ในขณะที่บางประเทศยังคงปวดหัวกับปัญหาการใช้โทรศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟนของนักโทษในเรือนจำ ประเทศเกาหลีใต้ก็ได้ตัดสินใจดำเนินการบางอย่างเพื่อควบคุมการใช้งานสมาร์ทโฟนของผู้คนในพื้นที่จำกัดเช่นกัน แต่งานนี้คือการควบคุมการใช้สมาร์ทโฟนของเหล่าเด็กนักเรียนในเขตพื้นที่โรงเรียน
หลังการทดสอบใช้งานกับ 11 โรงเรียนใน Seoul และพื้นที่ใกล้เคียง ทางการเกาหลีใต้ได้ตัดสินใจเดินหน้าโครงการพัฒนาระบบควบคุมสมาร์ทโฟนจากระยะไกลที่ชื่อ iSmartKeeper เพื่อให้โรงเรียนต่างๆ สามารถควบคุมและปิดกั้นการใช้งานสมาร์ทโฟนของเหล่าเด็กนักเรียนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยมีวัตถุประสงค์หลักก็เพื่อลดสิ่งที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของนักเรียนออกนอกเนื้อหาการเรียนการสอน
iSmartKeeper จะทำงานได้หลังจากติดตั้งซอฟต์แวร์ลงในสมาร์ทโฟนแต่ละเครื่องของเด็กนักเรียน โดยในการใช้งานผู้ดูแลระบบสามารถตั้งค่าระงับการเข้าถึงบริการหรือแอปบางอย่างได้หลากหลายถึง 6 ระดับ ซึ่งผู้ดูแลอาจควบคุมการใช้งานสมาร์ทโฟนอย่างเข้มงวดที่สุดด้วยการล็อกเครื่องทั้งหมดก็ได้ หรืออาจจะลดระดับการคุมเข้มโดยเปิดให้ใช้งานได้เฉพาะการโทรฉุกเฉิน
ส่วนการผ่อนปรนสิทธิการใช้งานเพิ่มมากขึ้นก็จะไล่เรียงมาตามลำดับ ตั้งแต่อนุญาตเฉพาะการโทรเข้า-ออก, อนุญาตให้โทรและรับ-ส่งข้อความ, ระงับการใช้งานแอปบางตัว และท้ายที่สุดคือการเปิดให้ใช้งานสมาร์ทโฟนได้ตามปกติทุกฟังก์ชั่น
iSmartKeeper ยังมีฟีเจอร์อื่นอย่างการตั้งเวลาจำกัดสิทธิการใช้งานสมาร์ทโฟนระดับต่างๆ ให้สอดคล้องกับตารางเรียน แต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยปัญหาและข้อจำกัดด้านการใช้งานที่รอการแก้ไขก่อนเปิดใช้งานจริงอีกหลายรายการตั้งแต่เรื่องของระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งาน ซึ่งในตอนนี้ iSmartKeeper ยังใช้ควบคุมได้เฉพาะสมาร์ทโฟน Android เท่านั้น (ผู้พัฒนาระบุว่าจะทำเวอร์ชั่นควบคุมอุปกรณ์ iOS ให้เสร็จภายในเดือนหน้า) รวมทั้งบั๊กดังเช่นที่เด็กนักเรียนคนหนึ่งระบุว่าสมาร์ทโฟนของเขายังคงถูกล็อกเครื่องเอาไว้อีกหลายชั่วโมงหลังกลับจากโรงเรียน ซึ่งเป็นผลมาจากฟังก์ชั่นการระบุตำแหน่งผู้ใช้ทำงานผิดพลาด
อย่างไรก็ตาม มีเสียงคัดค้านถึงการใช้งาน iSmartKeeper ด้วยเช่นกัน ดังเช่นบางโรงเรียนไม่ต้องการใช้ระบบนี้ด้วยเหตุผลว่าเป็นการบีบให้เด็กนักเรียนทำการ root สมาร์ทโฟนของตนเอง ซึ่งทำให้อุปกรณ์มีความเสี่ยงต่อการเสียหายมากขึ้น ในขณะที่เสียงคัดค้านอีกด้านหนึ่งได้ยกเรื่องสิทธิมนุษยชนของนักเรียนขึ้นมาเป็นข้ออ้าง
เรียกได้ว่าเรื่องนี้น่าสนใจไม่แพ้ประเด็นการใช้บัตรประจำตัวนักเรียนที่ฝังแผงวงจร RFID ในประเทศสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว
ที่มา - The Verge
Comments
จะไปยากอะไร ใช้ samsung hero ซะก็จบข่าว อิอิ แล้วจะเล่น line ยังไง
555 คิดดีแล้ว เพราะเป็นมือถือที่เด็กไม่ค่อยสนใจเล่นในเวลาเรียนอยู่แล้ว เพราะ 3g รับได้แค่ 3.6 mbps ซึ่งช้ากว่ามือถือตัวอื่นมาก เรื่อง line ใช้ nokia ซึ่งที่เกาหลีไม่มีขายแล้วครับ
หากนำมาใช้ที่ไทยนี่คงมีการต่อต้านน่าดู
สิทธิมนุษยชนของตัวเองแต่ไม่เคารพสิทธิ์คนอื่นสินะ
ถ้าเป็นผม ไม่ลงแอปก็จบ จะลงทำไม? แล้วลงแล้วลบออกเองก็ได้ไม่ใช่เหรอครับ?
ล็อกถึงขนาดแรงสุดทำให้โทรฉุกเฉินไม่ได้ด้วยหรอ งี้แค่แฮกเข้าระบบสั่งล็อกให้หมดรร.แล้วเข้าไปไล่ฆ่าเด็กก็ได้สินะ กว่าจะหาโทรศัพท์ที่ใช้การได้เจอคงตายไปเยอะ
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ในโลกนี้นอกจากมือถือแล้ว ยังมีเครื่องมือที่ใช้ในการตืดต่อสื่อสารอีกเยอะนะครับ lol
ถึงเวลาฉุกเฉินน่ะครับ หนึ่งวินาทีก็หนึ่งชีวิตแล้ว จริงๆโทรฉุกเฉินเป็นบริการที่ทั่วโลกพยายามอย่างมากที่จะไม่ปิดกั้นนะครับ (ทำให้เราโทรจากเครือข่ายไหนก็ได้ เครื่องติดล็อกหน้าจออยู่ก็ยังโทรได้)
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
พวกครูเองคงไม่ล็อกเครื่องตัวเองไปด้วยหรอกครับ
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
ถ้าไปเดินป่ากับเพื่อน โดนแฮ็คมาสั่งล็อคนี่ก็ลำบากนะครับ ดูๆ เหมือนระบบจะสามารถสั่งงานได้แม้อยู่นอกโรงเรียน
อย่างที่เขียนด้านบน เวลาฉุกเฉินวินาทีเดียวก็สำคัญครับ ที่ยิงกันในโรงเรียนโครมๆในอเมริกาส่วนใหญ่ครูก็โดนก่อนนะ แล้วใครจะโทร?
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
เกาหลีใต้อยากเป็นเกาหลีเหนือชะงั้น
Smartphone หรือมือถือรุ่นปกติอื่น ๆ จากเกาหลี จะไม่สามารถปิดเสียงชัตเตอร์กล้องได้ เพื่อป้องกันการแอบถ่ายของพวกโรคจิต อันนี้น่าจะนำมาใช้บ้านเราด้วยนะ
ผมไม่เห็นด้วยครับ การปิดเสียงชัตเตอร์มันมีอะไรที่มากกว่าการแอบถ่ายเยอะครับ เช่นถ้าคุณกำลังสัมมนาแล้วจะถ่ายสไลด์เพื่อจดบันทึก การมีเสียงชัตเตอร์นี่ไม่พึงประสงค์แน่ๆ หรือการเข้าห้องสมุดแล้วจะถ่ายหน้าหนังสือไว้ หรือไปสถานที่ท่องเที่ยว หรือตามร้านอาหารหรูๆ แล้วจะเก็บภาพเนี่ย ถ้าต้องมีเสียงแชะน่าเกลียดๆ นี่ไม่ไหวแน่ๆ ครับ
ตั้งแต่โทรศัพท์เริ่มติดกล้อง ผมก็เลือกปิดเสียงตลอดมาเลย ทุกเครื่องที่ผมใช้ แม้แต่กล้องคอมแพคทุกตัว ผมก็ตั้งปิดเสียงไว้หมด มันเป็นมารยาทครับ ไม่อยากให้มีเสียงรบกวนผู้อื่น และก็ไม่เคยเอาไปแอบถ่ายใครด้วย คนโรคจิตพวกนี้มีเพียงหยิบมือ ถ้าจะเอามาเป็นประเด็นจนทำให้คนทั่วไปเดือดร้อน ผมก็ว่ามันเกินไป
โชคดีที่มือถือที่เคยๆ ใช้มา มันปิดเสียงได้หมด เลยใช้กล้องได้เต็มที่อย่างที่ต้องการ ไม่ต้องกลัวเสียงชัตเตอร์ไปรบกวนใคร แต่ถ้าวันใดผมใช้มือถือแล้วมันปิดเสียงไม่ได้ ผมหาวิธีจัดการมันจนต้องไม่มีเสียงอย่างแน่นอนครับ ตั้งแต่การรูท การแฮค จนถ้าทำอะไรกับมันไม่ได้ ผมยอมรื้อเครื่องแกะตัว speakerphone ออก แล้วใช้แต่ระบบสั่นอย่างเดียวก็ยอม (ไปใช้ยี่ห้ออื่นอาจจะง่ายกว่า) ถ้าคนถ่ายรูปบ่อยๆ อย่างผมแล้วเจอเสียงชัตเตอร์ตลอดแบบนี้ แล้วยิ่งมีความเกรงใจและมีมารยาท ก็จะเข้าใจครับ
+1 ใช้เวลาตอนเพี่อนหลับคาโต็ะด้วยครับ ฮาๆ
รุ่นนึงที่ปิดเสียงไม่ได้จนต้องไป hack ของผมนี่ Nokia N73ME เลยครับ orz
Android จะอยู่ที่กฎหมายของแต่ล่ะประเทศครับ เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วซื้อ SIM Data ที่นั้นมาใส่ Samsung Galaxy S4 เท่านั้นล่ะ ทำยังไงก็ปิดเสียงชัตเตอร์ไม่ได้ (พอดีเครื่องไม่ได้ Root) ส่วนเครื่อง iPhone ของน้องที่ไปด้วยปิดได้ตามปกติ สงสัยกำหนดตามประเทศที่วางขาย เพราะเพื่อนร่วมงานที่ญี่ปุ่นมาไทย iPhone ก็ปิดเสียงชัตเตอร์ไม่ได้
+1 เวลาถ่าย Selfie ด้วยครับ ในที่คนเยอะๆ คุนจะมานั่ง แชะๆๆ หรอ 555+
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ สงสัยคนประเภทนั้นที่เมืองโสมท่าจะมีเยอะจริง ๆ
ผมใช้กล้องกระดุม 13 เมษายนนี้เจอะกันนะสาวๆ อิอิ
ลองทำสำหรับ Windows Phone สิ...
I am Cortana.
Nice to meet you.