บริษัทจัดหางานจ๊อบส์ดีบีเปิดเผยข้อมูลน่าสนใจด้านแรงงานในประเทศไทย โดยกลุ่มธุรกิจที่มีความต้องการบุคลากรเข้าร่วมทำงานสูงนั้น กลุ่มธุรกิจด้านไอทีมีความต้องการสูงเป็นอันดับที่ 2 รองจากธุรกิจการจัดการทรัพยากรบุคคล
แต่ในทางกลับกันสำนักงานสถิติแห่งชาติก็ได้ทำการสำรวจ 5 สาขาอาชีพที่มีอัตราการตกงานสูงสุด โดยอันดับที่ 2 ก็เป็นสายงานด้านคอมพิวเตอร์ ตามมาด้วยอันดับ 3 สายวิศวกร ซึ่งมีอัตราสูงมากกว่าสายสังคมศาสตร์และสายมนุษยศาสตร์แล้ว (ส่วนสาขาบริหารธุรกิจเป็นอันดับที่ 1)
ข้อมูลจากณฐา จิรอนันตกุล ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสโดยการสอบถามผู้เกี่ยวข้อง ให้ความเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนปัญหาระบบการศึกษา ว่าไม่สามารถผลิตบุคลากรได้ตามความต้องการของภาคธุรกิจ จึงเกิดปัญหาแรงงานดังกล่าว
ที่มา: ไทยพีบีเอส
Comments
freelancer = ตกงาน?
ออกไปทำอิสระกันหมด
ยิ่ง อันดับ 1 บริหารธุรกิจ นี่ยิ่งใช่เลย
เอาความคิด มาเรียนวิทย์คอม จะได้ซ่อมคอมเป็นออกไปจากนักเรียน ม.6 ก่อนเถอะ
เรื่องITนี่ก็ใช้ว่าจะสร้างกันง่ายๆนะ เหมือนหมอหรือนักวิทยาศาสตร์
หมายถึงข้อไหนครับ อ่านแล้ว งง
1. คนทำงานไอที สร้างได้ยาก ไม่เหมือนหมอ หรือนักวิทยาศาสตร์ ที่สร้างได้ง่ายๆ
2. คนทำงานไอทีสร้างได้ยากเหมือนกับบรรดาหมอและนักวิทยาศาสตร์ที่สร้างได้ยาก
ผมอ่านได้ความแบบข้อ 2 ครับ
สร้างคนมาทำงานด้านไอทีมันยาก เหมือนสร้างหมอมาสักคนหรือนักวิทยาศาสตร์
เวลาวัดอัตราตกงานนี่วัดเป็นเปอเซนต์หรือจำนวนคนครับ ถ้าเป็นจำนวนคนมันก็ไม่แปลกปะ เพราะทุกวันนี้คนจบคอมเยอะมากก ถึงแม้ต้องการเป็นอับดับสองแต่ด้วยจำนวนคนที่เยอะทำให้จำนวนคนตกงานสูงตาม
ผมนี่แหละครับ จบวิศวะคอม ว่างงานอยู่เลยครับ
เขียนโปรแกรมเป็นมั้ยครับ แล้วก็ "ขายตัวเอง" ได้มั้ยครับ
คนเรียนเยอะจบเยอะก็ตกงานเยอะ แต่สายอาชีพสายวิทยาศาสตร์ประยุกต์ก็นำความรู้ความชำนาญมาทำส่วนตัวได้
เหมือนช่วงแรกๆอ่านแล้วสรุปได้ว่า งานก็เยอะแต่คนจบเยอะกว่า ทำให้คนว่างงานเยอะ
พอมาอ่านถึงบรรทัดสุดท้าย
สรุปว่างานเยอะ คนจบก็เยอะแต่ไม่ตรงกับ JD&JS ที่องค์กรอยากได้ ทำให้คนว่างงานเยอะ ?
เขาต้องการประสบการณ์การทำงานมั้งครับ ขี้เกียจเทรนเด็กใหม่ ข้อสรุปที่ว่า หลักสูตรไม่ตรงกับความต้องการ ก็น่าจะจริง เพราะถ้าเรียนตรงก็ไม่ต้องเทรนต่อ (แต่คอมพิวเตอร์ ความรู้หลากหลาย ไม่อยู่นิ่ง ก็มีส่วนให้ทำหลักสูตรไม่ได้)
บริษัทที่เข้ามาช่วยทำหลักสูตร ก็จะยึดแนวทางของบริษัทตนบริษัทเดียว แล้วมหาวิทยาลัยต้องผลิตนักศึกษาที่เป็นความต้องการของบริษัทเพียงแห่งเดียวงั้นหรือ? สิ่งที่นักศึกษาขาดโอกาสมากๆ คือ การได้ฝึกซ้อมทำงานจริงๆ ในส่วนที่ความสามารถของนักศึกษามีหรือพอจะพัฒนาไปได้ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะกับภาษา Java หรือบางงานก็ไม่เหมาะกับ PHP แต่ที่แน่ๆ ทุกบริษัทต้องการคนเขียนที่เข้าใจ OOP
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
ความเข้าใจใน oop คือแบบเขียนคลาสได้ ทำคลาสอัพเกรดได้ แบบนี้ก็เรียกว่าเข้าใจ oop รึปล่าวครับ
มีอะไรที่คนเข้าใจ oop แบบพอกับการทำงาน ต่างจากคนเข้าใจ oop แบบเรียนในคลาสรึปล่าวคับ
คือสงสัยมากๆว่าที่ตัวเองทำๆอยู่จะผ่านโปรรึปล่าว - -")
อะไรคือองค์ประกอบที่ทำให้
1) ไม่ผ่านสัมภาษณ์
2) ไม่ผ่านโปร
3) ไม่ต่อสัญญา 1 ปี
วันนึงเค้าจบงานกันประมาณใหนครับ เค้าจ่ายงานกันยังไง
แบบมีชีตเป็นใบๆมาบอกเสปคว่าเอา คลาสไร ต้องการ public api ยังไงแล้วให้เขียน งี้รึปล่าวครับ
พวก Class Diagram ไม่สนนะ ปกติผมก็ชอบเขียน Code แล้วให้ gen diagram ทีหลัง ที่ gen มาก็เพื่อให้คนที่มาทำต่อเขารู้เรื่องง่ายขึ้น OOP มันมีเรื่อง Polymophism (Overload, Override, Interface, Abstract) ถ้าสร้าง Library ใช้เองได้ โดยเป็นลักษณะของการต่อยอดไปเรื่อยๆ ผมว่าแค่นี้ก็โอแล้วล่ะสำหรับ OOP เนี่ย สำคัญที่ว่า Reuse ได้หรือเปล่า คือ ไม่ใช่ต้องมานั่งเขียนใหม่ทุกครั้งนะ เบื่อตายเลย
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
สาย IT คนจบเยอะ ความต้องการเยอะ แต่ก็ใช่ว่า บ จะไม่เลือกคนนะครับ
ถ้าท่านไม่มีกำลังภายใน โปรไฟล์เท่านั้นที่จะช่วยท่านได้ อย่างสาย Network จบใหม่มาสัมพากษ์งาน แต่ไม่รู้จัก OSI ไม่รู้จัก Vlan คำนวน Subnet ก็ไม่เป็น ผมก็ไม่เอาหน่ะ.. ดูเหมือนไม่มีความตั้งใจที่อยากจะทำงานจริงๆ
ปล. ผมจบใหม่ก็ไม่รู้จักซักอย่างหน่ะ อาศัยอ่านเองแล้วไปสอบ Cert ก่อนสมัครงาน :)
เจ้าของบริษัท(Software House)ผมนี่ ถ้าไม่ใช่คนในออฟฟิศแนะนำต่อๆกันมา รับคนเข้ามาเป็นจูเนียร์ยังยากเลยครับ
คิดว่าจูเนียร์ต้องเป็นทุกอย่างรึไง ให้ผมสัมภาษณ์ผมเห็นว่ามีแวว แต่แกก็ไม่ค่อยจะเอา 555 (อัตราผ่าน 1/20)
คิดซะแต่ว่า ต้องเสียเวลาเอามาฝึก หรือไม่ก็ถ้าช่วงไม่ค่อยมีโปรเจค คนก็จะล้น
แต่เวลาทำโปรเจคคนก็ไม่ค่อยพอ ดันทุรังทำกันไป 5555
แต่เท่าที่สัมภาษณ์มา มีให้ทำข้อสอบปฏิบัติ เขียนโปรแกรมง่ายๆก็ทำไม่ค่อยจะได้กัน ทั้งจบใหม่ ทั้งมีประสบการณ์ 1-3ปี
Software House ต้องการคนทำ Web App แต่มหาวิทยาลัยส่วนมากไม่สอน เด็กก็ไม่ค่อยจะค้นคว้าเองบ้าง
สายงานด้าน IT มันไม่มีทางลัดง่ายๆ ต้องใช้ประสบการณ์ล้วนๆ ถ้าไม่ศึกษาเพิ่มตั้งแต่ตอนเรียน ประสบการณ์น้อย
ก็ต้องรอบริษัทใจดีรับเข้าไปทำงานแหละ
บทความเขียนไม่ละเอียดว่างาน IT สำรวจจากสายไหนบ้าง
ผมยังไม่ออกความเห็นดีกว่าครับ
เคยเจอตัวอย่างมาแล้วจากบทความนี้
อ่านทีแรกตกใจ พอเข้าไปอ่านจากต้นเรื่อง สรุปว่าหมายถึง IT Support ไม่ได้เกี่ยวกับงาน IT สายอื่นเลย
อืม จริงครับ
พูดมาว่า IT นี่กว้างมาก
อาจจะหมายถึงด้าน Support ว่างงานเยอะ ในขณะที่ตลาดต้องการ Programmer มากก็เป็นได้?
ผมว่าส่วนหนึ่งถ้าเลิกตั้ง Job descriptions แนวๆ ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์สามารถดูแลปัญหาคอมพิวเตอร์ ระบบเน็ตเวิร์ค เขียนโปรแกรมได้ เขียน iOS Android แอพได้ เขียนเว็บไซต์ได้ อ่อซ่อมปรินเตอร์ได้ เงินเดือน 15000 ก็คงจะไม่ค่อยมีคนตกงานนะครับ
ถ้าเอาจาก JobsDB หลายๆคนมักจะเปิด Resume ว่าหางานอยู่ตลอดเวลาก็ได้นะ จริงๆแล้วไม่ได้หาหรือเคยหาแต่ได้งานแล้วไม่ได้เข้าไปปิด อย่างพี่ที่รู้จักเขาก็ไม่เคยปิด Resume ไม่ได้อัพเดทมา 2-3ปี ยังมีบริษัทโทรมาหาอยู่เลย
อันนี้น่าสนใจ เขาวัดเอาว่า "หางาน == ตกงาน" รึเปล่า เพราะถ้าใช่ สายคอมที่ turnover สูง ค่าก็จะบิดเบี้ยวมาก
lewcpe.com, @wasonliw
เนื้อข่าวบอกแค่ว่า อาชีพสายคอมพิวเตอร์ ซึ่งมันกว้างมากๆ ทุกวันนี้สาขาทางด้านคอมพิวเตอร์เปิดสอนเยอะแยะมากมาย เอาแค่สาขา Core จริงๆ ก็มี IT CS CE ก็มีคนเยอะแล้ว ยังมีสาขาเปิดใหม่เยอะมาก ดังนั้น อาชีพสายคอมพิวเตอร์ ในข่าวเขาหมายถึงจุดไหนของอาชีพด้านคอมพิวเตอร์ หรือเหมารวมทุกคนที่เข้าเรียนด้านนี้
อย่างตอนนี้จะเห็นสายด้านพัฒนาซอฟต์แวร์ ยังเป็นที่ต้องการอย่างมาก คนจบ ป.ตรี ด้านคอมพิวเตอร์ จะมีกี่คนที่มาทำด้านนี้ อย่างรุ่นผม ปี1 มีประมาณ 120คน รอดมาถึงเรียนจบแค่ 20กว่าคน มาทำงานด้านพัฒนาซอฟต์แวร์ 6-7คน เอง
หนักกว่านั้นคือ IT CS CE นี่เป็นแค่ Major การเรียนด้วย
พอออกมาทำงานจริงยิ่งแตกแขนงไปเยอะแยะมาก ผมคิดเหมือนกันว่าเนื้อข่าวและก็รายละเอียดการสำรวจคลุมเครือ
หาโปรแกรมเมอร์มาทำงานเดี๋ยวนี้อย่างยากเลย
ส่วนใหญ่ที่เจอมา
จบใหม่ -> อยากได้เงินเดือนสูง -> โปรแกรมมิงได้นิดหน่อย -> ให้เงินเดือนตามฐานเงินเดือนทั่วไป -> ต้องสอนกันเยอะมากๆ -> จะปรับเงินได้ตามที่ต้องการได้ก็ใช้เวลานาน(บางคนก็เรียนรู้เร็ว) -> ชีวิตสังคมปัจจุบันกดดันให้ใช้เงิน -> รู้สึกท้อเหนื่อย -> ลาออก(หรือพยายามหาที่ใหม่),ทำงานเพื่อรอเงินเดือนไปวัน(ไม่มีคุณภาพ)
1ใน10 ถึงจะเจอเพชรในตมสักที เพื่อนผมที่เป็นระดับหัวหน้าบ่นเรื่องวงจรนี้กันตลอด
บางสายขาด "คนที่ใช้งานได้จริง" นะเท่าที่ผมเห็น อย่างน้อยก็พวกที่ทำ Banking, financial โดยเฉพาะตระกูลพวก COBOL/AS400
ทุกวันนี้ยังเห็นบรรดา Top 3 ที่ดังๆเรื่อง outsource กับ bank ยังรับคนอยู่ทุกเดือน
ทั้งๆที่ภาษาพวกนี้มหาลัยส่วนใหญ่ก็ไม่สอนกันแล้ว แถมปีๆหนุึ่งบริษัทเหล่านี้ก็รับ ด็กจบใหม่มาเทรนเต็มที่ รุ่นนึงไม่เกิน 20 - 30 คน แถมอัตรา turn over รุ่นนึงสูงเกิน 70% ในเวลาไม่เกิน 3 ปีเท่านั้น
COBOL !!
ผมเห็นโฆษณาประกาศหาคนบนสถานีรถไฟฟ้าด้วยนะครับ
สายนี้ขาดแคลนจริง แต่ผมก็ยังสงสัยว่ามันยังจำเป็นต้องใช้ Cobol/AS400 กันอีกเหรอ ถ้าไม่มองเรื่องของฐานโค๊ดเดิมนะครับ
ปล. เคยฟังหัวหน้าผมเล่าให้ฟังสมัยยังทำอยู่ ณ. ราษฐรบูรณะ เธอว่า ถ้าวันไหนระบบ ATM มีปัญหา จะโดนโทรเรียกทันทีไม่ว่าจะกี่โมงก็ตาม (เห็นเธอโดนตามตอนตีสามตีสี่บ่อย ๆ ) ผมเดาเล่น ๆ ว่าไม่มีคนแสตนด์บาย (= ทุกคนต้องพร้อมที่จะซวยได้ตลอดเวลา) ผมว่าถ้าใช้งานกันทารุณแบบนี้มันคงไม่มีใครอยากทำหรอกครับ ...
ปลล. บ.ผมทำเรื่องการเงิน มีคนแสตนด์บาย 24 ชม. ไอ้กรณีแบบข้างบนไม่น่าจะเกิดนะ
ATM นี่คงเพราะ SLA มันสูงมากแหละครับ หลักๆก็ต้อง 24x7 แล้วเป็น core business ซึ่ง downtime รวมทั้งปีที่ผมว่ามีสิทธิ์ต่ำระดับหลักสิบนาที
เพราะระบบจัดการหลักทรัพย์ที่เคยทำอยู่ขนาดไม่ใช่ 24x7 พอตั้ง SLA มานี่ยอมให้มี downtime ทั้งปีแค่ราวๆชั่วโมงเศษเท่านั้นเองครับ
ผมเข้าใจเรื่อง SLA นะครับ
แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือ ทำไมไม่หาคนมา stand by ตอนกลางคืน เวลามีปัญหาทีต้องโทรไปปลุกกันทีแบบนี้มันเหมาะแล้วเหรอ :P
ถ้าจะว่ากันด้วยสาเหตุหลักๆที่ทำไมถึงยังใช้ COBOL อยู่นี้ ผมก็มองว่าเพราะของแต่ดั้งแต่เดิมมันเป็น COBOL, Assembly นี้แหละครับ บทถ้าจะให้เปลี่ยนไปใช้อย่างอื่น สิ่งที่ต้องคำนึงถึงมันมีตามมาอีกมากโข ไหนจะเรื่อง environment, ทดสอบ End-to-End 9ล9 เพราะอะไรที่มันเกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองๆแล้ว สิ่งที่ impact มันมากมายก่ายกอง
ส่วนเรื่อง ATM ถ้ามันมีปัญหาซัก 1 นาทีนี้ก็ถือว่าเรื่องใหญ่พอสมควรนะครับ เพราะทุกวันนี้รายการที่เกิดขึ้นในแต่ล่ะวันนี้น่าจะทะลุ 10M ไปเรียบร้อยแล้ว (สำหรับ top 3 bank ในไทย)
ราษฎร์บูรณะ ที่กล่าวมาถ้าผมเดาไม่ผิด การ call กลางดึกกลางดื่น เป็นเรื่องปกติครับ 55555
ปล. VISA, MasterCard ก็ยังใช้ COBOL อยู่เหมือนกันกันนะครับ ไม่ซิตระกูลพวก Credit Card, Payment นี้เท่าที่เห็นก็เกือบหมดนะครับ
COBOL !!
ผมเข้าใจเหตุผลนี้ครับ คือผมแค่สงสัยว่า เราสามารถที่จะเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่นพัฒนาแทน Cobol ได้ไหมเท่านั้นเอง (คือก็คงได้แต่ผมไม่รู้ว่า Cobol มันมีดีอะไรทำไมถึงใช้กัน นอกจากว่ามันใช้กันมานานแล้วน่ะครับ 555 หรือว่าถ้าจะ handle จำนวน transaction ของทุกสาขารวมกัเนี่ยต้องรันบน AS/400 เท่านั้น อะไรเทือก ๆ นี้แหละครับ)
ผมได้ยินว่ามี core bank ของธนาคารบางแห่งที่เปลี่ยนไปใช้อย่างอื่น (Java มั้ง ?) จำไม่ได้ว่าธนาคารอะไร แต่ไม่ใช่ธนาคารขนาดใหญ่นักน่ะครับ
ส่วนเรื่อง ATM นี่ ที่จริงก็สามารถที่จะมีโปรแกรมเมอร์สแตนด์บาย 24 ชม. ประจำอยู่ในสำนักงานใหญ่ได้นะถ้าจะทำ (แบ่งเป็นสามผลัดหรืออะไรก็ว่าไป) แต่ว่าเขาเลือกที่จะไม่ทำกันเอง ก็เลยใช้วิธีทรมาณพนักงานเอาท์ซอร์ส (ฮา) แล้วคนมันจะอยากทำอยู่ต่อเหรอครับ ? ผมแปลกใจประเด็นนี้แหละ
จะว่าไปเมื่อไม่นานมานี้ก็เห็นมีล่มทั่วประเทศอยู่นะ สักครึ่งปีที่แล้วมั้ง ?
บริษัทมะกันเค้ามาเปิดในไทยเพื่อทำ 24/7
งั้นเราไปเปิดที่อเมริกาบ้างครับ! 555
ธ.กรุงไทยครับทำ core banking ใหม่เป็นภาษา Java ด้วยบริษัทคนไทยแถวสาทร ไม่แน่ใจบริษัทนี้ทำ core banking ให้ ธ.ออมสิน ด้วยไหมนะ
เคยเรียน Cobol ตอนอยู่ ปวช. ตอนนั้นก็เขียนได้ดีเหมือนกัน แต่พอเข้ามหาลัย ก็ทิ้งไปหมดเลยจนลืม ตอนนี้ก็จำอะไรเกี่ยวกับ Cobol ไม่ได้เลย น่าเสียดาย ไม่งั้นน่าจะเรียกค่าตัวสูงๆได้ 5555
ผมเจอเยอะครับ ปวช ปวสสายไอทีที่ไม่ได้เรียกว่าเรียนไอทีเลย แฟนผมจบมา ใช้เวิร์ค เอกเซลเป็น เว็บก็ HTML 3 CSS ไม่รู้จัก อย่าแปลกว่าตัวเลขเยอะส่วนหนึ่งมาจากสถานบันสอนนักศึกษาแบบนี้ ส่วนใหญ่อยากจบเอาวุฒิไม่ได้อยากไปสายไอทีกันเท่าไหร่
วิชาพื้นฐานที่จำเป็นก็มีครบเกือบทุกอย่างใน com-sci นะครับ จะเอาให้ตรงกับความต้องการของตลาด ยากนะ เพราะ IT พัฒนาให้ตรงกับภาคธุรกิจที่ต้องการงานเยอะๆ แต่ใช้เงินเท่าเดิมหรือลดค่าใช้จ่ายเพื่อเพิ่มผลกำไร ทุกบริษัทจึงอยากรับคนที่ทำได้หลายอย่าง
มันหายากมาก HR รู้ดี แต่เขาจะมองหาคนที่มีความรู้พื้นฐานที่เก่งพอเอาไปต่อยอดได้เองและเป็นคนที่เขาอยากจะร่วมงานด้วยไปนานๆ ต่อให้โชคดีมีคนสอนงานให้ มันก็ไม่มีเวลามาสอนตลอดเวลา
ผมจบมาเขียนโปรแกรมไม่เก่ง หางานยากมาก เดินสัมภาษณ์งานอยู่ 4-5 เดือน ก็เลือกมาทำงานกับบริษัท outsource เป็น it support อยู่ 3 ปี พอปีที่ 4 หัวหน้าแผนกชวนให้มาสาย UNIX ก็ตอบรับร่วมทีมเลย ทั้งๆที่ UNIX ผมอ่อนมาก ทางบริษัทส่งไปเรียน Oracle Solaris 10 และ VMware vSphere
พอมาเจอหน้างาน ลูกค้ากำลังเปลี่ยนเป็น Solaris 11 และ Oracle Enterprise Manager Ops Center ไม่ตรงกับที่เรียนมาอีก ก็หาข้อมูลเองและสร้าง testing environment ไว้ใช้เอง
เมื่อต้นปี มีโปรเจค network ที่ AIS แต่ลูกค้าไม่รับเข้าทีม เพราะไม่มี CCNA ผมรู้สึกเสียดายมาก เลยทุบกระปุกไปเรียน CCNA เองเลย ไม่รอทางบริษัทส่งเสีย
ตอนนี้ทำโปรเจค Load Balancer ยี่ห้อ F5 คราวนี้หัวหน้าไม่มีการส่งไปเรียน เพราะมีเว็บ F5 University ให้อ่านเองอยู่แล้ว
คนเป็นเยอะ คนเก่งน้อยครับ
ทุกคนมองหาคนเก่งต่างหาก อย่างที่บอก
คนเป็นแต่เก่งไม่พอ ก็อาจว่างงาน
คนเก่งพอเป็นที่ต้องการ ขาดแคลน
พัฒนาตัวเองให้สูงๆ เข้าไว้ครับ งานบึม
อาจจะเป็นได้ว่าทุกสถาบันเร่งผลิตบัณฑิตจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา และอาจจะไม่ตรงกับความต้องการของตลาด และตัวนักศึกษาเลือกเรียนในสาขานั้น ทั้งที่ไม่ได้สนใจหรือชอบสาขานั้นๆอย่างจริงจัง อาจแค่ตามกระแสในช่วงที่ผ่านมา
ผมว่า HR ก็มีส่วนในการรับคนนะครับ
บ. ผมเคยรับสมัคร Web Programmer
ต่อมาจบโปรเจคก็รับสาย Mobile App Dev เข้ามาทำ
ตอนนี้ต้องใช้งาน Unity เลยหาคนปั้น 3d เข้ามา
จากนั้นไม่มีใครมาสมัครเลย ต่อมาผมไปเห็นฟอร์ม Qualification เขาระบุความสามารถทุกโปรแกรมที่กล่าวมาข้างต้นหมดเลยครับ
คงมีแต่ซุปเปอร์แมนเท่านั้นที่มาทำงานได้
บางบริษัทก็รับสมัคร Programmer ที่สามารถเขียนโปรแกรมได้ตั้งแต่ VB C# ไปจนเว็บ PHP JQUERY CSS HTML5 สามารถต่อกับฐานข้อมูล Oracle MS SQL MySQL สามารถดูแล-วางระบบเครือข่าย Server ต่างๆ มากมายสารพัน ซ่อมประกอบอัพเกรดคอมพิวเตอร์ แต่เงินเดือน 15,000
เจอตำแหน่ง web dev แต่สัญญาระบุไว้ว่าห้ามทำงานในสายเดียวกันเป็นเวลา 2 ปีหากลาออก และให้เงินเดือนแค่ 12,000 บาท (ไม่รู้ว่ารวมทั้งหมดแล้วจะเหลือเท่าไร) ผมเลยด่าไป 1 ฉากเลยครับ
เคยคุยกับเพื่อนที่เป็นนักกฎหมาย เขาว่า สัญญาจ้างที่มีข้อความประเภท non-compete agreement ไม่มีผลในทางกฎหมายในประเทศไทยครับ
ผมขอแย้งครับ ข้อสัญญาที่เขียนไว้หากไม่ผิดศีลธรรมอันดี ก็วามารถทำได้ครับ พอดีพิมพ์ในมือถือ และผมได้เรียนมาเล็กย้อยหากสนใจจะมาเล่าต่อครับ
สัญญาจ้าง ผมสนใจแค่ตัวเลขและผลประโยชน์ เท่านั้นอะครับ ส่วยอื่นๆไม่เคยสนใจ 555 เท่าที่จำได้ ข้อนี้มีกำหนดไว้ตั้งต่สัญญาฉบับแรกที่ทำงานเลย เปลี่ยนมาหลายที่ ก็ไม่ได้สนใจ
ฎีกาที่ออกมาบอกว่า หากเป็นการไปทำเพื่อแย่งลูกค้าของบริษัทเดิม อันนี้ผิดครับ แพ้คดีแน่นอน แต่หากเป็นลูกจ้างของบริษัทอื่นที่ไม่ได้มีลูกค้าเดียวกับบริษัทเดิม ก็ไม่เป็นไรหรอก กฎหมายบางอย่าง ทนายความ เขาจะมั่วนิ่มเอาเปรียบแรงงาน ไม่ต้องไปสนใจหาฎีกาอ่านครับ ได้ความรู้ดีมาก
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
ที่เคยเจอนะครับ
1. เด็กจบใหม่ ถาม เรื่อง pass parameter by value กับ by reference ตอบไม่ได้
2. คนจบมา 3 ปี เขียนโปรแกรม ถามว่า Overload กับ Override ต่างกันอย่างไร ตอบไม่ได้
3. คนจบมา 4 ปี ทำ database มา แต่ไม่รู้ว่า transaction คืออะไร
4. คนเขียนโปรแกรม มา 10 ปี แต่ ไม่รู้ว่า Interface คืออะไร
ที่สำคัญ ทุกคนจบที่ค่อนข้างดีมานะครับ ประสบการณ์ทำงานดีนะครับ แต่ว่า... พื้นฐานเรายังมีปัญหา
สงสัยว่า คนไทยเก่งๆ ออกไปทำงานเมืองนอกกันส่วนใหญ่
ดีนะที่ผมยังตอบได้ทุกข้อ 555
หลายๆ คน ประยุกต์ใช้เป็น แต่ไม่รู้ว่ามันมีชื่อเรียกแบบนี้ ก็มีครับ
หลายๆ คน ก็เจริญรอยตามการเขียนโปรแกรมแบบเก่าๆ ไป สร้างวงจรเดิมๆ อีก
หลายๆ คน ชอบค้นคว้าด้วยตัวเอง พอเริ่มรู้มากเข้า ก็อยากเปลี่ยนโน่นนี่ให้มันดีขึ้น
แต่ด้วยอะไรก็แล้วแต่ ทำให้เขาไม่สามารถเปลี่ยนได้ ก็จะอยากออกจากบริษัทเดิม
แต่ยังประยุกต์ใช้กับโจทย์ Real World ไม่เก่ง เพราะประสบการณ์ไม่มีจากที่เก่า
พอเจอที่ใหม่ถาม ก็ตกรอบครับ
ที่ว่ามาทั้งหมดมันเป็นเรื่องพื้นฐานน่ะครับ ถ้าไม่รู้เลย (และเดาไม่ได้เลย) ผมว่าน่าเป็นห่วงนะ (และถ้าผมสัมภาษณ์ผมก็ไม่เอาไว้)
ส่วนตัวตอนผมเป็นคนถาม ผมถามแค่ encapsulation, data-hiding, inheritance, polymorhism คืออะไร (เอาแค่สี่ข้อนี้ก่อน) ถ้าตอบไม่ได้ก็จบครับ ไม่ถามต่อ
คือถ้าอธิบายคอนเซ็ปต์ไม่ได้แต่เขียนได้ เวลาที่เขาจะต้องติดต่อคุยงานกับคนอื่น เขาจะไม่สามารถที่จะพูดให้เข้าใจได้ ซึ่งการทำงานร่วมกับคนอื่นมันสำคัญมากกว่าความสามารถในการเขียนโปรแกรมซะอีก
ที่ผมถามนี่ยังไม่ยากนะ ผมเคยเจอถามว่า protected inheritance ในภาษา C++ คืออะไรด้วย ใบ้ไปหลายวิเหมือนกัน 555
เข้าใจครับ ว่ามันคือ basic
ผมขอยกตัวอย่างเรื่อง OOP ง่ายๆ ละกันครับ
มันคืออาถรรพ์ Code เก่าครับ แบบไม่เป็น OOP เลย 555
ถ้าไปเจอคนเก่าๆ ยังมีวิธีการเขียนแบบ Functional / Procedural
ต่อให้ภาษารองรับ OOP ก็ยังเขียนแบบเดิมอยู่ดี
เป็น God Object บ้าง ไม่มีการแบ่ง Layer บ้าง
Design Pattern อยู่ดาวอังคาร SOLID นี่อยู่คนละภพ Agile เอ้อ ช่างมันเหอะ - -"
สุดท้ายแล้ว ถ้า Def ต่ำ ก็โดนกลืนไปกับแบบเก่าๆ ลืมไอ้ที่เรียนมาหมดครับ
แล้วมันก็จะเป็นวงจร สอนรุ่นน้อง กับการสร้างซากอารยธรรมต่อไป
จริงๆ ที่ผมจะบอกคือ ที่ทำงานที่แรกๆ ค่อนข้างสำคัญมากครับ
เพราะมันจะเติมเต็มการประยุกต์ใช้ การสร้าง Mind Set ของเด็ก
ซึ่งมันก็คือประสบการณ์นั่นเอง
เหมือนโจทย์เลขครับ เราเรียน 1+1=2 แต่ของจริงคือโจทย์ระคน ส้ม 1 ลูกแทน
ใครเรียนเลขหรือฟิสิกส์จะรู้ว่า จะเก่งก็ต้องทำโจทย์เยอะๆ
ตีโจทย์แตก ก็คือรู้ Pattern ของโจทย์ว่า อ๋อ ต้องใช้สูตรนี้ๆ แก้นะ
เลขกับฟิสิกส์ยังมีสูตรตายตัว การแก้โจทย์ข้อนึงมีได้แค่ไม่กี่วิธี
แต่ในการเขียนโปรแกรมนี่มีหลายวิธีมากๆ ครับ ยากกว่าไหมล่ะ 555
คือถ้าที่แรกเขาให้ความสำคัญกับ OOP ก็โชคดีไปครับ
ไปสมัครบริษัทท่านตะวัน ก็คงไม่มีปัญหาอะไรนัก
แต่ถ้าไม่ยอมว่ายทวนน้ำ ก็ยากเลยทีนี้
ครั้นจะไปสมัครบริษัทท่านตะวัน ก็ลืมวิชาไปหมดแล้ว
ศึกษาเอง ก็ประสบการณ์น้อย อย่างมากก็ตอบเรื่องความหมายได้
แต่ถ้าเจอคำถามประยุกต์ใช้ ก็อาจจะเดี้ยงเอาดื้อๆ
ของผมนี่คือบริษัทใช้ ผมเลยต้องถามแบบนี้ เวลาสัมภาษณ์เราไม่ถามถึงเรื่องที่ไม่ได้ใช้อยู่แล้วครับ (ถามไปก็ไม่ได้นำมาประกอบการตัดสินใจ)
บ.ผมไม่ทำ Agile ก็ไม่ถามนะ เสียเวลา 555
เบสิก ของแต่ละสายงานอาจจะไม่เหมือนกันครับ บาทีก็แตกต่างกันมาก
สาย IT ที่ทำ Finite Element เบสิกของเขาคือต้องเข้าใจสมการ differential อินทิเกรตสี่มิติ นี่เป็นพื้นฐานสุดๆเลย จากนั้นก็ต้องรู้เรื่อง Fluid Dynamics หรือสมการสำคัญต่างๆ ถ้าไม่รู้เรื่องก็ไม่รู้จะเอาไปเขียนโปรแกรมทำงานอะไรได้
แนว IT จริงหรอ นึกว่า วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ & วิทยาการคอมพิวเตอร์ แล้วนะครับเนี่ย มันออกแนว Scientist เปล่านิครับ มันมี Database ไหมครับผม เผอิญไปหาคำจำกัดความ "IT" http://en.wikipedia.org/wiki/Information_technology
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
มัมไม่เบสิคสำหรับ Pythonista น่ะสิ เรื่องนี้ทำให้ผมปวดตับ เพราะ Python แม่งไม่เน้นเรื่อง OOP เว้ยเฮ้ย ไม่มี Overload Method ด้วย และทุกอย่างใน Class ของ Python มัน Public หมด (Private ปลอม)
+1
เจอเยอะมาก
เจอจนคิดว่า ตัวเราเองนั่นแหละที่ประหลาด
ไปรู้เรื่องพวกนี้ทำไม ทั้ง ๆ ที่คนส่วนใหญ่ เขาไม่รู้กัน
ดีที่ผมจบก่อสร้างมาแต่ก็ตอบได้หมดอิอิ
ผมเรียนจบใหม่ๆ ผมตอบได้นะ เพราะผมเขียนโปรแกรมพอเป็นตั้งแต่ ปี 3 ละ
1-4 ถ้าเขียนข้อสอบแนนเขียนบรรยายผมคงเขียนแค่อย่างล่ะ 2-3 คำแฮะ ใส่น้ำไม่เป็น - -")
ตอนรับคนเข้าทำงาน ข้อ 1-4 ผมไม่ถามแบบนั้นแฮะ
เพราะ 1-2 ถ้าใช้ framework บังคับกันได้
ส่วน 3 จะทำยังไงให้มันไม่อืด และข้อมูลถูก
4 จะออกแบบ ux ยังไงให้ใช้งานง่ายไม่สับสน
ปล.ถ้าตระกูล C ข้อ 1-2 นี้สำคัญ แต่ถ้ารับ web developer ทำงานแบบเขียน
tempage cms โม plugin เป็นหลัก คงไม่ได้เอาไปใช้ในงานแหงๆ -*-)
เป๊ะทฤษฏี แต่เวลาทำงานจริงกลับสร้างสรรค์ผลกำไรได้น้อยกว่าก็เจอมาแล้วนะ
ของพวกนี้มันวัดยาก หลายคนที่จบมาหลายปีไม่ได้จำละเอียดหรอกครับ แต่เวลาได้จับงานแล้วมันคล่อง ต่อยอดได้ไวมาก ซึ่งของแบบนี้วัดไม่ได้จากการสัมภาษณ์
สายบริหารชอบมาก เพราะเค้าไม่สนหรอกว่าคุณเก่งอะไรยังไง แค่สร้างแล้วได้ผลกำไรมาเค้ายกคุณเป็นสุดยอดแล้ว
ก็ไม่รุ้เหมือนกันจะทำยังไงให้วัดได้ อาจจะต้องปากต่อปาก เพื่อนชวนเข้ามาทำ
ผมเคยเจอตอนเรียน ป.ตรี เขาคิดว่าผมไม่รู้อะไร ออกข้อสอบให้ตอบอย่างกับ ป.โท แต่ตอบได้ทุกข้อนะ 555 ตอนเรียน ป.โท ก็ใช้เทคโนโลยีเทพ อจ.ปลื้มไปตามๆ กัน แต่การเรียนกับการทำงานมันคนละเรื่องเลย ถ้าพื้นฐานแน่นมันสบาย
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
ขอบคุณทุกท่านสำหรับความเห็นนะครับ
พวกนี้เป็นคำถามเปิดประเด็นครับ ว่า Candidate จะตอบได้ขนาดไหน ในแต่ละแง่ แล้วจะเจาะลงไปเรื่อย ครับ พอ Candidate ตอบไม่ได้ก็ไปไม่ถูกเลย
สำหรับผม นักพัฒนา จะมีสองประเภท คือ สายทฤษฏี กับสายปฏิบัติ ซึ่งจะมีจุดเด่นจุดด้อยต่างกันครับ งานที่ผ่านมา ผมจะไม่เน้นทฤษฏีมากเท่าไร ซึ่งเน้นเอาคนทำงานได้
ตอนนี้ งานที่ทีมผมดูแลอยู่ ควรจะต้องมีพื้นฐานค่อนข้างดี ซึ่งต้องนี้มีปัญหามาก เพราะว่า หาคนแทบไม่ได้เลยครับ
ว่ากันจริงๆเลยนะผมว่าคนไทยเราเอง ยังหาเก่งยากครับเลยตกงานเยอะทั้งๆที่เรียนเยอะจบเยอะมาก
เรื่องสำคัญมันอยู่ที่สเป็คที่ hr กำหนดตอนหาคนนั่นแหละผมว่าเป็นสาเหตุหลัก
ชอบใส่มาแบบมนุษย์จับฉ่าย เห็นแล้วอย่ากจะด่า ในblognone job ก็มีนะโดนสมาชิกแขวะไปหลายราย
เรียนสายออกแบบไอทีมา รับออกแบบต่างๆ ทำนามบัตรแค่ 200บาท ลูกค้าแก้แบบ 3-10รอบ คิดแต่ละทีก็ปวดหัวกับความเรื่องมาก มาขายของออนไลน์ในต่างประเทศแล้วรายได้มากกว่า ลูกค้าก็ไม่เรื่องมาก ลาขาดสายออกแบบไอทีเลยจ๊ะ
เห็น turnover เป็นว่าเล่น แถมเด็กจบใหม่ก็เหมือนเอากระชอนตาถี่หา ถึงหาเจอก็ต้องมาแย่งกันอีก แถมหลักสูตรบางที่ก็ห่วยเกินนะ(สายอาชีวะหนักกว่าเพื่อนเลย โคตรเห็นใจ)
ลองให้ภาควิชาในมหาลัยตั้งกฎว่า เขียนโปรแกรมไม่ได้->ไม่ให้จบ
:-)
ม.ผมปีแรกเขียนโปรแกรมไม่ผ่านก็ออกกันเป็นนแถวๆแล้วครับไม่ต้องรอจบ
ผมจะรับเข้ามาทำงาน
1.ความสามารถในการแก้ไขปัญหา > ไม่เก่งไม่รู้สอนได้
2.ความสนใจในการทำงาน > สนใจทำให้สอนอะไรไปทำให้อยากทำงาน
3.ความรู้ > เลือกเป็นอย่างสุดท้ายพวกนี้ถ้า 2 ข้อแรกดี ของอย่างนี้สอนกันได้
+1
บอกตามตรงอย่างไม่อาย
ตอนไปสมัคร hr ถามว่า เขียนโปรแกรมได้ไหม เขียนเว็บได้ไหม
ผมตอบว่าทำไม่ได้ แต่ผมสามารถทำงานในส่วนของ it support ได้
แล้วสุดท้าย เขาก็รับผมเข้าทำงานแต่! เมื่อมาทำงานจริงๆ ไงใช้ผมว่าทำเว็บละ เขียนโปรแกรมละ
หัวหน้า บอกว่า "you ไม่ต้องกลัว ทางองค์มีงบให้ you ไปอบรม"
เหมือนบริษัทแห่งหนึ่งครับ ตำแหน่ง IT SUPPORT แต่กลับถามว่า เขียนเว็บได้ไหม PhotoShop ได้ไหม AutoCAD เป็นไหม ทำฐานข้อมูลได้ไหม บลาๆ คิดว่าจบคอม ต้องเป็นทุกอย่างเลยหรือ แต่คนสมัครดันตอบได้ว่าทำเป็นหมดทุกอย่างไงครับ คนที่เหลือจึงตกงานครับ อันนี้เรื่องจริงเลยครับ ผจก.บอกว่าเราเชื่อมั่นในศักยภาพของพนักงาน คนหนึ่งคนทำได้หลายอย่าง
เราเชื่อมันว่าถ้าเราเจอเราจะโยนให้มันทำทุกอย่างแลกกับค่าจ้างเพียงน้อยนิดได้:P
ทำงานจริงอาจะได้ไป Support สมาคมผู้ใช้ Excel เป็นหลักแทน Photoshop กับ AutoCAD ไม่ได้ใช้หรอก :P
สายนี้มันตัน
พวกลงtechnical ลึกๆเนี่ย
ถึงจุดนึงเงินเดือนมันตัน
ถามจริงเป็นspecialistเงินเดือนเกิน150kมีบ้างมั๊ย
เอาที่ลงลึกtechnical โดยไม่ต้องเป็นSA, ba ด้วยตัวเอง
ก็มีคนอื่นทำ เพื่อลดเวลาของโปรเจคท์
เคยเจอที่งานสัมมนาเรื่อง network security ในงานมีผู้บรรยาย 2 คน
คนแรกพูดเรื่อง Authentication & Cisco Infrastructure for High-Level Enterprise Security คนนี้บอกว่าเงินเดือนเริ่ม 70K ตอนนี้ทำงานมา 7 ปี เงินเดือนก็เกินไปเยอะแล้ว
คนที่สองพูดเรื่ิอง Security solution แกบอกว่ามี cert 9 ใบ และเป็น White Hat Hacker ตอนนี้ทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงให้บริษัทลูกค้า เงินเดือนตอนนี้ก็เกินแสนและที่สำคัญมันเพิ่งเรียนจบ 4 ปี
ผมฟังเสร็จรู้สึกทอแท้แปบนึง (เพราะว่าตัวเองอายุ 29 มั้ง) แต่มันทำให้รู้ว่าตัวเองต้องหาความรู้เพิ่มอะไรอีกบ้าง
อยากรู้รายการใบ cert จริงๆ จะไปสอบบ้าง = =a
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
ถามจริงเป็นspecialistเงินเดือนเกิน150kมีบ้างมั๊ย
มีนะครับ ในไทยด้วย แต่ไม่ใช้ ผม
เพราะว่าเงินเดือนไม่ต่างจาก พวกสายการตลาด บริหารไง
แต่งานนี่เยอะกว่า 2-3 เท่า นอกจากต้องสร้างแล้วยังต้องไปช่วยพวกสายบริหารคิดแผนอีก
ใครมันจะอยากเป็น ? ตำแหน่งยิ่งสูงงานยิ่งหนัก แต่เงินเดือนตัน ?
จะมีบริษัทใหญ่ๆซักกี่ บ ที่ CEO เคยเป็น dev มาก่อน
สาย cgi เจ้าของบริษัทใหญ่ๆ ส่วนมากเปนโปรแกรมเมอมาก่อนทั้งนั้นเลยครับอย่าง luma picture แบบว่ารวยขนาดจ้างฝรั่งทำงานเต็มเลย
เพราะเค้าใช้งบ จากธุรกิจซอฟแวร์เป็นรากฐาณ ทำให้บริษัทมีความมั่นคงสูงมาก แถมสามารถพัฒนา tools ของตัวเองได้ด้วย แถมเวลาจ้าง technical ก็หาคนเก่งๆมาทำได้อีก
ูบริษัทไหนก็ตามเถอะ อย่าเอา HR มาหาโปรแกรมเมอร์ครับ ต้องให้โปรแกรมเมอร์หากันเอง เข้าทำนองไก่เห็นนมงู งูเห็นนมไก่
ผมเองจบการตลาดมา ทุกวันนี้เป็นโปรแกรมเมอร์เขียนเว็บแอพ ถ้าผมเจอ HR คงจะไม่ได้เข้าทำงานเลยล่ะ
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
บ.ที่ผมทำอยู่ รู้สึกจะเอา HR มาแค่ทดสอบภาษาอังกฤษและ personality ครับ (คุยเรื่องนู่นนี่เป็นอังกฤษ)
สกิลที่เกี่ยวข้องกับงาน จะมาหลังจากนั้น โดย Manager
*ไก่เห็นตีนงู