จากการเปิดตัว HomePod ของแอปเปิลในงาน WWDC ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทไอทีหลักๆ ต่างเป็นเจ้าของและลงมาเล่นตลาดลำโพงอัจฉริยะกันถ้วนหน้า (ยกเว้นไมโครซอฟท์ที่เอา Cortana ไปแจมกับ Harmann Kardon)
ถึงแม้จะยังไม่วางขายจริง แต่เมื่อเปิดตัว HomePod ก็ไม่พ้นที่จะโดนเปรียบเทียบกับคู่แข่งเจ้าอื่นที่มีอยู่แล้วในตลาดทั้ง Amazon Echo ที่บุกเบิกตลาดนี้, Google Home และ Sonos เจ้าพ่อลำโพงไร้สาย ถึงแม้จะเป็นการเปรียบเทียบกันบนกระดาษอย่างเดียวก็ตาม
เทียบเฉพาะราคาอย่างเดียวจะเห็นชัดว่า HomePod ของแอปเปิลเปิดตัวมาแพงกว่าชาวบ้านเกือบเท่าตัว โดยราคาของ HomePod อยู่ที่ $350 ขณะที่ Amazon Echo ราคาอยู่ที่ $179.99 Echo Dot ที่ 49.99, Google Home ที่ $129 และ Sonos ตัวล่างสุดอย่าง Play:1 อยู่ที่ $199, Play:3 อยู่ที่ $299 และมีเพียงตัวท็อปอย่าง Play:5 ที่จะแพงกว่าที่ $499 ซึ่งเป็นคนละตลาดกัน เลยไม่นำมาเทียบ
จุดเด่นที่แอปเปิลบอกบนคีย์โน้ตคือ HomePod มีจุดเด่นอยู่ที่เสียง จากลำโพง 7 ตัวและซัพวูฟเฟอร์อีก 1 ซึ่งถึงแม้พรีวิวเบื้องต้นจากบูธเดโมในจาก WWDC จะออกมาว่าคุณภาพเสียงอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ก็คงต้องรอผลิตภัณฑ์ตัวจริงออกวางจำหน่ายก่อนถึงจะการันตีคุณภาพกันได้
แต่ถึงแม้เสียงลำโพงของแอปเปิลจะดีจริง แต่ปัญหาของ HomePod หลักๆ เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง คือการซัพพอร์ทบริการสตรีมมิ่งเพลง ที่ ณ ตอนนี้รองรับเพียง Apple Music เท่านั้น ขณะที่เจ้าอื่นๆ รองรับไม่น้อยกว่า 8 เจ้า โดยเฉพาะ Sonos ที่แทบจะรองรับผู้ให้บริการสตรีมมิ่งเพลงทุกเจ้าในตลาดตอนนี้
ไม่นับรวมปัญหาแพลตฟอร์มปิดของแอปเปิลที่ไม่ให้นักพัฒนาเข้าถึงและเชื่อมต่อกับ Siri ส่วน HomeKit เองก็ยังไม่มีผู้ผลิตสมาร์ทโฮมเลือกใช้งานมากนัก ขณะที่คู่แข่งเป็นแพลตฟอร์มเปิด ของ Amazon มี Alexa Skills และ Google มี Assistant Actions ที่อย่างน้อยๆ ทำให้ผลิตภัณฑ์ทั้งสองมีความสามารถมากกว่า และ Ecosystem น่าใช้งานมากกว่า
ตัวอย่างบริการเพลงที่ Sonos รองรับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นในบริบทประเทศไทยแล้ว นอกจาก Sonos ดูเหมือน HomePod จะเป็นตัวเลือกลำโพงอัจฉริยะเดียวที่สามารถใช้งานได้จริง เพราะบริการเพลงกระแสหลักอย่าง Amazon Music, Google Play Music, และ Spotify ยังไม่เปิดให้บริการในไทย (แต่ตอน HomePod วางขายอาจเปิดแล้วก็ได้) มีเพียง Apple Music เท่านั้นที่ให้บริการแล้ว ขณะที่บริการอย่าง Audiobook, Kindle หรือคนที่สนใจใช้งานความสามารถของ Alexa และ Google Assistant จริงๆ ก็ดูไม่ได้เป็นกระแสหลักขนาดนั้นด้วย
ที่มา - The Verge, Droid-Life
Comments
แก้คำผิดครับ
-> ว่าคุณภาพเสียงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
เน้นด้านฟังเพลงแต่ดันมีบริการแค่ Apple Music เตรียมตัวไม่บอกยอดขายได้เลย
อยากทราบว่า ข้อดีที่ลำโพง มีระบบ stream เพลงในตัวนี่ ดีอย่างไรครับ คือมองไม่ค่อยเห็นภาพข้อดีเลย
ผมใช้ Echo Dot อยู่ที่ UK ครับ ข้อดีก็คือ กลับบ้านปุ๊บอยากฟังเพลงก็บอก Alexa, play [something] ได้เลย ไม่ต้องมานั่งจิ้มโทรศัพท์ สั่งหยุด ปรับ volumn ก็ได้ สะดวกดีไม่ต้องหยิบโทรศัพท์มาทุกทีที่อยากจะจัดการกับเพลง แถมเวลาสั่งจากลำโพง พูดจากตรงไหนก็ได้ในห้องครับ ไมค์มันดีมาก ถ้าเทียบกับโทรศัพท์ต้องเดินไปใกล้ๆหรือหยิบมาจ่อปาก หรือไม่ก็ต้องตะโกน
ผมมี Echo และ Google Home พอ Echo มันเล่นได้ทั้งเพลงใน Amazon Music (ผมมีเพลงอยู่นิดหน่อย) กับ Home ที่ไม่มีเพลงอะไรฟังเลย ประโยชน์มันจำกัดมากครับ
ลำโพงยังไงหน้าที่หลักก็ไว้ฟังเลงครับ ในความคิดผม
lewcpe.com, @wasonliw
ดูจากการดีไซน์ รู้สึกว่าเสียงจะดี น่าจะออกคล้ายๆลำโพงของ Harman Kardon Aura
ถ้าราคาแพงกว่าสองเท่า ผมให้ครึ่งนึงกับระบบ Siri กับอีกครึ่งให้กับราคาของคุณภาพลำโพง ผมคิดว่าสมเหตุสมผลอยู่ จัดว่าคุ้ม
ต้องรอดูราคาไทยอีกทีเพราะ SONOS ในไทย play 1 ตัวละหมื่นสี่เลยครับ
ถ้าไม่บวกเพิ่มจาก 349 USD มากอาจจะซื้อเอามาทำเป็นนาฬิกาปลุกหล่อๆ
น่าจะออก รุ่น Serious Audio ให้ _BOSE, B&W หรือ !JBL ทำออกมาเป็นตัวอย่างซักรุ่น สองรุ่นนะครับ
ถ้ามีลูกเล่นได้เยอะสูสี google home ก็พอขายได้อยู่นะครับ เพราะมันมี Siri อยู่ด้วย
พวกผลิตภัณฑ์เสริมแอปเปิ้ลทั้งหลายเหมือนทำมาเสริมอาณาจักรตัวเองนะครับ Apple watch ก็ต้องใช้กับ iPhone EarPods ต่อ iPhone มีอนิเมชั่น อันนี้มันออกมาให้ครบ อาณาจักรแอปเปิ้ลเฉยๆ ใครมีไว้ควรไว้ข้าง iMac และ Apple TV เพื่อเสริมบารมี
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
ของไทยรอตัวไหนมี JOOX ก็เกิดคับสำหรับผมนะ
เดี๋ยว Spotify มาไทยก็สบายละครับ ตัวไหนก็เล่นได้ (ยกเว้น Apple)