By: mk 
on 4 December 2014 - 17:02
Tags:
เมื่อต้นปีผมเคยเขียนถึง Hollywood HD บริการดูหนังออนไลน์ที่ต้องการเป็น Netflix เมืองไทย ไปแล้วครั้งหนึ่ง ความคืบหน้าหลังจากนั้นคือทีมงานบางส่วนของ Hollywood HD มีทิศทางการทำงานที่แตกต่างไปจากเจ้าของทุน จึงแยกตัวออกมาตั้งบริษัทใหม่ชื่อ PrimeTime Solution
จากนั้น PrimeTime Solution ได้รับเงินลงทุนจากบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด เจ้าของร้านขายแผ่นหนังแบรนด์ DNA ในบ้านเราตามที่ Blognone เคยรายงานไปแล้ว
ล่าสุดเมื่อวานนี้ ทีมงาน PrimeTime เปิดตัวบริษัทครั้งแรกที่งาน WebMob Thailand ผมแวะไปที่งานมาด้วยเลยเก็บข้อมูลมาฝากครับ
คุณกษิดิศ กลศาสตร์เสนี ซีอีโอของ PrimeTime ระบุว่าเป้าหมายของบริษัทยังเป็นการสร้างโซลูชัน video on-demand แบบเดียวกับ Netflix โดยจะพยายามสร้าง "ประสบการณ์" การใช้งานที่ดีที่สุดทั้งภาพและเสียง
การสร้างบริการสตรีมมิ่งแบบ Netflix นั้นไม่ง่าย เพราะมีปัจจัยแปรผันที่ต้องคำนึงเยอะมาก ทั้งระบบเครือข่ายที่ไร้การควบคุม (unmanaged network) ซึ่งเจ้าของลิขสิทธิ์จะหวั่นใจ, ประเด็นเรื่อง latency ที่อาจส่งผลให้ประสบการณ์การรับชมแย่ลง และการต้องรองรับอุปกรณ์จำนวนมากตั้งแต่ถูกยันแพง ความหลากหลายสูง
ทีมงาน PrimeTime มีผู้เชี่ยวชาญเรื่องระบบวิดีโอของเมืองไทยไปรวมตัวกัน และมีประสบการณ์จัดการเนื้อหาแบบพรีเมียมมาแล้วทั้งฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของ AIS เมื่อปีก่อน (ที่มีข่าวระบบล่มในวันแรกนั่นล่ะครับ) และการเจรจากับสตูดิโอหนังในฮอลลีวู้ด
บริการดูหนังออนไลน์ของ PrimeTime จะเปิดบริการช่วงไตรมาสแรกของปี 2015 โดยทีมงานระบุว่ารายชื่อหนังเปิดตัว (lineup) จะแตกต่างไปจากบริการที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างแน่นอน (รวมถึงแตกต่างไปจาก Netflix ด้วย) ส่วนจะแตกต่างแค่ไหนก็ต้องรอดูกันต่อไปครับ
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
- สรุปของใหม่และสาระสำคัญจาก AWS re:Invent 2023 | Cloudnone Special EP
Comments
Hollywood HD เป้าหมายคือคนดูหนัง แต่ไปเน้นดูบนมือถือกับแทบเลต ซึ่งยังมีคนบางส่วน ต้องการดูหนังจอใหญ่
และระบบดูผ่านเวบของเค้าปัญหาเยอะมาก เคยถามไปทาง CC แก้ปัญหาไม่ได้ สุดท้ายบอกผมให้ไปดูบนมือถือ
ใช้อยู่สามเดือน ผมเลิกเลย - -
หวังว่า PrimeTime คงจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนดูหนังผ่านทีวี หรือคอมพิวเตอร์นะครับ
ปัญหาทั้งหมดแก้โดยการซื้อ iPad + Apple TV ครับ สตรีมขึ้นจออย่างเนียนน สวยงาม
มันไม่ควรจะต้องมี iPad นะครับ ลำบากออก ต้องชารจ์แบตให้ iPad อีก
ใช้ iPhone, iPod touch, Mac แทนก็ได้ครับ
อุปกรณ์อะไรก็ได้ที่ยิง AirPlay ได้
ปล. เคยดูหนังจาก iPad ผ่าน AirPlay ออกจอ ดูหนังจบเรื่อง 2 ชั่วโมง แบต iPad ลดไม่เกิน 10%
ผมหมายถึงควร Stream ตรงถึงกล่องเลยครับ ไม่ควรมี Medium อีก นี่คือต้องมี Medium 2 ทอดเลย คือ Server > iDevice/Mac > Apple TV > TV มันดูลำบากไป
ไม่รู้ Apple ยอมคุยกับ Local Partner หรือเปล่า ถ้าได้มันคงดีกว่านี้มาก คงขายได้ง่ายขึ้น
ถ้าต้องให้ end user พยายามอย่างหนักเพื่อแค่จะใช้บริการนี้ให้ได้ มันจะง่ายกว่ามั้ยครับถ้า end user ย้ายไปใช้บริการเจ้าอื่นที่ตอบโจทย์ทันที ไม่ต้องพยายามอะไรเพิ่มอีก
เค้าถึงมีโปรขายพร้อม Apple TV ไงครัช 555
ว่าแต่ทำยังไงให้ง่ายกว่านี้
มีโน้ตบุ๊ก อยากออก TV จะมีกี่วิธีนะ แล้วจะรักษาความปลอดภัยของเนื้อหายังไง
นั่นเป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการต้องคิด(และทำ)ครับ end user ควรมีหน้าที่แค่ดูได้อย่างสะดวก กับจ่ายเงินในราคาที่สมเหตุสมผล
+1 ครับ ผมเป็นลูกค้า ผมมีทางเลือกมากมายที่จะทำให้ตัวเองดูหนังได้ ทั้งไปดูในโรง ดูผ่านเคเบิ้ล หรือซื้อแผ่นมา ถ้าผมต้องทำอะไรที่ยากกว่าที่ผมเคยทำได้แบบนี้ ทำไมผมจะต้องจ่ายเงินให้ผู้บริการด้วย
อย่างอเมริกาก็ต้องซื้อกล่องใหม่นะครัช (จะ Roku จะ Chromecast ก็ว่าเป็นค่ายไป)
ถ้าผู้ให้บริการจะทำให้ดูสะดวก เอาทุกทางเลยนะ
สรุป คนไทยซื้อแอปดูเถื่อน จบปิ้ง ไม่ต้องลงทุนอะไรให้เหนื่อยหรอกคนทำลิขสิทธิ์
Netflix 'ต้อง'ซื้อกล่องใหม่ด้วยเหรอครับ ผมเห็นคนที่ซื้อเพราะ'สะดวก' แต่ไม่ได้บังคับว่าต้องซื้อนะครับ?
การให้บริการดูหนัง'ออนไลน์' แล้วบอกว่าลูกค้าต้องไปเสียเงินเพิ่ม ฿20,000+(iPad+Apple TV) เป็นการแก้ปัญหาทั้งหมด ผมว่าไม่ใช่แล้วครับ บริการอย่างนี้ไปไม่รอดครับ โดยเฉพาะกับประเทศไทยที่บริการหนังเถื่อนและ bittorent เป็นสิ่งที่'เกือบ'ถูกกฎหมาย
ปัญหาเป็นของผู้ให้บริการ ก็ต้องแก้ที่ผู้ให้บริการเองครับ ไม่ใช่มาลงกับผู้ใช้บริการ หากแก้ไม่ได้ก็แค่ปิดตัวไปครับ
ส่วนตัวผมว่าคุณกษิดิศมีเป้าหมายที่ดี แต่ควรสร้าง resolution ที่ดีมาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
Chromecast ประมาณ $30 เองนะครับ............ apple tv ประมาณ $90
แต่คนที่นี่ซื้อทีวีใหม่กันเป็นว่าเล่นครับ black friday, cyber monday, ฯลฯ ส่วนใหญ่ทีวีที่มีเลยมักจะรองรับแอพสตรีมพวกนี้อยู่แล้วโดยไม่ต้องทำอะไร
ปัญหาของ Hollywood HD จากที่ลองใช้ มีตั้งแต่ ระบบบริการลูกค้า เข้าขั้นแย่ เช่น การตามเรื่อง, การ confirm กับลูกค้าแล้วไม่ยอมแก้ปัญหา ต้องให้ตามจิก
การที่จู่ ๆ มาล๊อค จำนวนเครื่อง (browser ที่ดูได้ไว้แค่ สาม) และลดจำนวนครั้งการเปลี่ยนอุปกรณ์เหลือเดือนละครั้ง ซึ่ง สำหรับคนที่มีทั้งมือถือ แทบเบล็ต คอม ทั้ง pc notebook ที่บ้าน ที่ทำงาน นี่เป็นข้อจำกัดที่เกินจะรับได้
ระบบตัดเงิน ที่มีปัญหา ตัดเงิน ซ้ำซ้อน ในกรณีที่ลูกค้ายกเลิก package แล้วต้องตามทวงตามแก้ กันหลายรอบ
ส่วนคำบรรยาย ประกอบหนังบางเรื่องก็มั่ว เรื่อง เสียง ซับ ว่ามีเสียงอะไรซับอะไร บ้าง
หลังจากใช้บริการมาสองรอบ สรุปคือ ไม่เหมาะกับ ตัวเองย่างร้ายแรง ไม่แนะนำให้ใช้เลยครับสำหรับ Hollywood HD
มีแต่หนังเก่า ขอบายคับ
เจ้าอื่นก็มีนี่ครับ แต่ส่วนมากก็หนังเก่า
แต่ก็นะ ราคาถูกกว่านี่นา