เรารู้กันว่าเยอรมนีเป็นประเทศแห่งรถยนต์ชั้นดี แบรนด์อย่าง BMW, Mercedes-Benz, Audi ฯลฯ ต่างก็ได้รับการยอมรับในระดับโลกมาอย่างยาวนานทั้งสิ้น ซึ่งรถยนต์เหล่านี้ก็เป็นความภูมิใจของชาวเยอรมันเองด้วย แต่เทรนด์ของโลกที่กำลังมุ่งหน้าไปหารถยนต์ไฟฟ้า ทำให้น่าสนใจว่าตลาดเยอรมนีมีการตอบรับมากแค่ไหน
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในเยอรมนีเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และจะแซงหน้านอร์เวย์ที่เป็นผู้นำของยุโรปมานานขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลกภายในปีนี้ ตามหลังจีนและสหรัฐอเมริกาที่รั้งอันดับ 1 และ 2 โดยเหตุผลหนึ่งที่รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้นคือเหตุฉาวของ Volkswagen ที่เคยโดนจับได้ว่าโกงผลทดสอบมลพิษในปี 2015
อีกเหตุผลหนึ่งที่ผู้คนนิยมรถยนต์ไฟฟ้ามาก คือจำนวนสถานีชาร์จในเยอรมนีมีมากถึง 8,515 สถานี หนาแน่นกว่าจำนวนสถานีชาร์จในสหรัฐอเมริกาถึง 5 เท่า (จำนวนอาจไม่มากกว่า แต่หนาแน่นกว่า เพราะประเทศเยอรมนีมีขนาดเล็กกว่า) คำนวณออกมาแล้วมี 1 สถานีทุกๆ พื้นที่ 41 ตร.กม.
Porsche Panamera E-Hybrid | ภาพจาก Porsche
ตั้งแต่ปี 2016 รัฐบาลเยอรมนีประกาศให้ส่วนลดกับผู้ที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันละ 4,000 ยูโร และ 3,000 ยูโรกับผู้ที่ซื้อรถยนต์ Plug-In Hybrid (ราว 1.55 และ 1.16 แสนบาทตามลำดับ) รวมถึงตั้งงบประมาณไว้สูงถึง 300 ล้านยูโร (ราว 1.17 หมื่นล้านบาท) เพื่อสร้างสถานีชาร์จและสาธารณูปโภคพื้นฐานที่จำเป็นกับรถยนต์ไฟฟ้า
ปัจจัยทั้งหมดนี้ทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในเยอรมนีพุ่งสูงขึ้น โดย Bloomberg คาดการณ์ว่ายอดขายจะเพิ่มถึง 64% เป็น 82,000 คัน
Tesla ซึ่งเป็นผู้เล่นที่เด่นที่สุดรายหนึ่งมียอดขายในเยอรมนีเพิ่มขึ้น 75% หรือ 3,332 คันในปีที่แล้ว ใกล้เคียงกับยอดขาย Porsche Panamera ที่ 3,900 คัน
Jana Hoeffner ชาวเยอรมันเคยเดินทางด้วย Tesla Model S จากเมือง Stuttgart ทางตอนใต้ของเยอรมนี บ้านเกิดของ Mercedes-Benz และ Porsche ไปเมือง Oslo ประเทศนอร์เวย์และกลับมา รวมระยะทาง 3,800 กิโลเมตร เธอบอกว่าปัจจุบันไม่ต้องวางแผนหาสถานีชาร์จอะไรมากมาย แต่เพียง 5 ปีที่แล้ว การเดินทางแบบนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ที่มา - Bloomberg
Comments
จริงๆ อยากให้ Tesla ลองมาทดสอบวิ่งรูท สยาม อนุสาวรี สนามเป้า สะพานควาย ลาดพร้าว บางกะปี พัฒนาการ บางนา ตอน 6 โมงเย็นดูนะครับ ผมว่า Battery หมดก้อน แถวหน้าซีคอนศรีนครินชัว
การวิ่งแบบวิ่งแล้วเบรกนี่ มันชาร์จแบตกลับมาด้วยนะครับ เพราะฉะนั้นคงเสียพลังงานไม่เยอะ
รถบ้านๆอย่างเราๆวิ่งแล้วเบรกๆตามก้นกระดึ้บๆกันไปมันเอาชาร์จกลับได้ไม่เยอะขนาดนั้นครับ
จากที่เคยดูกับรถแข่งพวก Formula E หรือ FIA WEC (LMP1) ที่เหยียบจนจมคันเร่งแล้วเบรคหัวทิ่มก่อนเข้าโค้งยังได้พลังงานกลับมาแค่ไม่กี่ kJ เลยครับ
เข้าใจว่าเบรกแล้วเอาคืนมาไม่ได้ แต่จอดนิ่ง ๆ แล้วค่อย ๆ คลานมันก็ไม่น่าจะเสียพลังงานอะไรมากมายกับระบบขับเคลื่อน (คงเปลืองแค่แอร์)
รถไฟฟ้าประสิทธิภาพในการเร่งนั้นสูง แปลว่าการเร่งจะไม่สูญเสียพลังงานเท่ากับเครื่องสันดาปภายในทั่วไป ดังนั้นกับการจราจรเร่งๆ จอดๆ กระดิ๊บๆ กลับมีประสิทธิภาพสูงกว่าด้วยซ้ำ ไม่น่าจะแบตหมดไวขนาดนั้นครับ
ไม่ชัวร์ครับ ต้องทดสอบ
ที่คิดตรรกะนี่ขึ้นมาเพราะคิดว่าการจอดแช่เสียแบตเยอะใช่มั้ยครับ ถ้าหาดูตาม youtube จะเห็นว่าที่กินแบตเยอะสุดคือ drive unit ถ้ารถติดก็ไม่ได้ใช้ drive unit ไม่เหมือนรถน้ำมันที่เครื่องทำงานตลอดเวลา
มีคนเอาเทสล่าเปิด climate control ที่ 21 องศานอนค้างคืนเสียระยะ 7-9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Tesla มีระยะใช้งานจริง 400 กิโลเมตร ระยะที่คุณให้มาคือ 42 กิโลเมตร เท่ากับว่ารถต้องติด 39 ชั่วโมง แบตถึงจะหมด
Tesla มี autopilot หรือจริงๆก็คือ adaptive cruise ดังนั้น stop and go traffic น่าจะสบายต่อร่างกายกว่า
ข้อดีของรถไฟฟ้าคือชาร์จที่บ้านได้ ดังนั้นเริ่มต้นวันใหม่ด้วยระยะ 400 กิโลเมตรทุกวันครับ (ถ้าเป็น Tesla)
ใช่ครับ Worst case ครับ เพราะผมรู้ว่า Camry วิ่ง mode EV ได้ประมาณ 15 กิโล (Batt 6.5-7 kwh)
อากาศร้อนชื้น, รถติด, regenerate พลังงานได้ยาก, มอเตอร์ไซวิ่งเฉี่ยวข้างรถตลอดเวลา auto pilot ยังทำงานปรกติมั้ย, แสงแดดไม่มี, ไม่มีสถานณีชาร์ตเร็ว Batt 70 kwh จะทนได้ซักขนาดใหน ?
ปล.เคยเห็น Tesla 85D วิ่งแถวซอยรางน้ำนะครับ คันสีน้ำตาล
อาจจะไปเทียบกับพวก Hybrid แบตเล็กจ๋อยไม่ได้
ที่ผมคิดนี่คือตัด regen ออกไปแล้ว เพราะความเร็วต่ำไม่ได้อะไรคืนมาแน่ๆ autopilot ไม่ได้เปิดใช้ ใช้แค่ระดับ adaptive cruise ที่เร่งตามคันหน้าแทน (แต่ยังต้องถือพวงมาลัย) ชาร์จที่บ้าน ถ้าวันนึงวิ่งแค่ในกรุงเทพ ชาร์จคืนนึงก็เต็มครับ (ติดตั้งหัวชาร์จเร็ว)
Battery Degradation เห็นคนที่ขับมา 130k กิโลเมตร degrade ไป 5% ก็น่าจะโออยู่นะครับ
75D real world น่าจะประมาณ 330 กิโลเมตร ก็น่าจะสบายๆอยู่
คือผมว่า Tesla วิ่งในเมืองยังไงก็สบายๆ อาจจะต้องไปถามถึงพวก Nissan Leaf แทนมากกว่า
อะไรที่ทำให้ประเทศนี้คุ้มค่าแก่การมาลงทุนในตอนนี้ครับ? 5555+ ถ้าผ่าน new york ได้ค่อยมา bangkok
สยาม ถึง 5 แยก jj ประมาณ 7 กิโล ใช้เวลา 1 ช.ม.
5 แยก ขึ้นสะพานซ้ายมือ ออกลาดพร้าว ถึง บางกะปิ
ประมาณ 14 กิโล 1:30
ติดหน้าแฮ๊บปี้แลน 10 ชาติ