Tags:
Node Thumbnail

วันนี้คุณพูนสุข พูนสุขเจริญ หนึ่งในทีมทนายของคุณอำพล (อากง SMS) ได้โพสเอกสารความเห็นในคดีของคุณอำพล มันเป็นเอกสารที่เตรียมไว้สำหรับการยื่นอุทธรณ์ พร้อมกับเตรียมให้ผู้เชี่ยวชาญจาก Security Research Labs (SR Labs) มาขึ้นศาลเป็นพยานแต่สุดท้ายคุณอำพลตัดสินใจไม่ยื่นอุทธรณ์เพื่อขออภัยโทษแทน

เอกสารฉบับนี้ออกโดยดร. Karsten Nohl หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของบริษัท สำหรับ SR Labs นี้เป็นบริษัทที่นำเสนองานวิจัยเรื่องการปลอมแปลงหมายเลขโทรศัพท์เพื่อส่ง SMS ในยุโรป ที่งาน 29C3 เมื่อปลายปีที่แล้ว

เอกสารฉบับนี้มีใจความหลักคือทางทีมวิจัยได้เข้ามาตรวจสอบพฤติกรรมของเสาโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยของเครือข่าย DTAC เมื่อโทรศัพท์ต้องการส่ง SMS และพบว่าค่าแฟลก CR (Ciphering Response) ในแพ็กเก็ต Ciphering Mode Command ของเสา DTAC นั้นตั้งค่าเป็น 0 ทำให้เครื่องโทรศัพท์ไม่ได้ส่งหมายเลข IMEI กลับไปยังเสา ณ ตอนที่กำลังสั่งส่ง SMS (เอกสาร 3GPP ดูข้อ 3.4.7.1)

กระบวนการส่ง SMS ที่ SR Labs ตรวจสอบเสา DTAC พบว่าจะประกอบไปด้วยแพ็กเก็ตทั้งหมด 107 แพ็กเก็ต และเนื่องจากไม่มีการสั่งให้เครื่องโทรศัพท์ส่งหมายเลข IMEI ตลอดกระบวนการจึงไม่มีการส่งหมายเลข IMEI ในจุดอื่นอีก

เอกสารนี้ตั้งข้อสังเกตว่าเนื่องจาก DTAC ไม่ได้ขอให้เครื่องส่งหมายเลข IMEI ไปยังเสาทุกครั้งที่ส่ง SMS แสดงว่าการบันทึกไฟล์ล็อก อาศัยข้อมูลจากกระบวนการอื่น ได้แก่ การเริ่มต้นเชื่อมต่อกับเครือข่าย,ขณะที่โทรศัพท์อัพเดตที่อยู่ของตัวเองเมื่อเคลื่อนที่, และการอัพเดตตามช่วงเวลาซึ่งตัวเสาตั้งค่าได้เองให้โทรศัพท์ติดต่อเข้าไปบ่อยเพียงใด การบันทึกว่า SMS ใดส่งมาจากหมายเลข IMEI ใดจึงเป็นการอนุมานเอาจากหมายเลข IMEI ที่เคยติดต่อกันก่อนหน้านั้น

กระบวนการบันทึกแบบนี้ทำให้ SR Labs ระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่การบันทึกล็อกหมายเลข IMEI ผิดพลาด โดยอาจจะเป็น SMS ที่มาส่งผ่านอินเทอร์เน็ตหรือผ่านเครือข่าย SS7 ของโทรศัพท์ด้วยกันเอง

ประเด็นอื่นๆ ที่ SR Labs ยังยืนยันคือหมายเลข IMEI นั้นสามารถปลอมแปลงได้ง่าย และเราสามารถตรวจจับหมายเลข IMEI ที่มีการใช้งานอยู่ได้หากอยู่ในโซนเดียวกันของเมือง

ที่มา - May Poonsukcharoen

update ชั่วคราว: ทางทีมทนายอีเมลมาหาผมขอให้เซ็นเซอร์หมายเลขโทรศัพท์ที่เกี่ยวข้องออกนะครับ พอดีตอนนี้ผมยังไม่ว่างมาแก้เอกสาร ถ้าแก้เสร็จแล้วจะโพสอีกครั้ง

Get latest news from Blognone

Comments

By: mr.k on 24 August 2012 - 19:48 #463294

มีแววยาวอีกแล้ว แต่การที่ DTAC เก็บแบบนี้เป็นมาตรฐานหรือ Operator อื่นก็ทำกันหรือเป็นความบกพร่องของ DTAC น่าจะบอกมาด้วย

By: nzangel
Windows PhoneAndroidUbuntu
on 24 August 2012 - 19:54 #463295

จะมีประโยน์อะไร นอกจาก อากง ได้รับอิศระภาพไปแล้ว แบบไร้วิญญาณ

แต่ถ้าเอาหลักฐานนี้มาช่วยให้ไม่ผิดได้ ก็หมายความว่า คนฟ้องจะต้องไปนอนคุกแทน ใช่หรือไม่

By: mr.k on 24 August 2012 - 19:59 #463299 Reply to:463295

กฏหมายบางประเทศยกผลประโยชน์ความคลุมเครือให้กับโจทย์ ดังนั้นไม่มีประโยชน์อะไรถ้าไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้ทำผิด ไม่จำเป็นต้องเอาผิดเมื่อพิสูจน์ได้ว่าผิด แต่พิสูจน์ว่าถูกไม่ได้ก็ผิดแล้ว

By: lazywahwah
Android
on 24 August 2012 - 19:59 #463300 Reply to:463295

bringing down the court ครับ เรื่องแบบนี้ ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก

By: Zenn
iPhoneUbuntuWindows
on 24 August 2012 - 19:59 #463301 Reply to:463295

ผมว่ายังมีประโยชน์อยู่นะครับ

By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 24 August 2012 - 20:10 #463305 Reply to:463301
PaPaSEK's picture

มาตรฐานการพิจารณาคดีครั้งหน้าสินะครับ

By: illusion
ContributorAndroid
on 24 August 2012 - 20:59 #463324 Reply to:463295
illusion's picture

ผมว่าถ้างานนี้ศาลตัดสินผิด ผู้พิพากษาคดีนี้ก็ต้อง "พิจารณาตัวเอง" เหมือนกัน (จริงๆ ก็ควรพิจารณาตัวเองตั้งแต่แรกแล้ว ว่าตัดสินไปได้ไงกับหลักฐานที่ยังไม่ชัดเจนแบบนี้ ตกลงว่าใช้อารมณ์ความรู้สึกตัดสินคดี?)

ถ้าพบว่าศาลตัดสินผิดจริง แล้วท่านผู้พิพากษาผู้ทรงเกียรติยังไม่พิจารณาตนเอง งานนี้ผมอนุญาตให้เสื้อแดงไปแสดงพลังได้เลย ปกติผมไม่เชียร์ แต่งานนี้ผมจะเชียร์ครับ

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 24 August 2012 - 21:12 #463329 Reply to:463324

ตุลาการในประเทศไทยถอดถอนได้วิธีเดียวครับ คือให้สว. 3/5 ลงมติถอดถอน ซึ่งในทางปฎิบัติเป็นไปได้ยากสุดๆ

By: illusion
ContributorAndroid
on 24 August 2012 - 21:28 #463345 Reply to:463329
illusion's picture

ส่วนตัวผมอยากเห็นการแสดงความรับผิดชอบจากเจ้าตัวเลยครับ เพราะปกติบ้านเรานี่เวลาผิดแล้วออกแนวเงียบกลบเกลื่อนกันไปหน่อย

มันคงจะสร้างบรรทัดฐานที่ดีมาก ถ้าคนในบ้านเรารู้จักแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำไป ถ้าเป็นผมตัดสินผิด ผมก็คงขอประกาศลาออกครับ ไม่ได้โลกสวย ไม่ได้เป็นคนดีอะไร ก็ห่วงครอบครัวเหมือนกัน แต่เอาสั้นๆ...."อาย" ..เพราะคดีนี้ถือว่าเป็นคดีดังและมีผลกระทบต่อสังคมเยอะ และถ้าผิดจริงก็ถือว่าร้ายแรงมากเพราะกระบวนการตัดสินมีช่องโหว่ที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้น แถมทำร้ายชีวิตๆ นึงเลย เป็นผมผมคงทนอยู่ไม่ได้ครับ หน้าบางเกินไป

By: ginhub
ContributoriPhoneWindows
on 25 August 2012 - 12:23 #463611 Reply to:463345

+100 ครับ แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่าพวกอัยการและผู้พิพากษาคดีดังๆในอดีต มีคนติดคุกเป็นสิบปีบ้าง ป่วยเสียชีวิตในคุกบ้าง (คดีฆาตกรรมนักเรียนหญิงลูกครึ่งท่านหนึ่ง) ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ทั้งที่มีการรื้อคดีภายหลังว่าเขาเหล่านั้นไม่ผิด

By: platalay
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 24 August 2012 - 21:32 #463348 Reply to:463324

สั่งประหารคนไป 3 คน เพราะไม่รู้จะเอาคนผิดที่ไหนมารับโทษยังทำมาแล้วเลย

By: GigMePlz
iPhone
on 24 August 2012 - 21:42 #463355 Reply to:463324

ในกรณีนี้ศาลไม่น่าจะตัดสินผิดนะ เหตุน่าจะมาจากเหตุผลที่ฝ่ายจำเลยใช้อ้างอิงไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะทำให้ยกฟ้องได้ ศาลตัดสินตามหลักฐานที่ได้รับ ถ้าหลักฐานจากข่าวล่าสุดได้ถูกยื่นก่อนหน้านี้ อากงอาจหลุดจากคดีนี้ก็เป็นได้

By: cwt
AndroidRed Hat
on 25 August 2012 - 06:42 #463485 Reply to:463355

อันนี้ไม่ถูกต้องนะครับ คดีอื่นๆ เอาแค่ในประเทศนะ ที่ไม่ใช่ 112 ผู้พิพากษาทุกคนต่างใช้หลักการเดียวกันคือ บริสุทธิ์จะกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าผิด แต่คดี 112 กลับใช้ผิดจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าบริสุทธิ์ แถมยังไม่ยอมให้ประกันตัวออกมาหาหลักฐานพิสูจน์ตัวเองอีก!

By: ginhub
ContributoriPhoneWindows
on 25 August 2012 - 12:25 #463615 Reply to:463485

หลักกฏหมายประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก + เรื่องอื่นๆในไทย >> "Presume innocent"
แต่ 112 ส่วนใหญ่ >> "Presume guilty"
และไม่ได้ประกันตัว

By: lawandbible
Red Hat
on 24 August 2012 - 22:19 #463378 Reply to:463324
lawandbible's picture

ระวังเรื่องละเมิดอำนาจศาล

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 24 August 2012 - 22:37 #463389 Reply to:463378

ละเมิดศาล/หมิ่นศาล คือการกระทำที่ขัดขวาง หรือข่มขู่ตุลาการ ในช่วงเวลาพิจารณาคดีครับ แต่ถ้าึำคำพิพาษาออกมาแล้ว เราสามารถวิจารณ์คำตัดสินได้ในทางวิชาการอย่างมีเหตุผล

แต่ถ้าด่าล้ำเส้นถึงตัวบุึคคล ก็จะเป็นการหมิ่นประมาทบุคคล ไม่ใช่การหมิ่นศาลฯครับ แต่เห็นบางคนชอบเอามาขู่เหมารวม ว่าห้ามวิจารณ์คำพิพาษาษาไปซะงั้น(ไม่ได้ว่าคุณนะ แต่หมายถึงตามหน้าสื่อหลัก)

By: sunback
Contributor
on 24 August 2012 - 19:57 #463297
sunback's picture

เอกสารฉบับนี้ออกโดยดร. Karsten Nohl หน้าหน้า

By: paween_a
Android
on 24 August 2012 - 20:12 #463307
paween_a's picture

จากประสบการณ์ หลาย ๆ ครั้ง CDR ที่เกิดขึ้นในระบบจะไม่ได้ระบุค่า IMEI (หมายเลขประจำตัวเครื่องโทรศัพท์) มาด้วย ในการอ้างอิง CDR ว่าเป็นหมายเลขนั้นจะใช้เบอร์โทรศัพท์และ IMSI (หมายเลขประจำตัวของซิม) เป็นหลักครับ

By: platalay
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 24 August 2012 - 20:16 #463308 Reply to:463307

ขอถามเป็นความรู้นิดนึงครับ

เพราะแบบนี้เลยทำกรณีสายพันกันใช่มั๊ยครับ ประมาณว่า เครื่องผมมีสายโทรมา พอรับสายปุ๊บ กลายเป็นอีกฝั่งก็รับสายเหมือนกัน ไม่ได้โทรกันทั้งคู่

By: paween_a
Android
on 24 August 2012 - 20:25 #463312 Reply to:463308
paween_a's picture

อืมประเด็นสายพันกันนี้ผมไม่แน่ใจนะครับ ถ้าเดาดูน่าจะเป็นที่อุปกรณ์เครือข่ายโดยตรงเลยมากกว่า

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 25 August 2012 - 03:29 #463468 Reply to:463307
lew's picture

ผมไม่แน่ใจว่าผ่าน process อะไรบ้าง แต่ log ที่ใช้ในศาลเท่าที่จำได้จะมี IMEI กำกับทุกบรรทัดครับ


lewcpe.com, @wasonliw

By: paween_a
Android
on 26 August 2012 - 09:29 #463976 Reply to:463468
paween_a's picture

ส่วนใหญ่ถ้าเป็น CDR ของ"เสียง" มักจะมี IMEI ติดมาด้วยครับ (แปลว่าก็มีโอกาสเหมือนกันที่ IMEI จะไม่แสดงมาในรายการของ CDR นั้น ๆ) แต่ถ้าเป็นกรณี CDR ของ "SMS" นั้นค่า IMEI มักจะไม่ค่อยมีค่านี้ใน CDR ครับ

ก็อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าทางผู้ให้บริการเครือข่ายจะใช้เบอร์โทรและก็ IMSI เป็นหลักในการอ้างอิงว่าเป็นเบอร์นั้น ๆ ครับ

By: Perl
ContributoriPhoneUbuntu
on 24 August 2012 - 20:19 #463310
Perl's picture

Operator ระดับประเทศ เรื่องความรู้ด้านเทคนิคคงไม่ต้องพูดถึงเพราะควรอยู่ในระดับ Expert แต่น่าเสียดายที่กระบวนการทำงานไม่ Expert อย่างที่คิด

อีกทั้งกระบวนการยุติธรรมก็ยังตามเทคโนโลยีไม่ทันอีก ทั้งที่ทั้งโลกเขาดูออกว่าเป็นแพะ เอาชีวิตของคนอื่นมาตายแบบไร้ค่าแบบนี้ช่างน่าห่ดหู่ใจจริงๆ

By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 24 August 2012 - 20:33 #463315 Reply to:463310
PaPaSEK's picture

สำหรับผม

ผมเห็นอนาคตตั้งแต่ข้อกล่าวหาแล้วครับ

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 24 August 2012 - 20:27 #463314

เป็นข้อเตือนใจว่า คดีร้ายแรง ควรที่จะเรียกพยานผู้เชี่ยวชาญตัวจริง มาสอบถาม ไม่ใช่ยกประโยชน์โดยอ้างว่าจนท.ธุรการจากบ.มือถือเป็นพยานที่น่าเชื่อถือพอแล้ว แบบที่ผ่านมา

By: g-man
ContributoriPhone
on 24 August 2012 - 21:16 #463336

มายืนยันคำเดิมว่าที่อากงแพ้คดีไม่ใช่เพราะเรื่องเทคนิคเป็นปัจจัยหลัก แต่แพ้เพราะคำให้การกลับไปกลับมาและมีพฤติการ ที่ส่อไปทางโป้ปดต่อศาล ดังนั้นต่อให้เรื่องนี้ยื่นไปก็ไม่รอดอยู่ดีครับ

By: enormityboy
iPhone
on 24 August 2012 - 21:24 #463340 Reply to:463336
enormityboy's picture

โอ้ ติดคุกเพราะท่าทางเหมือนจะโกหก น่าเศร้านะครับ

By: encode-x
AndroidWindows
on 24 August 2012 - 23:10 #463398 Reply to:463340

'เหมือนจะโกหก' หรือ 'โกหก' น่าจะไปอ่านคำวินิจฉัยดูนะครับ

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 24 August 2012 - 21:26 #463341 Reply to:463336

ตามหลักการ พยานหลักฐานควรจะมีน้ำหนักมากกว่าพยานบุคคลสิครับ ยิ่งหลักฐานสำคัญคือ CDR กับเลข imei ซึ่งควรจะถูกซักค้านให้ตกไป จากการปลอมแปลงได้ง่าย และCDR ที่ไมไ่ด้ระบุข้อมูลสำคัญเพียงพอ จึงไม่อาจนำมาเป็นหลักฐานสำคัญในการปรักปรำคดีที่มีโทษร้ายแรงเทียบเท่าฆ่าคนตายได้เลย

ลองเทียบกับคดีฆ่าคนตายทั่วไป แม้จะมีคนมาสารภาพยอมรับ แต่ถ้าหลักฐานอื่นๆไม่ชัดเจนหรือขัดแย้ง ก็เอาผิดไม่ได้ง่ายๆอยู่ดี อย่าลืมว่าบ้านเราเป็นระบบกล่าวหา ไม่ใช่้ระบบไต่สวน การจะเอาผิดใครต้องหาหลักฐานมากล่าวหาให้ครบถ้วนจนปราศจากข้อสงสัย การอ้างว่าผู้ถูกกล่าวหา ให้การวกไปวนมา แสดงว่าไม่บริสุทธิ์หรือผิดแน่ๆ แบบนี้มันผิดหลักไปลิบลับ

จะยกเรื่องคำให้การ หากเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และให้การไม่ตรงความเป็นจริง ในทางที่เพื่อประโยชน์แก่ตนเอง ก็ไม่ได้ผิดฐานให้การเท็จนะครับ(ต้องเป็นพยานที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในคดี ถึงจะเป็นผิดข้อหาให้การเท็จ)

และน่าเสียดายยิ่ง แม้ว่าจะยกฟ้อง แต่คดี112 ไม่สามารถเอาผิดย้อนกลับกับผู้ที่กล่าวหาเท็จได้ด้วยซ้ำ เราจึงพบเห็นนักการเมืองเป็นคนกล่าวหาคดีนี้เพื่อหวังผลทางการเมืองอยู่เป็นประจำ

By: g-man
ContributoriPhone
on 24 August 2012 - 21:38 #463351 Reply to:463341

พฤติการมันส่อในทางลบก็เข้าคุกไปขาล่ะครับ ทางเพ่งถ้าหลักฐานกำกวมก็ตีจากพฤติการเช่นกันไม่ใช่แค่อาญาอาทิ คดีมรดกมักมีการดูพฤติการประกอบเพราะหลักฐานกำกวม ในโซนนี้คนที่สุจริตแต่มีพฤติการซื่อๆ ไม่ฉลาดก็เสียท่าโดนอีกฝ่ายโกงมรดกได้มาเยอะล่ะครับ มันไม่ใช่แค่มาตรา 112 ที่เป็นแบบนี้หรอกแต่มันเพราะการที่กฏหมาย มันเก่าเกินแกงแถมออกแบบมาซะทื่อเป็นไม้ท่อน ผ่านมาหลายสิบปีโดนเล่นคำจนพรุนหมดแล้ว ใครเชี่ยวกว่าพร้อมกว่าก็ชนะว่าไปแต่ก็แปลก ไม่มีใครยักจะแก้สักทีทั้งที่ตอนหลัง เป็นคดีที่มีการสู้คดีบนชั้นศาลแซงหน้าคดีกู้ยืมเงินแล้วแท้ๆ

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 24 August 2012 - 21:41 #463354 Reply to:463351

คดีแพ่ง กับ อาญาฯ ใช้หลักตัดสินต่างกันมากครับ

คดีอาญาฯยึดหลักผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีหลักฐานจนปราศจากข้อสงสัย ฉะนั้นถ้ามีจุดที่ซักค้านหรือคลุมเครือได้ ก็ต้องยกประโยชน์ให้จำเลย

ส่วนคดีแพ่งฯ ใช้หลักการโต้แย้งนิติกรรมสัญญา ถ้าฟ้องแพ่งฯ แล้วไม่โต้แย้ง ก็ถือว่ายอมรับในสัญญานั้นๆ กลายเป็นยกประโยชน์ให้โจทก์แทน

เราจึงไม่สามารถนำคดีแพ่งฯมาเทียบเคียงคดีอาญาฯที่มีโทษร้ายแรงเทียบเท่าการฆ่าคนตายได้เลยครับ

By: g-man
ContributoriPhone
on 24 August 2012 - 21:48 #463356 Reply to:463354

โดยทางกฏหมายหลักการแล้วใช่ครับ แต่ในกรณีที่หลักฐานกำกวมต่างฝ่ายต่างอ้างได้ใกล้เคียงกัน ศาลดูพฤติกรรมากกว่าครับ ลองหาคดีมรดกมาอ่านดูครับหลายคดีจบที่ศาลดูจากพฤติการที่ทำให้ศาลเชื่อได้ว่าบลาๆๆ

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 24 August 2012 - 22:35 #463386 Reply to:463356

คดีมรดก มันคดีแพ่งฯ คุณก็จะพยายามไปเทียบกับคดีอาญาฯ เพื่ออะไรล่ะครับ?

หลักวิธีพิจารณาต่างกัน มาเปรียบเทียบกันตรงๆไม่ได้เลยครับ ย้ำครับว่า ศาลบ้านเรายึดหลัก ผู้ถูกกล่าวหาคือผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะปรักปรำได้จนปราศจากข้อสงสัย คุณจะไปเอาเรื่องทางแพ่งฯ ที่ว่าถ้ามีพิรุธ หรือไม่โต้แย้งก็คือการยอมรับในสัญญานั้นๆ ไม่ได้เลยครับ

ย้ำอีกทีว่าคดี112 เป็นคดีอาญาฯมีบทลงโทษเทียบเท่าการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาครับ

By: g-man
ContributoriPhone
on 25 August 2012 - 09:09 #463505 Reply to:463386

ผมเทียบเพื่อย้ำว่า การพิจารณาจริงๆกับการพิจารณาในตำราที่ท่องกันมันต่างกันครับ เมื่อหลักฐานหรือพยานมีน้ำหนักไล่เลี่ยกันทั้งสองข้าง หรือมันไม่มีน้ำหนักทั้งสองข้างศาลก็จะอาศัยพฤติกรรมในการตัดสิน เพราะทนายไทยล้วนใช้ช่องโหว่ตามอักษรกฏหมายโบราณจนคล่องกันหมดแล้ว

By: จักรนันท์ on 25 August 2012 - 09:50 #463539 Reply to:463505

ขอแซวคุณ Fourpoint และคุณ g-man นะครับ...

คนหนึ่ง ยืนอยู่ในมุมของ "ข้อเท็จจริง" ส่วนอีกคน อยู่ที่มุมของ "ความเป็นจริง" ของมนุษย์...

จะลงเอยที่ใดล่ะนี่...

By: terminus
ContributorJusci's WriterMEconomicsUbuntu
on 25 August 2012 - 16:57 #463711 Reply to:463539

"ความเป็นจริงของมนุษย์" นี่คืออะไรครับ

คำพูดสวยๆ ไม่ได้ทำให้การบิดเบือนหลักการถูกต้องขึ้นมาหรอก

By: จักรนันท์ on 25 August 2012 - 17:09 #463715 Reply to:463711

"กฏหมาย"/"ตัวหนังสือ" คือข้อเท็จจริง

"พิจารณญาณของผู้พิพากษา"/"ดุลยพินิจของผู้ตัดสิน" คือความเป็นจริง

"หลักการ" คืออัตตาครับ คำพูดผมไม่ได้สวยตรงไหนเลย

และหลักการของมนุษย์ต่างหากที่เป็นฝ่ายพยายามบิดเบือนความเป็นจริงมาตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษย์ครับ

ความเป็นจริง ถูกต้องเสมอครับ หลักการต่างหากที่ขึ้นอยู่กับมนุษย์กำหนดให้มันถูกหรือผิด

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 27 August 2012 - 22:32 #464597 Reply to:463715

แล้วคุณเอาอะไรมายืนยัน ว่าความเป็นจริงนั้นถูกต้องจริงๆ ถ้าึคุณไม่ยึดหลักการอะไรมาตัดสิน?

ดุลพินิจตะหากที่เป็น"อัตตา" เพราะยึดจากปัจเจกบุคคล ที่อาจอิงหรือไม่อิงหลักการอะไร อาจจะใช้แต่ความรู้สึกล้วนๆ หรือเกิดจากอคติในใจก็เป็นไปได้ เพราะไม่มีอะไรสามารถการันตีได้เลยว่า ดุลพินิจ จะเที่ยงตรง ถูกต้องได้เสมอไป!

By: จักรนันท์ on 28 August 2012 - 13:23 #464858 Reply to:464597

อ่านดีๆ วิเคราะห์ดีๆ ครับ คุณตามผมไม่ทันเองครับ

ผมเอา "ความเป็นจริง" มายืนยันไงครับ ไม่ต้องใช้ "หลักการ" ใดๆ ไปตัดสินทั้งสิ้นครับ มันถูกเสมอ แต่ไม่ใช่ "ถูกแท้" เพราะไม่มีอะไรที่ถูกแท้/ผิดแท้ครับ

อะไรจะถูกต้องตามกฏหมาย ถูกต้องตามหลักการ...

อะไรจะผิดกฏหมาย ผิดหลักการ....

ก็ตาม...

แต่มันคือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น ซึ่งถูกต้องเสมอ ตามธรรมชาติของมนุษย์ครับ

ดุลยพินิจ คือสิ่งที่มีเกิดขึ้นในใจของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ นั่นถูกต้องแล้ว ถ้าไม่มีขึ้นมา ย่อมแปลว่าไม่ใช่มนุษย์ (เฉพาะในโลกใบนี้นะครับ นอกโลกผมไม่ทราบ) มันจึงไม่ใช่ "อัตตา" ครับ

แต่ความพยายามยึดมั่นถือมั่นใน "หลักการ" "กฏหมาย" "ดุลยพินิจ" หรืออะไรก็ตามที่มนุษย์ปรุงแต่งขึ้นมา นั่นสิครับคืออัตตา

แม้แต่ความพยายามที่จะทำให้โลกเป็นไปตามหลักการในอุดมคติก็ตาม จะพยายามให้ไปในด้าน Positive หรือ Negative ก็ตาม ความพยายามเหล่านั้นคืออัตตาทั้งสิ้น

ถ้าเข้าใจในสิ่งที่มันเป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์แล้ว จะเข้าใจที่ผมกล่าวว่า "ความเป็นจริงถูกต้องเสมอ" เพราะมันคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และสิ่งที่ "เกิดขึ้นจริง" ไม่ได้ "ถูกแท้" แน่นอน รวมไปถึง "ไม่ได้ถูกต้อง" ตาม "หลักการ" ตาม "กฏใด" เสมอด้วยครับ

ผมยังยืนยันว่า "ความเป็นจริงถูกต้องเสมอ" ครับ ถ้าคุณเข้าใจแล้ว คุณจะไม่แปลกใจเลยสักนิด ต่อปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของมนุษย์ที่กำลังเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ แม้แต่ปราฏกการณ์ทางอัตตาของตัวคุณเอง เช่นที่พยายามหาว่าเอาอะไรมายืนยันนั่นเอง

ธรรมชาติ มันยืนยันด้วยตัวมันเองครับ แม้กระทั่งที่คุณเพิ่ง Reply ออกมา ก็เป็นสิ่งยืนยันออกมาแล้ว

การพยายามวัด พยายามการันตีของคุณนั่นเอง คือการพยายามปรุงแต่งหลักการขึ้นมาใหม่อีก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวคุณเองก็กล่าวออกมาว่าไม่มีอะไรการันตีความถูก/ผิดได้เลย แล้วกระนั้น... ยังยึดมั่นถือมั่นสิ่งเหล่านั้นอยู่ทำไมครับ?

ผมจึงแซวคุณสองคนเพราะผมมองจากมุมมองของธรรมชาติคือ...

คนหนึ่ง (คือคุณ) เอาหลักการเป็นที่ตั้ง ยึดมั่นถือมั่นกับหลักการนั้น ใช้เหตุผลที่จะพยายามบังคับธรรมชาติของมนุษย์ให้เชื่อไปตามนั้น เพื่อจะให้เป็นไปตามนั้น นั่นคืออัตตา...

อีกคนหนึ่ง ใช้สิ่งที่เกิดขึ้นจริง ความไม่ตรงตามหลักการที่เกิดขึ้นจริงตามธรรมชาติของมนุษย์มาเป็นเหตุผล หยิบความเป็นจริงมาโต้แย้ง และพยายามบังคับให้คนที่ยึดมั่นในหลักการ ยอมถอยจากความสุดโต่งมาสู่ความเป็นจริง ซึ่งความพยายามของเขาก็คืออัตตาเช่นกันครับ

สำหรับผม นี่ผมกำลังเพียงอธิบายตามคำถามของคุณเท่านั้นครับ

คุณจะยังเชื่ออะไร ยึดอะไร ก็เป็นเรื่องคุณ ผมไม่ได้กำลังพยายามใดๆ เพื่อเปลี่ยนความยึดมั่นถือมั่นของคุณทั้งสิ้นครับ ที่พิมพ์อยู่นี่เพราะยังมาจากอัตตาส่วนตัว อันเกิดจากความรู้สึกเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ (ซึ่งมนุษย์ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ผมไม่ได้ถืออะไรทั้งนั้น ดังนั้นนี่ไม่ใช่การสร้าง Credit ให้ตัวผมเองครับ)

เมื่อผมปล่อยวางลงไปได้ คุณจะไม่เห็นผม Post อะไรในโลกอันวุ่นวายนี้อีกอย่างแน่นอนครับ

อย่างน้อย ผมก็มองเห็น "อัตตา" ของตัวเองนะครับ ว่ามันอยู่ตรงไหน

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 28 August 2012 - 13:51 #464872 Reply to:464858

ผมว่าคุณนั่นแหละที่หลงกับคำพูดของตัวเอง

คุณยืนยันว่า ความจริง คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ถูกต้องเสมอ ถ้าพูดแค่บริบทนี้มันก็ใช่ครับ เพราะพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและรับรู้ได้โดยผัสสะทั่วไป

แต่ปัญหาของประเด็นที่เราพูดคุยกันก็คือ เราไม่มีทางรู้ว่าหลักฐาน หรือคำกล่าวหาอะไรคือความจริง อะไรคือข้อเท็จจริงอย่างแท้จริงตะหาก มันเลยเกิดความขัดแย้งขึ้นมา ถึงแม้จะเป็นพยานเชิงประจักษ์ แต่ก็ใช่ว่าจะรู้ตัวแปรหรือข้อเท็จจริงเริ่มต้นเสมอไป

เราจึงต้องมีหลักการ หรือกฎเกณฑ์ที่จะพยายามตัดความสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ออกไป เพื่อให้เหลือแต่สิ่งที่เป็นไปได้เท่านั้น ที่พอจะเทียบเคียงกับข้อเท็จจริงได้ จริงอยู่หลักเกณฑ์มีจุดอ่อนต้องปรับปรุงอยู่เสมอ แต่อย่างน้อยมันก็มีหลักการ มีการตรวจสอบอย่างเป็นเหตุเป็นผล ซึ่งมันย่อมน่าเชื่อถือว่า การใช้ความรู้สึกและดุลพินิจโดดๆอยู่แล้วครับ

ผมว่าคุณเหมารวมประเด็นได้สับสนมาก ที่เอาผมที่อ้างหลักการ ไปเทียบกับอีกคนหนึ่่งที่ไม่อ้างอิงหลักการ แต่ดันบอกว่าอย่างหลังคือ"ความจริง"?

ถ้าแบบนั้น ความเป็นจริง คือมั่วหลักการ ใช้แต่อารมณ์มาตัดสิน โดยที่มีช่องโหว่ความเป็นไปได้อื่นๆอยู่มากมาย มันจะเป็น"ความถูกต้อง"ได้อย่างไร? โปรดอธิบาย

แยกให้ออกนะครับ เราพูดถึงหลักการตัดสินคดี ที่ต้องยึดหลักการเพื่อสร้างสิ่งที่ใกล้เคียงความยุติธรรมมากที่สุด แม้ว่าความเป็นจริงจะมีคนไม่สนใจหลักการ ใช้ความรู้สึกตัดสินมั่วตามใจชอบ หรือแม้แต่เกิดจากอคติที่บิดเบี้ยว มันเกิดขึ้นจริงในแง่ของสภาพการณ์ทีเกิดขึ้นมา แต่ไม่ใช่"ความถูกต้อง"แน่นอนครับ

ว่าแต่ไหนจะเล่าเรื่องรถยนต์ตรางู ยังรอฟังอยู่นะครับ ^^

By: จักรนันท์ on 28 August 2012 - 14:37 #464885 Reply to:464872

ผมไม่ได้หลงครับ... อย่าใช้ "อัตตา" กับผมสิครับ ลองพิจารณาดูดีๆ สิครับ

ผม "แซว" คุณสองคน เพราะผมไม่ได้หลงครับ

ทั้ง 2 ฝ่ายใช้อัตตา ยืนอยู่คนละข้าง ซึ่ง "ถูกต้องตามความเป็นจริง" ทั้ง 2 ฝ่ายครับ แต่ใช้ "อัตตา" ของตนเองเพื่อต่อสู้ให้เป็น "ถูกแท้" ให้ได้ ผมจึงกล่าวว่า "จะลงเอยที่ใดล่ะทีนี้" ไงครับ เพราะโดยความเป็นจริง มันลงเอยไม่ได้ ยิ่งโดยเฉพาะตัวคุณแล้ว ถ้าทำความเข้าใจที่ผม Reply ไปดีๆ แล้ว อัตตาของคุณเองต่างหาก ที่ไม่น่าจะเดือดร้อน เพราะนี่คือหัวข้อที่เขากำลังเสวนากันอยู่ในกรอบของ "ข้อเท็จจริง" ที่มนุษย์ "ปรุงแต่งขึ้น" ดังนั้นน่าจะเป็นอีกฝ่ายด้วยซ้ำที่จะเดือนร้อนแล้วถกกับผมขึ้นมา

แต่เมื่อเขาเงียบไป ก็อาจหมายความได้ว่า เขาเกิด "สติ" ขึ้นมา ว่าอัตตาของเขา "อยู่ผิดที่"

อีกคนหนึ่ง เขากล่าว "ความจริง" ที่เกิดขึ้นจริง มันก็คือความเป็นจริงวันยันค่ำ มันจึงลงเอยไม่ได้ ถ้าเขายกขึ้นมาในกรอบการเสวนาของ "หลักการ" ครับ

เรื่องรถตรางู กับภาษา C ผมยังติดค้างอยู่ครับ ไม่ลืม นี่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะพิมพ์ยาว แต่รออาหารอยู่ตั้งแต่ราวเที่ยงจนตอนนี้ยังก็ไม่มา เลยมาเที่ยว Blognone ฆ่าเวลาน่ะครับ (เริ่มหิวตาลาย)

ผมจะขออธิบายความเห็น 2 ย่อหน้าสุดท้ายของคุณนะครับ...

เมื่อคุณยืนอยู่บนหลักการ คุณจึงกล่าวว่า... "ความเป็นจริง คือมั่วหลักการ ใช้แต่อารมณ์มาตัดสิน โดยที่มีช่องโหว่ความเป็นไปได้อื่นๆอยู่มากมาย มันจะเป็น"ความถูกต้อง"ได้อย่างไร?"

ในขณะที่ผมมองจากมุมมองของธรรมชาติแล้ว... ผมจะกล่าวว่า เมื่อมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอารมณ์ มีอัตตา ไม่มีทางที่จะตัดสิ่งเหล่านี้ออกไปได้ เพราะผู้ที่ตัดได้ ก็จะละทางโลกและไม่ไปยุ่งกับการตัดสินหรือก่อตั้งหลักการใดๆ ของมนุษย์อีก ดังนั้นหลักการใดๆ ของมนุษย์เอง จึงมีช่องโหว่ความเป็นไปได้อยู่มากมาย แล้วมันจะเป็น "ความถูกต้อง" ไปได้อย่างไร?

เห็นไหมครับ? ความถูกต้องของคุณ ไม่อาจแน่นอนไปกว่า ความถูกต้องของธรรมชาติดอกครับ ที่ว่ายังไงก็ไม่มีความถูกแท้นั่นเอง

ผมแยกออกครับ ว่าคุณพูดถึงเรื่องอะไร ไม่งั้นจะแซวทำไม ขอบอกตามตรงว่า ตั้งใจจะเตือนคุณ g-man ต่างหากครับ ไม่ใช่เตือนคุณ แต่เพราะเป็นกลาง จึงใช้คำพูดที่กะว่าคุณ g-man จะได้สติและถอยออกมา ปล่อยให้ผู้ยึดหลักการเขางัดง้างกันต่อไป แล้วเรานั่งดู "ธรรมชาติของมนุษย์" กันเฉยๆ ก็พอ...

แต่อัตตาคุณแรงกว่าเขา มันเลยกระตุ้นคุณขึ้นมาได้ แม้แต่กับผม...

ขอให้ข้อคิดจากความเป็นจริงสักแง่นะครับ...

ถ้าหลักการของมนุษย์ดีที่สุดเท่าที่มีในตอนนี้แล้วไซร้ ไฉนมีประเทศมากมาย มีกฏหมายเยอะแยะไปหมด ถึงขนาดบางประเทศต้องแยกกันไปตามรัฐ ในขณะที่...

"ความเชื่อของมนุษย์" อันเป็นเป็นธรรมชาติของมนุษย์ กลับทำให้มีคัมภีร์ไม่มากมายนัก มีศาสนา/ลัทธิไม่มากมายนัก หากแบ่งเป็นกลุ่มแล้วจะมีกลุ่มใหญ่ๆ เพียงนับนิ้วมือได้ แถมยังซ้อนทับอยู่กับการปกครองกลุ่มคนในเชิงหลักการได้ด้วย

อันไหนมันมีประสิทธิภาพมากกว่ากันครับ? ถ้าวัดจาก "ผลของประสิทธิภาพ" แล้ว จากมุมมองของธรรมชาติ อันไหนน่าจะ "ถูกต้องกว่ากัน" (ผมไม่ได้ใช้คำว่า ถูกแท้ นะครับ)

ธรรมชาติ ก็คือธรรมชาติครับ การรู้ที่อยู่ของความคิดตน ก็คือรับรู้อัตตาของตนว่าอาจมีอยู่ แต่เมื่อพยายามเปลี่ยนผู้อื่นผิดกลุ่ม นั่นคือการแสดงอัตตานั้นออกมาครับ

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 28 August 2012 - 20:27 #465034 Reply to:464885

คุณพาดพิงผมในเรื่องการอ้างหลักการ ผมก็ต้องออกมาโต้แย้งสิครับ เพราะการโต้แย้งเป็นเรื่องธรรมดาในการอภิปรายกัน ไม่งั้นเราคงไม่ต้องโต้ตอบคคห.กันเลยถ้ามัวกังวลเรื่องอัตตา

ถ้าจะพูดถึงกฎหมายกับศาสนา ก็ต้องบอกว่าตามประวัติศาสตร์แล้ว กฎหมายทำให้สังคมสงบสุข มากกว่า ศาสนาครับ

เพราะศาสนาในยุคโบราณ ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อจัดระเบียบการปกครอง โดยอาศัยความกลัวเป็นหลัก (ขู่เรื่องบาปบุญ หรือแม้แต่เพื่อก่อสงคราม) ในขณะที่กฎหมายยุคใหม่ แม้จะขู่ด้วยการลงโทษ แต่ก็อธิบายถึงเหตุผลของการลงโทษ และเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างชัดเจน และยิ่งโลกพัฒนาไป ก็จะลดบทบาทของศาสนาลงไป เหลือเป็นเพียงสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่ไม่ได้บังคับใช้ หรือมีผลต่อการจัดระเบียบสังคมแบบสมัยโบราณ

เรื่องนี้พิสูจน์ให้เห็นตามประวัติศาสตร์หลายครั้ง ศาสนรัฐ หรือรัฐที่ใช้ศาสนาในการปกครอง มักจะมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากกว่า รัฐที่ปกครองด้วยกฎหมายที่มาจากประชาชนด้วยกัน (ส่วนกฎหมายที่มาจากผู้ปกครองฝ่ายเดียว มันก็เป็นเผด็จการ และไร้นิติธรรม ไม่ขอนับในกรณีนี้)มองในแง่นีั้ ทั้งศาสนาและกฎหมายก็ยังไม่ใช่สิ่งสัมบูรณ์ แต่ต้องพัฒนาไปเรื่อยๆตามจิตใจของคนส่วนใหญ่ ไม่ใช่หยุดนิ่งเท่ากับสมัยโบราณ

ไม่ได้ปฎิเสธประโยชน์ของศาสนา แต่มันคนละเรื่องเดียวกันกับการปกครองในโลกยุึคใหม่ ที่ประชาชนพัฒนาความรู้และจิตใจสูงขึ้นกว่าเดิมครับ (ผมอ้างอิงตามสถิติอาชญากรรม และอายุขัยคาดหมายเมื่อแรกเกิด ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ กว่าสมัยบ้านป่าเมืองเถื่อนนะครับ)

ส่วนจะวัดประสิทธิภาพ อืม ผมว่าตัวอย่างเหตุการณ์จลาจลในหลายๆประเทศ ไม่ว่าประเทศเล็กๆ หรือประเทศใหญ่ ไม่ว่าเป็นศาสนรัฐ หรือไม่ แต่เมื่อเกิดภาวะไร้กฎหมาย(anarchy) ก็เิกิดจลาจลรุนแรงได้ไม่ต่างกัน นั่นอาจแสดงให้เห็นว่าศาสนายังไม่อาจเป็นกรอบหลักในการทำให้สังคมสงบสุขได้เพียงอย่างเดียว

ที่สำคัญอย่าได้ตู่เอาว่า "ความเชื่อ" ของคุณเป็นสิ่งถูกต้องเลยครับ ความเชื่อหลายๆส่วนในแทบทุกศาสนา ก็ถูกทำให้เห็นว่าไม่จริง เมื่อวิทยาการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ถ้าวัดในแ่ง่นี้แล้ว ถือว่าศาสนาเสื่อมลงเรื่อยๆหรือไม่?

และการที่คุณว่าคนอื่นตอบไปด้วยอัตตา แต่การที่คุณพยา่ยามยกตัวเองว่าเหนือกว่าคนอื่น ก็เป็น"อัตตา"เช่นกัน

By: จักรนันท์ on 28 August 2012 - 21:59 #465058 Reply to:465034

มีตรงไหน ที่ผมส่อว่า "ยกตัวเองว่าเหนือกว่าคนอื่น" ครับ คุณไม่ได้แค่พาดพิงผม แต่คุณเต็มไปด้วยการกล่าวหาผมอยู่นะครับ

คุณตีความแบบที่คุณอยากให้เป็น ไม่ได้พยายามทำความเข้าใจที่ผมพยายามอธิบายเลยแม้แต่น้อย

ความมีประสิทธิภาพที่ผมพูดถึง คุณก็ตีความเป็น "การพัฒนาความรู้และจิตใจ" ไปเสียเฉิบ ในขณะที่ผมหมายถึงประสิทธิภาพในการทำให้คน "เชื่อและปฏิบัติตาม" ซึ่งมันมีประสิทธิภาพดีกว่ากฏหมาย ที่ต้องลงโทษด้วยวิธีการจองจำหรือไปถึงขั้นประหารชีวิต

สงครามศาสนาที่คุณยกตัวอย่างมานั่นแหละ เป็นหลักฐานชั้นดี ที่แสดงประสิทธิของ "ความเชื่อ" ซึ่งสามารถทำให้คน "เต็มใจทำสงคราม" ขึ้นมาได้มากกว่า "หลักการ" ที่ต้อง "บังคับ" ด้วยบทลงโทษต่างๆ นาๆ

"ส่วนกฎหมายที่มาจากผู้ปกครองฝ่ายเดียว มันก็เป็นเผด็จการ และไร้นิติธรรม" นั้น ถ้าคุณไม่นับ นั่นย่อมแสดงว่าคุณเอาแต่ข้อดีของการ "กำหนดหลักการของมนุษย์" มาอ้างทั้งหมดมาโจมตี "ความเป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์" ซึ่งผมกลับเห็นว่า สิ่งที่คุณไม่นับ นั่นก็เป็นสิ่งหนึ่งตามกลไกธรรมชาติของมนุษย์เช่นกัน

ไม่ต่างกับที่คุณพยายามเอาหลักการเป็นที่ตั้ง (ตามประเด็นข่าว) และคุณ g-man ซึ่งใช้ความ Error จากหลักการ (ซึ่งก็คือความเป็นจริง) ไปถกเถียงกัน

ความเป็นจริงคือสิ่งที่ถูกต้องแน่นอนครับ ผมไม่ได้ตู่เอา เพราะสิ่งที่คุณยึดมั่นก็ถูกต้อง สิ่งที่คุณ g-man ยึดมั่นก็ถูกต้อง แม้จะไม่มีใครถูกแท้ก็ตาม ผมไม่ได้ตัดสินเลยว่าใครถูกใครผิด เพราะคุณทั้งสองรวมทั้งผมก็เป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ธรรมชาติของมนุษย์ แต่ที่คุณไม่ยอมรับเลยก็คือ ที่คุณทั้งสองและผมกำลังเสวนาอยู่นี่แหละ คือความเป็นจริง ที่เกิดขึ้นจริง และถูกต้องที่สุดแล้ว

ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น คือสิ่งที่เป็นความเป็นจริง และถูกต้องเสมอครับ ไม่มีทางที่หลักการใดๆ หรือข้อเท็จจริงใดๆ ไม่ว่าจะหนึ่งหรือหลายหลักการจะสามารถทำให้สังคมสงบสุขได้ครับ

ทางเดียวที่ทำให้ทุกปัญเจกชนสงบสุขได้คือ เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ครับ (ตีความดีๆ นะครับ ผมใช้คำว่า "ทุกปัญเจกชน" ซึ่งหมายความไม่เหมือนคำว่า "ทุกคน" นะครับ)

หามา Quote ทีครับ ประโยคไหน ที่ผมพยายามยกตัวเองเหนือกว่าคนอื่นในข่าวนี้? คุณเองก็เห็นได้ว่ากำลังใช้ความรู้สึกในการตัดสินให้ผม "Guilty" อยู่ ไหนครับหลักการของคุณ? Reply ในนี้ชัดเจนกว่า Log ตามข่าวเสียอีกนะครับ

By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 29 August 2012 - 01:16 #465191 Reply to:465058
PaPaSEK's picture

ผมยังตามอ่านทุกความเห็นของทั้งสองท่านนะครับ

อ่านสนุก เปิดมุมมองดีครับ

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 29 August 2012 - 10:26 #465311 Reply to:465058

ประสิทธิภาพในการปฎิบัติการ ด้วยการล้างสมอง? อืม ผมคิดว่าไม่ใช่นะครับ เพราะการล้างสมองให้เชื่อโดยห้ามสงสัย เมื่อใดที่เขามีอิสระมากขึ้น ได้เรียนรู้มากขึ้น จนเริ่ม"สงสัย" เมื่อนั้นการล้างสมองก็จะพังทลายลงไปแล้วนั่นแหละ

ศาสนาโบราณเลยต้องใช้กำลังเพื่อข่มขู่ ห้ามสงสัยไงครับ การล่าแม่มดในยุคโบราณ ก็เป็นตัวอย่างของการรักษาความเชื่อด้วยกำลัง

ในขณะที่กฎหมายยุคใหม่ (ที่ต้องย้ำว่ายุคใหม่ และมาจากประชาชน เพราะกฎหมายของรัฐเผด็จการ มันก็ไม่ต่างจาก ศาสนรัฐนั่นแหละ) มันจะมีที่มาที่ไป มีเจตนารมณ์ และออกมาเพื่อสนองประชาชนส่วนใหญ่ เมื่อเรารู้เหตุผลของสิ่งที่เป็นกฎ และฉลาดพอที่จะเล็งเห็นถึงผลประโยชน์ร่วมกัน จากการทำตามกฎหมาย เมื่อนั้นประชาชนก็จะทำตามอย่างมีเหตุผล และมีประสิทธิภาพ มากกว่าการล้างสมอง หลอกลวงให้ทำตามไปเรื่อยๆ จริงไหม? อย่าลืมว่ากฎหมายที่มาจากประชาชนนั้นตรวจสอบได้ แก้ไขให้ดีขึ้นได้(มันจึงยังไม่ใช่สิ่งสัมบูรณ์) แต่อย่างน้อยมันคือสิ่งที่สนองความต้องการของคนส่วนใหญ่ในสังคม ไม่่ใช่จากชนชั้นปกครองแต่เพียงผู้เดียว

ดูเรื่องการทำสงครามก็ได้ สงครามศาสนา คนคลั่งไปฆ่ากันตาย คุณว่ามีประสิทธิภาพดี? มันดีในมุมของผู้ปกครองไงครับ เกณฑ์คนไปตายกันง่ายๆ ส่วนสงครามยุคใหม่ ดูอย่างทหารสหรัฐก็ได้ เขาเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร แต่ให้สมัครไปรับใช้ชาติ โดยชาติของเขาไม่ได้หมายถึงนามธรรม ที่ชนชั้นปกครองยุคโบราณล้างสมอง แต่หมายถึง ผลประโยชน์ของประชาชนตะหาก เมื่อเขาไปรบ เขาก็จะเข้าใจว่ารบเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและครอบครัวไปในตัว โดยไม่จำเป็นต้องล้างสมองให้ยึดถือนามธรรมอะไรก็ไม่รู้?

ตรงนี้แหละครับ ที่ผมมองว่า การเข้าใจอย่างมีเหตุผล แม้จะทำได้ยาก แต่มันมีประสิทธิภาพดีกว่า และคงอยู่ได้ยาวนานกว่าการล้างสมองให้เชื่ออย่างเดียว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้ความสำคัญของศาสนาที่ล้ำมาในการปกครองลดน้อยลงไปเรื่อยๆ

กลับมาเรื่องกฎหมาย ผมว่าเราคุยคนละเรื่องกัน หลักการของกฎหมายมันชัดเจนครับ กฎหมายอาญาฯคือการกระทำผิดที่เป็นการละเมิดต่อผู้อื่นและเป็นความผิดที่ทำให้สังคมเกิดความไม่สงบสุข ซึ่งบทลงโทษมันจะรุนแรงและละเมิดสิทธิอื่นๆมากมาย จึงต้องรัดกุมในการตัดสิน การกล่าวหาจึงใช้หลักการ presume innocent ผู้ถูกกล่าวหาจะเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่า จะมีหลักฐานที่ชัดเจนจนปราศจากข้อสงสัย ถึงจะลงโทษได้ เพราะไม่มีใคร ที่มีทางรู้ข้อเท็จจริงสัมบูรณ์ เราจึงต้องยึดหลักการ ที่จะละเมิดประชาชนน้อยที่สุด และรอบคอบทึ่สุดครับ

ในขณะที่คุณg-man ยกเรื่องกฎหมายแพ่งฯ ซึ่งมันเป็นการละเมิดส่วนบุคคล และเป็นเรื่องของผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งปกติการทำสัญญาผลประโยชน์ส่วนตัว หากมีการทำสัญญาชัดเจน ก็แสดงว่าทั้งสองฝ่ายยินยอม การกล่าวหาว่าอีกฝ่ายทำผิดสัญญา ก็เหมือนการฉีกสัญญา หากอีกฝ่ายไม่โต้แย้ง ก็แสดงว่ายอมรับว่าผิดสัญญา มันเลยใช้หลักคิดคนละแบบ คนละแนวทาง

ซึ่งหลักพิจารณาคดีสองแบบ มันไมได้เกี่ยวอะไรกับความเป็นจริงของคนเลยสักนิดครับ ผมยังงงว่าคุณลากไปได้ยังไง? ซึ่งหากคดีอาญาฯไปใช้การพิจารณาคดีแบบคดีแพ่งฯ มันก็วุ่นวาย เพราะกลายเป็นว่าใช้อำนาจของรัฐ ไปละเมิดโดยยึดหลักการทำสัญญาแพ่ง มันคนละเรื่องเดียวกัน ซึ่งตรงนี้แหละ ที่ไม่มีใครคานอำนาจ หรือคอยตรวจสอบ เป็นความบิดเบี้ยวของผู้พิจารณา ที่ทำผิดหลักการ ซึ่งแม้มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเป็นที่ยอมรับได้ เพราะมันผิดหลักพื้นฐานของกฎหมายเบื้องต้นเลยทีเดียว

ธรรมชาติของมนุษย์ เริ่มต้นจากสัญชาตญาณดิบที่ป่าเถื่อน แต่เพราะเรามีsuper egoหรือศีลธรรมและกฎหมายคอยกำกับ สังคมมันถึงสงบสุข ซึ่งถ้าจะอ้างว่าการบิดเบือนหลักการคือธรรมชาติเป็นเรื่องธรรมดา แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ควรยอมรับ เพราะการละเมิดหลักการ ก็เป็นสิ่งที่ทำให้สังคม"ไม่สงบสุข"ไปในตัวนั่นเอง

เรื่องยกเหนือคนอื่น ผมขอยก

ผมแยกออกครับ ว่าคุณพูดถึงเรื่องอะไร ไม่งั้นจะแซวทำไม ขอบอกตามตรงว่า ตั้งใจจะเตือนคุณ g-man ต่างหากครับ ไม่ใช่เตือนคุณ แต่เพราะเป็นกลาง จึงใช้คำพูดที่กะว่าคุณ g-man จะได้สติและถอยออกมา ปล่อยให้ผู้ยึดหลักการเขางัดง้างกันต่อไป แล้วเรานั่งดู "ธรรมชาติของมนุษย์" กันเฉยๆ ก็พอ...

ข้ออ้างว่าเป็นกลาง หรือเตือนคนอื่นให้ได้สติ(แสดงว่าคนที่เถียงกันอยู่ไร้สติ?) มันก็คือการยกตัวนั่นแหละ แถมคุณยังพาดพิงผมมั่วอีก อ้างว่าไม่ได้เตือนผม แต่ดันพาดพิงว่าปล่อยให้คนยึดหลักการอยู่ต่อไป(สรุปว่าคุณจะพาดพิงใคร?)

By: จักรนันท์ on 29 August 2012 - 13:29 #465463 Reply to:465311

เรื่องความเห็นตามประเด็นข่าว ผมขอยุตินะครับ เพราะไม่ได้ตั้งใจจะออกความเห็นในเรื่องนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะแทรกแซงใดๆ นะครับ ขอเพียงเป็นผู้อ่านเท่านั้น

ผมจะขอต่อเรื่องที่คุณกล่าวหาผมเท่านั้นนะครับ

ประโยคนั้น ผมถูกคุณบีบให้พูดนะครับ ขอให้ดูความเป็นไปทั้งหมดครับ

คุณเริ่มก่อนนะครับ ในการกล่าวหา ผมเพียงพาดพิง แต่คุณกล่าวหานะครับ คุณบีบให้ผมต้องแก้ต่าง จนต้อง "บอกตามตรง" ในขณะที่ "เจตนาเริ่มต้น" ของผมนั้น นุ่มนวล สั้นๆ และเบาบางมาก ด้วยแค่ว่า....

  • ขอแซวคุณ Fourpoint และคุณ g-man นะครับ...
  • คนหนึ่ง ยืนอยู่ในมุมของ "ข้อเท็จจริง" ส่วนอีกคน อยู่ที่มุมของ "ความเป็นจริง" ของมนุษย์...
  • จะลงเอยที่ใดล่ะนี่...

การเตือนคนอื่นให้ได้สติแบบนุ่มนวลอ้อมๆ เช่นนี้ คือการยกตัว? ถ้าคุณตีความเช่นนี้ล่ะ เฉพาะตรงนี้ล่ะครับที่ผมขอ "ถาม" คุณตรงๆ ว่าใครสอนคุณมาครับ? (คำถามนี้ล่ะครับ ที่ผมตั้งใจแสดงออกถึงการดูถูกครูบาอาจารย์ของคุณล่ะครับ)

ถ้าผมจะยกตัวล่ะ ผมคงถามด้วยคำถามยกตัวตรงๆ ไปแล้วครับ เมื่อคุณยังคงบีบผมให้เป็นผู้ร้ายให้ได้ งั้นต่อไปนี้เป็นเพียงตัวอย่างของจริง ว่าคนจะยกตัวน่ะ เขายกตัวกันอย่างไรนะครับ

  • คุณคิดว่าคุณเข้าใจความเป็นไปทั้งหลายทางกฏหมายดี งั้นขอถามว่า ในชีวิตเคยเป็นโจทก์มากี่ครั้ง เป็นจำเลยมากี่ครั้ง มีเพื่อนฝูง ญาติพี่น้องเป็นผู้พิพากษา เป็นทนาย เป็นอัยการ เป็นตำรวจกี่คน ผ่านประสบการณ์ในด้านนี้มาแล้วสักเท่าไหร่ เห็นโลกมาแค่ไหน? หรือดีแต่เอาหลักการมาพูด ไม่เคยรู้เลยว่าผู้คนในหลักการกระทั่งคนกำหนดหลักการน่ะ ก็ยังเป็น "คน" ทั้งหมด
  • คุณคิดว่าคุณเข้าใจการปกครองดีแล้ว? คุณเรียกการ Motivate ว่า "ล้างสมอง" งั้นถามจริงๆ เถอะ ชีวิตมีบริวารกี่คนครับ? เคยปกครองใครหรือไม่? มีคนศรัทธาคุณด้วยชีวิตหรือยังที่ไม่ใช่ลูกหลานตามสายเลือดคุณเอง? ถ้ายังไม่มีแล้ว คุณคิดว่าคุณยังรู้ดีอีกหรือครับ?

สองตัวอย่างนี่ เป็นสองตัวอย่างที่ผมถามตัวเองว่า ถ้าผมจะ Reply คุณแบบยกตัวเอง ผมน่าจะ Reply แบบนี้ ทั้งด้วยวัย ฐานะ ประสบการณ์ ความสำเร็จ สังคมและสภาพแวดล้อมของผม ผมใช้เป็นหลักฐานเหยียบคุณได้จมดินอย่างแน่นอน แต่ผมไม่ใช้สักนิด ไม่ได้เฉียดเลย

สองตัวอย่างนี่ เป็นตัวอย่างชั้นดีที่จะทำให้ผม Bluff คุณได้สบายมากว่าเป็นคน "ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด" หรือเป็นพวก "ดีแต่พูด" มีแต่ "หลักการ" แต่ชีวิตจริงทำได้แค่เศษเสี้ยวหรือไม่? เรียกได้ว่า "โดนเต็มๆ" ใช่ไหมครับ?

และสองตัวอย่างนี่ เป็นเพียงตัวอย่าง ว่าหากผมจะเป็นผู้ร้าย คงไม่พยายามเสวนาดีๆ มาตลอดจนถึงตอนนี้

อย่ายัดเยียดเจตนาใส่คนอื่นสิครับ อะไรๆ มันก็ขวางหูขวางตาคุณจนเห็นคนอื่นเป็นผู้ร้ายไปเสียหมดเลยหรือครับ? ถ้า "หลักการ" ผลิตมนุษย์แบบคุณออกมานี่ ผมขอหลีกเลี่ยงเลยล่ะครับ สังคมจะสงบสุขได้อย่างไร ถ้าคนในหลักการเอาแต่ยัดเยียดเจตนาใส่ผู้อื่นครับ

สำหรับคำถามของคุณ ผมพาดพิงทั้ง 2 คนครับ แต่เมื่อพาดพิงแล้ว มีเพียงคุณเท่านั้นที่ตอนนี้ยังขาดสติครับ ยังเกิดโทษะ จะเอาเป็นเอาตายให้ได้กับตัวหนังสือของผม จะต้องให้ผมเป็นผู้ร้ายให้ได้

สองตัวอย่างของผมใน Reply นี่ จะเป็น "น้ำมัน" ราดลงไปในกองไฟหรือไม่? Reply ต่อไปของคุณ ผู้อ่านจะได้รู้กันทุกคนครับ หากคุณมีสติ มันก็จะเป็นเพียงตัวอย่าง ที่พิสูจน์ได้ว่า ผม "หลีกเลี่ยง" ตั้งแต่แรก ที่จะไม่ทำพฤติกรรมที่คุณกล่าวหาผมอยู่แล้ว หากคุณยังขาดสติล่ะก็... มันจะชัดเจนออกมาเองครับ

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 30 August 2012 - 11:35 #466003 Reply to:465463

เอาเถิดครับ ก่อนหน้านี้ผมพยายามจะโต้ตอบเฉพาะในประเด็นหลักเท่านั้น (คือเรื่องหลักพิจาณาคดี)

ส่วนคุณจะใช้คำถามที่จงใจบลัฟหรือยกตัวเองหรือไม่ ผมก็ไม่สนใจหรอกครับ เพราะถ้าคุณใช้คำถามที่คุณยกตัวอย่างมาจริงๆ มันก็คือการใช้เหตุผลวิบัติแบบรุนแรง ซึ่งไม่ควรค่าต่อการโต้ตอบอยู่แล้ว

การที่คิดว่าจะ"เตือน"คนอื่น โดยที่ไม่ได้โต้แย้งในประเด็นหลักเลยสักนิด จะเตือนตรงๆ หรืออ้อมๆ หรือเหตุผลวิบัติหรือไม่ มันก็คือการ"ยกตัว"แบบหนึ่งอยู่แล้วครับ ยิ่งพูดว่าเตือนให้ได้สติ ก็คือกล่าวหาว่าเขาขาดสตินั่นเอง และมันเป็นการเบี่ยงประเด็นแบบหนึ่ง

กลับกันผมกลับคิดว่า คุณกำลังเกิดโทสะจนต้องเอาเป็นเอาตาย ด้วยการยกการใช้เหตุผลวิบัติมาเป็นตัวอย่างว่าถ้าจะใช้ก็ใช้ได้นะ ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวกับประเด็นหลักเลยแต่แรกซะอย่างนั้น? ยิ่งอ้างว่าจะใช้หัวโขนในโลกจริงมาข่มก็ได้แต่ตอนนี้ยังไม่ใช้นะ ยิ่งแสดงว่าคุณนั่นแหละที่กำลังขาดสติอยู่จริงๆ ถึงได้บลัฟทางอ้อมอยู่นั่นแหละ

อย่าลืมว่าเราสนทนาในinternet เราไม่เห็นหน้ากันและเราไม่จำเป็นต้องรู้หัวโขนในโลกจริง เราก็เลยต้องโต้แย้งอภิปรายกันด้วยเหตุและผลเท่านั้น ซึ่งเมื่อใดที่มีการเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่นที่ไม่เกียวกับประเด็นหลัก มันก็คือการทำลายการอภิปราย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอยู่นั่นเองครับ

By: จักรนันท์ on 2 December 2012 - 01:53 #513903 Reply to:464872

ได้กลับมาประจำบ้านอีกครั้งแล้ว ผมไม่ลืมนะครับ เรื่องที่ติดค้างเอาไว้ แต่กลับมาเที่ยวนี้ มีเวลาเคลียร์สิ่งต่างๆ ถึงวันที่ 5 เท่านั้น เพราะต้องเข้ารับการผ่าตัด (อีกแล้ว) ในวันที่ 6 หลังการผ่าตัด ถ้าสามารถกาง Notebook บนเตียง นั่งพิมพ์ได้ไหว คงจะได้มีโอกาสมาเสวนาเรื่องที่ค้างคากันไว้ต่อนะครับ (ยังไม่รู้ว่าหลังผ่าตัดจะนั่งได้หรือไม่)

งาน Design ค้างถึง 6 งาน บุคคลากรผมไม่พอ แต่ก็ไม่อยากขยายไปมากกว่านี้ สังขารตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะลงมือด้วยได้ต่อไปอีกสักเท่าไหร่แล้ว โดยเฉพาะสายตา ทั้งสั้นทั้งยาวนี่มันแย่มากๆ จริงๆ ร่างกายภายนอกยังไม่ค่อยมีปัญหา แต่อวัยวะภายในสิ ทำท่าจะใกล้หมดอายุไปทีละชิ้นเสียแล้ว พักหลังนี่เรียงคิวกันเกเรไม่เว้นปีเลย

ยังมีสิ่งในหัวที่อยากสร้างออกมาอีกหลายชิ้น ชาตินี้ผมทำออกมาไม่ทันเป็นแน่แท้แล้วล่ะครับ

  • เรื่องรถยนต์ตรางู
  • เรื่องที่ผมคุยค้างกับคุณ Fourpoint (อันนี้อยากคุยต่อด้วยความรู้สึกส่วนตัวจริงๆ ที่อยากเปิดมุมมองอื่นแก่คนรุ่นหลังครับ)
  • เรื่องภาษา C (อันนี้ก็เพราะเป็นโอกาสที่จะได้เผยแพร่ความรู้เชิงลึกที่ได้จากประสบการณ์ซึ่งไม่มีในตำราทั่วไปทั้งไทยและเทศ)

ต้อง "อดทน" กับผมหน่อยนะครับ

By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 2 December 2012 - 11:06 #513949 Reply to:513903
PaPaSEK's picture

ขอให้การผ่าตัดผ่านไปด้วยดีครับ แล้วก็ฟื้นตัวไวๆ ครับ

By: expextoz
In Love
on 24 August 2012 - 23:04 #463396 Reply to:463341

อดีต มันคงบ่งบอก ว่าเคยทำอะไรมา

By: myung
iPhoneWindows PhoneAndroid
on 25 August 2012 - 01:12 #463440 Reply to:463396
myung's picture

ตัดสินจากเจตนา

ถ้าเคยทำหรือมีประวัติ จะโดนเหมาว่าเจตนากระทำความผิด แน่นอน

ราโชม่อน

By: lancaster
Contributor
on 24 August 2012 - 23:55 #463408 Reply to:463341

ยิ่งหลักฐานสำคัญคือ CDR กับเลข imei ซึ่งควรจะถูกซักค้านให้ตกไป จากการปลอมแปลงได้ง่าย และCDR ที่ไมได้ระบุข้อมูลสำคัญเพียงพอ

นั่นล่ะครับปัญหา คือตอนพิจารณาคดี ผมไม่ยักเห็นผู้เชี่ยวชาญออกมาช่วยองกาสักคน แต่พอคดีเสร็จแล้วออกมากันเต็มเนทเลย

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 25 August 2012 - 00:52 #463426 Reply to:463408

ประเด็นนี้เท่าที่จำได้
1. ไม่มีผู้เชี่ยวชาญในประเทศยินยอมไปให้ปากคำในฐานะพยาน

ผมพูดตรงๆว่าเป็นผมก็ไม่กล้าครับ เพราะมันสุ่มเสี่ยงว่าถ้าพูดไปจะโดนจับไปโยงว่าเป็นผู้"ส่งเสริมยุยง"ให้เกิดการกระทำผิดด้วยไหม(มันมีตัวอย่างในคดีเก่าๆแล้วครับ) หรือแม้แต่โดนพวกซอมบี้คลั่ง มาล่าแม่มด เอาชื่อ เอารูปผมไป post เต็มเนทแบบที่เห็นกันเป็นประจำ ในยุคไม่ค่อยสว่างแบบนี้ ก็คงต้องเข้าใจว่ามีน้อยคนที่จะกล้าเสี่ยงออกหน้าก่อนใครครับ

  1. ศาลสั่งยุติการสืบพยานในเรื่อง imei โดยวินิจฉัยว่าไม่มีผลต่อรูปคดี(?!?!?!) และไม่ให้บันทึกการสืบพยานส่วนนี้ ทำให้ทนายฝั่งนี้ไม่สามารถหาพยานเพิ่มเติมได้ด้วย

  2. สุดท้ายศาลลงคำตัดสินว่า หลักฐานจากทางผู้ให้บริการ"ต้อง"เชื่อถือได้ เพราะผู้ให้บริการเป็นบ.ใหญ่โตได้รับความเชื่อถือจากผู้ใช้ ฯลฯ โดยไม่อ้างคำให้การของผู้เชี่ยวชาญอื่นๆเลย ทั้งๆที่พยานของผู้ให้บริการมีจนท.ธุรการ และวิศวกรอีกคนที่ให้การไม่ตรงกันด้วยซ้ำ(?)

และที่หลังคดีมีคนพูดกันเต็ม เพราะตัดสินไปแล้วไงครับ เลี่ยงข้อหาละเมิดศาล/หมิ่นศาลได้ เราถึงมีโอกาสได้วิเคราะห์วิจารณ์หลักฐานที่ปล่อยออกมา อย่าลืมว่าคดีนี้ไต่สวนลับกันหลายหน คนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงแทบไม่รู้ข้อมูลในตอนแรกเท่าไรหรอก

By: lancaster
Contributor
on 25 August 2012 - 00:55 #463428 Reply to:463426

การสืบพยานเรื่อง IMEI มันยุติเพราะฝั่งจำเลยไม่มีอะไรมาค้านเลย ไม่มีผู้เชี่ยวชาญไม่มีแม้แต่ demo แต่ฝั่งโจทก์มี operator ยันยัน ด้วยการ weight แล้ว ฝั่งโจทก์ก็ชนะประเด็นนี้ไปโดยปริยายครับ

ในแง่นึง ถ้าพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่ฝั่งโจทก์ยืนยันนั้นเป็นเท็จ ก็พอไล่บี้ได้นะครับ

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 25 August 2012 - 02:56 #463465 Reply to:463428
lew's picture

นายจักรพันธ์ จุมพลภักดี พยานโจทก์จาก True "ให้การว่า เลขอีมี่สามารถทำการแก้ไขได้จากช่างซ่อมมือถือทั่วไป"

iLaw


lewcpe.com, @wasonliw

By: Susansaraly
AndroidWindows
on 25 August 2012 - 03:37 #463472 Reply to:463426

น่าเสียดายนะครับ ผมเองไม่เห็นทางที่การให้ความเห็นทางวิชาการอย่างตรงไปตรงมาในฐานะพยานตามหมายศาลจะกลายเป็นยุยงส่งเสริมหรือสนับสนุนให้เกิดการกระทำความผิด เพียงแค่ไปยืนยันศาลว่า IMEI มันไม่สามารถระบุยืนยันผู้ส่ง SMS ได้ 100% คงจะไม่มีใครมาล่าแม่มดผู้เชี่ยวชาญที่พูดในสิ่งที่เป็นเรื่องทางเทคนิคหรอกเพราะที่ล่ากันผมเห็นเขาล่าคนที่พูดพาดพิงสถาบัน (ที่มันเพี้ยนคือพาดพิงอย่างเจตนาชี้ให้เห็นข้อบกพร่องยังโดนหางเลข)

ถ้าคนเราจะไม่กล้ามาเป็นพยาน พูดความสัตย์ที่ไม่ต้องเสี่ยงอาญาแผ่นดินแต่การกลัวล่าแม่มด ก็ต้องยอมรับว่าผลคดีเป็นแบบนี้สังคมป่วยๆได้มีส่วนร่วมไม่มากก็น้อยครับ

แต่ที่คดีนี้ไม่มีพยานผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคฝั่งจำเลย มันเกิดเพราะเหตุนี้จริงหรือ? หรือถึงมีก็ไม่ได้ช่วยหักล้างพยานหลักฐานอื่นของฝั่งโจทก์ อากงต้องโทษจำคุกเพื่ออะไร เพื่อให้ผู้ตั้งธงได้ปรีดาที่กฎหมายนี้มีผู้ได้รับโทษทัณฑ์ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย เพื่อให้คนที่ยังไม่ติดคุกได้เงียบ เพื่อให้คนที่ยังอยู่สุขสบายกันในสังคมเริ่มตั้งคำถาม หรือเพื่อให้ผู้ตั้งธงอีกแบบมีข้ออ้างเพิ่มขึ้นสำหรับโจมตีระบบยุติธรรม ถ้าต้องเสียสละผู้บริสุทธิ์ผมว่าชีวิตคนหนึ่งคนแพงเกินไปสำหรับวัตถุประสงค์เหล่านี้ หรือแม้อากงจะทำจริงๆมันก็เป็นการจ่ายค่าตอบแทนที่มากเกินไปอยู่ดี

By: btxxxx
AndroidWindows
on 25 August 2012 - 10:16 #463555 Reply to:463472

กับกรณีอื่น ๆ อาจจะไม่กระทบ แต่กรณีนี้... อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ครับ...

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 27 August 2012 - 22:23 #464590 Reply to:463472

ก็น่าเสียดายน่ะสิครับ ผมก็ถามคุณตรงๆว่าคุณยินดีเสนอตัวเป็นพยานคดีแบบนี้อีกบ้่างไหม?

ผมยอมรับว่าผมไม่กล้า และก็ต้องยอมรับว่าในสังคมป่วยๆแบบนี้ก็หาคนกล้าได้ยากครับ

ตราบใดที่แม้แต่ในเนทเรายังไม่กล้าพูดถึงคดีนี้อย่างจริงจัง ก็คงยากที่จะหวังว่ามีผู้กล้าในโลกจริงมากกว่าเท่าที่มีอยู่....

ส่้วนล่าแม่มด ลองไปดูตาม FB ของชาวซอมบี้ แล้วคุณจะตกใจครับ ผมเห็นแล้วต้องset privacy FB ของผมทั้งหมด และลบเพื่อนที่ไม่รู้จักตัวจริงออกไปหมดตามไปด้วย เพราะบางเรื่องแม้ผมจะมั่นใจว่าถูกต้องตามกฎหมาย แต่ผมไม่มั่นใจว่าจะถูกใจชาวซอมบี้ และเกรงที่จะโดนล่าแม่มดโดยไม่ทันรู้ตัว

By: mugaa
iPhoneWindows PhoneAndroidUbuntu
on 25 August 2012 - 10:16 #463554 Reply to:463426
mugaa's picture

เรื่องหาผู้เชี่ยวชาญไม่ได้ เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น เพราะผู้เชี่ยวชาญด้าน it ขอรับได้ฟรีจาก ict ครับ ซึ่งเป็นหน่วงงานของรัฐบาลโดยตรงด้วยนะครับ เพราะงั้นไอ่เรื่องข้ออ้างนี้ มันส่อเจตนาเอาอากงเข้าคุ้กเพื่อออกมาเล่นข่าวนอกศาลชัด

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 25 August 2012 - 13:07 #463635 Reply to:463554
lew's picture

มีครับ พ.ต.อ. ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจพิสูจน์หลักฐานทางเทคโนโลยี จากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์

เลขอีมี่ซ้ำกันไม่ได้ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยช่าง ซึ่งถ้าเปลี่ยนแล้วจะไปเปลี่ยนที่ฐานข้อมูลด้วย

iLaw


lewcpe.com, @wasonliw

By: SomeThing
Windows
on 24 August 2012 - 21:25 #463339

http://www.midnightuniv.org/เขียนให้อากงsms-ทนาย-และกอ

เอามาฝากครับ ลองอ่านกันดู

By: madmod on 24 August 2012 - 21:27 #463344

ส่วนสำคัญ ในระบบเครือข่ายมือถือมี tmsi imsi imei และki สิ่งที่เป็นความลับที่สุดคือki

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 24 August 2012 - 21:39 #463352 Reply to:463344

imei imsi copyได้หมดแล้วครับ มือถือรุ่นดังๆcopy imeiทำได้ตั้งแต่สิบปีที่แล้ว เีดี๋ยวนี้ยิ่งง่ายโปรแกรมแจกเต็มเนท ซิม clone ก็ทำได้ ชนิด copyแล้วไปใส่โทรออกแทนซิมเดิมได้เลย มีขายเต็มเวบจีนเครื่องละไม่กี่ร้อย

ส่วน ki เคยเห็นงานวิจัยว่าถอดได้แล้ว แต่คงไม่ง่ายสำหรับกรณีทั่วไป

แต่ประเด็นสำคัญในเอกสารในข่าวนี้ คือบันทึกการโทร CDR ไม่ได้เก็บ imei มากับชุดข้อมูลเวลาที่ส่งsms ออกมาครับ มันจึงเป็นหลักฐานที่ไม่เข้มแข็งพอที่จะปรักปรำว่า เป็นข้อมูลที่สามารถยืนยันตัวตนการส่งได้เลย

By: madmod on 24 August 2012 - 21:52 #463359 Reply to:463352

ใช่เลยครับ คุณสี่จุด
gsm ระบบนี้มันนานมากแล้วครับ
ปล.แค่3310ก็หาได้หมดครับยกเว้นki

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 25 August 2012 - 01:02 #463433 Reply to:463352
lew's picture

SIM ที่ปลอมได้เป็น COMP128v1 ครับ มาพร้อมกับมาตรฐาน GSM ตัวแรก นา่จะถูกเปลี่ยนซิมไปหมดแล้ว การถอดง่ายมาก ต้องหาค่า hash result ประมาณ 150,000 ค่า คือให้ซิมทำงานตลอดประมาณครึ่งชั่วโมง ที่เหลือเอามา regression ดูไม่นานครับ (มันช้าเพราะ serial link ระหว่าง CPU มือถือกับซิม)

COMP128v2 และ v3 ยังไม่สามารถถอดค่า Ki ออกมาได้ครับ ก็ก็อปไม่ได้

แต่ A5/1 (การเข้ารหัส symetric ของ session) หลุดไปนานแล้วครับ ตั้งแต่ปี 1998 มีการอัพเดตเป็น A5/2 (BlackHat 2008) ก็ร่วงอีกในเวลาต่อมาไม่นาน เพิ่งมี A5/3 ใน 3G ที่อยู่ได้นานสักหน่อย จนตอนนี้ยังไม่ร่วง การ authen ปลอดภัย แต่ stream ดันไม่ปลอดภัย มันก็เรียบร้อย hijack ได้อยู่ดี

ในเอกสารถ้าดูหน้าจอ Wireshark บรรทัดก่อนหน้า CR Flag จะเห็น Algorithm Identifier ครับ อย่างของ DTAC ก็เป็น A5/1 ซึ่งถูกเจาะทะลุมา 14 ปีแล้ว


lewcpe.com, @wasonliw

By: qute on 25 August 2012 - 01:26 #463442 Reply to:463433

ที่คุณบอกว่าง่ายมากและใช้เวลาไม่นาน พอจะระบุเวลาได้หรือเปล่าครับว่าใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ในการเปลี่ยน IMEI มือถือ 1 เครื่อง

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 25 August 2012 - 01:44 #463448 Reply to:463442
lew's picture

จับเวลาเอาเองเลยครับ


lewcpe.com, @wasonliw

By: qute on 25 August 2012 - 10:59 #463578 Reply to:463448

ดูเหมือนว่าคุณจะชอบค้นหาข้อมูลบน Google มาแปลหรือไม่ก็โพสให้ดู ซึ่งปกติคุณจะโพสข่าวทั่วไปซึ่งแปลผิดแปลถูกผมไม่ค่อยจะสนใจ

แต่กรณีนี้เป็นข่าวที่ผมสนใจ และทุกครั้งที่คุณโพสข่าวเกี่ยวกับคดีอากง ผมมีข้อสงสัยเกี่ยวกับควมรู้และประสบการณ์ของคุณเสมอ เอาเป็นว่าผมขอถามคำถาม ซึ่งเป็นคำถามทางด้านเทคนิคแล้วกันครับ

  1. ถ้าคุณไม่มีมือถือของผม และไม่รู้เลข IMEI ของเครื่องผม คุณสามารถปลอมเลข IMEI ของเครื่องผมได้หรือไม่? ถ้าทำได้ทำอย่างไร? ถ้าไม่ได้เพราะอะไร?
  2. คุณเคยทดลองการเปลี่ยน IMEI ของมือถือด้วยตัวคุณเองหรือไม่? ถ้าทำได้คุณสามารถใช้งานต่อบนเครือข่ายเดียวกันได้หรือไม่?
  3. ถ้าคุณต้องการส่ง SMS ผ่าน internet โดยให้เครือข่ายระบุชื่อผู้ส่งเป็นคนอื่น คุณสามารถทำได้หรือไม่? ถ้าทำได้ต้องทำอย่างไร? ถ้าทำไม่ได้เพราะอะไร?
By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 25 August 2012 - 14:14 #463663 Reply to:463578
lew's picture

ผมเคยพูดเรื่องประเด็น "ความเชี่ยวชาญของตัวผมเอง" ไว้ตอนที่ไปพูดเรื่องคดีนี้ในงาน Thai Netizen เมื่อปลายปีที่แล้วนะครับ ผมไม่หาวิดีโอให้แล้วกัน แต่มีคนอัดไว้ใน YouTube

ผมไม่ใช่คนจบวิศวกรรมโทรคมนาคม ไม่ได้ทำงานซอฟต์แวร์โทรคมนาคมเป็นหลัก แต่ประเด็นที่เขียนทั้งหมดเป็น "ข้อเท็จจริง" ที่ตรวจย้อนกลับได้ ถ้ามีตรงไหนผิดก็แย้งได้เลย

ประเด็นการเปลี่ยน IMEI ของตัวผมเอง ผมไม่เห็นว่าจะเกี่ยวข้องกับเนื้อข่าวนี้นะครับ แต่ประเด็นเรื่องความลับของ IMEI ผมให้ความเห็นจากการใช้งานส่วนตัวว่าแม้ผมเองจะไม่เคยบอกหมายเลข IMEI ใคร แต่ไม่มีใครสนใจจะปิดบังหมายเลข IMEI ของตัวเองเช่นเดียวกัน หมายเลขเหล่านี้มีอยู่ "ภายนอก" กล่องโทรศัพท์, อาจจะถูกบันทึกโดยร้านขาย (มือแรก, มือสอง, มือสาม, ร้านซ่อม, เจ้าของเดิม ฯลฯ)

ประเด็นการเปลี่ยนหมายเลข IMEI ถ้าเรามีเครื่องที่เปลี่ยนได้ จะเปลี่ยนไปเป็นหมายเลขอะไรก็ได้ ถ้าผมจะปลอมเป็นใครสักคน ผมคงไปหาเครื่องรุ่นที่ปลอมง่ายที่สุดเท่าที่เป็นไปได้มา และผมคงไม่สนใจจะซื้อโทรศัพท์มาใช้งานโดยสนใจว่ามันปลอม IMEI ได้หรือไม่ (ถ้าใครสักคนสนใจไปตามหาโทรศัพท์ที่ความสามารถเฉพาะเจาะจงแบบนี้ ก็ควรโดนตำรวจเพ่งเล็งสักหน่อย)

การส่ง SMS จากอินเทอร์เน็ต มีพูดถึงในรายงานฉบับนี้ว่า "เป็นไปได้" ("may be" ตามรายงานย่อหน้ารองสุดท้าย) ผมเห็นทนายพูดเรื่องนี้บ้างในการสอบพยานบางครั้ง แต่ส่วนตัวไม่ได้สนใจประเด็นนี้นัก


lewcpe.com, @wasonliw

By: qute on 26 August 2012 - 23:41 #464195 Reply to:463663

จากคำตอบนี้ของคุณ ผมมั่นใจว่าคุณอาจจะเคยอ่านผ่านตาว่า SMS, IMEI คืออะไร แต่ไม่ได้รู้ว่าวิธีการทำงานจริงๆ ของมันเป็นอย่างไร อ่านบทความนี้แล้วให้ความรู้สึกเหมือนอ่าน fw mail ดีครับ :D

By: soginal
AndroidIn Love
on 27 August 2012 - 00:08 #464201 Reply to:464195
soginal's picture

งั้นช่วยบอกวิธีการทำงานจริงๆของมันให้ผมทราบหน่อยได้ไหมครับ ผมก็อยากรู้

By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 27 August 2012 - 00:08 #464202 Reply to:464195
PaPaSEK's picture

ผมมองว่าวิธีการดิสเครดิตของคุณมันไม่ได้ผลนะ ดูแล้วก็เห็นชัดๆ ว่าคุณไม่ยอมรับฟังเหตุผลอะไรใดๆ เลย ขนาดมีเหตุผลมากางตรงหน้าแล้วคุณยังผิวปากหลับตาบอกว่าไม่เข้าใจไม่เห็นไม่ทราบไม่รับรู้ใดๆ ทั้งสิ้น

ไม่ต้องทำให้มันชัดเจนขนาดนี้ก็ได้ครับ

By: จักรนันท์ on 27 August 2012 - 01:25 #464219 Reply to:464202

ความเห็นจากกรณีที่ผมไม่ได้มองในมุมที่ว่า "เป็นการ Discredit" เหมือนคุณ PaPaSEK เห็นนะครับ

ผมกลับเห็นชัดเจนว่า เขาไล่ต้อนให้คุณ lew ต้องพูดในสิ่งที่รู้อยู่ว่า "เป็นสิ่งที่เปิดเผยวิธีการในที่สาธารณะไม่ได้" มากกว่าครับ

ประมาณว่า กล้างแจ้งนี่...ยังไงก็ชนะ

ถ้าจะแพ้...ก็แพ้หลังไมค์

By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 27 August 2012 - 06:44 #464238 Reply to:464219
PaPaSEK's picture

At first, I'm not sure, if he tried to pressure or just want to troll.. But after lew's youtube comment. I've changed my mind krub.

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 27 August 2012 - 22:20 #464588 Reply to:464195

จากคำตอบของคุณ ผมก็เข้าใจดีเลยว่า คุณไม่มีความรู้ในระบบ mobile switching อย่างสิ้นเชิงเลยครับ ขนาดเรื่องการแก้ไข imei คุณยังพูดเหมือนไม่เคยรับรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่แก้ง่ายมากๆ ตั้งแต่ิสิบปีที่แล้ว

ป.ล. คุณจะเชื่อไม่เชื่อ เพราะผมไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ให้คุณฟัง ผมก็เคยนั่งเล่นทั้งระบบ TMOS ของ ericsson, IN ของ huawei ตั้งแต่สิบปีที่แล้ว(ถึงแม้ตอนนี้จำทำงานคนละสายธุรกิจแล้วก็ตาม) นานๆทีขอบลัฟกับTroll เล่นบ้างแล้วกัน :P

By: madmod on 25 August 2012 - 13:07 #463636 Reply to:463433

ที่ผมสนใจคือ ตอนผมไปขอsimใหม่ เบอร์เดิม แล้วทางdtac ก็เอาซิมใหม่มาให้ผมภายในไม่ถึง15นาที
(1)ขัอสังเกตุแรกนะครับ การทำsimใหม่ทำได้ไว (2)ข้อสังเกตุที่2คือเขาเอาkiมาจากไหน (3)kiอาจจะมีข้อมูลอยู่ในผู้ให้บริการหริือว่า ki ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเดิม

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 25 August 2012 - 13:21 #463642 Reply to:463636
hisoft's picture

(1) ใช่ครับ แค่นำ SIM ใหม่มาระบุว่าต้องการผูกกับเบอร์นั้น ๆ (2) ไม่จำเป็นต้องใช้ครับ (3) ตามข้อหนึ่งและสองครับ ki ไม่เกี่ยวอะไรกับเบอร์โทรศัพท์

By: madmod on 27 August 2012 - 12:35 #464307 Reply to:463642

บังเอิน ผมจด imsi ของ sim ผมไว้ครับ ซิมใหม่และเก่า เหมือนกัน ครับ

By: moborarl on 24 August 2012 - 21:32 #463349

IMEI ปลอมได้ครับ

ผมทำ image ของโทรศัพท์เครื่องแรก แล้ว flash ไปยังเครื่องรุ่นเดียวกันอีกเครื่องนึง เช็คดูแล้ว IMEI เหมือนกัน

ใส่เครื่องละ SIM เบอร์ต่างกัน
โทรหากันได้

By: madmod on 24 August 2012 - 21:55 #463360 Reply to:463349

อยากใช้โทรศัพท์ฟรีต้องมี ki+imsi

By: Susansaraly
AndroidWindows
on 25 August 2012 - 00:46 #463423

เอกสารชุดนี้มีตั้งแต่ตอนไหน ทำไมเพิ่งมา ลงวันที่ 30 มกรา 2555 น่าเสียดายพอๆกับผู้เชี่ยวชาญเพิ่งมาหลังศาลพิพากษาเลยครับ

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 25 August 2012 - 00:50 #463425 Reply to:463423
lew's picture

ผมไม่แน่ใจกระบวนการติดต่อขอให้ทาง SR Labs มาเป็นพยานให้นะครับ ว่าเริ่มติดต่อตั้งแต่ตอนไหน (ใครออกค่าใช้จ่ายก็ยังไม่ทราบ)

แต่เอกสารมาหลังคำพิพากษาศาลชั้นต้นครับ


lewcpe.com, @wasonliw

By: pvtvittawat
iPhoneWindows
on 25 August 2012 - 01:32 #463445
pvtvittawat's picture

ถือว่าเป็นอุทาหรณ์ เกิดวันดีคืนดีโดนกับตัวเราทั้งๆที่ไม่ได้ทำนี่ก็งานเข้ากันเลยนะเนี่ย

By: Yakjang
iPhone
on 25 August 2012 - 02:37 #463463

เอาอีกแล้วเหรอครับ

ผมว่าหลักฐานนี้มันมีน้ำหนักน้อยกว่า และพิสูจน์ยากกว่าที่จะสู้ว่า IMIE บนโทรศัพท์ปลอมได้อีกนะครับ
เพราะมันก็หมายความได้แค่ว่า ระบบเก็บ log ของ DTAC อาจจะผิดพลาดได้

แต่ทำไมทนายไม่พิสูจน์เรื่องปลอม IMIE คนทำได้ก็เยอะแยะ ช่างใน MBK ก็ทำได้ ทำได้ง่ายๆเลย

เอาแต่บอกว่าไม่มีคนช่วย เพราะกลัวมาตรา 112?
ผมก็เห็นออกทีวีโจมตีเรื่องนี้ตลอด มีม็อบ มีคนเสื้อแดงสนับสนุนเรื่องนี้เต็มบ้านเต็มเมือง
ไม่เห็นมีใครกลัวจริงเหมือนที่พูดเลย คนพวกนี้ไม่มีซักคนที่พิสูจน์เรื่องปลอม IMIE ได้ เพราะกลัว?

ผมขอไม่เชื่อก็แล้วกันนะครับ ใครจะเชื่อก็เอาเถอะครับ

แล้วก็เรื่อง IMIE นี่มันเป็นประเด็นให้ตำรวจ สืบสวน และ จับกุมอากงได้ ไม่ใช่ทำให้อากงมีความผิดนะครับ

ถ้าเป็นคนปกติสู้คดีโดยไม่ใช้ทนายเสื้อแดงก็ชนะได้ง่ายๆโดยพิสูจน์ 3 อย่างนี้ให้เป็นที่ประจักษ์ หรือแค่อย่างใดอย่างหนึ่งให้มีน้ำหนักมากพอ
- หลักฐานฝ่ายโจทย์ปลอมแปลงได้
- ไม่ได้เป็นผู้ใช้โทรศัพท์
- ไม่มีแรงจูงใจกระทำความผิด

แต่อากงให้การวกวนเหมือนไม่ได้ซักซ้อมกับทนายเลย ทนายก็ไปต่อสู้เรื่องอากงน่าสงสาร แก่แล้ว เลี้ยงหลาน
ไม่เห็นสู้ในเรื่องคดีเลย มีแต่ไปออกสื่อแล้วโจมตีเรื่องการเมือง เรื่อง ม. 112

เอาเถอะเรื่องรายละเอียดคดีผมเคยถกเรื่องนี้กับคุณ lew และอีกหลายๆท่านในเวปนี้ไปนานแล้ว
คุณ lew ก็บอกว่ามีเจตนาคือแค่ไม่เห็นด้วยเรื่องที่เอา IMEI มาเป็นหลักฐานการจับกุมเท่านั้น
ส่วนเรื่องคดีไม่สนใจประเด็นอื่นๆเลย

ผมก็พยายามจะเชื่ออย่างนั้นจริงๆ แต่ก็อยากจะบอกว่าในหลักสากลแล้วต่อให้หลักฐานอ่อนกว่านี้ก็สามารถขอ
หมายศาลจับกุมได้ ซึ่งถ้าไม่อย่างนั้นแล้วเราก็คงไม่สามารถจับกุมใครได้เลย หลักฐานทุกหลักฐานในชั้นศาล
มีการต่อสู้ได้หมดล่ะครับว่ามันปลอม ถ้ามันมีเหตุมีผลน่าเชื่อได้จริงศาลก็รับฟังหมด

ซึ่งคดีนี้เขาก็ดำเนินการกันอย่างโปร่งใสที่สุดแล้ว วันจับก็เชิญสื่อไปเป็นพยาน ขั้นตอนพิจารณา
ก็เปิดเผยทุกขั้นตอน เพียงแต่จำเลยคดีนี้เป็นคนแก่ ถ้าผิดจริง แพ้คดี มันคือการทารุณโหดร้าย
ลงโทษคนแก่ แค่นั้นหรือครับ

แต่ผมว่ามันไม่เหมาะเพราะเวลามีหลักฐานเกี่ยวกับ IMIE แล้วก็มีคนคอยมาโพสบอกไปต่างๆนาๆ
ประมาณว่าเรามันบ้านป่าเมืองเถื่อน ฆ่าคนแก่ ผู้บริสุทธิ ศาลมันแย่ อะไรแบบนี้โดยไม่มีใครมาชี้แจงเลยนี่
มันน่าอับอายในฐานะของเวปที่ว่ากันด้วยเรื่องของวิชาการคอมพิวเตอร์นะครับ

ถ้าส่วนตัวผม ผมแค้นครับที่อากงตาย สงสารหลานแกยังเด็กไม่รู้เรื่องราว แต่ไม่ได้แค้นกฏหมาย ไม่ได้แค้นศาล
แต่แค้นคนที่เอาชีวิตอากงเป็นเครื่องมือ เพื่อหวังทำลายกฏหมายที่ปกป้องสถาบัน เพื่อประโยชน์ทางการเมือง

By: cwt
AndroidRed Hat
on 25 August 2012 - 06:52 #463486 Reply to:463463

มาตรา 112 แค่ที่มาก็ผิดแล้วครับทำไมจะเลิกไม่ได้ รู้ไหมว่าที่มาของกฎหมายมาตรานี้มาจากใคร รัฐบาลไหน แล้วออกมาเพื่ออะไร แล้วเนื้อหาของมาตรานี้ไม่ได้ช่วยปกป้องสถาบันเลยแม้แต่นิดเดียว ตามประวัติการดำเนินคดีในมาตรานี้ในอดีตก็ล้วนแล้วแต่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองทั้งนั้น ยกเลิกไปนั่นแหละดีแล้วครับ

By: terminus
ContributorJusci's WriterMEconomicsUbuntu
on 25 August 2012 - 17:14 #463717 Reply to:463463

เอาอย่างนี้เลยแล้วกัน

การอ้างว่าคดีของคุณอำพลเป็นการจงใจฉวยโอกาสของ "คนที่เอาชีวิตอากงเป็นเครื่องมือ" "หวังทำลายกฏหมายที่ปกป้องสถาบัน เพื่อประโยชน์ทางการเมือง" หรือ "เสื้อแดงล้มเจ้า" ฯลฯ เนี่ย แล้วบอกว่ากฏหมาย ม. 112 / พรบ.คอมพ์ ดีแล้ว, ศาลตัดสินยุติธรรมแล้ว มันเป็นการอ้างที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างมาก ยิ่งถ้าคนที่อ้างทำตัวเป็นปัญญาชนหรือคนมีความรู้ ยิ่งน่าอายครับ น่าอายมากๆ

เพราะอะไร? เพราะการอ้างโยนความผิดไปให้อีกฝ่ายหรืออีกคนในลักษณะนี้ไม่ได้เป็นการปฏิเสธเลยว่าคดีนี้มันไม่อยุติธรรมต่อจำเลย (คุณอำพล) ตรงกันข้าม มันเป็นการยอมรับโดยตัวเองของมันว่าคดีนี้อยุติธรรมอย่างถึงที่สุดแล้ว อยุติธรรมจนกระทั่ง common sense ของมนุษย์รับไม่ได้ (มีการทดลองมากมายที่สรุปว่ามนุษย์มี common sense ตัวนี้อยู่ แม้แต่เด็กอายุไม่ถึงขวบก็มีความรู้สึกต่อต้านการกระทำที่ไม่ยุติธรรมแล้ว นักวิทยาศาสตร์และนักจิตวิทยาหลายคนยังคิดว่านี่เป็นเอกลักษณ์ของสปีชีส์มนุษย์ด้วยซ้ำ) เมื่อรับไม่ได้แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่มีความกล้าพอที่จะไล่เหตุผลตามความจริง ก็ใช้การอ้างเรื่องการแสวางหาผลประโยชน์การเมืองโดยหวังว่ามันจะหักล้างกับความอยุติธรรมของตัวระบบกฏหมายและระบบตัดสินคดีนั้นได้ ยังไงการเมืองมัน (ในความคิดของสังคมไทยสมัยปัจจุบัน) ก็เลวๆ สีเทาๆ อยู่แล้ว

By: joecole on 27 August 2012 - 02:15 #464225 Reply to:463463

ถามคุณ Yakjang ง่ายๆ ว่า
ถ้ากรณีอากงเป็นตัวล่อเพื่อปลุกกระแสของฝ่ายเสื้อแดงจริง (อย่างที่คุณสันนิษฐาน)
ถ้างั้นผมว่า ศาลก็น่าจะรู้นะ
ก็แล้วทำไม ศาลถึงไม่ตัดสินให้อากงไม่ผิดล่ะ (จะได้ไม่เข้าทางเสื้อแดง)

เพราะดูจากคำพิพากษาหรือรูปคดี
ศาลสามารถตัดสินให้ "ไม่ผิด" ง่ายกว่า "ผิด" นะครับ (อย่างที่หลายๆ คนบอกว่า หลักฐานไม่แน่น)

คือสมมติตัดการแย้งของทนายเสื้อแดงออกไป คุณคิดว่า ศาลจะตัดสินว่า อากง "ไม่ผิด" ได้หรือเปล่า (ในเมื่อหลักฐานมันไม่มัดแน่นขนาดนั้น) ... ก็น่าจะมีช่องทางบอกว่า "ไม่ผิด" ได้ใช่มั้ยครับ

เพราะฉะนั้น ถ้าหลักฐานไม่แน่น แล้วยังตัดสินว่าอากงผิดอีก
ถ้างั้น คำพิพากษาที่ออกมาเข้าทางเสื้อแดง ก็คงไม่ใช่เพราะตัวอากงหรือทนายมั้งครับ

By: ginhub
ContributoriPhoneWindows
on 29 August 2012 - 12:38 #465423 Reply to:464225

+1000000

By: joecole on 27 August 2012 - 02:47 #464230 Reply to:463463

ต่อหน่อย เห็นคุณ Yakjang พูดทำนองว่า ถ้าทนายไม่แกล้งแพ้ อากงก็หลุดได้

แต่จากข้อเท็จจริง ผมยังไม่เคยเห็นใครโดนกล่าวหา ม.112 แล้วหลุดเลยนะครับ (ถ้ามี ช่วยบอกด้วย จะได้เป็นความรู้ใหม่ของผม)

หรือที่คุณบอกว่า ถ้าสามารถพิสูจน์ได้ว่า "ไม่มีแรงจูงใจกระทำความผิด" ก็หลุดได้ ถ้างั้น สนธิ ลิ้มทองกุล ก็คงชิวๆ อยู่แล้ว ใช่มั้ยครับ สำหรับเรื่องที่เอาคำปราศรัยของ ดา ตอปิโด มาพูดต่อ (ให้การไปแล้ววันที่ 21 เดือนนี้ และคดีกำลังเดินหน้าไปเรื่อยๆ)

สรุปคือ ถ้าบอกว่า อากงเป็นตัวล่อจริง ถ้างั้น ศาลก็น่าจะตัดสินไม่ให้เข้าทางเสื้อแดงได้

หรือถ้าบอกว่า ศาลก็ต้องตัดสิืนไปตามขนบของ ม.112 ถ้างั้น วิธีของเสื้อแดงนี่ก็สัมฤทธิ์ผล 100% ทุกครั้งที่ใช้ล่ะครับ (และฝ่ายที่ใช้ ม.112 ก็จะถูกชี้ว่าไม่เป็นธรรมทุกครั้งไป)

(ถ้าแอดมินเห็นว่าไม่เกี่ยวกับเทคโนโลยี จะลบความเห็นของผมก็ได้นะครับ ผมก็แค่แย้งไปตามตรรกะของคุณ Yakjang ล้วนๆ ... ซึ่งก็ไม่ได้พูดถึงเทคโนโลยีเหมือนกัน)

By: Yakjang
iPhone
on 27 August 2012 - 06:02 #464237 Reply to:464230

มีคนถาม ก็ขอ reply ตอบล่ะครับ

  • ทำไมศาลถึงต้องตัดสินแบบนี้
    ศาลตัดสินไปตามพยานหลักฐาน รูปคดีนะครับ ไม่ใช่อิงการเมือง
    สัญลักษณ์ของศาลคือผู้หญิงปิดตา ถือหนังสือ และดาบ ความหมายคือไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม
    ตัดสินลงโทษตามคดีเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับการเมือง

  • ไม่มีใครโดน ม112 แล้วหลุด อากงจะหลุดได้จริงหรือ
    คนที่โดนมาตรานี้(ที่เป็นข่าวทุกวันนี้) ส่วนใหญ่ปราศัยบนเวที มีหลักฐานเป็น vdo หรือ เทปเสียง
    กันทุกคน ทนายจะเอาอะไรไปโต้แย้ง หลุดได้ก็แปลกล่ะครับ
    ส่วนอากงแอบส่ง SMS ไม่มีใครเห็น มีหลักฐานแค่ EMIE ที่มีข้อโต้แย้งได้มากมาย
    มีโอกาศหลุดได้ครับ บอกว่ามีใครปลอม IMIE ให้เลขเหมือนของอากง ถึงจะเชื่อยาก
    แต่ศาลก็ต้องคิดในประเด็นที่มันสามารถเกิดขึ้นได้ ศาลอาจต้องให้ตำรวจหาหลักฐานให้มาก
    กว่านี้ แต่ทนายไม่ทำมัวแต่ดราม่า กับอากงก็ให้การวกวน เครื่องโดนโขมย เครื่องไปซ่อม จำร้านไม่ได้
    มั่วไปหมด หลักฐานที่ดิ้นไม่หลุดคือคำให้การของอากงเอง

  • สนธิจะหลุดคดีไหม
    ต้องบอกว่าผมก็เพิ่งรู้เหมือนกันเกี่ยวกับคดีของสนธิ ไม่ได้ตามข่าว แต่ถ้าฟังจากคุณว่า
    คือการเอาคำพูดของคนอื่นมาพูด ถึงเป็นคำพูดหมิ่น แต่ก็สู้ได้ว่า ตัวเองเป็นสื่อ นำเสนอข่าว
    ไม่ได้มีเจตนา และไม่มีแรงจูงใจทำผิดกฏหมาย ก็หลุดได้ครับ ซึ่งส่วนตัวผมก็ว่าหลุด
    (จะขัดใจฝ่ายไหนอีกไหมเนี่ย)

By: joecole on 27 August 2012 - 12:58 #464322 Reply to:464237

ลืมถามคุณ Yakjang ไปครับ (จริงๆ ควรถามเป็นประโยคแรกด้วยซ้ำ) ว่าคุณได้อ่านคำพิพากษาคดีอากงจนครบหรือเปล่า ?

ผมอ่านแล้ว ก็เห็นว่า ศาลสามารถตัดสินให้อากง "หลุด" ได้ครับ ... ด้วยการสู้คดีแบบทนายดราม่านี่แหละ (ขอย้ำอีกที) (อย่างที่มีบางคนบอกข้างบนว่า แปลกตรงเป็นคดีอาญาที่ไม่มี "ยกประโยชน์ให้จำเลย" แต่กลับเป็น "ยกประโยชน์ให้โจทย์")

สุดท้าย ขออนุญาตแนะนำนิดนึง เห็นบางประโยคของคุณอย่าง "คนที่โดนมาตรานี้(ที่เป็นข่าวทุกวันนี้) ส่วนใหญ่ปราศัยบนเวที มีหลักฐานเป็น vdo หรือ เทปเสียง กันทุกคน" และ "ถึงเป็นคำพูดหมิ่น แต่ก็สู้ได้ว่า ตัวเองเป็นสื่อ นำเสนอข่าว ไม่ได้มีเจตนา และไม่มีแรงจูงใจทำผิดกฏหมาย ก็หลุดได้ครับ"

ผมว่า ถ้าคุณ Yakjang จะได้หาข้อมูลเกี่ยวกับ ม.112 มากกว่านี้ ก็จะเป็นประโยชน์ในการแสดงความคิดเห็นมากขึ้นนะครับ

By: Yakjang
iPhone
on 27 August 2012 - 15:54 #464401 Reply to:464322

ผมอ่านครับ อ่านโดยละเอียด และทำความเข้าใจด้วย คุณล่ะครับอ่านแล้วเข้าใจบ้างหรือเปล่า

ตั้งแต่คุณพูดว่าศาลตัดสินให้หลุดไม่หลุดได้ทั้งนั้น ผมก็ว่าคุณไม่เข้าใจระบบศาลแล้ว
ศาลตัดสินไปตามพยานหลักฐาน รูปคดี ไม่สนการเมือง ไม่สนสื่อหรือกระแสอะไรทั้งนั้น (ย้ำอีกที)

ไอ้เรื่องยกประโยชน์โจทย์ จำเลย อะไรของคุณนี่อีก เป็นตัวอย่างที่ดีเลยในการเอาคำพูดบางส่วน
มาพูดให้คนอื่นเข้าใจผิด

ในคำตัดสินศาลยกประโยชน์ให้โจทย์ "ในเรื่องที่ว่า" โจทย์มีหลักฐานทางดิจิตอล และสามารถพิสูจน์
ให้ศาลเห็นได้ ส่วนจำเลยมีข้อโต้แย้งว่าหลักฐานปลอมแปลง แต่ก็ไม่มีการพิสูจน์ใดๆให้ศาลเห็นได้
ศาลเลยยกประโยชน์ให้ว่าโจทย์ไม่ต้องพิสูจน์ใดๆในหลักฐานของโจทย์อีกต่อไป

ให้ไปปพิจารณาในประเด็นอื่นต่อไป เช่นว่าโจทย์เป็นผู้ใช้โทรศัพท์หรือไม่ มีแรงจูงใจหรือไม่

ถ้าจำเลยมีหลักฐานมาโต้แย้ง ศาลก็กลับมาพิจารณาประเด็นนี้ได้ แต่เมื่อมันไม่มี มีแต่ดราม่า และอะไรที่มัน
ไม่เกี่ยวกับคดี ศาลก็ไม่มีประโยชน์ให้โจทย์กล่าวหาจำเลยฝ่ายเดียว โดยจำเลยโต้แย้งไม่ได้

แล้วตกลงคือสนใจไปที่ ม.112 กันใช่ไหมครับ ก็ไปตามม๊อบหรือเวปคนเสื้อเหลืองเสื้อแดงซิครับ จะมาบอกว่า
สนใจในกรณีหลักฐานและการพิจารณาคดีที่ไม่เป็นธรรมอยู่ทำไม

จุดยืนของผมก็คือเห็นว่าการพิจารณาคดีมันทำได้ค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว ใครจะเห็นต่างก็ไม่เป็นไร
แต่อย่าเอาบางจุดมาพูดให้คนเข้าใจผิด อย่าเอาภาพที่เห็นคนแก่ติดคุกแล้วมาบอกว่ามันไม่ยุติธรรม

By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 27 August 2012 - 16:29 #464424 Reply to:464401
PaPaSEK's picture

ในกรณีนี้ลำบากหน่อยนึงตรงที่อากงให้การวกไปวนมา ไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง

ก็ไม่ได้โทษอากงซะทั้งหมดทีเดียวนะครับ แต่ว่าการพิจารณาคดีมันต้องมีหลักฐานแวดล้อม + อื่นๆ อีกหลายอย่าง

ถ้าพูดถึงฝั่งการพิพากษาคดี ... ผมมองอย่างที่หลายๆ คนมองครับ ... คือในกรณีที่หลักฐานไม่เพียงพอ ก็ไม่ควรยกผลประโยชน์ให้โจทย์

ไม่งั้นถ้าใครโดนกล่าวหาแล้วแก้ต่างให้ตัวเองไม่ได้ ... ชีวิตคงมีปัญหาครับ

By: Yakjang
iPhone
on 27 August 2012 - 16:48 #464443 Reply to:464424

เค้าถึงมีทนายไงครับ การแก้ต่างให้เป็นประโยชน์กับจำเลย เป็นเบสิกบทที่1 ของทนายจำเลย

ส่วนหลักฐานแวดล้อม ก็มีไงครับ ในกรณีแบบนี้จะหาหลักฐานอื่นอะไรได้อีกครับ
ถ้าจะเอา vdo ขณะอากงส่ง sms คาหนังคาเขาจริงก็คงไม่ต้องจับผู้ต้องหาอื่นได้อีกเลยครับ

By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 27 August 2012 - 16:58 #464451 Reply to:464443
PaPaSEK's picture

ประเด็นที่ทุกคนในนี้กำลังถกเถียงก็คือ

มันมี "ความเป็นไปได้" ที่ IMEI จะโดนปลอมครับ (และรายละเอียดปลีกย่อย) ... แต่ทางผู้พิจารณาคดีกลับตัดความเป็นไปได้นี้ออก และถือว่าการพิสูจน์ครบถ้วนกระบวนความแล้ว และพิสูจน์ว่าอากงผิด

ถ้าอากงจะแก้ต่าง ก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญเดินทางมาให้ปากคำด้วย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เงินกี่บาททั้งค่าเดินทาง และค่าตัวครับ

สรุปสั้นๆ คือ เราถกเถียงกันว่า มันเพียงพอแล้วหรือที่จะพิจารณาคดีอย่างที่พิจารณาไปแล้ว

อันนี้ผมและคนอื่นๆ ไม่ได้ป้องอากงนะครับ ... แต่เรากำลังปกป้องอนาคตของตัวเองอยู่ สมมติว่าวันนึงผมเองโดนข้อหาดังกล่าว แล้วรูปคดีมันออกมาตรงกันเป๊ะๆ แล้วคดีก็ถูกพิจารณาด้วยวิธีเดียวกัน

ผมไม่อยากเข้าไปเก็บสบู่ในคุกครับ T_T ก้มๆ เงยๆ ไม่ไหว ... เอวเดาะครับ

By: Yakjang
iPhone
on 27 August 2012 - 17:55 #464468 Reply to:464451

ครับ ผมก็พยายามจะเชื่อว่าพวกคุณเห็นแบบนั้น อันนั้นเป็นสิทธิ
เรื่องนี้ผมก็มีความเห็นของผม

แต่ถ้าใครมุ่งประเด็นไปแต่ว่า ศาลไม่ยุติธรรม คนแก่ติดคุกไม่ยุติธรรม
กฏหมายไม่ยุติธรรม ประเทศไทยบ้านป่าเมืองเถื่อน โดยเอาข้อมูล หรือคำพูดบางส่วนมา
กล่าวหาลอยๆ หรือบิดเบือน ให้คนอื่นเข้าใจผิด หรือถ้าความเห็นมันมีกีฬาสีปนมากนัก

ผมก็เอาข้อเท็จจริงในคดีมายันกับข้อกล่าวหาเหล่านั้น ผมทำแค่นั้น

By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 27 August 2012 - 19:08 #464503 Reply to:464468
PaPaSEK's picture

เห็นด้วยครับ :D

คือบางคนยังเอาความน่าสงสารมาปนกับความยุติธรรม และความเป็นมาตรฐานเดียวในการดำเนินคดี

แต่ผมเองก็ยังเชื่อว่ากฏหมายเองมันไม่ได้มี "คุณธรรม" เพียงพอกับแต่ละคน

คดีที่คุณแม่โดนจับเพราะเอา CD มาขายแผ่นละ 40 บาท ... โดนปรับกี่แสนจำไม่ได้

มาตรฐานเดียวครับ ... แต่ไม่รู้สิ ... มันขัดๆ ในความรู้สึกครับ

ปล. ประเด็นเรื่อง CD นี่ผมไม่ได้ต้องการเปิดประเด็นใหม่นะครับ ... บางทีก็รำพึงรำพันดังไปหน่อย ซึ่งมันอาจขัดกับประโยคแรกที่ผมพิมพ์เอาไว้ง่ะ

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 28 August 2012 - 14:11 #464876 Reply to:464237

ข้อแย้งเรื่องมาตรา112นิดนึง

มาตรานี้ ไม่มีเหตุให้ยกเว้นโทษ หรือรอลงอาญาฯ ฉะนั้น ข้ออ้างว่าแกนนำคนดังพูดไปโดยมีเจตนาดี หรือแม้แต่วิพากษ์วิจารณ์ทางวิชาการ ก็ไม่สามารถยกมาเป็นเหตุให้บรรเทาส่วนอื่นได้เลย

สิ่งสำคัญของมาตรานี้ คือไม่ขึ้นกับเจตนา นั่นคือหากมีการกระทำเกิดขึ้นจริงไม่ว่าเกิดขึ้นด้วยเจตนาใด ก็ถือว่าความผิดเกิดขึ้นแล้วโดยทันที

แต่สิ่งที่สังคมกังขา คือการปฎิบัติต่อผู้ที่โดนข้อกล่าวหานี้

  • บางคน โดนกระบวนการพิจารณาคดีลับ ไต่สวนลับ และพิพากษาลับ จนโดนองค์การนิรโทษกรรมสากล ออกแถลงการณ์ประณามไปทั่วโลก

  • บางคน เป็นบุคคลธรรมดา แต่ไม่เคยได้รับพิจารณาประกันตัวจนคดีสิ้นสุด (เฉลี่ย 1-2ปีกว่าจะตัดสิน ซึ่งแม้ยกฟ้องก็โดนคุมขังไปฟรีๆ) ทั้งๆที่ไม่มีพฤติการณ์หรือหลักฐานว่าจะหลบหนีเลยสักนิดเดียว

  • บางคน เป็นบุคคลเด่นดัง แต่ได้รับการประกันตัวตั้งแต่การแจ้งข้อกล่าวหาครั้งแรกทั้งๆที่ออกไปตปท.อยู่เป็นประจำ?

ม.112มีอัตราโทษเทียบเท่าคดีฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา(หรือมากกว่าถ้านับว่า ไม่มีเหตุให้ยกเว้นโทษ) แต่แนวทางปฎิบัติกลับเข้มงวด และอาจละเมิดสิทธิ์ยิ่งกว่าคดีที่มีบทลงโทษร้ายแรงกว่า เช่นฆ่าคนตายโดยเจตนา(ที่หลายๆคดีให้ประกันตัวอย่างง่ายดาย และหลายๆคดีตัดสินว่าผิดจริง แต่ยกเว้นโทษให้รอลงอาญาแทนง่ายๆ)

คุณไม่คิดว่ามันมีอะไรผิดปกติอยู่บ้างหรือ?

By: ginhub
ContributoriPhoneWindows
on 29 August 2012 - 12:36 #465421 Reply to:464876

มันเป็นเครื่องมือทางการเมืองครับ