สำนักข่าว The Wall Street Journal ได้รายงานว่าตอนนี้ทั้ง Amazon และ Google เตรียมจะนำระบบคุยโทรศัพท์มาลงอุปกรณ์สั่งงานด้วยเสียงสำหรับใช้งานในบ้านของตัวเอง ซึ่งคาดว่าน่าจะทำได้ภายในปีนี้ แต่ทั้งสองบริษัทยังคงกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว, บริการฉุกเฉิน และการควบคุมอยู่
ถ้าหากว่าทั้ง Amazon Echo และ Google Home มีฟีเจอร์โทรออกแล้ว ผู้ใช้ก็เพียงสั่งงานด้วยเสียงก็จะสามารถโทรออกได้ทันที และถ้าทั้งสองบริษัททำแล้ว ทาง Google จะเริ่มได้ง่ายกว่าเพราะมีบริการ Google Voice อยู่แล้ว ในขณะที่ Amazon นั้นต้องเริ่มตั้งแต่ต้น
John MacFarlane ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Sonos บริษัทผลิตลำโพงไร้สายชื่อดังประกาศลาออกจากทุกตำแหน่งบริหารในบริษัท ทั้งซีอีโอและคณะกรรมการบริหาร (Board of Directors) โดยเหลือเพียงตำแหน่งพนักงานบริษัทเท่านั้น สำหรับการสอนงานและทำงาน 2 โปรเจ็คที่เจ้าตัวสนเท่านั้น และคนที่มารับช่วงต่อคือ Patrick Spence ท่ามกลางความร้อนแรงในการแข่งขันของตลาดลำโพงไร้สายในขณะนี้
กระแส Conversational Action กำลังมาแรงในช่วงนี้ โดยมี Amazon Echo เป็นหนึ่งในตัวจุดประกายสำคัญ และขายดิบขายดีจน Google ต้องทำ Google Home ออกมาแข่ง โดยตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาผมมีโอกาสนำทั้ง Amazon Echo และ Google Home มาใช้เป็นหัวข้อในวิชาเรียนที่ผมสอนอยู่ มีนักศึกษาช่วยกันค้นคว้าและลองเล่นอุปกรณ์ทั้งสอง จึงนำประสบการณ์มาเล่าให้ฟังว่าการใช้อุปกรณ์ทั้งสองในประเทศไทยเป็นอย่างไร โดยแบ่งเป็นหัวข้อย่อยๆ และทำการประเมินด้วยว่าอุปกรณ์จากค่ายใดเด่นกว่า
Amazon เผยข้อมูลสินค้าขายดีช่วงปลายปี 2016 โดยระบุว่าสินค้าตระกูล Echo ของตัวเองขายดีสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง โดยมียอดขายเติบโตจากช่วงปลายปีที่แล้วถึง 9 เท่าตัว
Amazon ไม่ยอมเผยตัวเลขยอดขายดังเช่นที่แล้วๆ มา แต่ก็บอกว่าตลอดทั้งปีสามารถขายสินค้าตระกูล Echo/Alexa ได้เป็นหลักล้านชิ้น (millions)
สถิติอื่นที่น่าสนใจได้แก่ ลูกค้า 72% ช็อปปิ้งผ่านอุปกรณ์พกพา, อัตราการช็อปปิ้งผ่านแอพ Amazon เติบโตขึ้น 56%, วันที่สินค้าขายดีที่สุดคือวันที่ 19 ธันวาคม, บริษัทต้องใช้พนักงานทั้งฟูลไทม์และพาร์ทไทม์รวมกันกว่า 2 แสนคน และหุ่นยนต์กว่า 45,000 ตัวช่วยกันเตรียมเรื่องจัดส่งสินค้ามากกว่า 1 ล้านชิ้นต่อวัน
ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดเหตุฆาตกรรมที่ย่านเมือง Bentonville รัฐอาร์คันซอ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจและยึดอุปกรณ์ Smart Home หลายชิ้นไว้เป็นของกลางอาทิ Nest, Honeywell และ Amazon Echo ซึ่งลำโพงอัจฉริยะของ Amazon นี้เองที่ทางตำรวจคาดว่าน่าจะพอมีเบาะแสเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมดังกล่าว จึงยื่นหมายค้นไปยัง Amazon เพื่อขอข้อมูลภายใน Echo ว่ามีการเก็บเสียงสภาพแวดล้อมตอนเกิดเหตุไว้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม Amazon ได้ให้เพียงข้อมูลเชิงธุรกิจทั่วไปของตัว Echo เท่านั้นแต่ปฏิเสธจะให้ข้อมูลบันทึกการใช้งานหรือข้อมูลภายในอื่นๆ ของ Echo โดยระบุว่า จะไม่ยอมให้ข้อมูลของลูกค้าหากไม่มีคำร้องที่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถดึงข้อมูลส่วนหนึ่งออกมาจากแรมของ Echo ได้แล้ว
ผู้อ่าน Blognone คงคุ้นเคยกับข่าว Amazon Echo Dot ที่เป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในบ้านโดยการใช้คำสั่งเสียงรุ่นเล็กของ Amazon ซึ่งถือเป็นผู้บุกเบิกอุปกรณ์ในสายนี้ ต่อมา Google ก็ทำตามในชื่อ Google Home
ผมมีโอกาสได้ Amazon Echo Dot รุ่นล่าสุดมาใช้งานได้พักหนึ่งแล้ว เลยขออนุญาตถ่ายทอดออกมาเป็นรีวิวสั้นๆ ครับ
คำเตือน วิดีโอและภาพเยอะมาก
Amazon แทบไม่เคยเปิดเผยยอดขายฮาร์ดแวร์ของตัวเองมาก่อน เราจึงไม่รู้ว่าฮาร์ดแวร์เหล่านี้ขายดีแค่ไหน ล่าสุดมีบริษัท Consumer Intelligence Research Partners (CIRP) คาดการณ์ยอดขายลำโพงอัจฉริยะ Amazon Echo สินค้าสุดร้อนแรงในตอนนี้ ว่าทำยอดขายได้เกิน 5.1 ล้านเครื่องแล้ว
CIRP บอกว่ายอดขาย Echo เพิ่มขึ้นเยอะในรอบ 12 เดือนล่าสุด เพราะ Echo เริ่มมีความสามารถเพิ่มมากขึ้น เทียบกับตอนแรกที่เน้นการใช้งานเป็นลำโพงเพื่อฟังเพลงสตรีมมิ่งเท่านั้น บวกกับการออกลำโพง Echo รุ่นย่อยรุ่นใหม่ๆ และการทำตลาดอย่างหนักของ Amazon ผ่านการลดราคาสินค้าอีกด้วย
บริษัทจากจีนแห่งหนึ่งชื่อว่า Beijing LingLong ซึ่งใช้แบรนด์ว่า LingLong บริษัทที่ร่วมลงทุนกันระหว่างบริษัทค้าปลีกใหญ่ในจีน JD.com และผู้ให้บริการ voice recognition คือ iFlytek ได้ผลิตสินค้าชิ้นแรกซึ่งมีลักษณะเป็นลำโพงเหมือนกับ Amazon Echo ในชื่อว่า DingDong
ตัวเครื่อง DingDong มีน้ำหนักประมาณ 3 ปอนด์ และสูง 9.5 นิ้ว ตัวเครื่องด้านบนมีหน้าตัดเป็นวงกลม ส่วนด้านล่างเป็นสี่เหลี่ยมตามคอนเซปต์ว่า tiānyuán dìfāng หรือ “สวรรค์เป็นวงกลม โลกเป็นสี่เหลี่ยม” มี 4 สีให้เลือกคือ ดำ, แดง, ขาว และม่วง โดย DingDong วางขายในราคา 698 หยวน หรือประมาณ 118 ดอลลาร์
Amazon ได้เปิดตัวลำโพงใหม่คือ Echo Dot ซึ่งเป็นตัวลำโพงที่เอาไว้ใช้งานได้หลากหลาย โดยมาในราคาที่ถูกลงกว่ารุ่นเดิม โดยอยู่ที่ 49.99 ดอลลาร์ และมีฟีเจอร์หลายอย่างที่คล้ายกับ Amazon Echo รุ่นใหญ่ โดยเฉพาะการใช้คำสั่งด้วยเสียงผ่าน Amazon Alexa เพื่อเล่นเพลง, อ่านข่าว, ตรวจสอบสภาพอากาศ, เปิดไฟ, ตั้งเวลา, ใช้แอพ และอื่น ๆ
ตัวอุปกรณ์ Echo Dot จะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไปยังระบบเครื่องเสียงของที่บ้าน ได้ผ่าน Bluetooth หรือช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ซึ่งผู้ใช้จะสามารถใช้งานการฟังเพลงได้ทั้ง Amazon Music, Prime Music, Pandora, Spotify, iHeartRadio, TuneIn และอื่น ๆ สามารถใช้สั่งงานอุปกรณ์ smart home ในบ้านที่รองรับ Amazon Echo ได้
The New York Times รายงานว่า Amazon และ Pandora เตรียมจะเปิดตัวบริการสตรีมมิ่งเพลงใหม่ในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยตั้งราคาที่ 5 ดอลลาร์ต่อเดือนเพื่อเป็นการตัดราคากับคู่แข่งอย่าง Spotify และ Apple Music โดย Pandora จะเปิดบริการก่อน ส่วน Amazon จะเปิดตัวตามมาทีหลังโดยเป็นบริการทางเลือกสำหรับผู้ใช้ Echo
ก่อนหน้านี้ Wall Street Journal เคยรายงานถึงแผนของ Pandora แล้ว คือ Pandora เป็นบริการวิทยุอินเทอร์เน็ต แต่บริการสตรีมมิ่งเพลงใหม่นี้จะทำงานบนแพลตฟอร์มของ Pandora เลย คือจะมีสองเวอร์ชัน ได้แก่ เวอร์ชันฟรีมีโฆษณา และเวอร์ชันเสียเงินไม่มีโฆษณา
ถึงแม้จะมีบริการอย่าง Prime Music อยู่แล้ว แต่เว็บไซต์ Recode รายงานอ้างแหล่งข่าวภายในว่า Amazon เตรียมจะเปิดให้บริการสตรีมมิงเพลงบริการใหม่มาแข่งกับเจ้าตลาดอย่าง Apple Music และ Spotify
Recode ระบุว่าโมเดลค่าสมาชิกบริการสตรีมเพลงชอง Amazon จะมี 2 โมเดลคือ $10 ต่อเดือนสำหรับสมาชิกทั่วไป และ $5 ต่อเดือน(อาจจะ $4 ยังตกลงไม่ได้) สำหรับผู้ใช้ Amazon Echo โดยฟีเจอร์ของทั้งสองราคาไม่แตกต่างกันมากคือฟังเพลงได้ไม่จำกัด ไม่มีโฆษณา เพียงแต่ผู้ใช้ที่จ่ายรายเดือน $10 สามารถฟังกี่เครื่องก็ได้และดาวน์โหลดไว้ฟังออฟไลน์ได้ แต่ผู้ที่จ่าย $5 จะไม่สามารถฟังบนสมาร์ทโฟนได้
Amazon ได้ปรับปรุงแอพสโตร์ของ Alexa ผู้ช่วยเสมือนจริงใหม่ทั้งหมด มีการจัดเป็นหมวดหมู่และระบบการค้นหาใหม่ ทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหาแอพที่จะเพิ่มความสามารถให้กับ Alexa ได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงสามารถสั่งให้ Alexa ค้นหาและเพิ่มแอพได้ด้วยตัวเอง ผ่านการสั่งงานผ่านเสียงแล้ว
Amazon ระบุด้วยว่ากลุ่มแอพบนสโตร์ที่เติบโตมากเป็นอันดับต้นๆ คือกลุ่ม Smart Home โดยระยะเวลาเพียงไม่ถึงปี จากแอพที่มีแอพอยู่เพียงประมาณ 130 แอพ ปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่มากกว่า 1,400 แอพแล้ว ซึ่งนับว่าเป็น ecosystem ใหม่ที่เติบโตเร็วมาก หากมองว่า Alexa เพิ่งเปิด APIs ให้กับนักพัฒนาเพียงปีเดียวเท่านั้น
แนวทางของ Amazon ที่เปิด Alexa ให้กับนักพัฒนาเข้าใช้งานได้อย่างเต็มที่ ทำให้บริการนี้เริ่มกระจายตัวไปยังอุปกรณ์อื่นๆ และล่าสุดเว็บไซต์ Echosim.io ได้เปิดบริการ Amazon Alexa ที่ใช้งานได้ผ่านเว็บไซต์ โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในการทดลองแต่อย่างใด ซึ่งทำเลียนแบบคุณสมบัติของ Amazon Echo แทบทุกประการ และสั่งงานได้ใกล้เคียงกัน (บางอันที่ต้องใช้งานคุณสมบัติเฉพาะทางอาจจะสั่งไม่ได้)
Amazon ประกาศอัพเกรดความสามารถใหม่ให้กับ Amazon Echo ลำโพงอัจฉริยะที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวในเวลาเดียวกันของบริษัท ให้สามารถติดตามความคืบหน้าการจัดส่งของจาก Amazon ที่สั่งซื้อเอาไว้ได้แล้ว
Amazon ระบุว่าผู้ใช้งานเพียงแค่ถามว่า "Alexa, where's my stuff?" ก็จะได้ข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถที่จะกดดูได้จากแอพ Alexa บนสมาร์ทโฟนได้เช่นกัน ใครที่มี Amazon Echo สามารถลองความสามารถนี้ได้แล้วตั้งแต่บัดนี้
ที่มา - Recode
Amazon สอนแนวทางการใช้งาน Alexa Voice Service ที่เปิดให้ผู้ใช้ API สามารถส่งข้อมูลเสียงถามตอบคำถามเข้าไปยังอเมซอน ความพิเศษของการแนะนำครั้งนี้คืออเมซอนสาธิตด้วย Rasbperry Pi ทั้งหมด โดยผู้ใช้จะต้องมี Raspberry Pi 2 พร้อมกับไมโครโฟนแบบ USB
ตัวอย่างนี้ใช้ซอฟต์แวร์ตัวอย่างรุ่นจาวามารันบน Raspberry Pi แต่เมื่อเทียบกับราคาปัจจุบันของ Amazon Alexa แล้วก็นับว่าเป็นแนวทางที่ประหยัดกว่าการซื้อ Amazon Echo มาเล่นอยู่มาก
ใครมี RPi 2 อยู่ในโหลดอง ได้เวลาเตรียมขุดออกมาทดลองใช้งานแล้ว
ที่ม - Github: Amazon
ผู้ช่วยส่วนตัว Amazon Alexa ที่มาพร้อมกับลำโพง Amazon Echo พัฒนาตัวเองไปอีกขั้น ล่าสุดมันสามารถจ่ายบัตรเครดิตให้เราได้แล้ว
งานนี้ Amazon จับมือกับ Capital One สถาบันการเงินรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ลูกค้าที่มีบัญชี Capital One สามารถทำธุรกรรมต่างๆ ได้ด้วยเสียงพูด ไม่ว่าจะเป็นการถามยอดเงินในบัญชี เช็คการโอนเงินล่าสุด ไปจนถึงขั้นจ่ายหนี้บัตรเครดิตได้ด้วย
ตัวอย่างการใช้งานก็สามารถพูดประโยคเหล่านี้ได้เลย
เราเห็นลำโพงพูดได้ Amazon Echo กันมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว วันนี้ Amazon เปิดตัวลำโพงรุ่นเล็กลงมาอีกสองรุ่นครับ
ตัวแรกคือ Amazon Tap เป็นลำโพงแบบเดียวกับ Echo แต่ขนาดเล็กลงมาหน่อย มีฟีเจอร์สั่งงานด้วยเสียง Alexa เหมือนกัน จุดต่างคือมันออกแบบมาให้พกพาไปนอกสถานที่ได้ เป็น portable speaker ที่มีแบตเตอรี่ใช้เล่นเพลงได้นาน 9 ชั่วโมง และสามารถซื้อเคส Amazon Tap Sling ช่วยปกป้องเวลาเดินถือออกไปนอกบ้านได้
Amazon Tap ออกแบบมาเพื่อแข่งกับลำโพง Bluetooth ในท้องตลาด ชูจุดเด่นเหนือกว่าเรื่องการเล่นเพลงแบบสตรีมมิ่งได้ในตัว และสั่งงานด้วยเสียงได้ด้วย ราคาขายเครื่องละ 129.99 ดอลลาร์ (Echo รุ่นใหญ่ขาย 179.99 ดอลลาร์)
ลำโพงอัจฉริยะ Amazon Echo ได้ฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Kindle Books by Alexa ให้ผู้ช่วยส่วนตัว Alexa อ่านหนังสือในระบบ Kindle ให้เราฟังได้ด้วย
Alexa จะอ่านอีบุ๊กในไลบรารี Kindle ของเราโดยใช้เทคโนโลยี text-to-speech แบบเดียวกับที่ใช้อ่านบทความและข่าวให้เราฟัง แต่น่าเสียดายว่ายังไม่สามารถฟัง audiobook จากระบบ Audible ได้ ความสามารถก็ยังถือว่าจำกัดอยู่บ้างครับ
หลังจาก Amazon เปิดตัว Amazon Echo, Siri/Google Now ประจำบ้าน ที่ควบคุมด้วยเสียงเป็นหลักและ สามารถควบคุมอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านได้ ในวันนี้ก็เปิดให้สั่งจองแล้วสำหรับลูกค้าในประเทศอเมริกา
Amazon Echo ได้ถูกเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ต้องได้รับเชิญก่อนถึงจะสามารถซื้อได้ แต่ในวันนี้ได้เปิดให้ผู้สนใจที่จะซื้อสามารถสั่งจองได้อย่างเป็นทางการ โดยราคาลดลงมาอยู่ที่ 180 ดอลลาร์จากเดิมที่เปิดตัวราคา 199 ดอลลาร์ และจะจัดส่งในวันที่ 14 เดือนกรกฎาคม แต่ยังคงจำกัดพื้นที่ในการจองอยู่ที่ประเทศอเมริกาเท่านั้น
อเมซอนเปิดตัว Amazon Echo คอมพิวเตอร์ที่ควบคุมด้วยเสียงเป็นหลัก รอรับคำสั่งตลอดเวลาโดยสั่งว่า "Alexa" เพื่อเริ่มต้นการทำงาน สามารถถามตอบคำถามทั่วไป, ตั้งนาฬิกาปลุก, เล่นเพลง, ค้นหา Wikipedia, จัดการรายการซื้อสินค้า, จัดการรายการสิ่งที่ต้องทำ (to-do list)
เทคโนโลยีรูปแบบเดียวกันคนทั่วไปน่าจะเคยเห็นในภาพยนตร์อย่าง Jarvis ใน Iron Man, หรือใกล้ตัวขึ้นมาก็เป็น Siri และ Google Now สิ่งที่ทำให้ Echo ใกล้เคียง Jarvis คือมันรองรับการฟังเสียงจากระยะไกล ทำให้ไม่ต้องพูดจ่อกับตัวเครื่องแต่สามารถสั่งงานจากที่ใดก็ได้ในห้อง