ข่าวใหญ่ประจำวงการโทรคมนาคมไทยในรอบปีนี้คือ การเปลี่ยนตัวผู้บริหารของค่ายฟ้า dtac ที่คุณซิคเว่ เบรคเก้ อดีตซีอีโอกลับมารักษาการชั่วคราว สร้างความตื่นเต้นให้กับทั้งพนักงานและลูกค้า dtac เป็นอย่างมาก พร้อมกับความหวังว่า "dtac จะกลับมาดีเหมือนเดิม"
ในรอบเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา คุณซิคเว่ก็ไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง เขาเดินสายพบปะลูกค้า dtac ทุกระดับแบบถี่ยิบ รวมถึงเปิดอกยอมรับปัญหาทั้งหมด พร้อมทั้งเผยแผนการลงทุนเครือข่ายเพิ่มอีก 1 หมื่นล้านบาท เพื่อให้บริการทางเทคนิคของ dtac กลับมาเทียบชั้นกับคู่แข่งได้
วันนี้ผมมีโอกาสสัมภาษณ์คุณซิคเว่แบบเต็มๆ คำถามแรกที่ผมถามคุณซิคเว่คงเป็นคำถามเดียวกับที่ลูกค้า dtac ทั่วไทยสงสัยกันมานาน "อะไรคือความผิดพลาดของ dtac ในรอบหลายปีที่ผ่านมา"
ภาพจาก อะไรคือความผิดพลาดของ dtac
คุณซิคเว่คงเผชิญคำถามนี้มาหลายรอบแล้วเลยสามารถตอบได้อย่างเป็นระบบมาก สรุปแบบสั้นๆ คำตอบคือ "dtac ปรับตัวไม่ทันกับโลกที่เปลี่ยนไป"
คำตอบแบบยาวๆ สิ่งที่ dtac ปรับตัวตามไม่ทันมีอยู่ 3 ประการใหญ่ๆ ได้แก่
1) เทคโนโลยีเครือข่าย เดิมที dtac เป็นบริษัทโทรศัพท์ ให้บริการด้านเสียงเป็นหลัก ถึงแม้แนวโน้มในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมจะเห็นอนาคตอยู่รำไรว่า "อินเทอร์เน็ตบนมือถือ" กำลังมาแรง แต่ dtac กลับประเมินอัตราการเติบโตของ mobile data usage ผิดพลาดอย่างมาก
เหตุผลมาจากการที่ dtac เป็นบริษัทในเครือ Telenor ซึ่งทำธุรกิจอยู่ในเอเชียหลายประเทศ สิ่งที่ Telenor ทำคือใช้ฐานข้อมูลของประเทศใกล้เคียงเป็นคู่เทียบ ซึ่งกรณีของประเทศไทยถูกเทียบกับมาเลเซีย (Telenor มีหุ้น 49% ใน DiGi โอเปอเรเตอร์อันดับสามของมาเลเซีย) โดยใช้อัตราการเติบโต mobile internet ของมาเลเซีย (ที่มี 3G ก่อนไทยหลายปี) เป็นฐาน แล้วคาดว่า mobile internet ของไทยจะ "ค่อยๆ โต" แบบเดียวกับมาเลเซีย
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ mobile internet ของไทยเติบโตแบบก้าวกระโดด (คุณซิคเว่ใช้คำว่า explosion หรือระเบิด) ทำให้เครือข่ายของ dtac ไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย จนกลายเป็นปัญหาเรื่องเครือข่ายที่เรื้อรังมานาน (ปัจจุบันลูกค้าไทยใช้ data เฉลี่ยคนละ 400MB ต่อเดือน เยอะกว่าแถบสแกนดิเนเวียหรือมาเลเซียสองเท่า)
คุณซิคเว่กล่าวถึงคู่แข่งว่า True มองเห็นภาพอนาคตนี้และเตรียมรับมือล่วงหน้า วางเครือข่ายรอเอาไว้ ทำให้รับมือกับลูกค้าได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ฝั่งของ dtac ก็จะเร่งแก้ปัญหานี้อย่างเต็มที่ โดยอนุมัติเงินลงทุนเครือข่าย 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งสถานการณ์เครือข่ายของ dtac จะดีขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้เป็นต้นไปในเขตกรุงเทพ และช่วงต้นปีหน้า เครือข่ายในหัวเมืองใหญ่ทั่วไทยก็จะถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นเช่นกัน
2) การจัดโครงสร้างองค์กรภายใน ปัญหานี้เกิดจากอุตสาหกรรมโทรคมนาคมหมุนไปสู่ยุคของอินเทอร์เน็ต เดิมทีในยุคของการโทรด้วยเสียง ตัวชี้วัดความสำเร็จขึ้นกับว่าเครือข่ายของใครกว้างไกลกว่ากัน รูปแบบองค์กรจะเป็นแบบไซโล (silo) ฝ่ายใครฝ่ายมัน ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ฝ่ายขายก็ทำหน้าที่ขยายจุดขาย ฝ่ายบริการลูกค้าก็ตอบสนองลูกค้าให้ได้ ซึ่งถ้ามองจากปัจจุบันย้อนกลับไปแล้ว การทำธุรกิจโทรคมนาคมในสมัยก่อนง่ายกว่าสมัยนี้มาก
แต่ปัจจุบันเมื่อเข้าสู่ยุค data วิธีการทำงานขององค์กรต้องเปลี่ยนไปมาก การจัดองค์กรแบบ silo ใช้ไม่ได้อีกแล้ว ทุกฝ่ายขององค์กรต้องเรียนรู้งานของฝ่ายอื่นๆ ด้วย (cross functional) ซึ่งโครงสร้างองค์กรของ dtac ก็ยังเป็นแบบเก่า เลยตอบสนองความต้องการทางธุรกิจแบบใหม่ๆ ไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ
คุณซิคเว่บอกว่าปัญหานี้โอเปอเรเตอร์ทั่วโลกเจอเหมือนกันหมด บางรายที่เคยมีธุรกิจด้านอื่นๆ อยู่แล้ว (เช่น True ที่มีธุรกิจด้าน content) ก็จะปรับตัวได้เร็วเพราะคุ้นเคยกับการทำงานแบบ cross functional มาก่อน ส่วนของ dtac เขาจะเร่งแก้ปัญหาเรื่องโครงสร้างองค์กรเช่นกัน
3) ความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนไปมาก ลูกค้ายุคปัจจุบันมีความภักดีต่อแบรนด์น้อยลง มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น อีกทั้งพฤติกรรมการใช้บริการของลูกค้าก็เปลี่ยนไป เดิมทีลูกค้าโทรหา call center เพื่อคุยเรื่องโปรโมชั่น พนักงานรับโทรศัพท์สามารถตอบสนองได้ทันที ใช้เวลาไม่มากในการแนะนำโปรโมชั่นให้ลูกค้า แต่ปัจจุบันลูกค้าโทรมายัง call center ด้วยปัญหาหลากหลายมาก เช่น สอบถามวิธีตั้งค่าอินเทอร์เน็ต จนส่งผลให้ call center ต้องใช้ระยะเวลาเฉลี่ยต่อหนึ่งสายนานกว่าเดิม ลูกค้าคนอื่นๆ จึงมีเวลารอสายนานกว่าเดิม
คุณซิคเว่บอกว่า dtac จะจ้างคนมาทำงานด้าน call center ให้มากขึ้น แต่ในอีกทาง dtac ก็ต้องเรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้ารุ่นใหม่ให้มากขึ้น ว่าคิดอย่างไร มีไลฟ์สไตล์อย่างไร เพื่อตามให้ทันลูกค้ากลุ่มนี้
ในภาพรวมแล้ว คุณซิคเว่ยอมรับว่า dtac ตามหลังคู่แข่ง แต่เราจะไม่ปล่อยให้สถานการณ์นี้ค้างคาอยู่นาน
"Yes! We're running behind, but not for long"
ภาพจาก อนาคตของ dtac ในยุคออนไลน์: มุ่งเน้นเชื่อมโยง Content
หลังจากนั้น การสนทนาเข้าสู่ประเด็นว่าอนาคตของ dtac จะเป็นอย่างไรต่อไป
คำตอบของคุณซิคเว่คือ อุตสาหกรรมโทรคมนาคมยุค mobile internet นั้นขนาดของเครือข่ายไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างอีกต่อไป เมื่อผู้เล่นทุกรายมีเครือข่ายเท่าเทียมกันหมด สุดท้ายจะไปตัดสินกันที่ content
dtac มองว่า content บนอินเทอร์เน็ตมีระยะเวลาฮิตอยู่ชั่วคราวประมาณ 18 เดือน ไม่มีรายใดนิยมอยู่ค้ำฟ้า โด่งดังอยู่ชั่วครู่แล้วก็วูบหายไป (คุณซิคเว่ยกตัวอย่าง Angry Birds) แนวทางของ dtac จึงเป็นการเฟ้นหาผู้ให้บริการ content ที่จะมาแรงในอนาคต และเข้าไปสร้างพาร์ทเนอร์กับบริษัทเหล่านั้น เพื่อสร้างสภาวะ "ผูกขาดชั่วคราว" (temporary monopoly) ให้ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตรงนี้ dtac กำลังอยู่ระหว่างการสร้างทีม content ที่สามารถประเมินแนวโน้มของอุตสาหกรรมได้ตลอดเวลา
ตัวอย่างความร่วมมือล่าสุดของ dtac คือจับมือกับ Facebook โดยมีไอคอน Happy เป็นสัญลักษณ์ แต่จริงๆ แล้วความร่วมมือไม่ได้มีแค่ไอคอน เพราะรวมถึงการเชื่อมต่อเครือข่ายตรงกับศูนย์ข้อมูลของ Facebook ที่สิงคโปร์ ให้คนไทยโหลดข้อมูลจาก Facebook ได้รวดเร็วกว่าเดิมมาก
คุณซิคเว่ยังเล่าว่าพาร์ทเนอร์ระดับโลกอย่าง Facebook หรือ LINE ไม่ได้มองหาแค่ "เครือข่ายที่ดีที่สุด" เมื่อเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย แต่ต้องการ "เครือข่ายที่ปรับตัวทำงานด้วยง่าย" ยืดหยุ่นกับการทำงานทั้งสองฝ่าย ซึ่งตรงนี้เป็นโอกาสของ dtac ในการสร้างพาร์ทเนอร์กับยักษ์ใหญ่เหล่านี้
จุดแข็งประการหนึ่งของโอเปอเรเตอร์ฝั่งเอเชียคือเข้าถึงผู้บริโภคจริงๆ เพราะในประเทศพัฒนาแล้ว ผู้ให้บริการ content ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาโอเปอเรเตอร์มากนัก (เนื่องจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแบบมีสายดีอยู่แล้ว) แต่เมื่อเป็นประเทศแถบเอเชีย คนจำนวนมากเข้าเน็ตผ่านมือถือเพียงวิธีเดียว ซึ่งทำให้โอเปอเรเตอร์มีอำนาจต่อรองสูงขึ้นเมื่อต้องเจรจากับเจ้าของ content
ส่วนในระยะยาวแล้ว dtac ก็ต้องพยายามปรับตัวเองจากบริษัทโทรคมนาคมที่ขาย "ท่อการเชื่อมต่อ" ตามแนวคิด dumb pipe แบบเดิมๆ ให้ฉลาดมากขึ้น ต้องหัดเรียนรู้วิธีการทำงานของบริษัทไอทีมากขึ้น รู้จักบริหารสารสนเทศอย่างเป็นระบบ (systemize information)
ภาพจาก Internet for All โอกาสการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสำหรับทุกคน
อีกประเด็นหนึ่งที่คุณซิคเว่มักพูดถึงบ่อยๆ คือนโยบาย Internet for All เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ (ลองอ่านบทความ Staying closer: Why the next internet giants will be Asian ที่คุณซิคเว่เขียนใน Medium ประกอบ)
ผมถามถึงประเด็นนี้ คุณซิคเว่ตอบกลับมาอย่างยาวเหยียดโดยย้อนประวัติการทำงานของเขาสมัยมา dtac ใหม่ๆ ว่าประชาชนไทยมีอัตราการใช้งานมือถือแค่ 5-6% เท่านั้น เขาคาดว่าไม่มีทางที่คนไทยทุกคนจะเข้าถึงโทรศัพท์มือถือได้ เพราะมันเป็นของแพงสำหรับตลาดบน แค่ค่าเครื่องก็แพงมากแล้ว อย่างเก่งเมืองไทยก็คงมีคนใช้โทรศัพท์แค่ 25-30% เท่านั้น
ไม่กี่ปีต่อมา เขาทำนายผิดทุกอย่าง อัตราการใช้งานโทรศัพท์ของไทยสูงกว่า 100% ในที่สุด (หนึ่งคนมีหลายเบอร์ จำนวนเบอร์เยอะกว่าจำนวนประชากร)
คุณซิคเว่บอกว่าเขาคาดผิดเพราะคาดเดาแนวโน้มราคาเครื่องผิด และในวัฏจักรรอบใหม่ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม (ยุคสมาร์ทโฟนและ mobile internet) เราจะเห็นหนังม้วนเดิมแต่วิ่งด้วยอัตราเร็วกว่าเดิมมาก
จากสถิติของ dtac ตอนนี้ 40% ของลูกค้าทั้งหมดใช้บริการ mobile data แล้ว (ถ้าคิดเฉพาะกรุงเทพ ตัวเลขคือ 60%) บางคนอาจคิดว่าตลาด mobile data เริ่มโตช้าแล้ว แต่เขาเคยมีประสบการณ์ผิดพลาดเรื่องนี้มาก่อนมาก่อน จึงไม่อยากทำผิดซ้ำสอง สิ่งที่คุณซิคเว่ทำคือกำหนดโจทย์ให้พนักงาน dtac ว่าทำอย่างไรจะขยับตัวเลขสัดส่วนผู้ใช้ mobile data จาก 40% ขึ้นเป็น 80% ให้ได้ภายในสิ้นปี 2017
คุณซิคเว่มองว่าปัจจัยเร่งให้ไปถึงยอด 80% ได้มีหลายอย่างคือ
- มือถือราคาถูก ปีหน้าเราจะได้เห็นสมาร์ทโฟนราคาต่ำกว่า 1,000 บาท ด้วยแรงผลักของผู้บริโภคจำนวนมหาศาลในจีนและอินเดีย
- ต้องลงทุนโครงข่ายให้คุ้มค่าเงิน การทำให้อินเทอร์เน็ตเพื่อทุกคนอยู่รอดในเชิงธุรกิจ โอเปอเรเตอร์ต้องไม่ทิ้งเงินไปจมกับเครือข่ายอย่างเสียเปล่า ทางออกคือการแชร์สาธารณูปโภคร่วมกัน (infrastructure sharing) ระหว่างโอเปอเรเตอร์หลายราย เรื่องนี้เขาทำสำเร็จในอินเดียมาแล้ว ค่าเน็ตมือถืออินเดียต่อวันอยู่ที่ 5 รูปีหรือไม่ถึงวันละ 3 บาท
- สร้างเนื้อหาที่แตกต่างจากคู่แข่ง ประเทศไทยมีลักษณะเฉพาะคือคนไทยเน้น content ในประเทศ (ประมาณ 80%) ซึ่งต่างไปจากบางประเทศที่แทบไม่สนใจ content ของประเทศตัวเองเลย ตรงนี้เป็นโจทย์ที่ dtac ต้องตามหากันต่อไปว่าจะสรรหา content อะไรที่ดึงดูดผู้บริโภคชาวไทยได้บ้าง
ในประเด็นของ content ท้องถิ่น คุณซิคเว่มองว่าโอกาสที่เป็นไปได้มี 4 ด้าน (ที่ dtac กำลังทำเรื่องนี้อยู่) คือ
- การเงิน/ธนาคาร เช่น ทำธุรกรรมทั้งหมดผ่านมือถือ โดยไม่ต้องไปสาขาของธนาคารได้ไหม
- การเกษตร เช่น เช็คราคาพืชผลผ่านแอพ
- สุขภาพ รวมถึงประกันสุขภาพ
- การศึกษา
คนต่อคิวในพม่า ภาพจาก สุดท้าย คุณซิคเว่เล่าถึงโอกาสของ Internet for All จากประสบการณ์สดๆ ร้อนๆ ของ Telenor ที่เริ่มเปิดบริการในพม่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี้เอง สถานการณ์ด้านโทรคมนาคมของพม่าแต่เดิมคือเครื่องราคาเท่าที่อื่น แต่ซิมราคาแพงมาก (ประมาณสามพันบาท) เมื่อพม่าเปิดให้โอเปอเรเตอร์ต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจเพิ่มอีก 3 ราย (Telenor เป็นหนึ่งในนั้น) วงการมือถือพม่าจึงตื่นเต้นกันมากเพราะจะได้ซื้อซิมในราคาถูกกว่าเดิมมาก
สิ่งที่ Telenor พบในการเปิดร้านวันแรกคือคนต่อคิวยาวมหาศาลแบบคาดไม่ถึง และวันแรกที่เปิดขาย Telenor ขายซิมการ์ดในย่างกุ้งเมืองเดียวได้ 1.2 ล้านเบอร์ แถม 30% ของลูกค้าที่ซื้อซิมไปเปิดใช้ mobile data ภายในวันแรก
คุณซิคเว่เล่าว่าเขาไปเยี่ยมบ้านเด็กกำพร้าในพม่า และพบกับเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่ไม่เคยเห็นโทรศัพท์มาก่อน เขาไปสอนพวกเธอใช้งานมือถืออยู่พักใหญ่ แล้วหาเรื่องเดินออกไปข้างนอกเพื่อโทรศัพท์เข้ามายังเครื่องที่ให้เด็กสาวกลุ่มนี้ เมื่อมีสายเข้า เธอตกใจไม่รู้จะทำอย่างไรกับมัน สุดท้ายก็กดรับโทรศัพท์และหาวิธีพูดลงไปในโทรศัพท์ได้สำเร็จ คุณซิคเว่พูดว่า "ฮัลโหล" เธอก็พูด "ฮัลโหล" แล้วก็ร้องไห้
โอกาสของ Internet for All สำหรับคนเข้าไม่ถึงเทคโนโลยียังมีอีกมาก
เย็นวันนั้น คุณซิคเว่ได้รับ SMS จากเด็กสาวคนดังกล่าว โดยมีข้อความว่า Hello
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
- สรุปของใหม่และสาระสำคัญจาก AWS re:Invent 2023 | Cloudnone Special EP
Comments
เริ่มเห็นอนาคตที่ดี จากการยอมรับความจริงว่า DTAC มีปัญหาอย่างไร แต่ก็ต้องรอดูกันต่อไป
ผมสงสัยว่า content ในประเทศในที่นี้น่าจะหมายถึง content ที่เป็นภาษาไทยรึเปล่าครับ
onedd.net
ชั้วคราว => ชั่วคราว
ต้นฉบับคือคำว่า local content ครับ ไม่ได้ระบุภาษา แต่ส่วนใหญ่ก็คงเป็นภาษาไทยทั้งหมดล่ะครับ
คิดเหมือนกันเลย สะท้อนปัญหาภาษาต่างประเทศห่วยของคนไทยได้อย่างดีทีเดียว
นอกเรื่อง: คนพม่าเขากลัวหมวกกันน็อคหายกันใช่มั้ยเนี่ย รู้สึกแปลกตายังไงชอบกล ส่วนตัวจอดปุ๊บถอดปั๊บ เพราะมันร้อน = =a
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เวียดนามเขาใส่หมวกเดินห้างกันด้วย
คาดหวังว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลง และจะรอดูความเปลี่ยนแปลงนั้น โดยที่ยังไม่ย้ายค่ายไปไหน (แต่ก็จะยังบ่นเหมือนเดิม555+)
+1 ครับ ยังไม่ย้าย แต่จะบ่นต่อไป
A smooth sea never made a skillful sailor.
+1 ด้วยคนครับ ไม่ย้าย แต่จะขอบ่นต่อไป อิอิ
+1
ที่พูดๆมาทั้งหมดเนี่ย ความจริงมีหนึ่งเดียว ขออนุญาติเอาข่าวเก่ามาให้อ่านกันอีกรอบ
ซีอีโอใหม่ “ดีแทค”จัดหนักกดปุ่มปรับองค์กร เขย่าขวัญคนไทยตอกย้ำฝรั่งคุมเบ็ดเสร็จ
อ่านแล้วนึกไปถึงสมัยบอร์ด Nokia เอา Stephen Elop มานั่งแท่น CEO แล้วนั่งมองบริษัทพังไปต่อหน้าต่อตา ยังดีที่ Dtac ไหวตัวทัน เอาเฮีย ซิกเว่ กลับมาแก้เกมส์ (แต่เฮียแกอาจจะเซ็งเพราะนึกว่าตัวเองมี Passive Life ไปแล้ว อิอิ)
คนอย่าง Sigve ไม่มี Passive Life ง่ายๆหรอกครับ
แต่ละประเทศที่ไปคือ ไปทำงานที่ยากกว่าเดิมตลอดครับ
เรื่องแบบนี้มันเป็น what if ครับ คือไม่สามารถบอกอะไรได้เลยว่าถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ Elop เป็นซีอีโอแล้วจะไม่พัง (ยกเว้นสามารถสร้างจักรวาลคู่ขนานได้)
" อนุญาต "
งานบริหาร เป็นงานที่แปลก ถ้าคิดจะทำ มี 24 ช.ม. ก็ไม่พอ ถ้าไม่คิดจะทำ ก็ไม่มีอะไรจะทำ
ผู้บริหาร เท่าที่เจอมากับตัว มี สามแบบ
แบบ แก้ไขปัญหา ตรงรากของปัญหา
แบบ แก้ไขปัญหา เพื่อให้รอดตายไปวันๆ
แบบ นั่งเฉยๆ มีปัญหาโยนใส่ลูกน้อง
อย่าง Elop งี้
เป็นตัวอย่างที่ดี ของแบบที่ 3 เค้าจ้างมาแก้ปัญหา
ดันผ่ามานั่งแต่งจดหมาย ผมเห็น Nokia ไฟใหม้ ตาบ้าเอ้ย
ไม่มีปัญหา เค้าจะจ้างเอ็งมาทำไม ?
สุดท้ายก็ นั่งเฉยๆ จนพังทั้งหมด แยกส่วนแล้วขายทิ้งถูกๆ
เหมือนเอา Benz ไปขายเป็น เศษเหล็ก
ผู้บริหาร แบบนี้ น่าเอาไปสับละเอียด ทำเป็นอาหารแมวมาก ทำคนอื่นเค้าเดือดร้อนไปหมม
รอดูกันยาวๆครับ
สภาวะ "ผูกขาดชั้วคราว" -> ชั่วคราว
อยากย้ายค่ายแค่ก็ยังเสียดายตั๋วหนังกับกาแฟฟรี >_<
นอกจาก 3G จะหลุดบ่อย ต่อติดบ้างไม่ติดบ้าง
ขอแค่บริการพื้นฐานอย่างโทรเข้าโทรออก ไม่หลุด ดีแทคยังทำไม่ได้เลย นี่ขนาดอยู่ในกรุงนะคะ
อยู่ต่างจังหวัดจะขนาดไหน ไม่อยากมโน
อย่าว่าแต่dataเลยแค่voiceอย่างเดียวก็มีปัญหาแล้ว ผมอยู่กทมโทรศัพท์ไม่ได้ทั้งวันเลย ไปที่ศูนย์ก็แนะให้ซื้อซิมค่ายอื่นมาใส่แทน แนะนำได้ดีมาก
เพราะเค้ามั่นใจว่าโทรศัพท์คุณเสีย?
May the Force Close be with you. || @nuttyi
เน็ตห่วยครับ ส่งผล ping ให้ดูไม่แก้ไขอะไรเลย บอกมาได้เปนฃ่วงที่คนใช้เยอะ เลยส่งให้ดู เช้า สาย บ่าย ค่ำ เที่ยงคืน ตีสอง เช้ามืด หมดข้ออ้าง ทนไม่ไหวเลิกใช้เลย
ปัจจุบันคนไทยไม่ผูกติดกับค่ายมือถือจริงๆครับ
ถ้าค่ายไหนบริการดีกว่า ถูกกว่า ก็พร้อมย้ายเสมอ
ที่ไปไม่รอด ก็อยุ่ที่ตัวผู้บริหารเองนั่นแหละ
3G เวลาไม่ใช้งาน หรือเปิดเว็บเล่นๆ วิ่งได้วิ่งดี พอต้องการใช้งานจริงๆ แบบวินาทีนั้นต้องเปิดเว็บให้ได้ กลับมีแต่ตัว H นิ่งๆ ไม่ไหวติง ไป A.. ละครับ ถึงแม้จะช้ากว่า แต่ใช้งานจริงได้อ่ะ
เป็นผู้บริหารที่ตอบได้ตรง และอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง วิสัยทัศน์ดีเยี่ยม
ผมยังภักดีต่อแบรนนะ T T
ผมด้วย (เฉพาะ voice แต่ถ้าจะใช้ 3G ผมขอใช้ my นะ)
เพื่อนชาวต่างชาติให้ผมซื้อซิมให้เขาถามว่าเจ้าไหนดี ผมแนะนำไปแค่ AIS กะ True-H สุดท้ายผมซื้อ True-H แบบแลกสแตมป์ที่เซเว่นให้
ผมอยากถามคุณซิกเว่ด้วยครับ ว่า dtac จะมีวิธีรับมืออย่างไรกับ Serenade ต่อไป??
ต้องท้าวความว่า 13 ปีที่แล้ว ผมเลือก dtac เพราะค่าบริการคุ้มค่าที่สุด (ใช้เบอร์เดิม 01 มาตลอด 13 ปี) ผมมี loyalty กับ dtac มากเพราะผมมองว่าเขาลงตัวทั้งคุณภาพและราคา แม้จะไม่ถูกที่สุด (สมัยนั้น orange, true move ถูกกว่า) แต่คุณภาพก็ดีและราคาไม่แพงเท่ากับ AIS สมัยนั้น ผมยังพูดเลย ว่าไม่ต้องการ Serenade ขอแค่บริการคุณภาพ ราคายุติธรรม ก็เป็นที่พอใจสำหรับผมแล้ว .....ก็ลากใช้ยาวๆ จนมาถึงทุกวันนี้ กับค่าบริการเดือนเป็นพัน
...............แล้วข้ามช็อตมายาวๆ จนถึงปี 2013 นะครับ....................
มาถึงยุคนี้ อะไรก็เปลี่ยนไปหมดแล้วครับ ผมเข้าใจละว่า "ชีวิตเหนือระดับ" ของ AIS มันเป็นยังไง บอกตรงๆ ว่าผมอิจฉาคนใช้ AIS มาก เรียกได้ว่าถ้าย้อนไปเมื่อ 13 ปีที่แล้ว ผมจะเลือกใช้ AIS แต่แรก
สมัยนี้ผมไม่ได้มองไปที่ความคุ้มค่าแล้ว (เอาจริงๆ ผมมองว่า ค่าบริการทั้ง 3 ค่ายทุกวันนี้มันพอๆ กันหมดแล้ว ไม่มีใครแพงกว่าใคร) แต่มองไปถึง lifestyle ที่เหมาะกับผม อย่างที่ AIS พยายามชูจริงๆ
ผมพบว่าเพื่อนผมที่ใช้ AIS เกิน 10 ปีจนได้ Serenade นี่ได้ benefits ที่เจ๋งมากๆ ที่ผมอิจฉาที่สุดก็คือ สิทธิ์เข้า blue ribbon lounge ของ bangkok airways ซึ่งผมเป็นคนที่บิน bangkok airways บ่อยมากๆ เท่านี้ผมก็ sad สุดๆ แล้ว ยังไม่นับรวมอะไรอย่างอื่นอีกเยอะ อย่างตุ๊กตาน้องอุ่นใจที่ส่งมาให้เพื่อนในวันเกิด เป็นต้น
ในขณะที่ dtac ไม่ได้ให้ความ premium กับลูกค้า 10 ปีเลย ไม่มีแบรนด์ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษ ไม่มีบริการพิเศษ ทั้งๆ ที่ค่าใช้บริการผม อายุการใช้บริการของผม ก็ไม่ได้น้อยกว่าเพื่อนที่ใช้ AIS เลย แต่ AIS ให้ความรู้สึกที่ดีกับเพื่อนผมกว่ามาก (เวลามันมีตัวเปรียบเทียบแล้ว มันเห็นชัดเจนนะครับ) ทุกวันนี้ที่มี ก็แค่ dtac reward xtra ซึ่งทุกคนต่างลงความเห็นกันแล้วว่า "ห่วย" คือนับสิทธิประโยชน์ได้เลย คือตั๋วหนังฟรี กาแฟฟรี ไก่ฟรี ต่อเดือนแค่นั้น ซึ่งผมก็ใช้มั่งไม่ใช้มั่ง แต่ที่ผมกลับใช้ตลอดคือ bangkok air ต่างหาก แค้นครับ ...หลังๆ นี่ dtac reward เองก็เริ่มนิ่งๆ แล้ว ร้านที่เคยร่วมก็หายไปเยอะ ในขณะที่ serenade เขายังรุกตลาดตลอด
ผมอดด่า CEO คนเก่าไม่ได้จริงๆ ว่ามาคอยโกยกำไรอย่างเดียว ไม่สนใจสิทธิประโยชน์ที่จะให้ลูกค้า ความ loyalty ของลูกค้าไม่สนใจ (ไม่งั้นจะมีเคสลูกค้าใหม่ซื้อ iPhone งั้นหรือ) ในขณะที่ AIS เอาทำมาเพื่อสะท้อน lifestyle ของลูกค้าจริงๆ อย่าง lounge blue ribbon bangkok air นี่ไม่ใช่มีเงินก็เข้าได้ แต่ลูกค้า Serenade เข้าได้ฟรี นี่ล่ะครับชีวิตเหนือระดับ พอมันสะท้อนออกมา มันก็ดูทำให้ลูกค้าค่ายอื่นรู้สึกอิจฉา รู้สึกด้อยกว่าไปเลยสิครับ
เมื่อก่อนผมมี loyalty กับ dtac สูงมาก แต่มาวันนี้ สิ่งนึงที่ทำให้ผมยังไม่ย้ายไปจาก dtac เพียงแค่ผมเสียดายอายุลูกค้า 10 ปีของ dtac เท่านั้นครับ ไม่ได้เสียดายสิทธิ์ reward xtra ห่วยๆ แต่แค่หวังว่า ซักวัน dtac จะกลับมาดีเหมือนเดิมครับ....ไม่รู้จะหวังลมๆ แล้งๆ หรือเปล่า
แต่ที่แน่ๆ ถ้า AIS ทำโปร ลูกค้า dtac 10 ปี ย้ายไป AIS ได้ serenade เทียบเท่าลูกค้า AIS 10 ปีทันทีเมื่อไหร่เนี่ย....ผมจะย้ายไปทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรเยอะครับ
ฝากเป็นการบ้านคุณซิกเว่ด้วย ว่าคุณจะจัดการความรู้สึกกับลูกค้า 10 ปีที่รู้สึกแย่ๆ กับ reward xtra ที่รู้สึกด้อยกว่า Serenade มาตลอดได้อย่างไรครับ? และคุณคิดจะหาอะไรมาสู้กับ Serenade บ้างไหมครับ ให้ลูกค้าที่อยู่กับคุณมาเป็นสิบๆ ปีรู้สึกว่ามันดู premium และเกิด loyalty มากกว่านี้ ใช้กันมานานขนาดนี้ถ้าไม่คิดจะรั้งกันเอาไว้ ก็คงไม่คิดจะดึงลูกค้าไว้จริงๆ แล้วมั้งครับ
คุณเหมือนเอาใจผมมาพูดเลย เห็นด้วยทุกอย่างครับ
ครอบครัวผมใช้ DTAC มาเกือบ 20 ปี สมัยที่ต้องจ่ายค่าเบอร์เดือนละ 500 บาทไม่รวมค่าโทร
ตอนนี้ย้ายค่ายกันไปเกือบหมดบ้านแล้ว
ผมตอบในมุมของคนที่เคยใช้ dtac (Dprompt) มาก่อนแล้วย้ายมา AIS เมื่อช่วงหลายสิบปีก่อน
แต่ก่อนผมเองก็เด็กมาก และหลงมัวเมากับโฆษณามาก (เกินไปหน่อย) จนจูงแม่มาใช้ AIS แบบงง ๆ (แม่ใช้ GSM Advance จำได้แม่นเลย)
ตอนแรกก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ใช้ไปเรื่อย ๆ สัญญาณตอนนั้นติดบ้างไม่ติดบ้าง (โดยเฉพาะตอนไปแถวแถบ ๆ กาญจนบุรีแบบไกล ๆ ชนบท ๆ เนี่ย สัญญาณไม่มีเลยครับ แต่ตอนนี้มีแล้ว)
พอช่วง 3 ปีให้หลัง แม่กับพ่อผมได้ Serenade Gold แล้วครับ (โทรเพียง 300 บาทก็ได้แล้ว) ตอนนี้มีความสุขมาก ใช้โปรลดค่าน้ำมันเพลินเลยครับ (แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้นั่ง Serenade Lounge เลย ฮ่า ๆ ๆ)
เห็นว่าปีหน้าจะโดนลดเกรดจาก Gold ไปเป็น Emerald (แต่สิทธิ์เติมน้ำมันยังได้เหมือนเดิม เพียงแต่ไม่มีเรื่องที่จอดรถพิเศษ (ที่นาน ๆ ทีจะได้ใช้) กับ Blue Ribbon Lounge ของบางกอกแอร์เวย์ ซึ่งแม่ผมเองก็ไม่ซีเรียสนะ เพราะว่ายังไงก็ได้ลดค่าน้ำมันอยู่ดี (ฮา)
สรุป ประมาณ 13 กว่าปีที่แม่ย้ายมา AIS ตอนนี้อยู่ในระดับประทับใจครับ ตอนนี้คุยกับแม่ (ซึ่งผมยกตัว Lumia 925 ให้ไปใช้ และอัพเกรดเป็น AIS 3G) เสียงชัดแจ่มดีมาก ส่วนเรื่องความพิเศษ แม่ผมประทับใจมาก สอบผ่านครับ
ป.ล. ตอนนี้แม่ผมให้คนทั้งบ้านย้ายเบอร์หลักมาใช้ AIS เพราะว่าจะได้โปรโทรในค่ายแบบเหมาจ่ายไปเลย #ฮา ตอนนี้ผมเลยจัด iSmart ไปเรียบร้อย
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ของผมใช้ตั้งแต่ Dprompt ยัน Happy แล้วย้ายมา AIS จนตอนนี้ย้ายมา TrueMove H (เพราะโปรสุขคูณสาม มี TrueVisions Gold Package เลยต้องย้ายมา)
ช่วงที่เคยได้ใช้ DTAC สมัยนั้นถือว่าเป็นอะไรที่ดีมากๆ มีคอลเซ็นเตอร์และอะไรหลายๆอย่างคอยช่วยเหลือดีๆมาตลอด แต่พักหลังๆเหมือนจะมีปัญหาบ่อย หนักสุดคือช่วง Trinet ที่ผมไม่ได้อยู่ก่อนเพราะย้ายไป AIS แล้ว ทนรอ 3G จาก DTAC ในช่วงเวลานั้นไม่ไหวเลยย้ายออกมาครับ ก็ได้แต่หวังว่า DTAC จะกลับมาดีขึ้นอย่างเก่านะครับ ถ้าไม่ดีขึ้นก็คงจะกลับไปลำบากครับ
ปล.ถ้าคิดจะย้ายมาโปรสุขคูณสามเพราะอยากได้ True Blackcard/Redcard ทันที บอกเลยว่าไม่ได้นะครับ ต้องใช้อย่างน้อย 6 เดือนและไม่ติดเรื่องยอดค้างชำระเกิน 2 เดือนครับ (โดนมาแล้ว)
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
ของผมกลับกันแฮะ ใช้ AIS มา 14 ปี เป็น serenade gold มานานแล้วแต่ไม่ค่อยเห็นประโยชน์ของมันเลย นอกจากมีสิทธิ์จอดรถในที่บางแห่ง หรือได้ซื้อเบอร์เกอร์แมคราคาพิเศษนานๆ ที หลังๆ นี่สังเกตุว่าคนเป็น serenade กันง่ายขึ้น ทำให้ benefit ที่คุณคิดมันแย่ลงมาก
- ที่จอดรถสำหรับ serenade เต็มตลอด
- ที่จอดรถบางแห่งยกระดับไป require Platinum Serenade ส่วน Gold ที่เคยจอดได้ ไปวนหาเอาเอง มีก็เหมือนไม่มี
- ส่วนมากผมบิน air asia ไม่เคยได้นั่ง bangkok ไม่รู้ด้วยว่ามี lounge สำหรับ serenade
- burger ของแมคที่ให้ส่วนลด ต้องซื้อ พฤ-อา. เท่านั้น และแลกได้ชุดเดียวใน 1 สัปดาห์ สะสมสิทธิ์ไม่ได้
ผมว่าความเป็น serenade มันแย่กว่าเมื่อก่อน ที่นับว่าก็ไม่ดีอะไรเท่าไร แต่ตอนนี้ยิ่งแย่ gold ถูกลดชั้นมาพอๆ กับ Zinc เลย(ถ้ามี)
ประเด็นเรื่อง privilege เมื่อวานนี้มีหลายคนเสนอนะครับ คุณซิคเว่เล่าว่าเหตุผลหนึ่งเป็นเพราะในอดีต AIS มีลูกค้าระดับพรีเมียมเยอะกว่า ทำให้ dtac เลี่ยงจะสู้ในตลาดนี้และหันไปลุยตลาดแมสกับแบรนด์ Happy แทน แต่ก็เห็นด้วยว่าปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปเยอะแล้ว และจะรับไปพิจารณาครับ
ทีมงาน dtac ท่านอื่นๆ ให้ข้อมูลกับผมว่าไม่ใช่ไม่อยากทำระบบ privilege ให้ดีกว่านี้ แต่มันต้องใช้เงินมาก (Serenade ใช้งบเยอะกว่า dtac Reward ประมาณสิบเท่า) ซึ่งพอมีเรื่องงบเข้ามาเกี่ยวข้องก็ต้องขึ้นกับการสนับสนุนของผู้บริหารด้วย
ผมเองใช้ ais แบบ pre paid มาสิบกว่าปีแล้วย้ายออก (ตอนนั้นเพราะไม่มีแพคเกจเน็ตดีๆ) รู้สึกได้ครับว่าการมี privilege ทั้งหลายทำให้เกิดบาเรียที่ทำให้ผมตัดสินใจย้ายออกง่ายขึ้น
การจะรักษาสมดุลลูกค้าเก่าและใหม่น่าจะลำบากพอสมควร เพราะพร้อมจะงอนกันทั้งสองกลุ่ม (แต่ก็เป็นตัวชี้วัดถึง margin และการแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้)
ใช้มาสิบกว่าปีเหมือนกัน เกือบย้ายไปทรูเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เพราะไม่เคยได้สิทธิพิเศษเจ๋งๆ เลย โดยเฉพาะโปรเดือนสิงหา ซื้อ iPhone 5S 32GB ได้ในราคาพิเศษเพียง 6,000 บาท แต่เฉพาะลูกค้าใหม่ย้ายค่ายเท่านั้น และแย่งกันลงทะเบียนซื้อจนกลายเป็น ดราม่า
ผมโทรไปถาม CC ดีแทคว่าลูกค้าเก่ามีราคาพิเศษมั้ย ได้รับคำตอบว่ามี แต่เครื่องหมดสต๊อกแล้ว และราคาพิเศษสำหรับลูกค้าเก่าคือ 19,900 บาท ซึ่งแพงกว่าโปรลูกค้าใหม่ในเดือนตุลาสามพันบาท
เลยทำเรื่องย้ายค่ายไปทรู เพราะทรูมีเครื่องราคาพิเศษ 16,900 พร้อมขาย พอทำเรื่องย้ายเสร็จ CC ดีแทคโทรมาขอให้ระงับการย้าย และรีบหา iPhone 5S 32GB ราคาพิเศษเท่ากับทรูให้ทันที ว่ามีที่สาขาไหนบ้าง และจองไว้ให้ ถ้าให้ตั้งแต่ทีแรกจะประทับใจกว่านี้มากเลย เฮ้อ
ตอนนี้เห็นในเว็บปรับราคา iPhone 5S 32GB ให้เท่ากันแล้วทั้งลูกค้าเก่าและใหม่
ราคาเดิม สำหรับลูกค้าเก่า
ราคาล่าสุด สำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม
ตกลงได้ที่ราคา 6000 หรือ 16900 ครับ
ของผมก็ขอย้ายค่ายเหมือนกัน สรุปสุดท้ายได้ข้อเสนอลดค่าโทรรายเดือนลง 50% แลกกับอยู่ในระบบไปอีก 12เดือน ซึ่งผมเอาครับ เพราะเบอร์ผมจำเป็นต้องรับสายได้ตลอดเวลา
เดือนสิงหา มีโปรค่าเครื่อง iPhone 5S 32GB 6,000 บาท สำหรับคนที่ย้ายค่ายมาดีแทคในวันที่ 21-24 สิงหา
เดือนกันยา-ตุลา มีโปรค่าเครื่อง iPhone 5S 32GB 16,900 บาท สำหรับลูกค้ารายเดือนใหม่ (ผมได้อันนี้ครับ)
ปล. iPhone 5S 32GB ราคาเครื่องเปล่า 22,600 บาท
ราคาดีครับ ของผมซื้อเครื่องเปล่าที่ 23500 เอาไปถัวกับค่าโทรที่ลดลง ก็ยังได้แค่ 17,500บาท ของท่านราคาดีกว่าอีก :-D
ps. ผมใช้ของ AIS ครับ
อ่าน คห. นี้แล้วอยากย้ายไป AIS รัวๆเลยครับ :D
อ่านช่วงสุดท้ายแล้วซึ้งเลย
ผมเองก็ใช้ DTAC มา 11 ปีแล้ว บอกตรงๆเลยว่าที่ไม่ย้ายเพราะภาพลักษณ์ของ happy ในยุคเริ่มต้น
ปล.แต่ขอซื้อหุ้น TRUE ไว้นะ อ่านดูแล้วซิคเว่น่าจะกลัว TRUE ที่สุด ราคาหุ้นก็ยังไม่แพงด้วย
บางทีจะเล่นเน็ตตอนรอรถเมล์อยู่ตรงป้ายรถเมล์หน้าจุฬา(ตรงอุโมงวิทยา) ซึ่งห่างสนง.ใหญ่ดีแทคไม่ถึง200เมตร ยังเล่นไม่ได้เลยครับ -___-
รอวัน Dtac กลับมาอยู่นะฮะ
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
ผมไม่ค่อยได้ออกบ้าน เล่น WIFI ตลอด แต่บางทีต้องไปที่โรงพยาบาลไปเอายา นั่งรอนาน เลยลองใช้เน็ท 4 ชั่วโมง 18 บาท เนี่ย connect ได้ต่ำมาก ถึง 64kbps หรือเปล่ายังไม่รู้ เข้าเวปนึง โอ้ 3-5 นาทีกว่าจะโหลดได้เล่นเวปเรียกว่าแทบไม่ได้เลยมั้ง ทั้งที่อยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่
เฝ้ารออย่างมีความหวังว่าจะดีขึ้นกว่านี้ จากผู้ย้ายค่ายมาแล้วทุกค่าย แล้วมาจบลงที่ดีแทก
รับทำเว็บไซต์ ออกแบบเว็บไซต์
เรื่องเครือข่าย ค่ายนี้ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ ผมใช้หลายเครื่อง มีแทบครบทุกค่ายเพื่อสำรองกันและกัน(เคยเจอแบบ bsc ล่มจนใช้ทั้งเครือข่ายไม่ได้) ก็เห็นชัดเจนว่า แม้แต่ในกทม.ค่าย DTACสัญญาณยังด้อยกว่า บางจุดต้องกดบังคับไปroaming 2G เพื่อให้โทรออกได้ เพราะ3Gแกว่งมาก
ไม่ต้องพูดถึงตจว.ไกลๆ ค่าย A ก็ยังทั่วไทยกว่าจริงๆ ขับรถขึ้นเหนือเป็นประจำเห็นชัดเจน
ส่วนค่ายT ช่วง3Gมาใหม่ๆก็นำเขา แต่ตอนนี้เนทช้ากว่าแล้ว และตจว.ที่ตอนแรกคิดว่าใช้คลื่น3G 850 จะส่งได้ไกลกว่า 3G 2100 แต่กลายเป็นว่าลงทุนตั้งเสาตามอ.เล็กๆน้อยมาก คลื่นโดยรวมก็ยังสู้ค่าย Aไม่ได้อยู่ดี
อันนี้จริงครับ พอผมย้ายมา T ได้สักพักใหญ่ๆก็รู้สึกเลยว่าเน็ตช้ากว่า A มาก (จริงๆไม่ต้องย่อชื่อก็ได้นะ 555+) แต่ติดโปรสัญญาทาส เอ้ย โปรสุขคูณสาม เพราะใช้ทุกอย่างหมดก็เลยจำใจใช้ไป 1 ปี ถ้าไม่มีอะไรดีขึ้นก็จะย้ายกลับไป รอดูสถานการณ์ของ DTAC กับ AIS อีกทีว่าผมควรจะย้ายไปไหน
AIS จะมีปัญหาคือพออยู่ในอาคารมากๆสัญญาณอับบรรลัยเลย แต่พอใช้ TrueMove H มันมีสัญญาณหมด แม้จะแกว่งไปเป็น 850 ก็ตามในบางช่วง
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
เห็นข่าว DTAC เซ็นสัญญากับกองทุน TRUEIF ใช้เสาร่วมกัน
ก่อนหน้าที่ผมเห็นข่าว จำได้ว่าเป็นมาเลเซียที่ใช้เสาร่วมกัน สงสัยจะจำผิด
อ่านแล้วก็อยากกลับมาใช้ DTAC อีก
แต่ทุกวันนี้ยอมรับว่ายังไม่ไว้ใจ DTAC อย่างน้อยก็เรื่อง 3G Everywhere ที่เคยเจ็บมาแล้วกับ TriNet
คงรอให้ทรูเพลี้ยงพล้ำอีกครั้ง ถึงจะกลับไปครับ
ผมคิดว่าคำว่า explosive น่าจะแปลว่า "ถล่มทลาย" มากกว่าก้าวกระโดดนะครับ
ผู้บริหารคนเก่าที่ผมคิดว่าห่วย พอซิกเวกลับมาแค่นั้นแหละ
ผมมองว่าผู้บริหารคนเก่านี่ "กาก" ครับ คือยิ่งกว่าห่วยอีก กะอีแค่มานั่งคุยกับลูกค้าแบบที่ซิกเวทำก็ยังไม่เคยมีเลย
+555
Jusci - Google Plus - Twitter
ผมย้ายกลับมาทำธุรกิจของตัวเองที่บ้านที่จ.ระยองเมื่อปี 2542 วันนั้น Dtac มีสัญญาณ 1 ขีด Orange ต้องเดินหาสัญญาณ AIS สัญญาณ 3 ขีด HUTCH สัญญาณเต็ม
วันนี้ 2557 Dtac มีสัญญาณ 1 ขีดเหมือนเดิม Orange->TrueH สัญญาณ4-5ขีด AIS สัญญาณ 4 ขีด HUTCH หายไปแล้วเพราะเอาเสาให้ TrueH ใช้
ถือว่า Dtac เป็นรายเดียวที่รักษามาตรฐานไว้ได้คงเส้นคงวามากกกกกก T_T
ทำไมไทยใช้มือถือ+3g มากกว่ามาเลฯ เหรอครับ คนไทยกล้าใช้เงินกว่าเหรอ
ผมใช้ AIS จะได้ Gold Serenade แรงๆก็เสียดายนะ
แต่ผมอยู่กับปัจจุบันตอนนี้ Truemove H 4G ดีสุด เร็ว แรง ลื่น 3G ครอบคลุมเกือบทั่วประเทศ
ดีใจที่เห็นค่ายนี้กลับมาสู้แบบสมศักดิ์ศรี...
ผมเชียร์พ่อย้ายเข้า แล้วอีก 3 เดือนก็ย้ายกลับเพราะคุณภาพสัญญาณที่ไม่เสถียรเลย
dtac Wifi ต่อ 10 ครั้งใช้ได้จริง 2 ครั้ง...
ความเห้นส่วนตัวคือผู้บริหารคนก่อนเคี่ยวมากๆ ครับ.
มีใครถามคุณ sigve ไหมครับว่า LTE บน 5MHz มันน้อยมากเลย...
มีไว้ให้รู้ว่า 3G เร็ว (กว่า).
ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่มาแจ้งให้ทราบนะคะ สำหรับบริการ 4G dtac นั้น จะเน้นในเรื่องของการ Upload ค่ะ
เมื่อก่อนรัก dtac (Happy) มาก ผมเติมเงินวันเกิด 800 บาททุกปีอ่ะ แล้วพยายามลงทะเบียนซิม สมัคร Happy Bank ได้เงินคืน มีความสุข happy จริง ๆ
แต่ตอนนี้เหรอ เติมเงินวันเกิด ไม่เคยเติมเลยนะ ไม่สนใจ Happy Bank ก็เลิกสะสมไปละ ทั้งสองอย่างตอนนี้ ไร้ประโยชน์สิ้นดี Reward xTra ที่มาใหม่ก็ไม่เคยใช้ เพราะลองกดก็ไม่เคยได้
แต่ก็อยู่กับ dtac นะ ไม่คิดเปลี่ยน แต่เพราะเหตุผลอื่น ไม่เกี่ยวกับ dtac เลย
แต่มีซิม 3 นะตอนนี้ my, dtac, ais ฮ่า ฮ่า
Jusci - Google Plus - Twitter
เหมือนๆ ทุกท่านครับบ่นตลอด แต่ก็ยังไม่ย้ายหนี
แค้นที่สุด ก็ที่เอา internet ฟรี 3-5 วันออกไปนี่หล่ะครับ
คือจริงๆ ชีวิตนี้ผมใช้เน็ตแทบจะไม่เคยเกินโปรเลยครับ
แต่พอมีให้ใช้ก็รู้สึกดีว่าเออ มันมีวันดีๆ 3-5 วันถ้าเราไปไหนไกลๆ ก็สบาย มีงานวันไหนเยอะๆก็เปิดใช้ได้เลย
ขอทรูเยี่ยมกว่าอีก เปิดใช้ได้เลย 3-4 วันมั้ง แต่เลือกได้เลยว่าจะเอาวันไหน เปิดทีละวันได้เลยไม่ต้องเปิดยาวๆ
ขอฝากอย่างครับ หลายๆ เจ้าในไทยไม่ได้ใส่ใจตรงนี้เท่าไหร่แล้ว
แต่อยากให้ Dtac ทำ SMS ลงไปในทุก Package ให้หน่อยครับ ซัก 50-100 ข้อความต่อเดือนก็พอ ไม่ต้องถึง unlimit หรอก แถมให้ ทุก Package ไปเลยครับ
ผมมี 2 เบอร์ เบอร์แรกเป็น DTAC น่ะครับ ประมาณ18ปีที่แล้ว และย้ายมา true ประมาณ 2ปีที่แล้ว แรกๆก็ดี ค่าบริการถูกกว่าเจ้าอื่น CCผมให้เกรดพอๆกับAISเลย คุยดีบริการเร็ว หลังๆไม่ไหว สิ่งดีๆหาย สัญญาณห่วย ในฝั่งกรุงเทพที่ทำงานยังพอไหวกลับบ้าน(พระราม2)นี้แถบจะไปทันที่ 1-2ขีด ไม่ต้องไปพูดถึงเวลาเข้านิคมต่างๆ ต้องเดินหาสัญญาณกันเลยที่เดี่ยว ที่เก็บไว้ตั้งนานเพราะเป็นเบอร์ที่ชอบเท่านั้นจริงๆ(4ตัวท้ายเป็นวันเกิด ^.^)
ตอนใช้คู่กับ AIS ส่วนใหญ่เน็ต DTAC ดีกว่าน่ะครับ แต่มันติดตรงจุดอับสัญญาณมันเยอะจริง ส่วน True ในตัวเมืองผมว่าดีสุดตอนนี้ แต่เวลาผมไปทำงานตามนิคม เน็ตกลับแกว่ง ความเร็วไม่มาตรฐาน เดี่ยวเร็วเดี่ยวช้า สู้ AIS เน็ตความเร็วสูงสุดน้อยกว่า True แต่เสถียรกว่าซะงั้น
แต่เรื่องโทรนี้ยกให้ AIS เลย อย่างน้อยยังไงก็ลงมาจับ 2G โทรได้
คุณภาพผมว่า DTAC นี้ตามหลังเจ้าอีกเยอะ ทั้งๆที่คลื่นก็มี แต่กลับพัฒนาช้า ตอนนี้ผมรอ AIS มี 4G อย่างเดี่ยว คิดว่าถ้ากลางปีหน้าประมูลกันได้ อาจย้ายเบอร์ True ไป AIS ด้วย
บ้านผมก็พระราม 2 ไม่เคยเจอปัญหาสัญญาณนะครับ แต่ยอมรับว่า พระราม 2 มันยาวร้อยกว่ากิโลเมตร เราอาจจะอยู่กันคนละพื้นที่กันเลยก็ได้ :)
ผมอยู่แสมดำครับ หมู่บ้านวิเศษสุข ซื้อไปได้ไงก็ไม่รู้ T-T
สิ่งแรกที่อยากแนะนำคือ ทำให้สัญญาณ dtac แถวตึกจามจุรีสแควร์ และจุฬาฯ-สยามเสถียรก่อนเลยครับ ถ้ายังทำไม่ได้ก็คงไม่หวังอะไรแล้ว
แถวนี้ผม ok นะ 4g เร็วดี
ผมขับรถข้ามสะพานข้ามแยกหน้าตึกจามจุรีสแควร์ สายหลุดทุกที จังหวะที่หลุดแถวๆ ป้ายดีแทคหน้าตึกเลย
การเปลี่ยนแปลงหลักๆ ของดีแทคในยุคของซิกเว่จะเน้นไปที่การปรับปรุงด้านอินเทอร์เน็ตเป็นส่วนใหญ่ เริ่มต้นจากการปรับปรุงในแถบกรุงเทพมหานครให้สามารถใช้งานได้ทั้งแนวสูง และแนวราบ โดยเน้นจุดที่มีผู้ใช้หนาแน่น เช่นบนตึกสูงคนเยอะ ที่แนวราบตามเขตที่คนอาศัยเยอะทั้ง 9 เขต ห้างขนาดใหญ่ในเขตปทุมวัน ตลาดสดขนาดใหญ่ในกทม. สนามกีฬาขนาดใหญ่ในกทม. รวมถึงจะขยายไปยัง 30 หัวเมืองหลักในประเทศไทยภายในปี 2558 นี้อีกด้วย
เลียนแบบบอทครับ
ลดค่าเน็ตก่อนดีมั้ย
ความรู้สึกเหมือนดึงเซอร์อเล็กซ์ฯ กลับมาแทน เดวิด มอยส์เลยแฮะ
ล่าสุดที่ไปใช้บริการรู้สึกโอเคขึ้นนิดนึงนะครับ
ผมเป็นลูกค้า Dtac ร่วม 11 ปีเหมือนกันวันก่อนไปที่ศูนย์บริการ จะมองหาโปรใหม่ๆ
เข้าไปคุยกับพนักงาน เค้าก็แนะนำโน้นนี่ เราก็ตกลงเอาโปร 399 บาท เน็ต 2 GB FUP128K พอเค้าไปลงทะเบียนในระบบให้ เค้าก็เช็คแล้วเห็นว่าเราเป็นลูกค้ามา 11 ปีแล้ว (ผมไม่ได้บอกอะไรนะครับ) เค้าก็กระซิบบอกว่า เดี๋ยวจัดโปรดีๆให้ สรุป เค้าก็หยิบโปร 999 บาท เน็ต 3 GB FUP 384K มาให้ในราคาลด 50% จ่าย 499 บาท (จริงๆโปรนี้ไว้สำหรับคนซื้อเครื่อง Flag Ship พวก IPhone, HTC One แบบติดสัญญา) มาให้โดยที่ผมไม่ต้องซื้อเครื่องใหม่นะครับ แล้วผมก็บวก Deezer เข้าไป 89 บาท :)
แบบนี้ค่อยรู้สึกว่า Dtac เริ่มเห็นความสำคัญของลูกค้าเก่าบ้างแล้วละ
เอิ่ม ผมเห็นว่าคุณจ่ายแพงขึ้นอีก 100 บาทนะครับ
จริงด้วย ฮาๆๆ
คิดเหมือนผมเลย ๕๕๕
ถ้าเป็นผม ผมจะต่อโปรเก่าลงเหลือ 299 เพราะผมไม่จำเป็นต้องใช้เน็ตเยอะขนาดนั้น
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ก่อนหน้านี้ผมใช้ More Voice 299 + Deezer 449 ครับ ได้โทร 380 นาที เน็ต 1.2GB FUP384K (รวม 784 บาท) ตอนแรกกะว่าจะเอาแค่เน็ต เพิ่มเป็น 2 GB แล้ว แต่เค้าเสนอมาให้ 3GB แถมได้โทรเพิ่มเป็น 550 นาทีด้วย ครับ
พึ่งย้ายออกจาก dtac วันนี้ครับ สุดจะทนจริงๆ
มีใครทำเรื่องย้ายจาก DTAC แล้วเขาเสนอโปรราคาถูกให้ไหมครับ
รีวิวมหกรรมการย้ายค่ายมือถือครั้งใหญ่เมืองไทย ช่วงนี้มันเป็นอะไร เหล่าบรรดาลูกค้าเก่าถูกลืม พอจะย้ายค่ายโดนยื้อไว้
ลูกค้า10ปีอย่างผมย้ายมา MY เรียบร้อยแล้วครับ