อนาคตของนาฬิกาอัจฉริยะแบรนด์ Huawei ต่อจากนี้อาจจะยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร หลังออกมาแล้ว 2 รุ่น แต่ที่แน่ๆ ไม่น่าจะอยู่ในวิสัยทัศน์ของ Eric Xu Zhijun ซีอีโอเท่าไหร่นัก หลังเจ้าตัวเปิดเผยในงาน Global Analyst Summit 2017 ที่ผ่านมาว่าไม่เห็นประโยชน์ของอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะบนข้อมือเท่าไหร่นัก
ซีอีโอ Huawei ระบุว่าตัวเขาคิดไม่ออกว่าสมาร์ทวอทช์จะมีเอาไว้ทำไม ในเมื่อสมาร์ทโฟนสามารถทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว พร้อมบอกว่าเขาไม่คิดที่จะใส่สมาร์ทวอทช์นี้ด้วย ขณะเดียวกันเขาก็มักจะตั้งคำถามกลับไปยังทีมพัฒนาสมาร์ทวอทช์ของ Huawei ตอนเสนอไอเดียว่า อุปกรณ์แบบนี้มันตอบสนองความต้องการของตลาดจริงๆ น่ะหรือ
ประเด็นนี้เองค่อนข้างสอดคล้องกับตัวเลขที่ถูกเปิดเผยจาก Forrester Research บริษัทวิจัยตลาด ที่ชี้ว่าการเติบโตของตลาดสมาร์ทวอทช์นั้นไม่ดีอย่างที่คาดกันไว้นัก และผู้ที่เลิกใช้สมาร์ทวอทช์ก็มีสัดส่วนที่ค่อนข้างเยอะของจำนวนผู้ใช้ทั้งหมดด้วย
ขณะที่ผู้จัดการฝ่ายวิจัยของ IDC ก็เคยระบุในรายงานยอดส่งมอบสมาร์ทวอทช์ว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้สมาร์ทวอทช์ไม่เติบโตดีเท่าที่ควร ก็เพราะไม่สามารถวางตัวหรือกำหนดคุณค่าของมันได้ดีเท่าควร สมาร์วอทช์อาจทำได้หลายอย่าง แต่ไม่ได้โดดเด่นและดีเลิศเลยสักอย่าง
ที่มา - South China Morning Post
Comments
ถ้าจะไม่ทำก็ไม่ต้องทำ แต่การออกมาพูดแสดงวิสัยทัศน์ อาจมีผลต่อบริษัทได้
นั่นสิครับ คนที่กำลังดูโปรเจคงานที่เกี่ยวกับ อุปกรณ์สวมใส่ IoT ของหัวเหว่ย กลายเป็นไม่มั่นใจในอุปกรณ์ที่จะมาเสนอเลย ในเมื่อขนาด CEO ยังเกริ่นมาขนาดนี้ แล้วตัวเนื้องานมันจะเชื่อมั่นได้ไหมเนี้ย =_="
เน้นว่า CEO ไม่ใช่ระดับพนักงานออกมาพูดแน่นะครับ ^^"
ผมคงเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ CEO ว่ามา
ขี้โม้ ถ้ามีความมั่นใจขนาดนั้นจริงต้องสั่งยกเลิกแผนการพัฒนาไปตั้งแต่มีคนเสนอไอเดียแล้ว นี้มันออกมาเป็น Product วางขายเลยนะหรือว่าแท้จริงแล้วในใจลึกๆก็แอบลุ้นเหมือนกันว่าตลาดอุปกรณ์ส่วมใส่จะเกิดได้ พอไม่เป็นไปตามที่หวังไว้เลยแสดงความเห็นได้เต็มที่
ผมคิดว่าเค้าเองก็ไม่แน่ใจเรื่องความต้องการของตลาดเหมือนกัน เลยต้องมีกะเค้าเผื่อเกิดบูมขึ้นมาก็เป็นรายได้ให้เค้าได้ไงครับ แต่ใจลึกๆแล้วเค้าก็คิดอย่างนั้นแหละ ปล. ผมก็เป็นหนึ่งในคนกลุ่มที่ไม่ใช้เหมือนกันเพราะนึกไม่ออกว่าอะไรคือจุดเด่นจริงๆที่โทรศัพท์ทำไม่ได้ มีไป ก็เหมือนเป็นภาระเปล่าๆ
ผมว่า garmin เป็นตัวอย่างของ smartwatch ที่มีจุดขายชัดเจนนะ อย่างน้อยมันก็ tracking route ได้โดยไม่ต้องมีมือถือติดตัวไปเวลาวิ่ง แสดง heart rate ได้ วัด pace ได้ แบตอึด อยู่ได้เกิน 5 ชม. กันน้ำกันเหงื่อ แค่นี้ก็เพียงพอกับ runner แล้วล่ะ เวลาไม่ได้ใส่วิ่งมันก็ทำตัวเป็นจอที่สองเอาไว้แสดง notification ได้ ไว้ดูชื่อคนโทรเข้าได้
เสียอย่างเดียว ผมว่าค่าตัวสำหรับรุ่นที่ทำได้แบบนี้ เริ่มต้นที่แปดพันกว่ามันยังแพงไปหน่อย ถึงจะถูกกว่าบางยี่ห้อดังๆ ก็เถอะ
ผมว่า garmin มันคนละกลุ่มกับ smartwatch ที่ บ. มือถือต่างๆกำลังทำกันอยู่นะ
garmin มีความชัดเจนในเรื่องการทำนาฬิกาเพื่อการออกกำลังกายแบบจริงจัง มีฟังก์ชั่นที่จำเป็นแทบจะครบถ้วน
และไม่ต้องเสียเงินค่า Software รายเดือน รายปี เพิ่มอีก (ราคามันคงรวมค่าบริหารจัดการข้อมูลไว้แล้ว)
ต่างกับ smartwatch อื่นๆที่ทำตัวเหมือนแค่เป็น OS รอ Application จาก Developer อื่นๆ
ซึ่งอาจจะจะต้องมีการเสียค่าบริการอีกต่างหาก และก็ต้องไปนั่งหานั่งลุ้นอีกว่า แอ๊พไหนดีไม่ดี
เปลี่ยนแอ๊พไปมา สถิติจะเอาไปเก็บไว้ไหน ซิงค์ยังไง วุ่นวายอีกเยอะ
smartwatch พวกนี้เน้นสเปคและการพัฒนาไปที่ความพึงพอใจในกลุ่มผู้บริโภค smartphone
ไม่ได้มุ้งเน้นไปที่กลุ่มผู้รักสุขภาพโดยเฉพาะ
อย่างเมื่อก่อนแฟนผมใช้ Apple Watch 2 ใส่วิ่ง ใช้ได้อยู่ 3 เดือน
ผมก็ซื้อ Fenix 3HR มาใส่ ก็ใช้งานให้ดู สำหรับการออกกำลังกายมันง่ายทุกอย่าง
หลังจากนั้นแฟนก็เลยขาย Apple Watch 2 แล้วมาใช้ FR 235 แทน
ผมไม่เคยเห็นเค้าบ่นเลยว่าพอไม่มี Apple Watch 2 แล้วชีวิตเค้าจะลำบากขึ้น
และที่แน่ๆ พอเปลี่ยนมาใช้ FR 235 ทำให้การจัดการเรื่องข้อมูลสถิติการวิ่งง่ายขึ้นเยอะ
แต่สุดท้าย มันอยู่ที่ บ. นั้นๆว่าจะเน้นทำมาขายใครมากกว่า
โฟกัสตลาด Mass ยากเพราะความต้องการมีหลากหลาย และความไม่ต้องการก็มี
โฟกัสตลาดสุขภาพ ยากตรงต้องมี Software ที่มีประสิทธิภาพพอจะไปสู้กับคู่แข่งที่ทำมาก่อนได้
Smartwatch รวมทั้ง activity tracker ในท้องตลาดตอนนี้เน้นไปที่ฟีเจอร์ด้านสุขภาพทั้งนั้นครับ หลายตัวมีฟังก์ชั่นสำหรับนับก้าว คำนวณระยะทาง hr monitor วัด pace ได้ด้วย ต่างกันที่ บางเจ้าเขามี app store ที่แข็งแกร่งกว่า เลยมีแอพส์สนับสนุนมากกว่า garmin ก็มีแต่ไม่ดีเท่า ฟีเจอร์ด้านออกกำลังกายฝังมากับตัวแต่แรกขนาดนี้ ยังว่ามันคนละตลาดอีกเหรอครับ
Features พวกนั้นเป็น Basic อยู่แล้วครับ อย่าง Apple Watch 2 ก็ทำได้ที่ว่ามา
แต่บางอย่างมันต้องโหลดแอ๊พเพิ่ม เช่นการแจ้งเตือน Heart Rate ต่ำกว่า หรือสูงว่า Zone ที่กำหนด
จะทำ Interval Training ก็ต้องโหลดแอ๊พเพิ่ม จะนับรอบขาก็ต้องโหลดแอ๊พ สถิติจะเอาไปรวมกันยังไงก็ไม่รู้
แบตก็หมดไว 2 วันชาร์จที (Garmin วิ่งอาทิตย์ละ 4-5 วัน วันละชั่วโมงกว่าๆ ชาร์จอาทิตย์ละครั้งพอ)
Sportwatch ซื้อมาทีเดียวจบครับ ไม่ต้องโหลดอะไรเพิ่มให้วุ่นวาย มีครบทุกอย่าง
หรือคุณคิดว่ายี่ห้อไหนรุ่นไหนใช้ดีก็ลองมาแชร์ให้ฟังทีครับ
+1
ชอบครับ...ชัดเจนเห็นภาพ
คู่แข่งมันจะมีทั้งแบบ Direct และ Indirect ครับ เท่าที่อ่านมาจนจบ Apple Watch กับ Garmin น่าจะเป็น Indirect แต่ยังไงมันก็มีผลกระทบกับยอดขายอยู่ดีล่ะครับ ไม่มากก็น้อย
ความรู้สึกของผมสิ่งที่เป็น Killer feature ของ Garmin ตอนนี้เลยคือความอึดของแบตครับ
แบตอึดนี้สำคัญเลยจออาจจะไม่ต้องสวยมากก็ได้ อย่าง Finix 3/5 ใส่วิ่งได้ 10 ชั่วโมงต่อเนื่อง mode smart watch ใช้งานปกติก็ 1 สัปดาห์ ถ้าเป็นนาฬิกาเท่านั้น(ปิด BT และ Act. Tracking) คือ 1 เดือน
smart watch ต้องไม่มีลักษณะเหมือนหรือคล้ายนาฬิกาและโทรศัพท์ที่เห็นทั่วไป แต่ต้องมีเอกลักษณ์ที่บ่งบอกว่า นี่แหละsmart watch..ที่ไม่มีในโทรศัพท์และนาฬิกา
นาฬิกาอัจฉริยะน่าจะมีประโยชน์หลักๆ อยู 2-3 อย่าง
1. เป็นเครื่องมือยืนยันอัตลักษณ์ที่สะดวกที่สุด หากจะปล่อยให้มีการยืนยันตัวบุคคลด้วยการฝังชิบบนตัวบุคคลหรือการใช้ ม่านตา ลายนิ้วมือ ซึ่งเป้นการยืนยันตัวบุคคลแบบชั้นเดียว ดุเหมือนว่ามาตราฐานความปลอดภัยจะดูต่ำไปซักหน่อย หากเกิดสภาวะขาดสติ การยืนยันตัวบุคคลลักษณะนี้ย่อมก่อให้เกิดอัตรายได้ ยกตัวอย่างอย่างเช่น ลูกๆแอบปั้มรอยนิ้วมือพ่อแม่เพื่อซื้อ App ใน App Store
2. เป้นเครื่องมือดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด โดยเฉพาะการเต้นของหัวใจ การแพทย์แผนตะวันออกใช้การแมะข้อมือ การแพทย์แผนตะวันตกใช้อุปกรณ์ใช้ฟังในการวัดการเต็นของหัวใจ ลองนึกถึงหากเรามือหมอแมะจับข้อมือเราตลอดเวลา และเป็นการยืนยันอัตลักาณ์ชั้นที่ 3 ซึ่งได้แก่ การยืนยันด้วยรูปพรรณสัณฐาน เช่นลายนิ้วมือเป็นชั้นที่ 1 การใส่รหัสยืนยันเป็นชั้นที่ 2 การปรียบเทียบประวัติการเต้นของหัวใจเป็นชั้นที่ 3 เป็นการยืนยันอายุของการไขรหัสผ่าน มาตราการ 3 ชั้นขนาดนี้สามารถรับรองความปลอดภัยได้ดีที่สุด และสะดวกที่สุดในปัจจุบัน
3. เป็นเครื่องมือตรวจวัดสภาวะแวดล้อมต่าง สำหรับ ผุ้ทำงานบุกเบิกในสถานที่อันตราย(นึกถึงนักบินอวกาศ หรือการอพยบประชากรที่ล้นโลกลงไปอยู่ในมหาสมุทธ)
เป็นเครื่องมือคนหาอุปกรณ์ไร้สายต่างๆอย่างเช่นทำโทรศัพท์มือถือหาย
เป็นเครื่องมือสังการ IoT ที่ดีที่สุด
เป็นอุปกรณ์ Interface ในการสังงานด้วยเสียงที่ใช้งานได้ง่าย
สามารถเชื่อมต่อกับถุงเมือกลายเป็น เมาส์ที่ลอยอยู่กลางอากาศสำหรับ AR VR ที่ดีที่สุด
เป็นอุปกรณ์สำหรับสร้างฐานข้อมูล Big Data ที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด
อีกหน่อย มันอาจเป็นเครื่องมือฃิ้นสุดท้ายที่สามารถควบคุม A.I. ได้ดีที่สุด
ปัจจัยน่าจะเป็นมันแพงเกินไป และคนไม่พร้อมที่จะจ่ายแพงในทุกชิ้นที่ซื้อครับ ระดับล่างรวมไปถึงระดับกลางนี่มักจะพร้อมจ่ายแพงแค่ชิ้นเดียวคือ smartphone ถ้าระดับ geek ขึ้นมาหน่อยก็คงเลือกจ่ายให้คอมพิวเตอร์ก่อนจะเขยิบไป wearable
สินค้าแพงเพาะมีความต้องการน้อย แต่หากผลิตเป็นจำนวนมาก มีการพัฒนาโมดูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เป็นระบบที่รัฐส่งเสริม และบังคับใช้ในอนาคต ยกตัวอย่างเช่นเรื่อง Big Data เพื่อทำนายพื้นที่ที่จะเกิดอาชญากรรม แค่เพียงเรื่องนี้ก็เป็นประโยชน์มหาศาลแล้ว แต่การบริหารจัดการข้อมูลไม่ควรเป็นของผู้บริหารประเทศ แต่ควรแยกอธิปไตยอำนาจในการปกครองประเทศออกมาเสียใหม่มี บริหาร บังคับการ ฐานข้อมูลรัฐ อัยการหลัก นิติบัญญัติ เหมือนกับที่เรามีนิ้ว 5 นิ้ว บริหารคือนิ้วโป้ง นิติบัญญัติคือนิ้วก้อย
มันก็สมเหตุสมผลดีนะ ถ้ามองในลักษณะของ features เพราะดูเหมือนว่าในช่วงวางขาย smartwatch และจนถึงตอนนี้ยังไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เป็นรูปธรรมที่จะเร่งเร้าให้ลูกค้ามาซื้อสินค้า เพราะมี features มากมายแต่ไม่รู้ว่ามีไว้เพื่ออะไร มันก็เท่านั้น
แต่ถ้ามองว่ามันเป็นอุปกรณ์แฟชันหรือเครื่องประดับก็อีกประเด็นหนึ่ง
วันนี้อาจไม่ใช่ อนาคตอาจไม่แน่
เคยมี ceo คนนึงในอดีตบอกว่า ไม่มีใครใช้มือถือหน้าจอใหญ่ๆ กันหรอก
ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ก็อย่างที่เห็น ...
WE ARE THE 99%
ทุกวันนี้ผมไม่ค่อยอยากเรียกที่ถือๆกันว่าสมาร์ทโฟนเท่าไหร่หรอกครับ
มันเหมือนแท็ปเล็ตโทรได้มากกว่า
ทุกวันนี้ผมก็ยังเห็นด้วยกับ CEO ท่านนั้นนะครับ คนไม่ได้ต้องการโทรศัพท์จอใหญ่หรอกถ้ามันเป็นแค่โทรศัพท์นะ แต่คนอยากได้ จอ-เซิฟเนต อ่านแชต เล่นเกม ดูหนัง ที่จอใหญ่ต่างหาก CEO ท่านนั้นก็เข็นแทบเล็ตออกมาเพื่อให้คนไปใช้แทบเลตกับเรื่องพวกนี้แทน แต่กลายเป็นว่ามีคนจับมันมายัดขายรวมกันกลายเป็นมือถือจอใหญ่เบิ้ม ส่วนตัวผมเองยังพกแทบเล็ตอยู่เพราะคิดว่าจอใหญ่ยังไงแค่ 6-6.5นิ้วนี่มันยังไม่ค่อยโอเคเวลาเซิฟเน็ตเลย ไม่อยากเพ่งสายตาขนาดนั้น แม้ผมสายตาจะปกติไม่ต้องใช้แว่นก็เหอะ
จริง
CEO บริษัทนึงก็เคยพูดใครมันจะไปแชทบนกระจก คีย์บอร์ดก็ไม่มี
CEO อีกบริษัทนึงก็พูดใครมันจะบ้าเอา OS คอมฯ ไปยัดบนมือถือ XX MOBILE คือที่สุดของ PDA
CEO อีกบริษัทนึงก็พูดว่า OS Sxxxyyyn ดีสุดสำหรับสมาร์ตโฟน จากยักษ์ใหญ่กลายเป็นคนแคระลูกผีลูกคนไปละ
แต่ที่น่าสนใจคือบริษัทนึงใครทำอะไรกุเอาด้วย อยู่เป็น ตอนนี้ขึ้นอันดับหนึ่งของโลกไปละในโลกสมาร์ตโฟน แถมติดอันดับกระทู้แนะนำเว็บบอร์ดแห่งนึงเรื่องโดนโวย 555
ขอแบบยิงยาสลบได้
แบบในหนัง KINGSMAN อ่ะนะ
อันนี้ฮาจริงง ผมนี้ลั่นเลย โคโกโร่นิทรา ฉายานี้ไม่ได้ได้มาง่ายๆ 55+
เท่าที่เห็น ตอนนี้มีแค่ Lemfo LES1 ที่smartจริง
อาจจะมาในรูปแบบของสมาร์ทโฟนข้อมือแทนนะ ประมาณ Kyocera Proteus กับ Lenovo C Plus
มาเมื่อไหร่ สิ้นสุดยุคมือถือเลยครับ
ผมก็ไม่ค่อยชอบเพราะส่วนตัวคิดว่าประโยชน์มันน้อย
ถ้าจะใช้ก็เพราะมีแต่มันแจ้งเตือนที่ข้อมือได้เลยไม่ต้องหยิบมือถือมาดู(ส่วนมากมือถือติดตัวตลอดหยิบง่ายอยู่แล้ว)
กับพวก sensor ตรวจจับต่างๆร่างกานเราพวกนับเก้า อัตราการเต้นหัวใจ เวลาออกกำลังกาย
แต่เพราะแบตเตอรี่มันควรทำให้อยู่หลายๆสัปดาห์ให้ได้ก่อน
ผมก็ไม่ใช้ ประโยชน์ในการใช้งานแลกกับการที่ต้องเติมแบตบ่อยๆ แล้วไม่ค่อยคุ้ม ไม่เหมือน Smart Phone เพราะประโยชน์ที่ได้มันคุ้มกว่า แม้จะต้องมานั่งเติมแบตทุกวัน
ความจำเป็นแล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคลมั้งครับ ถามผมชอบออกกำลังกายชอบดูสถิติโน่นนั่นนี่ เป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ละ จากเมื่อก่อนเคยใช้โทรศัพท์ทำพวกนี้ แต่มันไม่สะดวกพอมีพวกนี้ออกมาก็สะดวกดี จบได้ในตัวเดียว
PS.ปัจจุบันผมใช้ Garmin
อาจจะเหมาะกับผู้ป่วยที่ต้องติดตามผลสภาพร่างกายและต้องการๆดูแลอย่างใกล้ชิด หรือไม่ก็บุคคลที่ต้องถูกควบคุมประพฤติในกรณีใดกรณีหนึ่ง