Gartner ออกรายงานสถิติยอดขายสมาร์ทโฟนประจำไตรมาส 3/2014 สรุปว่าทั้งไตรมาสมียอดขายสมาร์ทโฟน 301 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 20.3%
- ซัมซุงยังครองส่วนแบ่งอันดับหนึ่งที่ 24.4% แต่ลดลงทั้งยอดขายและส่วนแบ่งตลาด (ปีก่อน 32.1%)
- แอปเปิลตามมาเป็นอันดับสองที่ส่วนแบ่ง 12.7% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่ง Gartner คาดว่ายอดขายไตรมาสสี่จะเพิ่มขึ้นอีกจาก iPhone 6/6 Plus
- สามอันดับถัดมาเป็นแบรนด์จีนยึดหมด ได้แก่ Huawei 5.3%, Xiaomi 5.2%, Lenovo 5% ทุกรายมียอดขายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ Xiaomi ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ยอดขายเพิ่มประมาณ 3 เท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน
- ภูมิภาคที่ยอดขายสมาร์ทโฟนเติบโตสูงสุดคือ ยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง แอฟริกา ในขณะที่ยุโรปตะวันตกกลับมียอดขายสมาร์ทโฟนลดลง 5.2% ถือว่าลดลงติดกันเป็นไตรมาสที่สามแล้ว
- ส่วนแบ่งระบบปฏิบัติการ Android 83.1% เพิ่มขึ้น, iOS 12.7% เพิ่มขึ้น, Windows 3% ลดลง, BlackBerry 0.8% ลดลง ส่วนของ Android ขายได้ถึง 250 ล้านเครื่องในไตรมาสเดียว
- สัดส่วนสมาร์ทโฟนต่อยอดขายมือถือทั้งหมดเพิ่มเป็น 66% แล้ว และ Gartner คาดว่าจะเพิ่มเป็น 90% ในปี 2018 ด้วยเหตุผลว่าราคาของ Android รุ่นล่างๆ เริ่มไม่แตกต่างจากฟีเจอร์โฟนแล้ว
ที่มา - Gartner
Comments
นี่แหล่ะ Android ตบกันเองแล้ว สงครามภายใน ส่วนสงครามระหว่าง OS น่าสงสาร Windows Phone จัง อย่างพึ่ง ม่องไปนะ สู้ต่อไป Windows Phone
SS อาการหนักมาก โดนแบรนจีนทำแบบเดียวกับที่ตัวเองทำเมือก่อนตอนนี้อยู่ในสภาพหนักเลย
สุดท้าย Apple คือผู้ชนะๆ นิ่งๆ ไม่ต้องคิดรัยมาก ขายได้เรือยๆ ผูกตลาดบนไว้เรียบร้อย 555
+1024
แถมกำไรก็มากสุดอีก
แต่เห็นหลายๆ คนเขาว่าเป็นขาลงแล้วนะ :P
ก็เห็นมีแต่คนพูดแบบนี้ไม่รู้กี่รอบ กี่ปี ละ คนเขานี่ใครกัน ถถถ
ระดับกูรูเขายังเงิบ ประสาอะไรกับยูสเซอร์เตะฝุ่น :P
มันมาจากการข่าวที่นักวิเคราะห์เว็บดังในต่างประเทศทำนายว่าแอปเปิ้ลจะอยู่ในช่วงขาลง
ซึ่งผลก็คือการวิเคราะห์พลาด กลายมาเป็นมุขตลกให้คนทั่วไปเล่นกัน
กินแบบเรื่อย ๆ ไม่ตะกละตะกลามบ้าพลังกินมูมมามจึงกินได้เรื่อยๆ กินได้เยอะ ๆ #หมูกระทะ
แข่งกันเยอะๆก็ดีครับ จะได้มีเทคโนโลยีใหม่ๆมาให้ผู้ใช้ได้ใช้กันเยอะๆ สุดท้ายผู้ใช้ก็ได้ประโยชน์ ใครจะชนะไม่เห็นสำคัญเลยนิ
ที่กลัวๆ กันคือจะพากันล้มหายตายจากกันไปหน่ะสิครับ
เพราะทำออกมาแล้วมันไม่คุ้ม
เห็นด้วยครับ คนที่จะอยู่รอดได้มันก็ต้องมีสายป่านที่ยาวพอ ไม่งั้นก็แข่งได้ยาก เพราะการวิจัยมันก็ต้องใช้เงินลงทุน ยิ่งบริษัทเล็กก็มีแนวโน้มว่าจะมีเงินลงทุนน้อย แทนที่จะได้เทคโนโลยีเจ๋งๆ ก็ต้องมาคอยคำนวณบวกลบคูณหารออกมาว่าจะพอคุ้มกับที่ลงทุนไปหรือไม่ การมีบริษัทเล็กๆ หลายๆ บริษัทอย่างที่แอนดรอยด์เป็นอยู่ตอนนี้ ผมว่ามันก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าเราจะได้ใช้เทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ ได้แบบก้าวกระโดด เพราะตอนนี้ที่เห็นก็มีเพียงสงครามราคา ที่ต้องคิดเร็วทำเร็ว ไม่งั้นก็ตามคนอื่นไม่ทัน สุดท้ายมันก็น่าจะตันในเรื่องราคาในไม่ช้า