลค่าของเพลงอีกราว 500 ล้านเหรียญและทรัพย์สินจากอสังหาริมทรัพย์อีกราว 125 ล้านเหรียญจากข้อมูลของ Forbes

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา Swift ได้ปล่อยอัลบั้มที่ได้รับความนิยมอย่างมากหลายอัลบั้มด้วยกัน รวมถึงมีความทุ่มเทในการนำอัลบั้มเก่ามาอัดใหม่อีกครั้ง (ทั้งหมดมี 6 อัลบั้ม ปัจจุบันอัดและปล่อยออกมาแล้ว 4 อัลบั้ม) เพื่อที่จะได้สิทธิ์ในการเป็นเจ้าของเพลงหลังจากที่สูญเสียสิทธิ์ให้กับ Scooter Braun ที่ซื้อค่าย Big Machin Records ในปี 2019 ซึ่งเป็นค่ายเดิมที่ Swift เซ็นสัญญาด้วยกว่า 10 ปี

นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมา Swift ยังเดินสายทัวร์คอนเสิร์ต The Eras Tour ทั้งในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกที่มีรายงานว่าสร้างรายได้เป็นประวัติการณ์ถึง 4.1 พันล้านเหรียญให้และกลายเป็นทัวร์คอนเสิร์ตที่ทำรายได้มากที่สุดตลอดกาล

มีผู้มีชื่อเสียงอีกหลายคนที่อยู่ในรายชื่อเศรษฐีพันล้านของ Forbes อย่างตำนานนักบาสเก็ตบอลยุค 80 อย่าง Magic Johnson หรือ Rihanna นักร้องดังที่ผันตัวเป็นเเม่ค้าเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางอย่าง Fenty Beauty ที่มีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญ รวมทั้ง Michael Jordan นักบาสเก็ตบอลระดับเป็นหน้าตาของวงการ NBA ที่เป็นพาร์ทเนอร์ตลอดชีวิตกับกับ Nike

ส่วนผู้ที่มาเป็นอันดับ 1 บนรายชื่อของ Forbes คือ Bernard Arnault ซีอีโอเจ้าของอาณาจักรสินค้าแบรนด์เนม LVMH ที่มีทรัพย์สินอยู่ราว 2.33 แสนล้านเหรียญ (ราว 8.1 ล้านล้านบาท)

ตามมาด้วยอันดับที่ 2 อย่าง Elon Musk ซีอีโอของ Tesla และ SpaceX เจ้าของทรัพย์สิน 1.95 แสนล้านเหรียญ (ราว 7.15 ล้านล้านบาท) และอันดับที่ 3 อย่าง Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon ที่มีทรัพย์สิน 1.94 แสนล้านเหรียญ (ราว 7.11 ล้านล้านบาท)

ที่มา – Quartz, Forbes

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post Taylor Swift ติดโผบนรายชื่อของ Forbes เป็นเศรษฐีพันล้านอย่างเป็นทางการแล้ว first appeared on Brand Inside.

พัทยา-สัตหีบ เตรียมตัว! ชลบุรีเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ของ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทยครั้งแรก

Brand Inside - 4 April 2024 - 14:36

‘มิชลิน ไกด์’ เปิดตัว ‘ชลบุรี’ เป็นจังหวัดใหม่ในคู่มือแนะนำอาหารฉบับประเทศไทยปี 2568 (ฉบับที่ 8) เตรียมเผยแพร่กลางปีนี้ คาดกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่รอง

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จุดประสงค์ที่ มิชลิน ไกด์ ประเทศไทยเพิ่มชลบุรีเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ที่จะได้รับการคัดสรรและจัดอันดับร้านอาหารจะช่วยให้เกิดการลงทุนในธุรกิจอาหาร เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชุมชน ยกระดับมาตรฐานในหลายด้าน โดยเฉพาะคุณภาพอาหารและกระตุ้นการท่องเที่ยวในจังหวัด สอดคล้องกับนโยบาย Soft Power ของรัฐบาลที่ผลักดัน 5F  ได้แก่ Food (อาหาร) Fashion (แฟชั่น) Film (ภาพยนตร์) Fight (มวยไทย) และ Festival (เทศกาล)

นิธิ สีแพร รองผู้ว่าการททท. ได้อธิบายถึงสำเร็จของ ‘มิชลิน ไกด์’ ที่อยู่ในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2017 นับรวมแล้ว 7 ปี  จากเดิมอยู่ในกรุงเทพและปริมณฑล ก่อนจะขยายเข้าสู่ภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคอีสาน ตอนนี้ครอบคลุมภูมิภาคตะวันออกด้วยถือว่าครบทุกภูมิภาคในประเทศไทย 

ในด้านมูลค่าทางเศรษฐกิจ จากผลสำรวจของททท. ร่วมกับร้านอาหารที่อยู่ในมิชลิน ไกด์ นักท่องเที่ยวใช้จ่ายกับอาหารเพิ่มขึ้น 20% เมื่อร้านอาหารเป็นที่รู้จัก นักท่องเที่ยวก็เดินทางเข้ามามากขึ้น รวมทั้งสั่งเมนูมากขึ้นเมื่อเทียบกับร้านค้าที่ไม่ได้อยู่ในมิชลิน ไกด์ นอกจากนี้ ยังมีเชฟระดับโลกที่เข้ามาเปิดร้านอาหารในไทยช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน

Sea Thai sea view at Koh Larn Chonburi Province Eastern part of Thailand

รองผู้ว่าการททท. มองว่า ชลบุรีมีความโดดเด่นในด้านสถานที่ท่องเที่ยวเพราะพัทยาเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวต่างประเทศ พัทยาก็ยกระดับจากหมู่บ้านชาวประมงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ส่งผลให้บริเวณรอบ ๆ เกิดพื้นที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย 

ปัจจุบันชลบุรีมีสถานที่ที่เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบครอบครัวทั้งสวนสนุกหรือสวนนงนุช มีกิจกรรมหลายอย่าง เช่น การชมสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล การศึกษาสัตว์มีชีวิต การดำน้ำดูประการัง การคัดสรรร้านอาหารในชลบุรีจะช่วยดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวในพื้นที่รองที่ยังไม่เป็นที่นิยมในระดับเดียวกับพัทยาด้วย

ททท. ตั้งเป้าว่าการเพิ่มชลบุรีเป็นจุดหมายใหม่ในมิชลิน ไกด์จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวขึ้นอย่างน้อย 20% ทั้งนี้ ต้องดูพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวด้วยว่าจะเดินทางเข้ามาในพื้นที่รองมากขึ้นมากเท่าไร

ปัจจุบัน มิชลิน ไกด์ ครอบคลุมการจัดอันดับร้านอาหารที่กรุงเทพ (ตั้งแต่ปี 2561) จังหวัดปริมณฑล ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรปราการ รวมทั้งภูเก็ตและพังงา (ปี 2562) เชียงใหม่ (ปี 2563) พระนครศรีอยุธยา (ปี 2565) ภาคอีสาน ได้แก่ นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี และขอนแก่น (ปี 2566) เกาะสมุยและสุราฎษร์ธานี (ปี 2567) ก่อนที่จะเปิดตัวชลบุรีในมิชลิน ไกด์ ประเทศไทยฉบับปี 2568 

ที่มา – มิชลิน ไกด์

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post พัทยา-สัตหีบ เตรียมตัว! ชลบุรีเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ของ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทยครั้งแรก first appeared on Brand Inside.

เลอโนโว ลุ้นกำลังซื้อฟื้นดันยอดขายโน้ตบุ๊ก 20,000 บาท ขายดี ย้ำ AI คือเครื่องมือการตลาดสำคัญ

Brand Inside - 4 April 2024 - 14:21

เลอโนโว มองตลาดคอมพิวเตอร์ในไทยเริ่มฟื้นตัว เหตุกำลังซื้อดีขึ้น และถึงรอบการเปลี่ยนเครื่อง และกลางปีมี Back to School ชี้กลุ่มราคาราว 20,000 บาท ขายดีที่สุด ย้ำ AI คืออีกเครื่องมือการตลาดสำคัญในการเพิ่มยอดขายปี 2024

เลอโนโว

เลอโนโว เชื่อกำลังซื้อคอมพิวเตอร์เริ่มกลับมา

วรพจน์ ถาวรวรรณ ผู้จัดการทั่วไปประจำไทย และภูมิภาคอินโดจีน เลอโนโว เล่าให้ฟังว่า ภาพรวมตลาดคอมพิวเตอร์ในประเทศไทยปี 2024 เริ่มกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ หลังจากเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงโรคโควิด-19 ระบาด และต้องเผชิญปัญหาชิปขาดแคลนจนไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ตามต้องการ

การกลับมาอยู่ในสภาวะปกติของตลาดมีเหตุผลมาจากภาพรวมกำลังซื้อที่เริ่มกลับมาดีขึ้น ประกอบกับนโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐที่เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการถึงรอบการเปลี่ยนเครื่องของกลุ่มสินค้าที่ซื้อไปช่วงก่อน หรือช่วงเริ่มต้นของโรคโควิด-19 ระบาด

“กลางปีนี้ยังมี Back to School ที่เพิ่มโอกาสการขายสินค้าคอมพิวเตอร์ให้ เลอโนโว และตอนนี้เราเร่งปูพรมการตลาดเพื่อสื่อสารให้แบรนด์เป็นที่จดจำมากขึ้น และเกิดการตัดสินใจซื้อในช่วงเวลาดังกล่าว โดยมองว่าโน้ตบุ๊กกลุ่มราคา 10,000 บาท ปลาย ๆ จนถึง 20,000 บาท ต้น ๆ คือกลุ่มที่ขายดีที่สุด”

เป็นเบอร์ 1 การส่งมอบคอมพิวเตอร์ในไทย และโลก

ปัจจุบัน เลอโนโว ยังเป็นเบอร์ 1 ในการส่งมอบคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรูปแบบต่าง ๆ ในระดับโลก และประเทศไทย ผ่านการทำตลาดสินค้าที่หลากหลาย มีตัวเลือกในทุกระดับราคา และกำหนดคุณสมบัติ รวมถึงกลุ่มเป้าหมายออกมาชัดเจนว่าตัวเครื่องนั้นเหมาะกับใคร

เช่น Yoga ที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการการใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ เช่น โน้ตบุ๊ก Yoga รุ่นที่พับหน้าจอจนกลายเป็นแท็บเล็ต และสามารถทัชสกรีนได้ หรือโน้ตบุ๊ก Yoga ที่มาในรูปแบบ 2 จอทั้งหน้าจอปกติ และหน้าจอบริเวณที่ปกติจะเป็นคีย์บอร์ด รวมถึง Yoga ที่วางตัวเป็นเครื่องประสิทธิภาพสูงสำหรับทำงานด้านกราฟิก เป็นต้น

นอกจากนี้ เลอโนโว ยังมีกลุ่มเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลสำหรับเล่นเกม เช่น Legion และ LOQ ที่ทำตลาดมาเพื่อกลุ่มเกมเมอร์โดยเฉพาะ ยิ่งกระแสเกมยังไม่ตก การผลิตเครื่องประสิทธิภาพสูงที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้จึงจำเป็น ซึ่ง เลอโนโว เป็นหนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรมของกลุ่มนี้ เช่น การใช้ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว เป็นต้น

เลอโนโว

มอง AI เป็นหนึ่งในเครื่องมือการตลาดที่สำคัญ

ทั้งนี้กลุ่มคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่จะทำตลาดในปี 2024 ของ เลอโนโว จะถูกทำตลาดผ่านการสื่อสารเรื่อง AI ควบคู่กับเรื่องคุณสมบัติอื่น ๆ เนื่องจากบริษัทมีการทำความร่วมมือกับ อินเทล และ ไมโครซอฟท์ เพื่อนำ Copilot มาติดตั้งอยู่ในเครื่อง และมีปุ่มกดใช้งานอยู่บริเวณด้านล่างของคีย์บอร์ด

“AI คืออีกเรื่องที่เราจะสื่อสารในปีนี้ แต่ถ้าถามว่าผู้บริโภคตัดสินใจซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์เพราะ AI หรือไม่ ก็คงบอกว่ายังไม่ขนาดนั้น แต่เราก็พร้อมสร้างความแตกต่างให้กับตลาด และอบรมพนักงานตามร้านต่าง ๆ ให้เรียนรู้ถึงเทคโนโลยีนี้เพื่อสื่อสารไปถึงผู้บริโภคได้ดีที่สุด”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไทยยังเป็นพื้นที่สำคัญในการทำตลาดภูมิภาคนี้ของ เลอโนโว ผ่านการเป็นศูนย์กลางจัดแสดงนวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ที่จะทยอยทำตลาดในปี 2024 ของ เลอโนโว ในระดับเอเชียแปซิฟิก ประกอบกับ วรพจน์ ถาวรวรรณ เพิ่งถูกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว หลัง ธเนศ อังคศิริสรรพ อดีตผู้บริหารตำแหน่งนี้ถูกดันขึ้นไปรับผิดชอบในระดับเอเชียแปซิฟิก

อ้างอิง // Lenovo

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post เลอโนโว ลุ้นกำลังซื้อฟื้นดันยอดขายโน้ตบุ๊ก 20,000 บาท ขายดี ย้ำ AI คือเครื่องมือการตลาดสำคัญ first appeared on Brand Inside.

[ลือ] Apple แพลนที่จะขยายเมนู Battery Health ของ iPhone ไปยัง iPad บน iPadOS 17.5 เวอร์ชันเบต้าด้วย

MacThai - 4 April 2024 - 14:00

ตามที่ผู้ให้ข้อมูลบน MacRumors อย่าง Steve Moser และ Aaron Perris เผย ว่าแอปเปิลแพลนที่จะขยายเมนู Battery Health ของไอโฟนไปยังไอแพดด้วย ซึ่งคาดว่าจะมาพร้อมการอัปเดตซอฟต์แวร์ iPadOS 17.5 เวอร์ชันเบต้าก่อน

โดยพบโค้ดนี้ไปเมื่อต้นสัปดาห์หลังจากเปิดตัวให้กับนักพัฒนาได้ลองใช้ ซึ่งคาดว่าจะมีทั้งการแสดงความจุของแบตเตอรีที่เหลืออยู่ของไอแพด และจำนวนรอบการชาร์จที่บอกอายุขัยของแบตเตอรีด้วย โดยมีตัวอย่างโค้ดคำแนะนำ คือ

  • “iPad must be regularly used while not connected to power to show maximum capacity.” เพื่อบอกวิธีการโชว์ความจุสูงสุดของแบตเตอรีขณะไม่ได้เสียบปลั๊กชาร์จแบต
  • “This is the number of times iPad has used your battery’s capacity.” เพื่อบอกจำนวนครั้งที่ไอแพดได้ใช้ความจุของแบตเตอรีไป
  • “The iPad battery is performing as expected.” เพื่อบอกการทำงานของแบตเตอรีบนไอแพดว่ายังสามารถทำงานได้อย่างมัประสิทธิภาพอยู่
  • “iPad batteries, like all rechargeable batteries, have a limited lifespan and may eventually need to be serviced or replaced.” เพื่อบอกว่าแบตเตอรีของไอแพด และการใช้งานจำนวนรอบการชาร์จให้มีประสิทธิภาพมีจำกัด และขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ซึ่งหากยังอยู่ในรอบประกันหนึ่งปีก็สามารถเปลี่ยนกับแอปเปิลได้

ถือเป็นอีกเรื่องที่ดีสำหรับคนใช้ไแพดครับ เพระาปกติจะไม่มีการแสดงเมนู Battery Health บนไอแพดรุ่นใด ๆ เลย iPadOS 17.5 จึงนับว่าเป็นเบต้าตัวแรกที่จะได้เห็นกัน แต่อาจจะจำกัดการใช้งานกับแค่ iPad Pro และ iPad Air รุ่นใหม่ที่มีข่าวลือว่าจะเปิดตัวในเดือนพฤษภาคมครับ

แต่เพราะซอฟต์แวร์นี้ยังเป็นแค่เวอร์ชันเบต้าอยู่ ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าแอปเปิลจะเพิ่ม เมนู Battery Health ลงไอแพดจริงหรือไม่

ที่มา – https://www.macrumors.com/2024/04/03/ipados-17-5-beta-battery-health-code/

The post [ลือ] Apple แพลนที่จะขยายเมนู Battery Health ของ iPhone ไปยัง iPad บน iPadOS 17.5 เวอร์ชันเบต้าด้วย appeared first on Macthai.com.

tjukanovt เว็บค้นหาคนดังทั่วโลก พร้อมประวัติและผลงาน!

iPhonemod - 4 April 2024 - 13:29

ใครที่อยากจะลองค้นหาคนดังทั่วโลก พร้อมข้อมูลจากคนดังว่า […]

The post tjukanovt เว็บค้นหาคนดังทั่วโลก พร้อมประวัติและผลงาน! appeared first on iMoD.

Pages