Tags:
Node Thumbnail

aCommerce ให้บริการสนับสนุนระบบหลังบ้านแก่บริษัทอีคอมเมิร์ซ รวมทั้งให้บริการด้านโลจิสติกส์, fulfillment และบริการดิจิทัล แถลงยุทธศาสตร์ตั้งเป้าเป็น One platform, one stop service ให้แก่ลูกค้า และเตรียมลงทุนเพิ่มทุกด้านเพื่อบริการลูกค้าได้แบบ end-to-end

นายพอล ศรีวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท aCommerce ระบุว่า อีคอมเมิร์ซมีความซับซ้อน การซื้อขายเกิดขึ้นหลายช่องทางเช่น LINE, Marketplace, Facebook Messenger, เว็บไซต์ เป็นต้น ระบบภายในของแบรนด์ต้องตอบสนองลูกค้าได้ทุกช่องทาง นำมาสู่โมเดลธุรกิจของ aCommerce คือ รวมคอมเมิร์ซเข้าด้วยกัน (Unified Commerce) และสร้างบริการให้ลูกค้าตั้งแต่ต้นจนจบตั้งแต่ให้คำปรึกษาลูกค้า การทำการตลาดไปจนถึงระบบโลจิสติก (full service end-to-end) ด้วยเหตุนี้จึงต้องลงทุนทุกด้านทั้งบุคลากร, เทคโนโลยีคลาวด์ ระบบจัดการในฝ่ายงานปฏิบัติการ โกดัง การจัดซื้อ การขนส่ง

ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ชรายใหญ่อย่างแอมะซอนหรืออาลีบาบามีระบบของตัวเองทั้งหมดตั้งแต่ช่องทางขายไปจนถึงระบบวิเคราะห์ข้อมูลหลังการขาย หากแบรนด์ทำหน้าร้านออนไลน์ของตัวเองก็มักขาดชิ้นส่วนไปบางส่วน บริการของ aCommerce ให้บริการทั้งระบบโดยยังยืนยันว่าแบรนด์ยังคงเป็นเจ้าของข้อมูลอยู่ ตอนนี้ aCommerce เผยข้อมูลตัวเลขในประเทศไทยว่ามีลูกค้า 196 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2016 75%, รายได้โตขึ้นจากปีที่แล้ว 250% มีพนักงานทำงานในไทย 450 คนและกำลังจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ

aCommerce เพิ่งประกาศก่อนหน้านี้ว่าได้ระดมทุนเพิ่มจากกลุ่มนักลงทุนนำโดย Emerald Media อีก 65 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2,100 ล้านบาท

No Description
ภาพจาก Facebook aCommerce

Get latest news from Blognone