Uber เดินหน้าลุย เปิดบริการในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน สหรัฐอเมริกา ถึงแม้ว่าหน่วยงานด้านขนส่งของพอร์ตแลนด์จะประกาศว่า Uber เป็นบริการผิดกฎหมายก็ตาม
Portland Bureau of Transportation ออกประกาศว่ารับทราบว่า Uber ตัดสินใจเปิดบริการในพอร์ตแลนด์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และประกาศล่วงหน้าว่าจะจับ-ปรับทั้ง Uber และคนขับในสังกัดถ้าตรวจพบ เนื่องจากกฎระเบียบของพอร์ตแลนด์กำหนดให้บริษัทและผู้ขับแท็กซี่ต้องมีใบอนุญาตเสมอ
Steve Novick ผู้บริหารของเมืองพอร์ตแลนด์ระบุว่า Uber ไม่ได้สนใจเรื่องการแบ่งปันทรัพยากร แต่ต้องการทำกำไรโดยไม่สนใจกฎระเบียบใดๆ ในขณะที่บริษัทรถรับจ้างรายอื่นๆ สามารถปฏิบัติตามกฎได้อย่างเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ การที่ผู้ขับ Uber ไม่มีใบอนุญาตของพอร์ตแลนด์ทำให้ประกันไม่คุ้มครอง และลูกค้าก็มีความเสี่ยงถ้าเกิดอุบัติเหตุ ปัจจุบันลูกค้าในพอร์ตแลนด์สามารถเรียกแท็กซี่ถูกกฎหมายผ่านแอพชื่อ Curb ได้อย่างไม่มีปัญหา
Novick ยังบอกว่าเมืองพอร์ตแลนด์ยินดีปรับกฎระเบียบให้เหมาะสมกับยุคสมัย และเคยบอกให้ทั้ง Uber กับ Lyft เสนอแนวทางแก้ไขเข้ามา แต่ Uber กลับเลือกแหกกฎแทน ในขณะที่ Lyft ปฏิบัติตัวดีกว่ามาก
ที่มา - City of Portland, Uber Blog, Ars Technica
Comments
ตกลง Uber ยอมทำตามกฎของเมืองไหนบ้างเนี่ย
Happiness only real when shared.
ชักจะเข้าข่ายหน้าด้านเข้าไปทุกที
บริษัทเถื่อนครับ ไม่เคารพกฏหมายบ้านเมือง
เป็นไปไม่ได้ที่ UBer จะไม่รู้หรอกว่าตัวเองทำผิดกฏหมาย เพราะทำมาหลายประเทศแล้วทั่วโลก ถ้าตั้งใจค้าขายสุจริตจริงๆ ต้องเริ่มโดยการเข้ามาคุยกับทางราชการตั้งแต่เริ่มต้น
แต่โมเดลที่ Uberใช้ คือลุยเปิดไปเลยให้คนติด พอคนชอบ ก็จะไปกดดันทางราชการเอง กดดันได้ไม่ได้ค่อยว่ากัน
ซึ่งผมว่า มันเป็นการเอาเปรียบคนอื่นนะ เพราะรถป้ายดำ มีต้นทุนถูกกว่ารถสาธารณะ ทั้งเรื่องภาษีที่ไม่ต้องจ่าย ทั้งทะเบียนที่เสียภาษีน้อยกว่า ทั้งใบขับขี่ที่ได้ง่ายกว่าใบขับขี่สาธารณะ
ดังนั้น ต่อให้เป็นกรุงเทพ ที่taxi ห่วยแตกแค่ไหน หรือเยอรมัน อเมริกา ญี่ปุ่น ที่taxiดีแค่ไหน uber ก็ดั้มป์ราคาได้ถูกกว่าวันยังค่ำ เพราะช่องว่างภาษีและกฏหมาย
แอพTaxi ที่ถูกกฏหมายเจ้าอื่น ทำไมเขาก็ทำได้ เรียกได้เหมือนกัน ไปทุกที่ มีระบบติดตามคนขับเหมือนกัน
มันคนละเรื่องกับปัญหาแทกซี่ไม่รับผู้โดยสารที่บ่นๆกันแล้วล่ะครับผมว่า
และถ้าสุดท้าย Uber อยู่ได้โดยไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ต่อไปก็ไม่มีใครขับรถป้ายเหลือง จะไปสอบ ไปทำทะเบียนให้เปลืองเงินทำไม แอพเรียกแทกซี่ป้ายเหลืองเจ้าอื่นก็จะตายหมด เพราะสู้ราคาไม่ได้ แล้วก็จะผันตัวเองมาเป็นแอพเรียกแทกซี่ป้ายดำเหมือนกันแทน
ตามนั้นเลยครับ ผิดกฏหมาย กับแท็กซี่ป้ายเหลืองปฏิเสธรับผู้โดยสารมันคนละเรื่องกัน
+1
คนโยงสองเรื่องนี้เข้ามาเพราะว่า
ส่วนที่น่าจะเกี่ยวข้องกว่าก็น่าจะเป็นบริการอย่าง GrabTaxi แต่พอดีมันดันเป็นการเอาระบบแท็กซี่เดิมมาใช้ (ทำตัวเป็นแค่วิทยุเรียกรถให้เฉย ๆ) เรื่องของอคติกับรถแท็กซี่เดิมมันก็เลยติดมาด้วยนั่นแหละ
ผมอยากเห็นระบบการให้บริการรถแท็กซี่แบบที่เป็นบริษัทมหาชน มีการตรวจสอบได้จากภาครัฐและประชาชนนะ ที่ผ่านมานี่มีแต่ภาครัฐที่มีส่วนร่วมและแทบจะไม่ทำงานอะไรเลย แท็กซี่ก็จับเอาผู้โดยสารเป็นตัวประกันอยู่ร่ำไป
ขักเริ่มไม่ชอบ Uber แล้วอะ มีแต่ข่าวผิดกฏหมายไปทุกเมืองที่เปิดเลยนะ ทำให้ถูกกฏหมายซิครับท่าน ข่าวที่ไทยท่านก็ผิดกฏนะครับ
น่าสนใจกับ Lyft นะ
ผมว่าไม่น่าใช่ละครับแบบนี้ ออกแนวรถตู้ผีเลย
ผมขอแสดงความคิดเห็น ในเรื่องเกี่ยวกับ รถเช่าในลํกษณะที่UBERทำ
ถ้าทางรัฐ คิดจะยอมให้ การบริการแบบนี้ เป็นสิ่งถูกกฎหมาย
รัฐควรให้คนในรัฐนั้น ได้ทำก่อน และปกป้องไว้ อย่างน้อย5ปี
หากคนในรัฐนั้น ทำได้ดีแล้ว ก็ไม่ต้องอนุญาตให้ คนนอกรัฐมาทำ
หมายถึงรัฐไทย นะครับ
ปล. ผมก็ไม่รู้วิธีการกีดกันคนนอกรัฐ นะครับ
ประเด็นน่าสนใจครับ อยากทราบว่า protectionism แบบนี้ ทำไมถึงต้องให้คนในรัฐได้ทำก่อน มันมีประโยชน์เหนือกว่าอย่างไรครับ?
@TonsTweetings
เขาหมายถึงคนไทยทำก่อนมั้งครับ เพราะประเทศไทยปกครองแบบรัฐเดี่ยวครับ (ของอเมริกาปกครองแบบหลายรัฐเรียกว่า สหพันธรัฐ) หรือก็คือคนไทยทั้งประเทศหน่ะแหล่ะ ประโยชน์คือ ให้คนของประเทศไทยมีงานทำก่อนไม่โดนคนต่างประเทศแย่งงานกันทำไงครับ
ท่าน somphong.s น่าจะมาจากสาย รัฐศาสตร์มั้ง(ส่วนผมนึกถึงคำเรียกนี้ตอนเรียนวิชา สังคมมั้ง) ภาษาที่ใช้เลยเลยแนวๆนี้
คือมันไม่เกี่ยวนะครับ ถ้าเชื่อในระบบตลาด วิธีคิดแบบ protectionism จะเป็นการไม่ทำให้เกิดการแข่งขัน ซึ่งผลเสียโดยรวมจะตกอยู่กับผู้บริโภคครับ ลองดูสภาพของสายการบินในประเทศไทยก่อนการเปิดการบินเสรีได้ครับ
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
เจอท่านพอดีเลย ช่วยไปแก้บทความ ของ Hp ด้วยนะครับ มีความหมายผิด เรื่องสเป็คหน่อยความจำครับ
ส่วนเรื่องนี้คือตอนผมไปเที่ยวมาเลเซีย คนนำทางเขาก็บอกระบบนี้มาเลเซียก็ทำครับ เขาแบ่งประชากรในประเทศเป็น 3 กลุ่ม
1.กลุ่มดั่งเดิมที่อยู่มานานตั้งแต่ยุคแรกๆ พวกนี้จะได้สิทธิ์ก่อนเพื่อนครับ
2.กลุ่มชาวจีนในยุคที่มีการอพยพมาตั้งรกรากที่มาเลเซียครับ ยุค เสื่อผืนหมอนใบหน่ะแหล่ะ พวกนี้ได้สิทธิ์ต่างๆรองลงมา
3.กลุ่มนี้เป็นกลุ่มมาใหม่สุดๆกับพวกชาวต่างชาติครับถ้าไม่ใช่พวกนักลงทุนจะอยู่กลุ่มนี้แหล่ะสิทธินี่น้อยสุดๆเวลาจะทำมาหากินอะไรจะได้ท้ายๆเลย
แล้วก็รูปแบบการปฎิบัติต่อพลเมืองเขาก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ แจ่ประเทศเขาก็กำลังจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วคือมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรในระดับสูงตามสิงค์โปร์ไปแล้ว แต่เรายังติดกำดักรายได้ชนชั้นกลางกันอยู่เลย
เขาทำเพื่อให้คนในประเทศเขารอดครับ ทุกประเทศก็ทำไม่ทางใดก็ทางนึง มันไม่เสรีหมดทุกธุรกิจหรอกครับสังเกตุให้ดีๆ
ถ้าคุณมีความรู้อยู่บ้าง จะทราบดีว่าปัญหาใหญ่ของมาเลเซียในปัจจุบันเกิดจากระบบการแบ่งชนชั้นแบบนี้ล่ะครับ ถึงขั้นประเทศพังได้เลย
สิงคโปร์มีปัญหากับ พลเมืองอินเดีย ส่วน มาเลเซีย มีปัญหากับพลเมืองจีน ตอนที่สิงคโปร์ โดนลอยแพ ก็มีคนจีนอยู่ในตอนนั้นมากด้วยนิครับ ได้ยินคนพูดมาว่า นายกคนแรกของสิงค์โปรออกมาพูดกับประชาชนทั้งน้ำตาเลย เพราะตอนแรกนี่ไม่มีอะไรเลยจริงๆ
แล้วก็อเมริกา ปัญหากับคนผิวดำสะสมมานานก็เริ่มก่อตัวแล้วด้วย พวกนี้โดนจำกัดสิทธิ์กันทั้งนั้นเลย(แบบคนภายนอกรู้ไม่ค่อยเยอะ) ตอนนี้ผมเลย งง กว่า ธุรกิจแบบการค้าเสรีนี่ เสรีจริงหรือเปล่าหรือเสรีเฉพาะกลุ่มอีกที ถ้าเป็นนอกกลุ่มอาจโดนทางรัฐกีดกันนิดๆหน่อย ถ้าไม่เก่งจริงๆ เน่าไป แต่ถ้าเป็นคนที่รัฐให้การสนับสนุนก็จะเป็นอีกแบบไป คือถ้าไม่ส่งเสริมแต่ก็ไม่ขัดขวาง
มาเลเซียมีวิกฤตเรื่องนี้อยู่นะครับ เรื่องแบ่งชนชั้นหรือเชื้อชาติ ไม่เชื่อลองไปถามคนมาเลย์เชื้อสายจีนดูครับ
หมายเหตุ: ผมเพิ่งสังเกตเห็นเรื่องที่ท้วงติง อยากกราบเรียนครับว่าข่าวนี้ไม่เกี่ยวข้องกับรีวิวครับ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอาเข้ามาพูดในนี้ครับ
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
ประโยชน์คือ บริการในไทย อยากให้เงินอยู่ที่ไทยครับ
การปกป้อง แบบมีเงื่อนเวลาแน่นอน
ย่อมกระตุ้นให้ คนไทย สู้ นะครับ ไม่ใช่ งอมือเท้า
ตอนนี้ คนที่พร้อม อยากทำก็ทำไม่ได้ เพราะผิดกฎหมาย
หาก อนุญาตให้ทำทันที
คนไทย ก็คงไม่ต้องทำละครับ เพราะ UBER พร้อม100%แล้ว
ตัวอย่างเช่น CAT/TOT ที่มีคลื่น 3G ไว้ใช้ก่อนคนอื่นหลายปีใช่ไหมครับ?
ประเด็นกีดกันทางการค้ากับต่างชาติ เรากีดกันเค้าได้ เค้าก็กีดกันเราได้นะครับ
หากมันดีจริงคงไม่เกิดสนธิสัญญาทางการค้า หรือความร่วมมือทางการค้าขึ้นมาครับ
อีกอย่างเราไม่ได้ใหญ่ไม่ได้รวยแบบรัสเซีย ที่จะสามารถอยู่รอดได้ด้วยตนเองครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมหมายถึงรัสเซียในปัจจุบันที่หยิ่งผยองจะทำอะไรก็ได้ ทำไมต้องมองประวัติศาสตร์? ถ้าต้องมองประวัติศาสตร์นี่ผมต้องมองอเมริกาให้ถึงยุคชาวอังกฤษหนีไปเปิดประเทศเอง? มองจีนยุคที่จีนตกต่ำจนประชาชนต้องนั่งแพหนีออกนอกประเทศ? หรือผมแค่มองรัสเซีย อเมริกา จีน ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันพอ?
คำว่าปิดประเทศให้ตายก็มีข้าวกินนี่รวมถึงทุกคนในประเทศหรือเปล่า ปัจจุบันสัดส่วนอาชีพของคนไทยเป็นอย่างไร? เอาง่ายๆถ้าคุณไม่มีเงินเก็บหรือเงินมรดกในตอนนี้แล้วปิดประเทศ คุณจะไปทำการเกษตร? ประชาชนทุกคนจะไปทำ? ใช้พื้นที่ตรงส่วนไหนทำ? คำว่าอธิปไตยของรัฐใช้ไม่ได้แล้วในยุคปัจจุบันที่ต้องพึ่งเทคโนโลยี/ทุนจากต่างประเทศ ยิ่งเดี๋ยว AEC มาอีก
สำหรับคุณมองว่าเป็นแค่กีดกัน app เรียกรถโดยสาร สำหรับชาวต่างชาติคือเค้ามาทำธุรกิจในประเทศได้แบบไม่ยุติธรรม แน่นอนว่าแอพอันเดียวคงไม่เกิดปัญหาใหญ่ขนาดนั้น แต่การกีดกันทางการค้ามันเป็นแนวคิด เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วมันคงไม่หยุดอยู่แค่นั้น อันนี้คงแล้วแต่คุณจะมอง
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ในแง่ทฤษฎีใช่ครับ เราปลูกข้าวเองได้ แต่ในทางปฏิบัติ ยากครับ เราปลูกข้าวเองให้พอเลี้ยงคนทั้งประเทศคงทำไม่ได้ ถ้าปิดประเทศพรุ่งนี้เลย
น้ำมันน่าจะเหลือใช้อีกไม่มาก คนปลูกข้าวเป็น ดำนาเป็น จะมีสักกี่คน แล้วจะดำนาได้เพียงพอกับความต้องการข้าวในประเทศหรือไม่?
แค่ข้าวอย่างเดียวมันก็อยู่พอได้ครับ แต่ก็ต้องมีอย่างอื่นอีก กับข้าวก็ส่วนนึง จะปลูกพืชไร่ทำสวน ในเมืองคงทำไม่ได้ ชนบท ใครจะมาทำเลี้ยงคนเมืองต่อให้ทำคงไม่ทำฟรี ๆ แล้วคนเมืองจะเอาเงินจากไหนไปซื้อข้าว
คนเมืองที่ปลูกข้าวไม่ได้เนี่ยแหละครับ ที่ต้องพึ่งพาคนอื่น
เอาจริง ๆ ครับ แค่เน็ตล่มครึ่งวัน เราก็จะเป็นจะตายแล้วล่ะครับ ไม่ต้องถึงกับไปปลูกข้าวกินเองหรอก
เรื่องนี้ผมว่า มหากาพย์ จุดดีเพียงข้อเดียวของผู้ใช้คือตอบสนองความต้องการผู้ใช้ทั้งที่รัฐไม่เคยจะฟังเสีงหรือทำอะไร ไม่งั้นคนคงไม่ใช้บริการ Uber หรอก เพราะผิดเต็มๆ
Uber เพิ่งเปิดตัวใหม่ๆ ก็ดีอย่างนี้แหละ เดี๋ยวพอนานๆ ไปขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ ก็เสียการควบคุมคุณภาพไปเอง
ก่อนที่จะมี สมาร์ทโฟน โหลด App เกิดขึ้นในประเทศไทย ผมใช้บริการโทรเข้าศูนย์เรียกรถแท๊กซี่ ครับ ไม่เกิน 20 นาทีรถมาจอดถึงหน้าบ้านเลย
จากการถถามคนขับรถแท๊กซี่ เขาชี้มีจอ LCD 3 บรรทัดรับส่งด้วยคลื่นวิทยุ บอกพิกัด คนเรียกใช้บริการ ถ้า Taxi เห็นว่าใกล้และยังไม่รับคน กดปุ่มบนเครื่อง confirm ได้เลย
ระบบนี้มีใช้มาแล้วกว่า 10 ปีในประเทศไทย ถูกกฎหมายไทยทุกประการ โดยเขาจะเก็บเพิ่้มอีก 25 หรือ 30 บาทไม่แน่ใจ แต่อัตราค่าบริการ ถูกต้องตามระเบียบขนส่งทางบกทุกประการ
จากการสอบถาม Taxi หลายๆคนที่มีระบบนี้นะครับ ทุกคนบอกเสียงเดียวเลยว่า มีระบบนี้เข้ามา ถ้ารู้เส้นทาง เก็บข้อมูลผู้โดยสารดีๆ ทำการบ้านมาดี รับเงินวิ่งงานแทบไม่ไหว วันๆ 2000 - 3000 ขึ้นด้วยซ้ำ หักแก็สหักรถแล้ว เหลือ 1500 - 2000 ต่อวันสบาย เดือนๆ มีเงินเดือนดีพอๆ กับพนักงาน office ระดับผู้บริหารชั้นต้นด้วยซ้ำ
เคยไปกับเพื่อนเรียน ปโท ทำวิทยานิพนธ์เรื่อง รายได้คนขับรถ taxi ในกทม. มีจุดหนึ่งน่าสนใจมาก คือ Taxi มืออาชีพ กับ มือสมัครเล่น ในกทม Taxi มืออาชีพ ใน กทม.มีอยู่ประมาณ 30% ส่วนอีก 70% เป็นพวกขาจรที่ตกงานมาประกอบอาชีพ
พวกมืออาชีพจะไม่จอดแช่ รับผู้โดยสารทุกราย เพราะจากประสบการณ์ ยิ่งไปไหนไกลๆ คนไม่ค่อยไป คู่แข่งจะน้อยและมีโอกาสต่อยอดจากคนที่โบกต่อไปได้สูงกว่าปกติเกือบ 70% เมื่อเทียบกับการจอดแช่ ส่วนใหญ่ทำอาชีพนี้มาไม่ต่ำกว่า 10 - 15 ปี มี Taxi เป็นของตนเองไม่ต่ำกว่า 1 คัน (บางครัวเรือนมี 2-3 คัน) ส่วนใหญ่ รายได้ดีมาก ตก 60000 - 80000 บาท ต่อเดือนหลังหักค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 35000 - 40000 บาทต่อเดือน ซึ่งถือว่าสูงมาก
Taxi พวกนี้อยู่ในระบบ 100%
ส่วน Taxi ขาจร ส่วนใหญ่ไม่มีความชำนาญเส้นทางในกทม.ทั้งหมด พฤติกรรมส่วนมากมักจอดแช่และเลือกผู้โดยสาร เพราะขาดประสบการณ์ และทักษะในการหาลูกค้า (คล้ายๆเรือประมงไม่มีเรดาห์หาปลา) พฤติกรรมร้องเรียนส่วนใหญ่มาจากกลุ่มนี้เกือบ 80% ส่วนใหญ่มักประกอบอาชีพเป็นช่วงสั้นๆ ไม่เกิน 1-3 ปี แต่ถ้าทำอาชีพนี้เกิน 5 ปี ส่วนใหญ่จะมีประสบการณ์ และเปลี่ยนเป็นกลุ่ม Taxi มืออาชีพ อัตรา Turn ประมาณ 5%
ที่เขียนๆมา จะบอกว่า คนที่เจอ Taxi ประสบการณ์ไม่ดี ส่วนใหญ่เจอพวกขาจรซึ่งมีอยู่เกือบ 70% แต่ถ้าคุณเรียก Taxi ที่คุณเรียกจากศุนย์ ขอบอกว่าคุณจะเจอ taxi อาชีพซึ่งบริการดีไม่แพ้ App เรียกแทกซี่เจ้าปัญหาในขณะนี้เลย
แล้วก็นะครับใน อุปสงค์ อุปทาน มีสิ่งที่ใช้ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนแค่สองสิ่ง คือสินค้าและบริการ ผลกระทบที่รุนแรกอย่างนึงที่ทั้งสองสิ่งนี้เวลาโดนกระทบแล้วจะมีปัญหาคือ ชื่อเสียง ขอแค่อย่กลุ่มเดียวกัน แบบคนจำได้ว่ามัรคือๆกัน แล้วเวลามีปัญหามาคนเขาก็เหมารวมทั้งหมดแหล่ะครับ เช่นแท็กซี่ ที่โบกตามริมถนนก็จะโดนตีเป็นพวกเดียวกันหมดเพราะไม่รู้จะแยกยังไง มองชื่ออู่ไม่ทันหรอก ตอนนี้ มี App มาช่วยก็จะแยกกลุ่มแท็กซี่แบบจำไ้มาอีกหน่อย ก็ Uber Grabtaxi ส่วน แท็กซี่อู่กับแท็กซี่ที่ไม่ขึ้นตรงกับอู่ สองอันนี้แยกยากถ้าไม่รู้วิธีว่าแยกยังไงแล้วคนใจบริการก็คงไม่อยากจำนักหรอก ถ้ามีเรื่องขึ้นมาก็จะโดนทั้งกลุ่มแต่ไม่โดนทั้งหมด เช่น Uber ก็จะโดนมองในทางไม่ดีทั้ง Uber เจ้าอื่นๆก็เช่นกัน ประเด็นคือก็แก้ไขต่างหาก กลุ่ม taxi ทั่วไปปัญหาก็เดิมๆก็แล้วแต่ว่าใครถูกหวย แล้วก็ถูกง่ายซะด้วย ก็เล่นซะ 70% มันก็นะ
อันทีจริงผมไม่ค่อยได้เจอแท็กซี่แนวนี้นะถ้าไม่ไปใจกลางเมือง เพราะผมอยู่ชายแดนกรุงเทพฯ เจอแต่แท็กซี่ดีๆซะส่วนมาก แต่ถึงยังไงก็ตามการที่มีความชำนาญเส้นทางแต่ถ้ากว้างมากๆก็สู้ แผนที่ใน App ไม่ได้หรอก เหมือนงมหาลูกค้าในอะไรสักอย่าง เทียบกับรู้ทิศทางของลูกค้าแต่ให้หาทางให้ไปใกล้ๆให้ได้ยังดีกว่าครับ งานวิจัยบางทีก็ไม่มองรอบด้านครับ และพราะแบบนั้นบางทีสิ่งที่คนทำวิจัยคิดว่าดีแล้ว มันก็ไม่ได้ดีต่อคนอื่นเสมอไปหรอก ผมก็เคยฟังงานวิจัยต่างๆบ่อยๆ มีใช้งานจริงได้แค่ไม่กี่อย่าง จากงานสัมนาในระดับนักศึกษาในระดับปริญญาโท เห็นแล้วผิดหวังมาก เจอแบบดีๆบ้างแต่ผมเคยฟังงาน นึง เจอน่าสนใจแค่อย่างเดียวที่เหลือเหมือน ทำเรื่องขึ้นมาขอแค่จบๆไป เพราะแบบนี้ไง วิทยานิพนธ์ ของไทยถึงไม่ค่อยได้อันดับดีๆนัก มหาวิทยาลัยที่มีวิทยานิพนธ์ที่ดีที่สุดของไทย คือ พระจอมเกล้าธนบุรี ในระดับโลกล่าสุด
สรุปว่าปัญหาก็อยู่ที่ขนส่งที่ ปล่อยให้คนกลุ่มนี้ผ่านการสอบใบอนุญาตขับขี่รถยนต์สาธารณะได้ยังไง และไม่มีระบบตรวจสอบที่ดีกว่าแค่ศูนย์รับข้อร้องเรียนที่ปล่อยข้อมูลคนร้องเรียนกลับไปให้คนถูกร้องเรียน (ซะงั้น)
+1 ควรจะปรับปรุงได้ซะตั้งนานแล้ว ตอนนี้มี Uber มาตีตลาด จะรู้สึกว่าไฟลนก้นซะทีหรือยังเนี่ย
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
อย่าว่าแต่ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์สาธารณะเลยครับ แค่ใบอนุญาตขับขี่ทุกชนิดก็เถอะ
มีชื่อวิทยานิพนธ์หรือผู้แต่งไหมครับ เผื่อใครจะหาอ่านต่อ
lewcpe.com, @wasonliw
Uber ใช้กลยุทธหน้าทน ยอมผิดกฎหมายเพื่อฆ่าคู่แข่งในตลาดให้หมดก่อน ค่อยแก้ปัญหากับทางรัฐ
พอ ๆ กับช่อง 3 เลย
ใช้ครับ คล้ายๆกัน แต่ต่างกันคือ Uber ดันกลายเป็นแสงสว่างเล็กที่ช่วยผู้โดยสารที่พอมีกำลังทรัพย์ได้หลุดพ้นจากชีวิตบางอย่างที่บัดซบในประเทศไทย มันเลยดูดีขึ้นมาหน่อยซะแบบนั้น
ปัญหาแก่ผู้บริโภคเวลาคู่แข่งในตลาดเกือบหมดแล้ว(หรือแปลงไป Uber เกือบหมดแล้ว)นี่ไม่อยากจะคิดครับ ถึงเวลานั้น Uber คงทำอะไรก็ได้ (ปัจจุบันกฎหมายไม่สำคัญ อนาคตก็คงไม่สำคัญเหมือนเดิม?)
หลายๆประเทศก็ใช้ dynamic pricing, surge pricing กันแล้ว ข่าวที่ว่า x9 ก็ยังมีให้เห็นกัน..
And it's just the beginning for everyone, including the drivers
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ถึงวันนั้นถ้า Uber เป็น monopoly แล้วมันแย่ก็ไม่มีใครบังคับให้ผู้บริโภคต้องใช้นี่ครับ ผู้เล่นรายใหม่ก็จะเข้ามา หรือแท็กซี่ก็จะกลับมาเอง ไม่ได้มีกฎหมายคุ้มครอง Uber ซะหน่อย ไม่เห็นต้องไปกลัวเลย
@mamuang
ปัญหาของ monopoly (ทุกประเภท) คือด้วยสภาพตลาดมันไม่สามารถให้รายใหม่แทรกตัวเข้ามาได้ครับ เมื่อกลไกตลาดไม่ทำงาน รัฐจึงต้องลงมาแทรกแซง