กลุ่มเซ็นทรัล เข้าซื้ออาคารหรู ที่ตั้งของ ห้างคาเดเว แหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดใจกลางกรุงเบอร์ลิน

Brand Inside - 13 April 2024 - 11:17

กลุ่มเซ็นทรัล ประกาศลงนามข้อตกลงเข้าซื้อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ถือครองกรรมสิทธิ์ อาคารและที่ดิน ห้างสรรพสินค้าหรูคาเดเว จากกลุ่มซิกน่า ไพร์ม ซีเลคชั่น เอจี เป็นที่เรียบร้อย โดยอาคารดังกล่าว ตั้งอยู่บนถนนโทเอนซีนสตราสเซอ (Tauentzienstraße) แหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดใจกลางกรุงเบอร์ลิน ซึ่งส่งผลให้กลุ่มเซ็นทรัลมีสถานะเป็นเจ้าของสินทรัพย์ทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว (หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์)

คาเดเว ห้างสรรพสินค้าที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของกรุงเบอร์ลิน มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี ปัจจุบันมียอดขายสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง และเป็นห้างหรูขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศเยอรมนี มีพื้นที่ค้าปลีกกว่า 60,000 ตารางเมตร เป็นศูนย์รวมที่สุดแห่งแฟชั่นระดับไฮเอนด์ อาหาร เครื่องดื่ม ไวน์ชั้นเลิศ และมีลูกค้าที่เข้ามาเยือนกว่า 8 ล้านคนต่อปี ตัวอาคารที่มีความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรม มีความเป็นเลิศทางนวัตกรรม และเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า กลุ่มเซ็นทรัลได้เข้าลงทุนในกลุ่มคาเดเว ซึ่งดำเนินธุรกิจห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ 3 สาขาในเยอรมนี ร่วมกับกลุ่มซิกน่าตั้งแต่ปี 2558 โดยเซ็นทรัลถือหุ้นในสัดส่วน 50.1 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ซิกน่ายังคงเป็นเจ้าของอาคารอสังหาริมทรัพย์ ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ ที่ผ่านมาทางห้างจึงเป็นเพียงผู้เช่าเท่านั้น หลังจากการเข้าซื้ออาคารซึ่งเป็นที่ตั้งของห้างคาเดเวเสร็จสิ้น กลุ่มเซ็นทรัลจะกลายเป็นเจ้าของสาขาแฟลกชิพที่มีความสำคัญที่สุด และเป็นผู้ให้เช่าแก่กลุ่มคาเดเวแทน

“เรามีความยินดีที่ได้คาเดเว เบอร์ลิน เข้ามาเป็นหนึ่งในอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มเซ็นทรัล โดยการลงทุนเพิ่มในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อกลุ่มคาเดเว ลูกค้า พนักงาน ตลอดจนพันธมิตรทางธุรกิจในยุโรป ว่าเราจะเดินหน้าต่อไปเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ห้างสรรพสินค้าของเรากลับเข้าสู่การดำเนินการตามปกติและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยเร็วที่สุด”

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post กลุ่มเซ็นทรัล เข้าซื้ออาคารหรู ที่ตั้งของ ห้างคาเดเว แหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดใจกลางกรุงเบอร์ลิน first appeared on Brand Inside.
Categories: Blognone Network

[ลือ] MacBook Pro พร้อมชิป M4 และฟีเจอร์ AI จะมาปลายปีนี้?!

MacThai - 13 April 2024 - 10:00

Apple Silicon หรือชิป M4 รุ่นต่อไปของแอปเปิลคาดว่าจะได้เห็นกันภายในสิ้นปี 2024 พร้อมโฟกัสไปที่ฟีเจอร์ และตัวช่วยจาก AI มากขึ้นตามข่าวลือครับ

หลังจากเป็นเวลานานเกือบครึ่งปีหลังที่แอปเปิลได้เปิดตัวชิป M3 ไป และก่อนจะเปิดตัวชิป M3 Ultra ที่อีเวนต์ WWDC ก็มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับชิป M4 เช่นกัน เพราะเป็นชิปที่ไม่ได้มีดีแค่การอัปเกรดประสิทธิภาพในฐานะชิปใหม่ของแอปเปิลเท่านั้น แต่ยังเป็นรุ่นที่เน้นเรื่อง AI ด้วย

โดย Mark Gurman จาก Bloomberg คาดว่าชิป M4 จะเปิดตัวปลายปี 2024 หรือไม่ก็ต้นปี 2025 อย่างเร็วที่สุด ซึ่งอาจจะเปิดตัวพร้อมกับ iMac รุ่นใหม่ และ MacBook รุ่นโลว์เอนด์ขนาด 14 นิ้ว และรุ่นไฮเอนด์ 14 นิ้ว ไปจนถึง MacBook Pro ขนาด 16 นิ้ว และ Mac mini ที่ทั้งหมดนี้จะรองรับชิป M4 ครับ

ซึ่งหากอัปเดตช่วงเวลาในปัจจุบัน ชิป M4 ก็น่าจะใกล้เข้าสู่ช่วงผลิตแล้ว อย่างรหัสที่ใช้ชื่อว่า Donan, Brava และ Hidra โดยคาดว่าน่าจะหมายถึงชิป  M4, M4 Pro และ M4 Max ครับ

ส่วนความสามารถในการประมวลผลที่ใช้ AI ก็น่าจะสร้างชิปที่มี AI เป็นศูนย์กลางในการทำงานมากขึ้นอย่าง Neural Engine หรือเพิ่มแกนประมวลผลให้มากขึ้น ทำให้เรียนรู้อะไรที่ซับซ้อนได้เร็ว โดยชิป M4 และ A18 จะมีแกนประมวลผล AI มากขึ้นนั่นเอง

ที่มา – https://appleinsider.com/articles/24/04/11/rumor-m4-macbook-pro-with-ai-enhancements-expected-at-the-end-of-2024

The post [ลือ] MacBook Pro พร้อมชิป M4 และฟีเจอร์ AI จะมาปลายปีนี้?! appeared first on Macthai.com.

Categories: Partners

Apple เตือนผู้ใช้กว่า 92 ประเทศ! หลังพบการโจมตีสปายแวร์ Mercenary

MacThai - 12 April 2024 - 10:00

เมื่อวันพุธที่ผ่านมาแอปเปิลได้ส่งการแจ้งเตือนถึงภัยคุกคามของสปายแวร์ไปยังผู้ใช้ไอโฟนกว่า 92 ประเทศ ทั้งผ่านทางอีเมล และ iMessage โดยเตือนว่าผู้ใช้อาจตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีของสปายแวร์ Mercenary

ซึ่งการโจมตีของสปายแวร์ Mercenary จะใช้ข้อมูลส่วนตัวบน Apple ID ของผู้ใช้ โดยเป็นการเชื่อมต่อจากระยะไกลหรือแบบรีโมต และโดยปกติแล้วการโจมตีด้วยสปายแวร์ Mercenary ก็หายาก และซับซ้อนกว่ามัลแวร์ทั่วไปด้วย

ทำให้แอปเปิลเชื่อว่าการโจมตีด้วยสปายแวร์ Mercenary ครั้งนี้ต้องมีผู้อยู่เบื้องหลัง เพราะต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาสูงในการพัฒนาการโจมตีที่ซับซ้อนแบบนี้ได้ และแอปเปิลเองก็โดนโจมตีแบบนี้มานานแล้ว ทำให้ต้องส่งข้อความแจ้งเตือนผู้ใช้มาตั้งแต่ปี 2021 เมื่อมีการโจมตีครั้งใหม่เกิดขึ้น

และการโจมตีครั้งล่าสุดก็มีจุดประสงค์เพื่อจะติดตั้งซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ของผู้ใช้ เพื่อสอดแนมข้อมูล และที่อยู่ด้วย แต่ต้นกำเนิดการโจมตีครั้งล่าสุดก็ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยว่ามาจากไหน เพราะนอกจากแพตช์ทางเทคนิคแล้ว แอปเปิลก็ยังใช้กฎหมายเพื่อติดตามผู้ผลิตสปายแวร์เหล่านี้ด้วย

อย่าง NSO Group ของอิสราเอลที่เป็นหนึ่งในผู้ผลิตสปายแวร์ที่โด่งดังที่สุด โดยแอปเปลิได้ทำการฟ้อง NSO Group ที่โจมตีระบบเพื่อสอดแนมผู้ใช้ ซึ่งคดีนี้ก็กำลังดำเนินอยู่ครับ

หากใครได้รับข้อความแจ้งเตือนจากแอปเปิล ก็ควรขอความความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยแบบฉุกเฉินต่อไป และสามารถติดต่อสายด่วนเรื่องรักษาความปลอดภัยแบบดิจิทัลกับแอปเปิลได้ตลอด 24 ชั่วโมง / 7 วันต่อสัปดาห์ผ่านทางเว็บไซต์ของแอปเปิล

ที่มา – https://9to5mac.com/2024/04/11/apple-iphone-user-mercenary-attack/

https://www.macrumors.com/2024/04/11/apple-warns-users-mercenary-spyware-attacks/

The post Apple เตือนผู้ใช้กว่า 92 ประเทศ! หลังพบการโจมตีสปายแวร์ Mercenary appeared first on Macthai.com.

Categories: Partners

หมดไฟ หมดใจกับงาน? เปิด 4 ขั้นตอนฮีลใจให้มีแรงทำงานใหม่อีกครั้งจาก Harvard Business Review

Brand Inside - 11 April 2024 - 18:03

ไม่อินกับงาน หมดไฟ ไร้เรื่องที่สนใจ อาจมีบางช่วงที่เหล่ามนุษย์เงินเดือนหรือคนที่ต้องทำสิ่งเดิมเป็นเวลานานต้องเจอ แม้ว่าจะพยายามทำตัวเป็นลูกทีมหรือหัวหน้างานที่ดี แต่ก็มีบางช่วงที่ตัวเองไม่ได้รู้สึกว่าห่างเหินกับงาน ไม่ได้จดจ่ออยู่กับงานตรงหน้าจริง ๆ 

ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะ ในช่วงปี 1990 William Kahn แห่งมหาวิทยาลัย Boston University เรียกสิ่งนี้ว่า “Disengagement” หมายถึงการไม่อินหรือรู้สึกไม่เป็นส่วนหนึ่ง มาจนถึงปัจจุบัน เมื่อไม่นานมานี้ Gallup ได้ทำแบบสำรวจพบว่า มีพนักงานเพียง 23% ทั่วโลกที่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับงาน  ขณะที่ 59% รู้สึกไม่เป็นส่วนหนึ่ง ลงแรงกับงานแค่เท่าที่ต้องทำและรู้สึกไม่ยึดโยงกับบริษัท ส่วนอีก 18% รู้สึกไม่เป็นส่วนหนึ่งกับงานอย่างมากและตั้งใจทำสิ่งที่ขัดต่อผลประโยชน์ของบริษัทด้วยซ้ำไป

นอกจากนี้ ผลสำรวจจากสมาคมจิตวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (American Psychological Association) ยังเป็นไปในทางเดียวกันว่า พนักงานมีแนวคิดในเชิงลบต่อการทำงานเช่นเดียวกัน โดย 31% รู้สึกเหนื่อยล้าทางอารมณ์  26% รู้สึกหมดแรงจูงใจที่จะทำงานให้ดีที่สุด 19% มีอารมณ์ขุ่นมัวและอารมณ์โกรธต่อเพื่อนร่วมงานหรือลูกค้า

ความรู้สึกว่าไม่เป็นส่วนหนึ่งกับงานหรือถอดใจกับงานนำไปสู่พฤติกรรมที่ไม่ดีต่อตัวเองอย่างการไม่เข้าสังคม การไม่ช่วยเหลือตัวเอง ภาวะทางอารมณ์เชิงลบ ความเครียดหรือความกังวล ทำให้เราต่างเคยพบเจอกับคนที่หมดแรงจูงใจในการทำงานไม่ว่าจะในฐานะลูกค้าที่เจอบาริสต้าที่ไม่มีกะจิตกะใจกับงานหรือพนักงานภายในร้านที่ไม่ค่อยจะช่วยเหลืออะไรเท่าไรนัก ไปจนถึงเพื่อนร่วมงานที่ทำงานได้ไม่ถึงมาตรฐาน แต่ถ้าหากเราเป็นคนที่หมดอาลัยตายอยากที่จะทำงานซะเอง แบบนี้จะทำยังไงดี?

Harvard Business Review แนะนำ 4 ขั้นตอนที่เรียกว่า DEAR ในการก้าวข้ามความรู้สึกไม่หมดไฟและหมดใจกับงาน ประกอบด้วย Detachment (การแยกตัว) Empathy (ความเข้าอกเข้าใจ) Action (การลงมือทำ) และ Reframing (การมองมุมใหม่)

Detachment (การแยกตัว)

การแยกตัวออกมาฟังดูเป็นวิธีที่ตรงข้ามกับการก้าวผ่านความรู้สึกไม่เป็นส่วนหนึ่งกับงาน แต่ที่จริงแล้วเราจำเป็นต้องใช้เวลาย้อนกลับมามองสถานการณ์และความรู้สึกของตัวเองโดยไม่มีอคติเพราะเมื่อคนเราไม่มีความสุขไม่ว่ากับงานหรือสถานการณ์ทั่วไป สิ่งที่เลวร้ายมักดูเลวร้ายกว่าความเป็นจริงเสมอและดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นกับเราต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าเราจะลงมือทำอะไร

การทิ้งระยะห่างและการใช้ความคิดเป็นสิ่งจำเป็นในการเลือกทางที่เหมาะสม ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นแค่การตอบสนองต่อความรู้สึกไม่เป็นส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่ทางแก้ปัญหา นำไปสู่หนึ่งในความผิดพลาดของการทำงานที่หลายคนมองเป็นทางเลือกสุดท้ายอย่างการลาออก

สิ่งที่ทำได้ในขั้นตอนการแยกตัว คือ การย้อนกลับมาตกตะกอนและห่างออกจากงานด้วยการทบทวนสิ่งที่ผ่านมาในแต่ละวันว่า อะไรบ้างที่ผ่านไปได้ด้วยดีและมีความหมายกับตัวเองเพื่อทำให้อารมณ์ดีขึ้น การห่างออกจากงานทำได้ผ่านการกระทำที่จับต้องได้ เช่น การเก็บโน้ตบุ๊คใส่ตู้หรือออกจากระบบอีเมลงาน พยายามไม่คิดถึงงานและปล่อยให้ตัวเองได้มีเวลาฟื้นฟูพลังงานด้านจิตใจ

งานวิจัยจาก Benson-Henry Institute ที่ Massachusetts General Hospital แสดงให้เห็นว่า การนั่งสมาธิอย่างง่ายเป็นเวลา 10-20 นาที 2 ครั้งต่อวันช่วยให้ผ่อนคลาย ลดความตื่นตระหนก ทำให้สุขภาพกายและสุขขภาพจิตดีขึ้น ประกอบกับการขยับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นโยคะ การเข้าคลาสออกกำลังกาย การเล่นกีฬาหรือแต่แม้แต่การเดินเล่นทั่วออฟฟิศเป็นระยะสั้น ๆ

สุดท้าย คือ การคิดเสมือนว่าตัวเองเป็บบุคคลที่ 3 ที่มองเข้ามาดูชีวิตตัวเอง มีการศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า ผู้คนจะควบคุมความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมของตัวเองได้ดีขึ้นภายใต้ความกดดันเมื่อเรียกตัวเองด้วยชื่อหรือคำสรรพนามบุคคลที่ 3 แทนคำว่า “ฉัน” เมื่อพูดกับตัวเอง เพราะจะช่วยให้สมองมองปัญหาเหมือนเป็นปัญหาของคนอื่นแทน

Empathy (ความเข้าอกเข้าใจ) 

เมื่อหลายคนหมดกำลังใจที่จะทำงาน อาจต่อว่าตัวเองที่ไม่มีเรื่องที่สนใจ ขาดความทะเยอทะยาน แต่ความเห็นอกเห็นใจตัวเองและการเข้าหาและใส่ใจคนอื่นเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยทำให้กลับมามีแรงจูงใจในการทำงานอีกครั้ง เพราะเราทุกคนมีความต้องการด้านจิตใจไม่ว่าจะเป็นปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ความรู้สึกประสบความสำเร็จ และความคิดเห็นเชิงบวกที่ได้รับจากคนอื่น สิ่งที่จะตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้ก็คือการช่วยให้คนอื่นได้สิ่งเหล่านี้ด้วย

เริ่มที่การฝึกดูแลตัวเองด้วยการมองว่าความคิด ความรู้สึกของตัวเอง และคุณค่าที่ตัวเองยึดถือเป็นสิ่งสำคัญผ่านการใจดีกับตัวเองแม้เป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น การดื่มกาแฟดี ๆ สักแก้ว ไปจนถึงการพบนักจิตวิทยาอย่างสม่ำเสมอ 

ต่อมาคือการทำสิ่งที่ดีให้คนอื่น เริ่มต้นจากการปฏิบัติต่อคนอื่นผ่านมุมมองที่ว่าพวกเขาเหล่านั้นต่างก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกับเราเอง ทำได้ด้วยการผ่านการสบตาขณะพูดคุย สังเกตคนอื่นด้วยความใส่ใจ และชื่นชมกับสิ่งที่คนอื่นมีส่วนร่วม หรือถามคำถามอย่างใส่ใจกับเพื่อนร่วมงาน เพราะความเข้าอกเข้าใจคนอื่นต้องอาศัยความอยากรู้เรื่องราวของคนนั้น ๆ 

หลังจากเข้าใจคนอื่นแล้ว ลองเริ่มช่วยเหลือคนอื่นเพิ่มเติมในเรื่องเล็กน้อย เช่น การจัดตู้เย็นในที่ทำงาน อธิบายการใช้อีเมลให้พนักงานใหม่ หรือจะเป็นการสอนงานให้กับเพื่อนร่วมงานที่ประสบการณ์น้อยกว่า 

นอกจากนี้ สิ่งที่ทำได้คือการพยายามหาเพื่อนหรือคนที่เราชื่นชอบในที่ทำงาน หนึ่งในมาตรวัดความรู้สึกส่วนหนึ่งในการทำงานของ Gallup คือการมีเพื่อนสนิทในที่ทำงานและเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ว่าประสิทธิภาพของการทำงานของพนักงานที่มีเพื่อนสนิทจะดีขึ้นด้วย

Action (การลงมือทำ)

งานวิจัยเผยว่า พนักงานที่รู้สึกไม่เป็นส่วนหนึ่งของที่ทำงานมักจะหาทางออกด้วยการดื่มแอลกอฮอล์ พึ่งพายาเสพติด หรือไม่ก็ใช้เวลาหลายชั่วโมงบนอินเทอร์เน็ตหรือใช้เวลางานไปกับเรื่องส่วนตัว 

สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกเริ่มจากการจัดการสิ่งเล็กน้อยก่อน เพราะงานวิจัยพบว่า เมื่อเราทำอะไรสำเร็จแม้เป็นเรื่องเล็กน้อยก็ทำให้อารมณ์ดีขึ้นแถมช่วยเพิ่มโอกาสให้ทำงานที่ใหญ่กว่าเดิมได้สำเร็จ ดังนั้นแม้ว่าการทำงานที่สำคัญที่สุดในตอนเช้าจะเป็นวิธีที่หลายคนมองว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่สำหรับคนที่ขาดแรงจูงใจอาจจะต้องเริ่มจากการทำงานที่ง่ายที่สุดก่อน 

งานวิจัยหลายชิ้นยังแสดงให้เห็นว่าการทำกิจกรรมที่นอกเหนือจากงานช่วยให้คนรู้สึกดีขึ้น มีสมาธิมากขึ้น และมีพลังงานสูงขึ้น โดยอาจทำในรูปแบบงานอดิเรก งานอาสาสมัคร หรือการหารายได้เสริมก็ได้เหมือนกัน

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งในขั้นตอนการลงมือทำ คือ Job Crafting หรือการมีอิสระในการปรับเปลี่ยนงานให้เหมาะกับจุดแข็งและความสนใจไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่น่าสนใจมากขึ้น ลดปริมาณงานลง หรือลดงานที่มีผลกระทบต่ออารมณ์ความรู้สึกลงบ้าง  

การเปลี่ยนงานที่น่าเบื่อและไร้ความหมายให้เป็นเกมเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้มีแรงบันดาลใจในการทำงานมากขึ้น เหมือนกับแนวคิดในการทำ Tracking App บางอย่าง เช่น การมี Streak ช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ถ้ารู้สึกไม่อินกับงานที่ทำ อาจลองสร้างเกมเล่น ๆ ในใจและให้รางวัลตัวเองเมื่อทำงานสำเร็จดูก็ได้

ขั้นตอนการลงมือทำยังรวมถึงการจิตนาการว่าตัวเราเป็นคนอื่น ในการศึกษาชิ้นหนึ่ง กลุ่มที่ถูกขอให้จินตนาการว่าตัวเองเป็นกวีที่ไม่เหมือนใครจะแสดงความคิดสร้างสรรค์มากกว่ากลุ่มที่ถูกขอให้จินตนาการเป็นบรรณารักษ์ที่เข้มงวด แนวคิดหลักคือการมองและคิดในมุมของบุคคลที่สาม เช่น ถ้าหากเราเป็นตัวละครในภาพยนตร์สักเรื่องจะจัดการกับปัญหานี้ยังไงดี

Reframing (การมองมุมใหม่)  

การเปลี่ยนมุมมองในเรื่องงานเริ่มต้นจากการตั้งคำถามต่อตัวเอง 2 เรื่อง คือ เราเป็นใครในการทำงานและงานมีบทบาทยังไงบ้างกับชีวิตของเรา 

หลายคนมีชื่อตำแหน่งไม่เป็นทางการไม่ว่าจะเป็นนักสอน ผู้มองการณ์ไกล หรือนักวางแผน ให้เริ่มจากการมองหาชื่อที่อธิบายบทบาทหรือรูปแบบการทำงานของตัวเองที่โดดเด่นออกมา เป็นวิธีที่จะช่วยให้รับรู้ความหมายและด้านบวกของงานได้

การเริ่มมองจากภาพใหญ่ก็ช่วยในการปรับมุมมองใหม่ ลองครุ่นคิดจุดประสงค์ของการทำงานในภาพรวมดูก่อนเพื่อเปลี่ยนความคิด วิธีนี้ได้ผลจริงจากการศึกษาหลายชิ้นที่ให้ผลว่า พนักงานสามารถทำงานที่ไม่น่าพึงพอใจหรือน่าเบื่อได้ดีขึ้นและนานขึ้นเมื่อพวกเขาเข้าใจว่างานเหล่านั้นเชื่อมโยงกับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าได้ยังไง

สุดท้ายเป็นการคิดถึงประโยชน์อย่างอื่นที่ได้จากการทำงานอย่างการได้เป็นผู้ช่วยเหลือเพื่อร่วมงานหรือการเป็นกำลังหลักของครอบครัว การปรับมุมมองแบบนี้ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนสามารถทำงานที่ไม่พึงประสงค์ได้ เรียกว่าเป็นความต้องการเหนือตัวตน (Self-Transcendent) ที่ไม่ใช่แค่การตอบสนองความต้องการของตัวเอง แต่ช่วยคนอื่นตอบสนองความต้องการของพวกเขาเหล่านั้นด้วย

ถ้าอยากกลับมารู้สึกอินและเป็นส่วนหนึ่งกับงานอีกครั้งและยังสงสัยกับทางเลือกแบบหักดิบอย่างการลาออก หางานใหม่ หรือเปลี่ยนสายงาน 4 ขั้นตอน DEAR อาจเป็นตัวช่วยในการเริ่มปรับความคิด เริ่มจากมองตัวเองในมุมมองของคนข้างนอก มีความเข้าอกเข้าใจและเห็นใจตัวเองและคนอื่น ลงมือทำสิ่งที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ พร้อมปรับมุมมองใหม่ที่มีต่องานและชีวิต เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสให้เกิดสิ่งที่ดีในชีวิตการทำงานได้

ที่มา – HBR

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post หมดไฟ หมดใจกับงาน? เปิด 4 ขั้นตอนฮีลใจให้มีแรงทำงานใหม่อีกครั้งจาก Harvard Business Review first appeared on Brand Inside.
Categories: Blognone Network

[ลือ] รวมชิป Apple Silicon จาก TSMC ที่จะใช้กับ iPhone รุ่นใหม่ในอนาคต

MacThai - 11 April 2024 - 14:00

ซัพพลายเออร์ผลิตชิปของแอปเปิลอย่าง TSMC ในตอนนี้มีอัปเดตมาว่า กำลังดำเนินการผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตรและ 1.4 นาโนเมตรอยู่ โดยมีแนวโน้มว่าจะใช้สำหรับดีไซน์ Apple Silicon รุ่นต่อไปด้วยครับ

จากกแหล่งข่าว DigiTimes รายงานมาว่ากรอบเวลาการผลิตชิป 2 นาโนเมตรและ 1.4 นาโนเมตรจำนวนมากให้กับแอปเปิลมีกำหนดเวลาไว้แล้ว โดยโหนด 2 นาโนเมตรจะเริ่มในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 และจะมีการผลิตขนาดเล็กเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่สองของปี 2025 ต่อ

ซึ่งคาดว่าจะผลิตที่โรงงานแห่งใหม่ของ TSMC ในรัฐแอริโซนาที่จะใช้ในการผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตรด้วยในปี 2027 ส่วนการผลิตชิปขนาด 1.4 นาโนเมตรจะเน้นไปที่โรงงานในไต้หวันแทน

และโหนด 1.4 นาโนเมตรของ TSMC จะมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “A14” และจะตามมาด้วยชิป “N2” เป็นของโหนด 2 นาโนเมตร ตามมาด้วยโหนด “N2P” ในปี 2026 ครับ

โดยในอดีตแอปเปิลเป็นหนึ่งในบริษัทแรก ๆ ที่นำเทคโนโลยีการผลิตชิปที่ล้ำสมัยมาใช้ และได้เป็นบริษัทแรกที่ใช้ โหนด 3 นาโนเมตรของ TSMC กับชิป A17 Pro ใน iPhone 15 Proและ ‌iPhone 15 Pro‌ Max ด้วย

อย่างชิปที่มีเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมใหม่ ๆ มักจะเริ่มที่ไอโฟนก่อน แล้วค่อยถูกนำไปใช้กับไอแพด และ Mac ตามลำดับ และคาดว่านี่จะเป็นลำดับชิปที่แอปเปิลจะใช้ในอนาคตครับ

  • ‌iPhone‌ XR และ XS (2018): A12 ไบโอนิค (7nm, N7)
  • ‌iPhone‌ 11 รุ่นต่าง ๆ (2019): A13 Bionic (7nm, N7P)
  • ‌iPhone‌ 12 รุ่นต่าง ๆ (2020): A14 Bionic (5nm, N5)
  • iPhone 13 Pro (2021): A15 ไบโอนิค (5nm, N5P)
  • iPhone 14 Pro (2022): A16 ไบโอนิค (4nm, N4P)
  • ‌iPhone 15 Pro‌ (2023): A17 Pro (‌3nm‌, N3B)
  • iPhone 16 Pro (2024): A18 (‌3nmร‌, N3E)
  • iPhone‌ 17 Pro (2025): A19 (2nm, N2)
  • iPhone‌ 18 Pro (2026): A20 (2nm, N2P)
  • iPhone‌ 19 Pro (2027): A21 (1.4nm, A14)

ซึ่ง Apple Silicon ของแอปเปิลอย่าง M1 ซีรีส์ก็ มีพื้นฐานมาจาก A14 Bionic และใช้โหนด N5 ของ TSMC ในขณะที่ชิปซีรีส์ M2 และ M3 ใช้ N5P และ N3B ตามลำดับ ส่วนชิป S4 และ S5 ของ Apple Watch ใช้ N7, ชิป S6, S7 และ S8 ใช้ N7P และชิป S9 ล่าสุดใช้ N4P

แสดงให้เห็นได้ชัดว่าโหนดของ TSMC นั้นมีความต่อเนื่อง และเหนือกว่ารุ่นก่อนทั้งด้านทรานซิสเตอร์ และประสิทธิภาพด้วยครับ ซึ่งชิปที่นำมาใช้กับไอโฟนุร่นใหม่ และอุปกรณ์ของแอปเปิลต่อไปจะแรงแค่ไหนคงต้องรอดูกัน

ที่มา – https://www.macrumors.com/2024/04/10/next-gen-chip-tech-for-apple-silicon-on-schedule/

The post [ลือ] รวมชิป Apple Silicon จาก TSMC ที่จะใช้กับ iPhone รุ่นใหม่ในอนาคต appeared first on Macthai.com.

Categories: Partners

กสทช. สหรัฐฯ บังคับผู้ให้บริการโทรคมนาคมติดฉลากบริการหน้าตาคล้ายฉลากโภชนาการ

Brand Inside - 11 April 2024 - 11:13

FCC หรือ กสทช. สหรัฐอเมริกา ประกาศบังคับให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่ให้บริการ Mobile Boardband ต้องติดฉลากแจกแจงบริการ เช่น ราคา, ระยะเวลาสัญญา, ความเร็ว และรายละเอียดโปรโมชันต่าง ๆ คล้ายกับการติดฉลากโภชนาการ เพื่อเพิ่มความชัดเจน และช่วยผู้ซื้อประหยัดค่าใช้จ่าย

อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง

ฉลากโภชนาการกับบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง

FCC แจ้งอย่างเป็นทางการว่า ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. 2024 ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่ให้บริการ Mobile Boardband ต้องติด Broadband Consumer Label หรือฉลากที่บ่งบอกรายละเอียดต่าง ๆ ของบริการอินเทอร์เน็ตที่ให้บริการในประเทศสหรัฐอเมริกา

ฉลากดังกล่าวมีหน้าตาคล้ายกับฉลากโภชนาการที่ติดอยู่บนบรรจุภัณฑ์ของอาหารต่าง ๆ เพื่อชี้ให้เห็นถึงคุณค่าสารอาหาร ซึ่ง FCC ประยุกต์แนวคิดดังกล่าวมาใช้ระบุรายละเอียดของบริการอินเทอร์เน็ต เช่น ราคา, ระยะเวลาสัญญา, ความเร็ว และรายละเอียดโปรโมชัน

ฉลากนี้ยังมีทั้งรูปแบบภาษาอังกฤษ และภาษาสเปน โดยจะติดอยู่บริเวณจุดขายของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทั้งหน้าร้านทั่วไป และบนโลกออนไลน์ ส่วนผู้ให้บริการที่มีลูกค้าน้อยกว่า 1 แสนราย จะถูกบังคับให้ติดตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. 2024 เป็นต้นไป

FCC ยังแจ้งอีกว่า ฉลากดังกล่าวช่วยเพิ่มความชัดเจนของข้อมูลให้กับผู้บริโภค ผ่านการกำหนดมาตรฐานกลางที่ช่วยชี้แจงข้อมูลต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ทั้งยังสามารถเปรียบเทียบผู้ให้บริการต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าเดิม ทั้งยังส่งผลให้ผู้บริโภคประหยัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้เช่นกัน

ทั้งนี้ฉลากดังกล่าวไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่มีการให้ใช้งานตั้งแต่ปี 2016 แต่ FCC ไม่ได้บังคับให้ผู้ให้บริการติดไว้บริเวณจุดขาย แต่หลังจากนั้นเริ่มมีการหารือ และประยุกต์ฉลากดังกล่าวให้ดีขึ้นจนถึงปี 2024 ได้บังคับใช้อย่างเป็นทางการ

สำหรับประเทศไทย การคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง กสทช. มีการเดินหน้าตรวจสอบงานบริการ และมีมาตรการคุ้มครองเบื้องต้น เช่น ราคา, ความเสถียรในการบริการ และการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เป็นต้น

อ้างอิง // FCC

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post กสทช. สหรัฐฯ บังคับผู้ให้บริการโทรคมนาคมติดฉลากบริการหน้าตาคล้ายฉลากโภชนาการ first appeared on Brand Inside.
Categories: Blognone Network

เปิด 4 กลยุทธ์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ดึงธุรกิจในพอร์ตร่วมสร้าง “Decarbonized Economy” จาก KBank

Brand Inside - 11 April 2024 - 11:00

ธนาคารกสิกรไทยจัดงาน Together ‘Transitioning Away’: Towards a New Way of Business เปิด 4 กลยุทธ์และเคสตัวอย่างการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานของธุรกิจจากธนาคารและธุรกิจในพอร์ตโฟลิโอเพื่อการสร้าง Decarbonized Economy

Decarbonized Economy คือเศรษฐกิจที่ปล่อยคาร์บอนต่ำด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายเพื่อควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 – 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม 

การดำเนินธุรกิจก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก นอกจากฝั่งธนาคารเองแล้ว ปัจจุบันธนาคารมีสินเชื่อธุรกิจในพอร์ตโฟลิโอมูลค่า 1.7 ล้านล้านบาท ที่ประกอบด้วยธุรกิจประมาณ 4.5 แสนรายที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณมากกว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานของธนาคารถึง 480 เท่า

 

ธนาคารกสิกรไทยคาดการณ์ว่าในปี 2050 หากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นไปถึง 3.2 องศา เศรษฐกิจโลกอาจสูญเสียมูลค่ากว่า 18 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 18% ของ GDP โลก ซึ่งมากกว่าช่วงโรคระบาด ที่สูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจ 3% ของ GDP โลก 

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่อาจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากทั้งความเสี่ยงเชิงกายภาพ และความเสี่ยงจากการเปลี่่ยนผ่าน (Transition risk) จากผลกระทบของการออกกฎเกณฑ์และกฎระเบียบของคู่ค้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยถึง 44% ของ GDP

ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมทำให้มหาอำนาจทางเศรษฐกิจออกข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งส่งผลกดดันต่อภาคธุรกิจไทยที่มีความพร้อมแตกต่างกันโดย SMEs เป็นกลุ่มธุรกิจที่เปราะบางที่สุด การที่มีกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อมอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าสินค้าส่งออกไทย 40-45% 

4 กลยุทธ์จากธนาคารกสิกรไทย

​​Green Operations 

ธนาคารปรับเปลี่ยนการดำเนินงานของตัวเองในด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อมุ่งสู่ Net Zero และเป็นตัวอย่างให้กับธุรกิจ ผ่านการติดตั้งแผงโซลาร์ทั้งอาคารหลักและสาขา การเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทนรถยนต์สันดาปและพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าสำหรับบริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเคลื่อนที่ (EV Currency Exchange) ในปี 2566 ธนาคารสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 12.74% เมื่อเทียบปี 2563 และเป็นกลางทางคาร์บอน 6 ปีต่อเนื่อง (ปี 2561-2566)

Green Finance 

การให้สินเชื่อและเงินลงทุนเพื่อให้ธุรกิจสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่สิ่งที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการให้สินเชื่อ Green Loan การให้ Transition Finance การจัดสรรเงินลงทุนในสตาร์ทอัพ รวมทั้งนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนของธนาคารเพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเพื่อธุรกิจ ESG 

ธนาคารได้วิเคราะห์อุตสาหกรรมในพอร์ตโฟลิโอเพื่อจัดลำดับความสำคัญในการทำแผนกลยุทธ์รายอุตสาหกรรม Sector Decarbonization Strategy ไปแล้ว 5 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ กลุ่มเหมืองถ่านหิน กลุ่มซีเมนต์ และกลุ่มอลูมิเนียม

โดยพบว่ามีความคืบหน้าที่วัดผลได้ อาทิ การสนับสนุนสินเชื่อ Green Loan ให้แก่อุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าจำนวน 3,800 ล้านบาท ที่ทำให้ระดับความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าในพอร์ตโฟลิโอของธนาคารในปี 2566 ลดลง 5% เมื่อเทียบกับปี 2563

Climate Solutions 

 โซลูชันด้านสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจรโดยอาศัยความร่วมมือจากพันธมิตรเกิดเป็นบริการที่ นอกเหนือจากการสนับสนุนทางการเงิน ได้แก่ โซลูชันการส่งมอบความรู้และคำแนะนำ โซลูชันเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กับลูกค้า รวมทั้งโซลูชันเพื่อการวัดผลและตรวจสอบการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ธนาคารได้พัฒนา WATT’S UP เป็น e-marketplace platform รองรับการเช่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร รวมถึงบริการสลับแบตเตอรี่ผ่านจุดบริการที่ให้บริการบนแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ ยังมีแอปพลิเคชันปันไฟ (Punfai) ที่เป็นแอปพลิเคชันแลกเปลี่ยนไฟฟ้าแห่งแรกของไทย

Carbon Ecosystem 

โซลูชันที่กำลังศึกษาและเตรียมแนวทางเพื่อเชื่อมต่อ Carbon Ecosystem และผลักดันให้ตลาดคาร์บอนเครดิตของไทยเติบโต

ธนาคารกสิกรไทยได้ร่วมมือกับ Innopower เตรียมเปิดบริการแพลตฟอร์มขึ้นทะเบียนและขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) ในไตรมาส 2 ของปี 2567 รวมทั้งส่งเสริมตลาดคาร์บอนเครดิตโดยการเตรียมแนวทางในการเป็นตัวแทนซื้อขายคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Broker / Dealer) และการออกโทเคนคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Tokenization)

เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมในปี 2573

การดำเนินงานของธนาคารโดยตรงปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) และให้เงินสินเชื่อและเงินลงทุนเพื่อความยั่งยืน 1-2 แสนล้านบาท 

นอกจากนี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในพอร์ตสินเชื่อธนาคารสุทธิเป็นศูนย์สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทย

ปัจจุบันผลกระทบเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ไทยและทั่วโลกให้ความสำคัญและมีผลโดยตรงกับภาคธุรกิจที่ต้องปรับตัว การที่ธนาคารกสิกรไทยดำเนินตาม 4 กลยุทธ์ถือเป็นก้าวสำคัญในภาคธุรกิจ ในส่วนของกลยุทธ์ ​​Green Operations, Green Finance และ Climate Solutions เป็นสิ่งที่ธนาคารเองและธุรกิจในพอร์ตโฟลิโอได้ลงมือทำและเห็นผลได้อย่างชัดเจน ส่วนกลยุทธ์สุดท้ายอย่าง Carbon Ecosystem ถือเป็นการต่อยอดที่ช่วยให้การดำเนินงานเพื่อไปสู่ Decarbonized Economy ที่จะช่วยเเก้ปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเเละอุณหภูมิโลกที่กำลังสูงขึ้นได้อย่างยั่งยืน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post เปิด 4 กลยุทธ์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ดึงธุรกิจในพอร์ตร่วมสร้าง “Decarbonized Economy” จาก KBank first appeared on Brand Inside.
Categories: Blognone Network

[ลือ] iPhone 16 Plus จะมาพร้อม 7 สีใหม่นี้ ที่ต่อยอดมาจาก 5 สีของ iPhone 15

MacThai - 11 April 2024 - 10:00

จากข่าวลือของประเทศจีน Fixed focus digita บน Weibo มีอัปเดตใหม่มาว่า iPhone 16 Plus จะมาพร้อมกับ 7 สีใหม่! ซึ่งเป็นสีสันที่ต่อยอดมาจาก 5 สีที่ใช้กับ iPhone 15 รุ่นมาตรฐานด้วยครับ

เพราะนอกจากขนาดหน้าจอที่จะใหญ่ขึ้นมาเป็น 6.7 นิ้วแล้ว ก็คาดว่าแอปเปิลจะเพิ่มสีสันใหม่ให้กับ iPhone 16 Plus ด้วย โดยสามารถเทียบกับ 5 สีเดิมที่เคยมีไปแล้วในรุ่น iPhone 15 รุ่นมาตรฐานได้ตามนี้

 iPhone 15 Plus (2023)  iPhone 16 Plus (2024) Blue Blue Pink Pink Yellow Yellow Green Green Black Black – WhitePurple

แต่แหล่งข่าวลือไม่ได้ลงลึกถึงรายละเอียด 7 สีใหม่ว่าจะมาในเฉด หรือมู้ดโทนแบบไหน รวมถึงการนำไปใช้ด้วยว่าจะใช้แค่ 7 สีนี้เฉพาะกับรุ่น iPhone 16 Plus หรือไม่ก็อาจนำไปใช้กับ iPhone 16 รุ่นมาตรฐานด้วย เพราะทั้งสองรุ่นนี้อาจมีแค่ขนาดที่ต่างกันแต่สีเหมือนกันก็เป็นได้

ส่วน iPhone 16 Pro ก็มีข่าวลือมาว่าอาจจะใช้สีไทเทเนียมอย่าง “Space Black” ที่คาดว่าน่าจะคล้ายกับ iPhone 14 Pro โดยมาแทนสี Black Titanium และมีสี “Rose” ใหม่ด้วย ส่วนสี Blue Titanium ที่ iPhone 15 Pro มีจำหน่ายในปัจจุบันจะถูกตัดออกไปในตัวเลือกไอโฟนรุ่นนี้

นอกจากนี้ยังมีลืออีกว่าสี Natural และ White Titanium จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยในรุ่น iPhone 16 Pro โดยสี Natural Titanium จะมีโทนสีเทามากขึ้นกว่าเดิม ส่วน  White Titanium จะออกไปทางสีเทาเงินมากกว่าแบบ iPhone 14 Pro รุ่นสีเงินครับ

ที่มา – https://www.macrumors.com/2024/04/10/iphone-16-plus-rumored-to-come-in-these-7-colors/

The post [ลือ] iPhone 16 Plus จะมาพร้อม 7 สีใหม่นี้ ที่ต่อยอดมาจาก 5 สีของ iPhone 15 appeared first on Macthai.com.

Categories: Partners

ลือ! iPhone 16 Plus มีให้เลือก 7 สี เพิ่มสี White, Purple ใหม่

iPhonemod - 11 April 2024 - 08:14

iPhone 16 Plus มีข่าวลือว่าอาจมีให้เลือกถึง 7 สีมณีเด้ง […]

The post ลือ! iPhone 16 Plus มีให้เลือก 7 สี เพิ่มสี White, Purple ใหม่ appeared first on iMoD.

Categories: Partners

รัฐเคาะแล้ว! เตรียมใช้เงิน Digital Wallet 10,000 บาท ไตรมาส 4 ปี 2567 นี้

Brand Inside - 10 April 2024 - 20:12

นโยบายเติมเงิน Digital Wallet 10,000 บาท

Srettha Thavisin

วงเงิน 5 แสนล้านบาท บริหารจัดการผ่านกระบวนการงบประมาณทั้งหมด ด้วยงบประมาณปี 2567-2568 แบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้

1) เงินมาจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 จำนวน 152,700 ล้านบาท ขยายกรอบวงเงินตามงบประมาณปี 68 แล้ว

2) เงินมาจากการดำเนินงานตามโครงการผ่านหน่วยงานของรัฐ 172,300 ล้านบาท จะใช้มาตรา 28 ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ดูแลกลุ่มประชาชนที่เป็นเกษตรกรจำนวน 17 ล้านคนเศษ ผ่านกลไกมาตรา 28 ของปีงบประมาณ 2568 (คือ ใช้เงินจาก ธกส. ในปี 2568)

3) เงินมาจากการบริหารจัดการเงินงบประมาณปี 2567 จำนวน 175,000 ล้านบาท (งบประมาณ 67 เพิ่งเริ่มใช้ ยังมีเวลาที่รัฐบาลคิดว่ารายการไหนสามารถปรับเปลี่ยนได้ รวมถึงงบกลาง กรณีที่วงเงินไม่เพียงพอ)

ยืนยันว่าการดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งกฎหมายการเงินการคลัง กฎหมายงบประมาณ หรือ กฎหมาย พรบ. เงินตราที่ทางแบงก์ชาติกังวล

ณ วันที่เริ่มโครงการคือช่วงปลายปี จะมีเงิน 500,000 ล้านบาททั้งก้อน ไม่ใช้เงินสกุลอื่นหรือใช้มาตรการอื่นแทนเงิน

สาเหตุและความจำเป็นในการดำเนินโครงการ

เศรษฐกิจไทยปี 2567 คาดว่าจะขยายตัวในระดับต่ำกว่าศักยภาพ มีแนวโน้มเติบโตลดลงเมื่อเทียบกับอดีต ยังเผชิญความท้าทายทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ การฟื้นตัวของรายได้ประชาชนที่มีความเหลื่อมล้ำหลังโควิด-19 ปัญหาหนี้ครัวเรือน ภาระดอกเบี้ยที่สูงขึ้นบั่นทอนกำลังซื้อของประชาชนและเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้า รัฐบาลจึงจำเป็นที่ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการเพื่อเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ตามแนวทางการดำเนินการ ดังนี้

เศรษฐา ทวีสิน

หนึ่ง กลุ่มเป้าหมาย ประชาชนจำนวนประมาณ 50 ล้านคน ตามเกณฑ์ ดังนี้

  • 1) ผู้มีอายุเกิน 16 ปี
  • 2) ไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาทต่อปีภาษี (70,000 x 12 = 840,000 บาท)
  • 3) มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท

สอง เงื่อนไขการใช้จ่าย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม

  • 1) การใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้า ใช้จ่ายเชิงพื้นที่ในระดับอำเภอ กำหนดให้ใช้จ่ายกับร้านค้าขนาดเล็กตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดเท่านั้
  • 2) การใช้จ่ายระหว่างร้านค้ากับร้านค้า จะไม่มีเงื่อนไขกำหนดเรื่องพื้นที่และขนาดของร้านค้าระหว่างกัน

สาม สินค้าทุกประเภทสามารถใช้จ่ายผ่านโครงการได้ ยกเว้น สินค้าอบายมุข น้ำมัน บริการ และออนไลน์ รวมทั้งสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์จะกำหนดขึ้น

สี่ การใช้จ่ายภายใต้โครงการ

จะใช้ระบบที่พัฒนาขึ้นเองโดยหน่วยงานของภาครัฐ ได้แก่ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เป็น Super App ของรัฐบาล โดยการใช้งานจะพัฒนาให้ใช้จ่ายได้ในลักษณะ Open Loop จะทำให้รอบคอบ โปร่งใส ตรวจสอบได้ตามกฎหมาย

ห้า คุณสมบัติของร้านค้า

สามารถถอนเงินสดจากโครงการ ต้องเป็นร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีเท่านั้นในสามประเภท หนึ่ง ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สอง ภาษีเงินได้นิติบุคคล (CIT) สาม ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (PIT) เฉพาะผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร คือประชาชนที่มีอาชีพทำมาค้าขาย

ร้านค้าจะไม่สามารถถอนเงินสดได้ทันทีหลังประชาชนใช้จ่าย จะถอนเงินสดได้เมื่อมีการใช้จ่ายตั้งแต่รอบที่ 2 เป็นต้นไป ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงการทุจริตของโครงการและเพิ่มผลกระตุ้นเศรษฐกิจ (ตัวอย่าง รอบแรกคือประชาชนใช้กับร้านค้าขนาดเล็ก ร้านหน้าบ้านหรือร้านก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ จากนั้นร้านค้าก็นำเงินไปซื้อสินค้าทุนกับร้านค้าอื่นๆ ต่อไปอีกหนึ่งทอด จึงจะขึ้นเงินได้)

หก ระยะเวลาในการเข้าร่วมโครงการ

ประชาชนและร้านค้าสามารถเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 และเริ่มใช้จ่ายภายในไตรมาส 4 ปี 2567

เจ็ด เพื่อป้องกันการทุจริต

ได้ตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อตรวจสอบการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ มีรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธาน มีผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นกรรมการ พร้อมแต่งตั้งคณะอนุกรรมกำกับการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet โดยให้จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลัง เป็นประธาน มีหน้าที่ในการกำหนดเงื่อนไขรายละเอียดโครงการและระบบให้สอดคล้องตามเงื่อนไขและตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

คาดว่าจะส่งผลต่อ GDP ปี 2568 เป็นหลักและร้านค้าขนาดเล็กที่ได้ประโยชน์นับรวมร้านสะดวกซื้อว่าอยู่ในข่ายนี้ด้วย ส่วนห้างสรรพสินค้าไม่รวมอยู่ในข่ายนี้ สาเหตุที่เรื่องร้านค้าขนาดเล็กเพื่อให้เม็ดเงินกระจายในพื้นที่ในชุมชน รวมร้านสะดวกซื้อทั้งแบบ Stand alone และร้านที่ตั้งในสถานบริการน้ำมัน ไม่รวมห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก ห้างขนาดใหญ่ ห้างค้าส่ง ซุปเปอร์มาร์เก็ต

ที่มา – NBT

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post รัฐเคาะแล้ว! เตรียมใช้เงิน Digital Wallet 10,000 บาท ไตรมาส 4 ปี 2567 นี้ first appeared on Brand Inside.
Categories: Blognone Network

ลูกค้า AIS Serenade เติมน้ำมันที่ปั๊มบางจาก รับส่วนลดสูงสุด 50 บาท

iPhonemod - 10 April 2024 - 16:55

สายขับรถเที่ยวมีเฮ! AIS มอบส่วนลดเติมน้ำมันที่ปั๊มบางจา […]

The post ลูกค้า AIS Serenade เติมน้ำมันที่ปั๊มบางจาก รับส่วนลดสูงสุด 50 บาท appeared first on iMoD.

Categories: Partners

3 วิธีไล่น้ำออกจากลำโพงใน Android ปี 2024!

iPhonemod - 10 April 2024 - 15:47

ช่วงหน้าร้อนนี้ สำหรับใครที่ไปเล่นสงกรานต์หรือไปทะเล ก็ […]

The post 3 วิธีไล่น้ำออกจากลำโพงใน Android ปี 2024! appeared first on iMoD.

Categories: Partners

Apple Arcade ประกาศเพิ่ม 3 เกมใหม่ในเดือน พ.ค. 67

iPhonemod - 10 April 2024 - 11:24

วันนี้ Apple ได้ประกาศเพิ่มเกมใหม่ออกมา 3 เกม ที่เปิดตั […]

The post Apple Arcade ประกาศเพิ่ม 3 เกมใหม่ในเดือน พ.ค. 67 appeared first on iMoD.

Categories: Partners

เกาหลีใต้ ทุ่ม 2.52 แสนล้านบาท ลงทุนด้าน AI และเซมิคอนดักเตอร์ หวังขึ้นผู้นำระดับโลกในตลาดนี้

Brand Inside - 10 April 2024 - 10:15

เกาหลีใต้ เดินหน้า AI และเซมิคอนดักเตอร์เต็มรูปแบบ หลังประกาศลงทุนกว่า 9.4 ล้านล้านวอน หรือราว 2.52 แสนล้านบาท เพื่อใช้พัฒนา AI และสนับสนุนผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ พร้อมตั้งเป้าเป็นผู้นำในตลาดนี้ในระดับโลกภายในปี 2030

Chip Semiconductor เซมิคอนดักเตอร์ภาพจาก Shutterstock เกาหลีใต้เดินหน้า AI เต็มรูปแบบ

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า เกาหลีใต้ประกาศลงทุนกว่า 9.4 ล้านล้านวอน หรือราว 2.52 แสนล้านบาท เพื่อพัฒนา AI และสนับสนุนผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ พร้อมตั้งเป้าเป็นผู้นำในตลาดนี้ภายในปี 2030 ถือเป็นการต่อยอดความเป็นผู้นำด้านชิปหน่วยความจำที่เกาหลีใต้ครองตลาดโลกมากกว่า 30 ปี และล้อไปกับการประกาศนโยบายลักษณะเดียวกันของประเทศชั้นนำอย่างสหรัฐอเมริกา, จีน และญี่ปุ่น

ปัจจุบันเกาหลีใต้มีมูลค่าเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของเอเชีย โดยเซมิคอนดักเตอร์รูปแบบต่าง ๆ คิดเป็นการส่งออก 1 ใน 5 ของมูลค่าการส่งออกเกาหลีใต้ โดยในเดือน มี.ค. 2024 มูลค่าการส่งออกพุ่งสูงถึง 11,700 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4.24 แสนล้านบาท มากที่สุดในรอบ 21 เดือน และหลังจากนี้อาจเติบโตไปมากกว่านี้หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวในไต้หวัน ฐานผลิตสำคัญของ TSMC ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์อันดับ 1 ของโลก

“ปัจจุบันการแข่งขันของเซมิคอนดักเตอร์นั้นรุนแรง และทุกประเทศต่างทุ่มเต็มที่เพื่อแข่งขันกับประเทศอื่น โดยเกาหลีใต้ครองตำแหน่งผู้นำตลาดชิปหน่วยความจำตลอด 30 ปี และเราจะเขียนตำนานใหม่ในการเป็นผู้นำตลาดเซมิคอนดักเตอร์ใน 30 ปีข้างหน้า” ยุน ซอกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กล่าว แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการเป็นผู้นำเรื่องนี้ของเกาหลีใต้ได้เป็นอย่างดี

ขณะเดียวกัน เกาหลีใต้ยังเดินหน้ายกระดับงานวิจัย และพัฒนาชิปเกี่ยวกับ AI ในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ผ่าน AI เพื่อเพิ่มขีดจำกัดการใช้งาน AI ในประเทศ รวมถึงการส่งออก โดยหากเจาะไปที่มูลค่าการลงทุน 9.4 ล้านล้านวอน จะมีเม็ดเงินราว 1.4 ล้านล้านวอน หรือราว 37,000 ล้านบาท เพื่อใช้สนับสนุนผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศโดยเฉพาะ

อ้างอิง // Reuters

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post เกาหลีใต้ ทุ่ม 2.52 แสนล้านบาท ลงทุนด้าน AI และเซมิคอนดักเตอร์ หวังขึ้นผู้นำระดับโลกในตลาดนี้ first appeared on Brand Inside.
Categories: Blognone Network

[ลือ] iPhone 16 Plus ความจุแบตเตอรีน้อยลงกว่า iPhone 15 Plus?!

MacThai - 10 April 2024 - 10:00

จากข่าวลือเกี่ยวกับความจุแบตเตอรีของไอโฟนรุ่นใหม่ ก็มักจะมาพร้อมกับที่บอกว่าแลตเตอรีจะมีขนาดใหญ่ และใช้ได้ยาวนานขึ้น แต่ไม่ใช่กับ iPhone 16 Plus ครับ เพราะหลุดตารางเทียบกับไอโฟนรุ่นก่อนหน้าแล้ว ความจุดันลดลงกว่าเดิมด้วย

โดยแหล่งข่าวนี้มาจาก Weibo แอกเคานต์ OvO Baby Sauce OvO เผยให้เห็นความจุของแบตเตอรี iPhone 16 โมเดลต่าง ๆ ซึ่งตรงกับก่อนหน้าที่ที่แอกเคานต์อย่าง Majin Bu ได้โพสต์ลง X เอาไว้เช่นกัน ซึ่งเทียบได้ ตามนี้ครับ

iPhone 16 (2024)
  • iPhone 16:3,561 mAh
  • iPhone 16 Plus:4,006 mAh
  • iPhone 16 Pro:3,355 mAh
  • iPhone 16 Pro Max:4,676 mAh
iPhone 15 (2023)
  • iPhone 15:3,349 mAh
  • iPhone 15 Plus:4,383 mAh
  • iPhone 15 Pro:3,274 mAh
  • iPhone 15 Pro Max:4,422 mAh

ซึ่งตัวเลขของความจุแบตเตอรีแสดงให้เห็นว่า iPhone 16, iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max จะมีแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่ารุ่นก่อน แต่ ‌iPhone 16‌ Plus จะมีความจุแบตเตอรีลดลงเมื่อเทียบกับ iPhone 15 Plus รุ่นก่อนหน้า แต่ยังไม่รู้เหตุผลแน่ชัดว่าทำไมถึงลดลงครับ

แต่การลดความจุแบตเตอรีก็อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่แอปเปิลอาจพยายามเพิ่มความแตกต่างระหว่าง iPhone 16 Plus และ iPhone 16 Pro Max ให้แตกต่างกันแบบสุดขั้วก็เป็นได้ เพื่อโน้มน้าวให้สาวกแอปเปิลหันมาใช้รุ่นที่พรีเมียมทั้งฟีเจอร์ และราคา รวมถึงแบตเตอรีที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

อย่างที่แอปเปิลเปิดตัว iPhone 14 Plus มาแทนที่ iPhone 13 mini กับหน้าจอแสดงผลขนาด 6.7 นิ้วแบบเดียวกับ iPhone 14 Pro Max โดยไม่ต้องจ่ายเพื่อให้ได้รุ่นพรีเมียมที่แพงกว่า

นอกจากนี้ iPhone 14 Plus ยังมีข้อได้เปรียบในเรื่องแบตเตอรี่ที่มีความจุมากกว่า iPhone 14 Pro Max และทำการตลาดโปรโมตให้เป็นรุ่นที่แบตเตอรีใช้ได้นานที่สุดได้อีกด้วย

ส่วน iPhone 16 Pro Max ก็มีลือกันว่าจะมาพร้อมกับอายุการใช้งานแบตเตอรียาวนานกว่า 30 ชั่วโมงด้วย จากเดิมที่ iPhone 15 Pro Max ที่ใช้ได้ 29 ชั่วโมงครับ

ที่มา – https://www.macrumors.com/2024/04/09/alleged-iphone-16-battery-details-leaked/

The post [ลือ] iPhone 16 Plus ความจุแบตเตอรีน้อยลงกว่า iPhone 15 Plus?! appeared first on Macthai.com.

Categories: Partners

Apple ยังคงไม่จัด Event เปิดตัว iPad 2024 ถึงแม้จะพอมีเวลาก็ตาม

iPhonemod - 10 April 2024 - 09:59

มีรายงานเผยว่า Apple ยังคงไม่เลือกจัดงานเปิดตัว iPad Pr […]

The post Apple ยังคงไม่จัด Event เปิดตัว iPad 2024 ถึงแม้จะพอมีเวลาก็ตาม appeared first on iMoD.

สงกรานต์คนใน กทม. กลับต่างจังหวัด ทรู ปรับสัญญาณรองรับการใช้งานมือถือ จัดรถ COW เสริมโครงข่ายทั่วประเทศ

Brand Inside - 9 April 2024 - 21:35

ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งถือเป็นเทศกาลใหญ่ของประเทศไทย ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายของประชากรจากกรุงเทพฯ​ กลับบ้านต่างจังหวัด หรือไปเที่ยวต่างจังหวัด และเกิดการรวมกลุ่มประชากรในแหล่งท่องเที่ยว สิ่งนี้ทำให้การใช้งานมือถือแตกต่างไปจากช่วงเวลาปกติ ทำให้ผู้ให้บริการมือถือต้องปรับโครงข่ายใหม่ให้สอดคล้องกับปริมาณการใช้งาน

true

ประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บอกว่า จากข้อมูล Mobility Data-Based ของทรู พบว่าคนไทย เดินทางไปภาคอีสานเพิ่มขึ้น 13% ไปภาคเหนือเพิ่มขึ้น 9% ไปภาคใต้เพิ่มขึ้น 4% ส่วนปริมาณคนในกรุงเทพฯ ลดลง 19% ภาคตะวันออกลดลง 8% ขณะที่ Top 5 จังหวัดที่มีคนเดินทางไปสูงที่สุด ได้แก่ อุบลราชธานี, บุรีรัมย์, ศรีสะเกษ, นครศรีธรรมราช และ ขอนแก่น

true

ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่า ปริมาณการใช้งานจะเปลี่ยนแปลงไปจากช่วงเวลาปกติ เพราะคนมีการเดินทางเกิดขึ้น ดังนั้น ต้องเพิ่มสัญญาณโครงข่ายในจุดสำคัญ เช่น แหล่งท่องเที่ยว, สถานที่จัดกิจกรรม ที่มีคนไปรวมตัวจำนวนมาก, ศูนย์กลางการเดินทาง เช่น สนามบิน, สถานีขนส่ง, สถานีรถไฟ รวมถึงเส้นทางถนนสายหลักระหว่างภูมิภาค และจุดพักรถสำคัญ

true

ยิ่งมีการกำหนดสถานที่จัดกิจกรรม มีคนไปรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นพบว่าจะมี 97 กิจกรรมสำคัญในช่วงสงกรานต์นี้ มี 129 จุดขนส่งและจุดพักเดินทาง และ 12 เส้นทางการจราจรหลัก ซึ่งเพื่อการใช้งานมือถือทั้งเสียงและดาต้ามีประสบการณ์ที่ดีราบรื่น ทรู ได้เตรียมพร้อมรองรับการใช้งานที่เปลี่ยนไป 4 ส่วนประกอบด้วย

  1. รถโมบายล์ชุมสายเคลื่อนที่เร็ว (COW หรือ Cell-On-Wheel) ประจำจุดสถานที่สำคัญยอดนิยม และแหล่งท่องเที่ยว
  2. เสาสัญญาณเฉพาะจุด (Temporary site) ขยายสู่แหล่งท่องเที่ยว พื้นที่จัดกิจกรรมหลักของแต่ละจังหวัด
  3. พารามิเตอร์สัญญาณ (Event Parameter) จูนอัพค่าสัญญาณรองรับพฤติกรรมการใช้งานช่วงเทศกาลสงกรานต์
  4. BNIC ศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ พร้อม AI และหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ (War Room) เพิ่มประสิทธิภาพความเชื่อมั่นเครือข่าย 5G, 4G และอินเทอร์เน็ตบ้าน พร้อมดูแลและบริหารเครือข่ายครอบคลุมทุกบริการ 24 ชั่วโมง 

true

สำหรับรถ COW โดยรวมมีประมาณ​ 100 คัน ในเทศกาลสงกรานต์ครั้งนี้ จะนำมาใช้ประมาณ 20 คันกระจายตามจุดต่างๆ ที่คาดว่ามีปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้น สามารถช่วยเพิ่มสัญญาณด่วนได้ภายใน 24 ชั่วโมง รองรับทุกคลื่นความถี่และ WiFi โดยเฉพาะคลื่นความถี่ 1800, 2100 และ 2600 ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งาน 4G และ 5G สำหรับผู้ใช้ทั้งทรูและดีแทค ซึ่งนอกจากช่วงเทศกาลแบบนี้แล้ว รถ COW ยังใช้งานได้ดีในช่วงเวลาที่มีภัยพิบัติ หรือมีความจำเป็นเร่งด่วนอื่นๆ ในการขยายคลื่นความถี่ในแต่ละพื้นที่ด้วย

“การออกแบบโครงข่าย ปกติจะดูปริมาณการใช้งาน แต่กรณีที่เป็นงานเทศกาล ซึ่งปริมาณการใช้งานในบางพื้นที่จะเพิ่มสูงขึ้นเป็นพิเศษ ไม่ได้มีปริมาณการใช้งานสูงตลอดเวลา การขยายโครงข่ายถาวร จะเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น รถ COW จะเข้ามาตอบความต้องการ”

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post สงกรานต์คนใน กทม. กลับต่างจังหวัด ทรู ปรับสัญญาณรองรับการใช้งานมือถือ จัดรถ COW เสริมโครงข่ายทั่วประเทศ first appeared on Brand Inside.
Categories: Blognone Network

Pages