บริการ UberX ถูกแบนในออสเตรเลียในหลายรัฐสำคัญโดยการฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุดถึง 1,700 ดอลลาร์ แนวทางที่กรมการขนส่งทางบกของออสเตรเลียบังคับใช้กฎหมายคือการล่อซื้อ เอกสารเปิดเผยของรัฐบาลแสดงให้เห็นว่าการตอบโต้ของ Uber ในออสเตรเลียคือการแบนาบัญชีและโทรศัพท์มือถือของเจ้าหน้าที่
อีเมลของเจ้าหน้าที่สอบสวนในออสเตรเลียระบุว่าต้องใช้บัตรเครดิตใหม่, บัญชีกูเกิลใหม่, และโทรศัพท์ใหม่ เพื่อเปิดบัญชี Uber มาล่อซื้อในแต่ละครั้ง ในวันที่เจ้าหน้าที่พูดคุยกันในอีเมลระบุว่าวันนั้นจับได้เพียงสองครั้งเพราะบัญชีถูกแบน และเมื่อติดต่อทาง Uber ไป ทาง Uber ระบุว่าบัญชีนี้มีพฤติกรรมไม่ปกติจึงถูกแบนไม่มีกำหนด โทรศัพท์ที่ถูกแบนไปทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถล่อซื้อต่อได้ ต้องรอสั่งซื้อโทรศัพท์ชุดใหม่
เฉพาะรัฐควีนส์แลนด์รัฐเดียวสั่งปรับผู้ขับ UberX ไปแล้วรวมมูลค่ากว่า 260,000 ดอลลาร์ แต่ผู้ขับ UberX ได้รับคำแนะนำว่าให้ขับต่อไปและบริษัทจะรับจ่ายค่าปรับแทนให้ ผู้ขับหลายคนถูกปรับมาแล้วหลายครั้งแต่ก็ยังขับต่อไป
ทาง Uber เรียกร้องให้รัฐบาลแก้กฎหมายเพื่อเปิดให้มีการแข่งขัน และเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค
ที่มา - ABC
Comments
ว่าแล้วต้องเป็นแบบนี้
ต่อไปคงมีบริการเปิดบัตรเครดิตเฉพาะกิจไว้ล่อซื้อโดยเฉพาะเลยสินะ
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
อารมณ์เหมือนว่าไม่อยากให้ตรวจสอบ
แบนา => แบน
มาขอเบอร์มือถือจากไทยสิครับ ;)
แต่แบนบัญชีนี่ คงสู้ด้วยยากนะ - -"
เดียวโดนแบนกลับคงไม่เป็นไร 5555
The Dream hacker..
น่ากลัวมาก UBER
สายป่านหนาจริงๆ
もういい
แบนบัตรเครดิท นี่ มันโดนหมดเลยนะครับ ชื่อเดียวกันบัตรอื่น ก็สามารถแบนได้ และมันต้องเปลี่ยนคนล่อซื้อสถานเดียว
มือถือเปลี่ยนเบอร์ ก็วุ่นวายต่อ
ถ้าเค้าจะเอาจริงๆ ง่ายกว่านั้นคือปรับโดยสั้งให้ธนาคารตัดเงินออกจากบัญชีเพื่อปรับเลย
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ไม่ง่ายครับ จะ ใช้คำสั่ง กม. ไหนในการบังคับธนาคารให้หักเงินครับ ขนาด จะหักเงินที่เป็นหนี้ ยังต้องขออนุญาตเจ้าของบัญชีก่อน ไม่งั้นก็ต้องฟ้องศาลจนนมีคำสั่ง ยากกว่าีอกนะครับ
ชื่อหน้าบัตรสามารถแต่งได้ครับ
ใช้วิธีแบนที่โทรศัพท์ด้วย สงสัยเจ้าหน้าที่ต้องไปซื้อมือถือจีนมาใช้แล้วทิ้งแล้วล่ะ
ถ้าจะบังคับจริง ๆ ก้ต้องเพิ่มโทษ
ระงับทะเบียน และใบขับขี่
และยึดรถไว้สักเดือน
ผมว่าหนักสุดตรงแบนบัตรเครดิตนี่แหละ บัตรใบนึงล่อซื้อได้แค่ครั้งเดียว
A smooth sea never made a skillful sailor.
ยิ่งกว่านั้นถ้าแบนตามชื่อ คนคนนึงล่อซื้อได้ครั้งเดียว
พฤติกรรมมีพิรุธจริงๆ Uber สามารถ Track ได้หมดว่าใครใช้บริการอยู่ไหนอย่างไรหรือเปล่าครับ แถมยังสามารถเก็บข้อมูลและขายในทางลับให้กับกลุ่มนักสืบ หรือ พวกหน่วยงาน CIA หรือเปล่าครับ เพราะจากที่ดูมันมีผลกระทบแทรกแซงทั้งโลกเลย บริษัทก็อาจจะบอกว่าไม่ได้เก็บข้อมูลไปขาย แต่ในทางลับเราไม่รู้เลยว่าข้อมูลต่างๆของบุคคลต่างๆ ถูกเอาไปใช้อย่างไร ถ้า Uber สามารถทำได้จนเป็นค่านิยมว่า กิจการแบบนี้ไม่ผิด สุดท้ายคนเห็นเป็นเรื่องปกติ ข้อมูลต่างๆคงมากมายพอเอาไปทำประโยชน์มหาศาลเลยทีเดียว ถือได้ว่าเป็นการแทรกแทรงอย่างเงียบๆ โดยเราไม่รู้ตัว
เรื่องวุ่นเมื่อผู้บริหาร Uber หลุดว่า "เราสามารถติดตามใครก็ได้ที่ใช้บริการ Uber"
คิดเหมือนกันคือ ทั้ง Grab Taxi และ Uber จะมีข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ตลอด ทราบวงจรชีวิต การเดินทาง การทำงานเราไปหมดเลย เหมือนกูเกิ้ลรู้ว่า เราค้นอะไรบ้าง
ทีนี้อนาคต น่าจะขายโฆษณาแบบกูเกิ้ลโดยดูจากพฤติกรรมผู้บริโภคนี่แล่ะฮะ
แสดงให้เห็นว่า Uber ไม่มีความคิดที่จะร่วมมือกับรัฐแม้แต่นิดเดียว
กรณีอย่างนี้ถือว่าขัดขวางเจ้าพนักงานได้มั๊ยเนี่ย
แบนแอปง่ายกว่าไหม?
เอาจริง ๆ เงินที่ได้จากการปรับน่าจะมากกว่าเงินที่เสียไปกับการดำเนินการ ถ้าปรับไปเรื่อย ๆ ผมคิดว่า UBER ไม่น่าจะเลี้ยงตัวเองต่อไปได้นานครับ
ผมกลัวว่า Uber จะมีมูลค่าในอนาคตสูงจนคาดไม่ถึงเลยหละครับ
ถ้าพวกเขาชนะใจประชาชนผู้ใช้งาน Uber ก็ชนะรัฐบาลแล้วครับ
แค่ค่าปรับพวกนี้ ถ้าเทียบกับมูลค่าในอนาคตแล้วเรียกได้ว่า ไม่เท่าไหร่
วันไหนที่เขาสามารถอยู่ตรงนี้ได้ เขาจะใหญ่ระดับโลกเลยครับ
Uber ต้องซื้อข้อมูลบัตรเครดิตของเจ้าหน้าที่รัฐทุกคนและพอบัตรไหนเชื่อม Uber ก็แบนมือถือเครื่องนั้นเลย 5555555555
อีกหน่อยคงพัฒนา APP ให้รู้ว่าคนไหนเป็นเจ้าหน้าที่ล่อซื้อ
ยอมจ่ายค่าปรับเพื่อกระทำผิดต่อไป แบบนี้ถ้ามีคนฟ้องศาล เพื่อให้ลงโทษว่าจงใจละเมิดกฎหมายและส่งเสริมให้ละเมิดกฎหมาย อาจโดนถอนใบขับขี่หรือใบอนุญาตต่างๆได้เลยนะ
แล้วก็เอาบัญชีล่อซื้อไปขายให้แก๊งโจรต่อ คราวนี้ค้นง่ายเลยคนไหนเจ้าหน้าที่
สมควรแล้วที่คนของ ออสซี่บางส่วนจะ ไปเข้าร่วมการก่อการร้ายซะะเอง ไม่ปรับปรุง Taxi ของตัวเองให้ดีก่อนแต่ทำการขัดขวางคู่แข่งที่เกิดขึ้นมาไปเลย เพื่อการผูกขาด นี่คือการมองอีกมุมนึงมุมมองในส่วนตัวของผมนะ ต้องมีคนไม่ชอบ Taxi แบบปกติบ้างแหล่ะไม่งั้น UberX อยู่ไม่ได้นานแล้ว
คนละเรื่องกันเลยครับ การเข้าร่วมของกลุ่มก่อการร้าย และ เรื่องแบน uber
แค่ไม่ได้ใช้ uber ถึงกับต้องเข้าร่วมผู้ก่อการร้ายแล้วฆ่าผู้บริสุทธ์เชียวหรือ
มันเกี่ยวกันตรงไหนนนนนน....
(-__-')
เห็นด้วยครับ นี่ถ้าพวกคนขาวไม่ไปรุกที่อะบอริจินก็คงไม่มีดิงโก้มาไล่กินมาซูเปียลจนเกิดมีการก่อการร้ายจน Uber มาแหกกฎหมายหรอก
ถ้าใส่เลขศูนย์เพิ่มท้ายไปอีก 2 ตัวในส่วนค่าปรับ อย่ากรู้เหมือนกันว่า บริษัทจะจ่ายค่าปรับแทนไหวไหม -__-)
ผมว่าคูณจำนวนครั้งที่ปรับดีกว่าครับ ครั้งที่ 1 = 1x, 2 = 2x..................nx