Jos Brenkel ผู้บริหารฝ่ายขายของแผนก Printer and Personal Systems ของเอชพีออกมาให้สัมภาษณ์ถึงไอแพดในตลาดองค์กรว่าจนถึงตอนนี้ไอแพดยังสามารถบุกตลาดองค์กรไดจำกัดมากเพราะผู้จัดการฝ่ายไอทีเกลียดภาวะที่ต้องเข้าไปจัดการอุปกรณ์ iOS ที่มีข้อจำกัดมาก ขณะที่อุปกรณ์อื่นๆ ที่ผ่านมาเปิดให้องค์กรเข้าไปจัดการได้มากกว่า
เขาระบุว่าความสำเร็จของแอปเปิลนั้นเป็นความสำเร็จในตลาดผู้ใช้ตามบ้านเป็นส่วนมาก ในส่วนของเอชพีเองลงมาเล่นตลาดผู้ใช้ตามบ้านเพราะต้องการทำปริมาณให้ถึงจุดคุ้มทุน ขณะที่เป้าหมายของเอชพีนั้นอยู่ที่ตลาดองค์กร
Brenkel คาดว่าเมื่อ Windows 8 พอจะ "ยอมรับได้" สำหรับผู้ใช้ตามบ้านแล้ว การยอมรับจากฝั่งองค์กรจะได้รับการตอบรับที่ดีกว่า และ Windows 8 จะเป็นระบบปฎิบัติการที่สำคัญในตลาดองค์กรคู่กับแอนดรอยด์
เอชพีเริ่มลงมาเล่นตลาดแท็บเล็ตแอนดรอยด์หลายรุ่นหลังจากหยุดการพัฒนา WebOS ของตัวเองไปหลายปีที่แล้ว
ที่มา - The Register
Comments
555 ที่มั่นสุดท้ายของ HP ที่ต้องปกป้องไว้สินะ ถ้าหนู๋เปิ้ลบุกเข้ามาได้ คงเหลือไว้ให้ขายแต่พริ้นเตอร์ ว่าแต่ตอนนี้กำลังโกรธกะ M$ อยู่นี่นา จะเอาหนู๋้แอนไปบุกตลาดองค์กร … อึ่ม … แล้วพวกไอทีแมนเนเจอร์มันจะชอบเหรอ
ว่าแต่ แนวคิดที่ว่า เมื่อ Windows 8 ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ตามบ้านแล้ว ตลาดองค์กรจะยอมรับตามมา นี่ มันฟังดูยังไง ๆ อยู่นะ คิดอย่างงี้แล้วมันจะสำเร็จเมื่อไหร่น้อ
ตลกคำว่าที่มั่นสุดท้าย HPเคยยึดที่มั่นอื่นได้เหรอครับ?
สุดท้ายแนวคิดที่ว่าตลาด consumers ได้รับความนิยม ก็แน่นอนว่าฝั่งองค์กรจะนิยมใช้ตามไปด้วยนี่มันผิดตรรกะยังไงครับ งงตรรกะคุณเหมือนกัน
ผู้ใช้ตามบ้านมีความต้องการในการใช้งานต่างจากผู้ใช้องค์กรไงครับ ผู้ใช้องค์กร มีความต้องการทางด้าน Solution ที่ชัดเจน และมี Scope ของการใช้งานที่ชัดเจน รวมไปถึง Budget และผลลัพท์ที่คาดหวัง ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว OS หรือ Platform ที่จะเลือกใช้ในองค์กรนั้น ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเหมือนกับผู้ใช้ตามบ้านเลย ด้วยเหตุนี้ การบุกตลาดองค์กร สามารถใช้ Tactic ที่ต่างจากผู้ใช้ตามบ้านได้ครับ แล้วก็จะได้ผลดีกว่าด้วย
แนวคิดที่ว่า จะเอา Windows 8 ไปให้ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ตามบ้านก่อน แล้วค่อยมาให้ได้รับความนิยมในตลาดองค์กรนั้น ถ้าถามว่าทุกวันนี้ Windows 8 มีโอกาสสำเร็จมากหรือน้อยแค่ไหนในตลาด Consumer ก็ดูจากตัวเลขยอดซื้อก็ได้ครับ มันลดลงไปทุกวัน เพราะว่าถูกแทนที่ด้วย Mobile Device อย่างที่เห็น ๆ กันอยู่ จะเหลือสักกี่เปอร์เซนต์กันเชียวที่จะลงทุนซื้อ PC มาใช้บันเทิงเหมือนแต่ก่อนนี้ที่มันไม่มีตัวเลือก แค่ตัวเงินทีจะต้องลงเพื่อซื้อ PC สักเครื่องหนึ่งตอนนี้มันก็แพงกว่าซื้อ Tablet เท่าตัวแล้ว ตลาด Consumer ก็น่าจะเหลือแต่พวกคอเกมส์ นักเรียนนักศึกษาที่ยังต้องทำรายงานส่งครูหรือทำงานวิจัยที่บ้าน แล้วก็พวก Freelance ที่ใช้ PC ในงานอาชีพ ก็หมดแล้ว
แต่ตลาดองค์กร ยังไง ๆ ก็หนี PC ไปไม่พ้น อุปกรณ์ Mobile เป็นเพียงส่วนเสริมในการทำงานให้คล่องตัวขึ้น อาจจะมีในบางตำแหน่งงานในองค์กรที่สามารถพัฒนา Solution ให้ไปอยู่บน Mobile Device แล้วใช่แต่ Solution นั้นเพียงอย่างเดียว แต่โดยทั่วไปแล้ว ก็ยังคงต้องใช้ PC อยู่ดีครับ เพราะ Solution มันถูกพัฒนาให้อยู่บน PC มานานนมเนแล้ว ทีนี้ปัญหาก็คือว่า องค์กร มี Budget ที่ต้องดูแล ไม่ใช่ว่าเวลามีอะไร ๆ ใหม่ ๆ ออกมาจะตะบี้ตะบันซื้อได้เหมือนพวก Consumer ซะที่ไหนกัน จะเปลี่ยน OS ที มันก็เป็นเงิน จะน้อยหรือมาก มันก็เป็นเงินที่จะต้องจ่าย ซึ่งจะกระทบกับผลประกอบการ ถ้าการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ทำให้ผลกำไรดีขึ้นอย่างน่าสนใจ การที่จะไปยุให้องค์กรเค้าเปลี่ยนอะไร ๆ มันยาก ดังนั้น ถ้าจะให้เค้าเปลี่ยนเป็น Windows 8 ตอนนี้ ต้องตอบคำถามเขาให้ได้ว่า เปลี่ยนแล้ว ต้องลงเงินเท่านี้ จะได้ผลกำไรเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ แล้วก็น่าสนใจมั้ย ไม่งั้นก็ต้องมี Solution ที่เจาะจง Windows 8 มานำเสนอ ที่มันโดดเด่น น่าตื่นตาตื่นใจ แล้วทำให้ Productivity มันเพิ่มขึ้นมาเท่าตัว แบบนี้ เป็นต้น
สรุปง่าย ๆ คือ ในตลาดองค์กรนั้น มันมี Solution เป็นตัวนำในการแข่งขัน ในขณะที่ตลาด Consumer ขายแต่เครื่องกับ OS ผู้ใช้เป็นคนหา Solution เอง การบุกใน 2 ตลาดนี้จึงมีวิธีการที่แตกต่างกันครับ
hp เป็นอันดับต้นๆด้าน server เหมือนกันนะ ถ้า it ไม่เลือก ibm หรือ dell ไปซ่ะก่อน
เท่าที่เจอหลายๆองค์กรถ้าไม่ใช่บริษัท IT แล้ว ฝ่าย IT มักจะไม่ค่อยมีปากมีเสียงนี่นา
อาจจะไม่ใช่แค่บริษัทไอทีครับ บริษัททางการเงินฝ่าย IT มีผลมาก
HP น่าจะมอง BB นะว่า องค์กรใช้มานาน แล้วทำไมมาหัวทิ่มตอนนี้ล่ะ ฝ่ายไอทีกำลังปวดขมับกับการเปลี่ยนโซลูชั่นกันวุ่นวายอยู่ ณ เวลานี้
ส่วน HP ก็จะมองแต่ตลาดองค์กร ไม่สนผู้ใช้ตามบ้านสินะจ๊ะ
จริงๆศาสดาท่านก็เคยกล่าวไว้ว่าไม่สนตลาดองค์กรอยู่แล้วนี่นา
อยู่ที่โปรแกรมที่ใช้มากกว่า ที่เขาใช้ Microsoft อยู่ก็เพราะ MS Office กับพวกโปรแกรมเพราะทางที่ทำมาสำหรับ Windows อย่างเดียว ถ้าไปเขียนเวบมันใช้อะไรก็ได้
แต่ Android เองก็ยังไม่เข้าไปทำอะไรในตลาดองค์กรเลย ...
ยังมองว่าตัวเองเป็นยี่ห้อที่ได้รับความไว้วางใจอยู่อีกหรือ..
ผมว่าบ.ขนาดใหญ่ยังใช้ HP อยู่นะ (แล้วเครื่องกลุ่มนี้ก็ทน ไม่พังเอาง่าย ๆ ด้วย .... ผมล่ะพยายามแช่งให้มันพังทุกวันจะได้เครื่องใหม่ซะที 55555)
ทีตอนอยากให้พังล่ะไม่พังใช่มั้ยครับ ยี่ห้อนี้ 555+
อยากเปลี่ยนแล้ว ... อยากใช้ Core i7 กับเขามั่ง เบื่อ Pentium D แย้วววว
/me งอแง ๆๆ
ของผม pentium 4 ครับ เกลียดมันมาก เปิดเครื่องตอนเช้าผมนั่งกินข้าวเหนียว ขนมปัง แล้วเดินไปหยิบนมในตู้เย็น กินเสร้จก็พอดีมันพร้อมใช้งาน
ปล. Win xp
A smooth sea never made a skillful sailor.
Sleep ทิ้งไว้ค้างคืนครับ Shutdown เฉพาะคืนวันศุกร์ เช้าวันจันทร์ฝากพี่ที่มาทำงานเช้าๆ จิ้มปุ่ม power 1 ที (แต่ไม่ต้อง logon) ใครมาคนแรกจิ้มมันทุกเครื่องเลย แล้วจะได้รับคำชมเชยจากเพื่อนร่วมงาน
ปล. ก็เข้าใจนะว่าสมควรประหยัดไฟ แต่แบบ.....
ของผมมันช้าที่ตอนโหลดซอฟทต์แวร์พวก Group Policy หรืออะไรสักอย่าง และพวกโปรแกรม VoIP Phone น่ะครัีบ ปรกติพอผมเปิดเครื่องผมจะลงไปซื้อกาแฟที่ชั้นล่างครับ แล้วพอกลับมามันก็โหลดเสร็จ
กรณีผมมันช้าที่ซอฟต์แวร์เครือข่ายหมดเลยครับ ตัวเครื่องไม่ได้บูทช้าอะไรหรอก
แต่ไอ้ที่ช้าคือตอนคอมไพล์งาน เครื่องผมใช้เวลา 40 นาที เครื่องน้องข้าง ๆ เป็น Core i7 มันทำ 10 นาทีเสร็จ ... โลกช่างไม่ยุติธรรรรรรรรรม
ปล. เดี๋ยวตัว Product กำลังจะเปลี่ยนโค๊ดไปเป็น VC++ 2012 ผมกำลังลุ้นว่าจะได้เครื่องใหม่ไหม ถ้าต้องใช้ Windows 7 กับเจ้าเครื่องนี้นี่ผมคงโดดตึก ...
อย่าเอาเจ้าเครื่องนั้นโดดตึกลงไปด้วยนะครับ เดี๋ยวคนข้างหลังต้องรับผิดชอบทรัพย์สินบริษัทอีก
งั้นผมเปลี่ยนเป็นโดดงานแทนละกัน
ผมว่าน่าจะขอได้นะครับ เพราะ compile งานช้า ทำให้ productivity ต่ำ
แทนที่เราจะทำงาได้ 100% กลับเหลือ 25% เพราะ compile ช้า
ทุกคนอยู่ในคิวที่จะเปลี่ยนอยู่แล้วครับ
แต่ตอนนี้ไม่มีเครื่องจะเปลี่ยนน่ะครับ
ไม่จริงครับ HP Pavilion ห่วยมาก ใช้คอนเดนเซอรคุณภาพไม่ดี ก้นกระป๋องปูดแทบจะปริบ เป็นหมดทุกเครื่องที่ซื้อมาเลยครับ มันจะเป็นหลังหมดประกันครับ
เครื่องที่เป็น Server ยังดีอยู่ครับ แต่ระบบระบายความร้อนและความเงียบสู้ IBM ไม่ได้
คอนเดนเซอร์ หรือคาปาซิเตอร์ครับ?
ถ้าระดับ Workstation เรียกว่าอึดทึกทนมากครับ ที่ออฟฟิต XW4200 อายุเกือบสิบปีหรือกลางๆ อย่าง Z400 จนถึงตัวแรง Z820 มันพิสูจน์ให้ผมรู้ล่ะครับ เพราะทำงานได้ตลอดเวลาไม่เคยปิดเครื่องเลย
..อืม ครับ
เพราะมันไม่มี Group Policy 555
แอปเปิ้ลตอบกลับมาว่าไม่เป็นไร เพราะ IT Manager ใช้ ไอโฟนเป็นโทรศัพท์ส่วนตัวและแนะนำคนอื่นให้ซื้อด้วย
ช่อง Youtube ของผมครับ รีวิวและชวนคุยนู่นนี่
"ผู้จัดการฝ่ายไอทีเกลียดภาวะที่ต้องเข้าไปจัดการอุปกรณ์ iOS ที่มีข้อจำกัดมาก ขณะที่อุปกรณ์อื่นๆ ที่ผ่านมาเปิดให้องค์กรเข้าไปจัดการได้มากกว่า" ผมว่าIT Mgr น่าจะชอบนะ เพราะไม่ต้องวุ่นวายกับการตั้งค่าทุกอย่างเอง รวมถึงUserก็ตั้งค่าเองได้จะได้ไม่เกิดUser Error ซะเปล่า
กลับกันเลยครับ IT MGR (ต้องใช้ลูกน้อง) ลงไปเซ็ตเครื่องของ User เอง กี่เครื่องก็เซ็ตไป
แค่นึกว่าต้องเอา iPad ต่อเข้า Citrix ก็เหนื่อยละครับ (จริง ๆ มันก็ไม่ได้ยากอะไรหรอก แค่ต้องใช้ Encryption ที่ iPad รองรับ ... มั้งครับ)
เห็นด้วย ผู้จัดการไอทีบางทีก็เป็นญาติของเจ้าของบริษัทที่ไม่เหมาะจะไปทำงานในตำแหน่งอื่นๆ
พอ iPad เข้าไปแย่งส่วนแบ่งตลาดองค์กรได้มากขึ้นอีกระดับนึง Apple ก็ปล่อย OSX server ที่มี feature การจัดการและ remote เข้า iOS Device ของ องค์กรได้อย่างง่ายดาย (GUI) สามารถติดตั้งบนเครื่อง mac รุ่นใดก็ได้ บลาๆ
ข้อดี บ. จ่ายแค่ค่า iPad ส่วนอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นๆ user สามารถซื้อมาใช้เองได้แถมมีให้เลือกมากมายในตลาด ส่วนใครไม่สะดวกก็ใช้นิ้วจิ้มทำงานต่อไป #ห๊ะ!
ข้อเสีย อาจจะต้องรอ App อย่าง M$ Office ver. iPad อีกสักพัก เชื่อว่า M$ ไม่ปล่อยส่วนแบ่งการตลาดนี้ให้ iWork หรือ Quick Office ของ Google แน่ๆ แต่คงใช้วิธีเก็บตังค์แบบ Cloud ไป.. จ่ายทีเดียวใช้ได้ทุก platform เหมือนเช่นตอนนี้ และน่ากำลังซุ่มทำ Office ver. Android อยู่ด้วย แต่คงยังไม่ถึงเวลาปล่อยออกมา
ผมเดาไว้ว่าแบบนี้นะครับ ประมาณเวลาว่าคงไม่เกิน 2 ปีจากนี้คงได้เห็น
ตอนนี้ OS X Server มันกลายเป็น App ไปแล้วนะครับ คือไปลง Mac ได้แทบทุกเครื่องนะ คิดว่า มี App พวกจัดการเครื่องทีละมากๆ ของ Apple อยู่แล้วด้วย (ผมไม่แน่ในความสามารถนะ ว่ามากแค่ไหน) การจัดการตรงนี้ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหามาก Apple เองน่าจะยอมทำงานร่วมกับ Partner นะ ถ้ามี Demand จริงๆ
ที่จะเป็นปัญหาคงเป็น Office อย่างที่ว่าน่ะแหละครับ แต่ถ้า Subsribe 365 ให้ใช้ทั้งองค์กรก็ใช้ใน iPad ได้นี่นา
ผมเห็นแค่ตัว Apple Configurator app อ่ะครับ แต่ยังไม่เห็นพวก remote เหมือนพวก Observer บน OSX Server ที่ไว้ remote เข้าไปหาเครื่อง mac ในเครือข่ายเลย ถ้ามีออกมาคงดีมากๆ พวก IT คง happy ไม่ต้องเดินหาถึงโต๊ะ หรือสั่ง remote ให้ backup ข้อมูล (ผ่าน wireelss) แล้วremote install iOS app ได้ผ่าน Wireless คงแจ๋วมาก
ผมมองว่า hardware ตอนนี้มันใช้ทำงานเอกสารได้เพียงพอแล้ว ขาดแค่ App ที่ใช้งานได้ง่ายและไม่ต้องเรียนรู้จากเดิมเยอะก็พอ
แถมช่วยประหยัดพลังงานไปได้เยอะเลย
ปล. iPad Air ให้ ram มา 1GB เอง น้อยจริง T.T
ปล. 2 จะว่าไปถ้าจอรุ่นใหม่มี port HDMI มาให้แล้วเสียบ adaptor เข้าจอใหญ่ผ่านสาย HDMI ส่วน iPad ก็เปลี่ยนตัวเองเป็นที่วาง tools กับ touchpad ซะคงได้ app ไว้ทำงานเจ๋งๆ อีกหลายตัวเลย (คงมี 3rd party ทำที่วาง iPad กับ keyboard เจ๋งๆ ออกมาอีกเยอะ)
ปล. 3 แอบคิดต่อไปถึงจอ Apple รุ่นใหม่ที่รองรับการเชื่อมต่อด้วย Port USB3.0 แล้วมี Flash Storage ในตัวเวลาจะทำงานแบบต่อจอใหญ่ก็เอา app load เก็บเข้า Flash Storage แล้วก็ทำงานเหมือนอยู่บน iPad ได้เลย ตัว iPad มีหน้าที่แค่ส่งข้อมูลจาก คีย์บอร์ดไร้สายและการสัมผัสบนหน้าจอผ่าน USB3.0 เข้าจอก็พอและก็ชาร์จไฟจากจอไปในตัวด้วย ฮู้ววว สงสัยต้อง iOS8 พร้อม XCODE6 ที่มี API พวกนี้เพิ่มมาให้
บ่นเยอะไปละแฮะ >.<
วินโด้8มันSuccessด้วยเรอะ? จากที่ใช้ๆดูเข้า"ขั้นห่วย"เลยนะ PC notebookก็คือเครื่องมือผลิตสื่อที่ดีที่สุดอยู่ดี แท๊บเล็ตมันช่วยได้แค่ชั่วคราวแค่รายละเอียดเล็กน้อยที่ต้องแก้ต่อให้มีคีย์บอร์ดด้วยก็เถอะ
เคยลองเอาไอแพตไอเวอร์มาพิมพ์งานระหว่างวิชาเรียนแล้ว มีคีย์บอร์ดด้วย ผลที่ได้"ไม่เวิร์คสุดขีด" OSสำหรับPCทำต่อไปเหมือนเดิมเถิด ส่วนพวกแท๊บเล็ตมือถือก็ทำเป็นอีกOSไปเลยอย่าเอามาผสมกันเลย คนใช้เขาปวดหัวนะตอนที่ต้องเรียนรู้อะไรใหม่ๆอยู่เรื่อยๆเนี่ย งานการไม่ได้ทำพอดี --********
ผมว่า WP8 มีข้อจำกัดเยอะกว่า iOS อีกนะ
เดี๋ยวนี้กระแส Bring Your Own Device เริ่มมาแล้วนะครับ
ไดจำกัด => ได้จำกัด
ระบบปฎิบัติการ => ระบบปฏิบัติการ
ก็ลองเลิกใช้ desktop แล้วนั่งเล่น iPad กลาง office ทั้งวันดูซิครับ
เวลาเจ้านายเรียก ก็บอกว่า ผมทำงานบน iPad อยู่
เอาให้รอดนะครับ
ขอให้โชคดี
นานมาแล้ว ปตท.สนญ. แจก iPad2 ให้พนักงานใช้ หลังจากที่อัพเดท iOS7 พนักงานส่วนใหญ่เริ่มหันมามอง Surface ทันที
ก็ไม่แปลกที่เค้าจะไม่ชอบนะ
การไม่มี Group Policy นี่ทำให้ IT ลำบากมาก เพราะตั้งการเข้าถึง ปลดการใช้งาน หรือกำหนดนโยบายการใช้ devices ไม่ได้
- การติดตั้ง App เฉพาะที่ต้องใช้ การเข้าถึง แม้แต่การติดตั้งโปรแกรมจากระบบกลางได้ทันที ไม่ต้องเดินมาที่เครื่อง
- กีดกันการเชื่อมต่อ device กับอุปกรณ์ภายนอก อย่างที่เจอๆ คือ การล็อคไม่ให้ใช้ optical drive หรือ flash drive จากระบบส่วนกลาง ถ้าอย่าง iPad คือการปิดกั้นไม่ให้ไปเชื่อมต่อกับ PC เครื่องอื่นๆ
- ปลดล็อค ติดตั้งเครื่องใหม่ และ backup เครื่องจากส่วนกลางจากภายในองค์กรไม่ใช่ iCloud
- ฯลฯ
ต่อมาก็เรื่องตั้ง Server Update Services เองก็ไม่ได้ ซึ่งตั้งให้ Server โหลด update มาแล้วกระจายภายใน ไม่เปลือง b/w หรือตั้ง delay update ได้ ไม่ใช่อยู่ๆ พี่ก็มา auto update โดยโหลดมาเงียบๆ แล้วโผล่มาวันต่อมา อยู่ๆ ระบบก็มีปัญหา ตรงนี้หน่วยงานที่ใช้ระบบที่ต้องการความเสถียรภาพสุดๆ จะซีเรียสมาก เค้าต้องทดสอบ patch ทุก patch ว่าไม่มีปัญหากับระบบภายในของเค้า
จริงๆ แค่ Group Policy ตัวเดียวเพียงพอที่จะไม่ใช้ได้เลย นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องอื่นๆ ส่วนใหญ่ในระดับหน่วยงานที่ซีเรียสมากๆ อุปกรณ์ iPad นี่อยู่โซนนอกสุดของระบบเลยด้วยซ้ำ
ทั้งหมดที่ว่ามาแค่ส่วนหนึ่งที่ไม่ถึงเศษเสี่ยวของระบบ IT ในบริษัทใหญ่ๆ ที่ระดับเครื่องดูแลหลังร้อย-พันเครื่อง ซึ่งเค้าต้องดูแลเครื่องให้ทำงานได้พร้อมใช้ และปลอดภัยจากภัยที่มองไม่เห็นจากอุปกรณ์ที่ควบคุมไม่ได้จากส่วนกลาง