ข่าวนี้เป็นข่าวจากแวดวงอุตสาหกรรมบันเทิงของอเมริกาอย่าง Hollywood ครับ ซึ่งเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้วที่หลายสตูดิโอสร้างภาพยนตร์ทั้งแบบฉายโรงหนัง หรือตามสตรีมมิ่งต่าง ๆ เริ่มมีแผนการที่จะใช้ AI เขียนบทจากหนังสือหรือ IP อื่น ๆ ที่เป็นสาธารณสมบัติกันแล้ว
โดยวิธีการที่สตูดิโอต่าง ๆ เริ่มทดลองใช้ คือ การให้ AI เขียนบทจากหนังสือ หรือบทประพันธ์อื่น ๆ แล้วจากนั้นจะจ้างนักเขียนจริง ๆ มาขัดเกลาบทที่ AI เขียนอีกที โดยก่อนหน้านี้สมาคมนักเขียนแห่งอเมริกา หรือ WGA (Writers Guild of America) เคยตั้งเงื่อนไขไว้ว่างานที่เขียนโดย AI จะไม่ถือว่าเป็น เนื้อหาวรรณกรรม หรือ เนื้อหาต้นฉบับ
ภาพของ AI ที่มีชื่อว่า HAL 9000 จากหนังคลาสสิกเรื่อง 2001: A Space Odyssey
ประเด็นนี้ทำให้เหล่านักเขียนในสหรัฐอเมริกา และ WGA ร่วม 9,000 คน ที่กำลังประท้วงหยุดงานจากปัญหาเรื่องค่าจ้างและ สวัสดิการต่าง ๆ หยิบ AI มาเป็นประเด็นสำคัญในการประท้วงในทันที เนื่องจากพวกเขามองว่า อาชีพนักเขียนบทภาพยนตร์ และโทรทัศน์ของพวกเขากำลังตกอยู่ในอันตราย
ซึ่งการประท้วงดังกล่าวเป็นการประท้วงที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 15 ปี ส่งผลให้อุตสาหกรรมบันเทิงในสหรัฐช่วงนี้หยุดชะงักลง ไม่ว่าเป็นรายการดังอย่าง Saturday Night Live หรือ รายการ Late Night Show ของ Jimmy Kemmel ต่างก็ได้รับผลกระทบไปตาม ๆ กัน
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ เมื่อเร็ว ๆ นี้คุณ Joe Russo (ผู้กำกับภาพยนตร์ Avengers Infinity War และ Endgame) ที่อยู่ในคณะกรรมการของบริษัท AI หลายแห่ง ได้ออกมาชื่นชม AI ที่งาน Sands International Film Festival ว่า “เราสามารถใช้ AI เพื่อสร้างหรือพัฒนาการเล่าเรื่องของคุณได้ ซึ่งมันจะทำให้เรื่องราวของคุณพัฒนาอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นใน เกม, ภาพยนตร์ หรือรายการทีวีก็ตาม”
ที่มา - Above the line
Comments
รอคอมเม้น
อยู่นะแจ๊ะ
ผมว่าพวกนี้น่าจะออกแนว ไม่เจอกับตัว เลยยังเฉยๆ
คือพวกทำงานหน้าคอมเนี่ยผมว่าอันตรายทุกอาชีพเลยนะครับ เพราะมันเป็นสิ่งที่ ai สามารถ input เข้าได้ทันที
กลับกันพวกงานผลิต หรืองานบริการบางอย่างที่ซับซ้อนที่ไม่มีเครื่องจักรมาทำได้ AI ก็จะแทนที่ได้ลำบาก
ส่วนคนที่บอกว่า AI จะไม่แทนที่ แต่จะมาเป็นตัวช่วย ในทางกลับกัน งานที่เคยต้องใช้คน 50 คนทำ ถ้าใช้ AI ช่วยอาจจะเหลือแค่ 5 คนหรือเปล่า อย่างงานเขียนบทภาพยนตร์เนี่ย ถ้าลดจากเขียนเองทั้งหมด เป็นให้ AI เขียนแล้วตัวเองมานั่งแก้ จากเดิม คนนึงรับเขียนได้รายการเดียว อาจจะเป้นคนนึงเขียนได้ 5-10 รายการหรือเปล่า
มีคนตกงานเยอะแน่ล่ะ เผลอๆ คนที่บอกให้ปรับตัวอาจจะกระเด็นไปด้วย
สังคมต้องหาวิธีการเยียวยาล่ะ ถ้ามนุษย์ไม่จำเป็นต้องทำงานล่ะ เพราะ AI สามารถทำได้ดีกว่าเร็วกว่า แถม scale ได้เร็วและ consistence กว่า แล้วมนุษย์จะทำอะไร?
ถ้าไม่นับอาชีพที่อยู่หน้าคอมมนุษย์ก็ยังมีอะไรให้ทำเยอะอยู่ครับ
มันก็ถูกไม่ใช่หรอครับ มันต้องปรับตัว
หรือคุณรอคอมเม้นทำไมนะครับ ผมยังไม่เกทเท่าไร
อาจจะหมายถึงคอมเมนท์ประเภทโชว์เหนือ มั่นใจ แล้วดูถูกคนที่อาจจะยังลังเลหรือตั้งคำถาม อะไรประมาณนั้นมั้งครับ..อารมณ์ยังไม่เจอ เลยยังเหนือๆ ได้ ตามท่านข้างบนว่า
แต่ส่วนตัวคิดว่าทุกคนรู้แหละ ว่าโลกเปลี่ยนตลอด และชีวิตก็ต้องปรับ
/เอ ผมจะโดนหาว่าโชว์เหนือมั้ย 😂
เอาจริงๆ มันก็เสียวๆ กันทุกคนนั่นแหละ
ไม่ว่าอุตสาหกรรมไหน ถ้ามีของทดแทนแล้วอุตสาหกรรมเดิมก็ต้องปรับตัวทั้งนั้น ยกเว้นว่าของทดแทนอุตสาหกรรมนั้นจะไม่มีทาง perfect มากพอที่จะแทนที่อุตสาหกรรมเดิมได้ อย่างอุตสากรรมอาหารสำเร็จรูป แม้จะผ่านมาหลายศตวรรษแล้วก็ยังไม่มีทางแทนที่ home cook หรือร้านอาหารตามสั่งได้
ผมแค่แซะ 'พวกที่แซะคนที่กลัว AI' เฉย ๆ พวกนี้เผลอ ๆ ก็ยังไม่ปรับตัว (หรือปรับตัวไม่ถูกทาง) ด้วยซ้ำ ด้วยความที่มันเป็นของใหม่แล้วมันทรงพลังมาก แล้วคนก็กลัวกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกนี้จะแซะคนกลัวไปทำไม ในเมื่อตัวเองก็ยังไม่ทันจะรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ผมอยากถามคนพวกนั้นกลับจริง ๆ ว่า ถ้ากลายเป็นว่า AI เข้ามาแทนที่อาชีพตัวเอง หาคำตอบให้ตัวเองได้ยังว่าจะทำอะไรต่อ
ใช้ Quota มาตอบตรงนี้เพิ่มเติมละกันเรื่องที่ว่า AI จะเข้ามาแทนอาชีพคนจริง ๆ ไหม
ผมมองว่ายังไงก็ต้องเข้ามาแทนที่แน่นอน แต่ไม่ทั้งหมด หรืออย่างน้อยก็จะไม่ใช่ในกรณีของอุตสาหกรรมที่ต้องการของ human-made อยู่แล้ว อย่าง AI Art จะต้องเข้ามาแทนที่อุตสาหกรรมความบันเทิงทั่วไปที่ต้องการปริมาณมากกว่าคุณภาพ สื่อชั้นนำอาจจะนำมาใช้แทนที่ศิลปินที่เคยจ้างจำนวนมาก ก็เลิกจ้างแล้วเก็บไว้เฉพาะหัวกะทิไว้จัดการรายละเอียดที่ต้องการของทำมือจริง ๆ แล้วไปเน้นซื้อสื่อจากตลาดไปเทรนใน AI แล้วนำมาปั๊มใช้งานต่อในองค์กรตัวเอง (หลายบริษัทออกตัวไปเรียบร้อยแล้ว และนานพอสมควร เช่น Adobe, Microsoft) แต่ถ้าระดับ enthusiast (คนที่คลุกคลีอยู่กับอุตสาหกรรมนั้นจริง ๆ) ผมมองว่าไม่ว่ายังไงก็จะไม่มีทางเข้ามาแทนที่ได้ เพราะกลุ่มคนเหล่านั้นจะใฝ่หาสื่อที่คนทำจริง ๆ อยู่ดี ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลใด ๆ รองรับ เพราะคนชอบ "ของทำมือ" มากกว่าสิ่งที่สร้างจากเครื่องจักรอยู่แล้ว
ทั้งนี้ กระแสของ AI Art ในกลุ่มของศิลปินจะออกไปทางต่อต้านมากกว่าสนับสนุน โดยกลุ่มหัวกะทิขององค์กรสื่อชั้นนำก็แสดงความคิดเห็นออกไปทางต่อต้านด้วย ฉะนั้นมันก็ยังไม่ชัดเจนว่า AI จะเข้ามาแทนที่หรือไม่ หรืออย่างน้อย ๆ ก็จะเข้ามาแทนที่ตอนไหน เพราะตอนนี้กระแส AI Art มันออกไปทาง Internet Troll มากกว่าสิ่งที่ถูกใช้อยู่จริง ๆ ขนาดที่ว่า การนำไปประโยชน์จริงยังต้องล้มเลิกไปเพราะถูกต่อต้าน อย่างในกรณีที่ Clip Studio Paint ต้องพับแผนฟีเจอร์เจนภาพช่วยออกไปเพราะโดนประเด็นขโมยภาพไปเทรนแล้วเอาไปใส่ในโปรแกรมของตัวเอง สำหรับผมแล้วมันยังด่วนเกินไปที่จะตัดสินว่าสรุปแล้วมันจะเข้ามาแทนที่จริง ๆ หรือไม่
ถ้านับแค่ Ai Text นี่แทบจะทดแทนงานเอกสารได้เกือบทั้งหมดเพราะเขียนสร้างสรรค์กว่า ตอบโจทย์ตามข้อกำหนดและความต้องการได้ พร้อมแก้ไขไปในตัว ไปอ่านตาม r/OpenAI บอกว่าผู้เขียนบทหนังแมสอย่างซุปเปอร์ฮีโร่ มีข้อจำกัดและการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก เพราะต้องตอบสนองต่อผู้ลงทุน หนังที่ฉายต้องมีประเด็นอ่อนไหวน้อยที่สุดเพื่อลดปัญหาที่จะเกิดขึ้น AI เลยตอบโจทย์มากกว่า มีอีกโปรเจ็คคือ Rewording E-Book ให้ไม่โดน plagiarism ได้r งานที่ไม่ได้ต้องการ Dynamic เยอะเช่น นักเขียนนิยายหรือหนังสือข้อมูลทั่วไป รวมถึงหนังสือสรุปข้อมูลจากหนังสือดังๆมีผลกระทบแน่นอน เผลอๆหนังสือรวมข้อสอบด้วย ส่วนงานที่มีปัจจัยภายนอกเยอะเช่นผู้เขียนบทภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดที่ปรับแก้ตามนักแสดงหรือผู้ลงทุนบ่อย มีผลกระทบด้วยเช่นกัน
เรื่องคล้ายๆกันคือ สมัยก่อน NASA มีตำแหน่ง Calculate เพื่อคำนวณสูตรคำนวณโดยเฉพาะ แต่เมื่อประดิษฐ์ calculator จนใช้งานได้ตำแหน่งงานกลุ่มนี้เลือนหายไป จึงโยกย้ายไปทำงานตำแหน่งอื่น อีกเรื่องสมัยก่อนที่ยังไม่มีกล้องถ่ายรูป เมื่อต้องการซื้อขายสินค้าจะเรียกหานักวาดภาพเหมือน วาดภาพลงบนหนังสือพิมพ์เพื่อโปรโมตสินค้า และเมื่อมีกล้องถ่ายรูปใช้งานได้ดี กลุ่มคนอาชีพนี้ต้องย้ายไปทำอย่างอื่นแทน
ส่วน Ai Art เห็นด้วยตามข้างต้นเลยครับ งานที่โดนทดแทนไปคืองานแรงงานมากกว่าเช่น นักวาดฉากประกอบ นักวาดภาพเคลื่อนไหว นักปั้นโมเดลขั้นต้น ส่วนงานด้านความคิดสร้างสรรค์ยังไม่มีผลกระทบเท่าไหร่ แต่ไม่แน่ในอนาคตป้อนความต้องการแต่ละฉากใส่ Ai Text แล้วโยนให้ Ai Art สร้างขึนมา ได้เป็น Demo หรือ Storyboard (หรือทำได้แล้ว?)
แถม MV เพลงใหม่ของวง the rube ใช้ Ai art ทำเป็น MV ไม่รู้ว่าทำยังไงนะ พี่มันเลว สีดา๒
AI วิจารณ์หนังจะมีด้วยไหม
แล้วก็จะมี AI มาด่า AI ที่วิจารณ์หนังอีกที
วิจารณ์หนัง มันก็เป็นpattern matchingระดับหนึ่งเลยนะครับ
เขียนได้นะครับ อ่านรู้เรื่อง แต่ทื่อมาก ยังห่างชั้นกับพวกงานที่อ่านสนุก ๆ อยู่เยอะเลยครับ
ให้ AI เขียน และ gen video ออกมาเลย แล้วให้ AI วิจารณ์ ส่วน AI อีกตัวคอยเก็บข้อมูลจาก AI วิจารณ์อีกทีครับ
มีคนเอาไปเขียนแก้ scripts dialogs ของเกมส์ที่ friendly เรื่องลิขสิทธอย่าง Undertale ดูแล้ว ผลออกมาฮาตรึมม จริงๆให้ Ai เขียนนำไปก่อนแล้ว ผกก มาแก้บทอีกรอบ ให้เข้าตีมหนัง นี่น่าจะ works
ทำเป็นเล่นไปนะครับ ผมให้ AI เจ้าหนึ่ง หาข้อมูลแล้วก็ทำสรุปเป็นเอกสาร 1 หน้ากระดาษ อธิบายเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง แล้วขอให้มันสรุปรวมทำเป็นเนื้อหา 1 หน้ากระดาษ มันทำได้ดีกว่าคนทั่ว ๆ ไปเยอะเลย อันนี้ ไม่ใช่เล่น ๆ แล้วนะ มันทำได้จับประเด็น เข้าเป้าเป๊ะกว่าคนทำเยอะเลย ไม่มีน้ำท่วมทุ่งด้วยซ้ำไป
อันนี้ใช้เจ้าไหนครับ
เห็นข่าวแว๊บๆ เหมือนกัน แต่จำชื่อไม่ได้ละครับ
เขียนบทละครทีวีเมืองไทยด้วยได้มั้ย
เอาแบบหนังจักรๆ วงษ์ๆ ช่องเจ็ดเช้าเสาร์อาทิตย์มั้ยครับ สี่เดือนผ่านไปแล้วนึกว่าจบไปแล้ว แต่ยังไม่ไปไหนเลย
อันนั้นผมว่า AI ทำไม่ได้นะ เป็นศาตร์และศิลป์ชั้นสูงมากที่ยืดเนื้อหาหนึ่งบรรทัดออกไปเป็นอินฟินิตี้จนกว่าเรตติ้งจะตกได้
เจ้าเงาะ triology ปวดกบาลแล้วปวดกบาลอีก
ให้ AI เขียนบท ให้ AI กำกับ ให้ AI ทำภาพจากดารา(ถ่ายภาพ ลงเสียงไว้)ไม่ต้องถ่ายทำจริงๆแล้ว สรุปให้ AI ทำทุกอย่าง ให้ AI เป็นคนดูด้วยเลย ฮา
ขอบทหนังสไตล์โนแลนเยอะๆ ครับ
ถ้าสนุกก็ดูอะ แต่คนสร้าง AI Hollywood จะกลายเป็นเสือนอนกินเลยนะ
ก็ดีนะ อาชีพนักเขียนบทตอ่ไป ก็ไม่ต้องมีแล้ว
ช่วยเขียน HxH ให้จบๆซักที ผมรอจนแห้งแล้วเนี่ย 😂
มันจะ work แค่ไหนนะ? สุดท้ายก็ต้องจ้างนักเขียนมาขัดเกลาและแน่ใจหรือว่าบทที่ออกมามันจะสมเหตุสมผลกับทั้งเรื่อง? ถ้าบทสำหรับ content สั้น ๆ ผมก็คิดว่ามันคงใช้ได้ดีแต่เอาบทยาวเกิน 10 นาทีนี่จะรอดหรือเปล่านะ
แล้วยังปัญหาเรื่องการทำงานกับตำแหน่งอื่นอีก อย่างเช่นสมมุติผู้กำกับต้องการ confirm อะไรจะกลับไปถามคนเขียนบทได้มั้ยนะและคำตอบที่ได้จะมาเป็นแบบไหน
หรือสุดท้ายแล้วนี่คือการหาเรื่องกดค่าแรงคนเขียนบทแบบคนเขียนบทจริง ๆ ที่เข้ามาเกลาบท AI อาจจะต้องถึงขั้นเขียนใหม่แต่ได้ค่าจ้างแค่ระดับเกลางาน
ส่วนตัวเรื่องตกงานนี่ไม่น่าห่วง ที่น่าห่วงสำหรับผมคือ บทความหรือบทหนังที่มันเป็นของคนอื่น ซึ่งอาจจะมีคนเคยเขียนไว้ในอินเตอร์เน็ตต่างๆ แล้ว AI มันดึงเอาข้อมูลในส่วนนั้นมาเทรนด์ถ้ามีการเอามาใช้งาน ถ้ามีการแบ่งรายได้ให้คนที่เกี่ยวข้อง แบ่งให้เจ้าของบทความ หรือเจ้าของคอนเทนด์ที่ AI เอาไปเทรนด์ มันก็โอเครอยู่ แต่ที่ผ่านมาบริษัทที่ใช้ AI ต่างๆ พยายามลักไก่ไม่อยากเสียเงินในส่วนนี้ ถ้าจะเอามาใช้อย่างก เอาข้อมูลของใครมาขอให้จ่ายส่วนแบ่งเจ้าของผลงานที่แท้จริงด้วย
ในแง่ของงานวรรณกรรมเช่นนิยาย ถ้าใครที่เขียนนิยาย หรืออ่านนิยายประจำจะรู้เลย ว่ายังไงมันก็มาแทนคนจริงๆ ไม่ได้ เพราะมันมีเรื่องอารมณ์ของตัวละคร อารมณ์ที่มองดูอะไรสักอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นคนมองน้ำทะเล อาจจะตีความภาพที่เห็นไม่เหมือนกัน
แต่ให้เข้ามาช่วยวางโครงเรื่อง อันนี้ทำได้ แต่ได้ไม่ละเอียดเท่าไหร่ สุดท้ายก็ต้องมาไล่ปรับ และลงมือเขียนเองอีกที
งานวรรณกรรมที่จะกระทบในแง่ของนักเขียนหนักๆ เลยคงจะเป็นนักเขียนบทความลงตามเว็บต่างๆ นักเขียนหนังสือทั่วไป เช่นอะไรที่เป็นวิชาการ ที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้ตรรกะของความเป็นมนุษย์มาก หรือไม่ก็งานเขียนบท เพราะตัวบทมันแค่เขียนโครงคร่าวๆ ของเนื้อเรื่อง เช่นเรียงเหตุการณ์ไปตามไทม์ไลน์ ส่วนเรื่องความรู้สึก เรื่องการแสดงออกที่ซับซ้อนของมนุษย์ มันจะไปตกอยู่ที่คนแสดง
เอาจริงๆ นะ สำหรับคนที่เขียนบทความ หรืออ่านบทความบ่อยๆ แล้วไปอ่านเจอบทความที่ AI เขียน สำหรับคนที่เอางานของ AI มาใช้โดยไม่ปรับอะไรเลย หลายๆ คนก็คงมีเอะใจได้อยู่ดี ว่ามันมีอะไรบางอย่างแปลกๆ เช่นอารมณ์ของคนเขียนที่หายไป คิดว่ายังไงคนก็คงต้องมาปรับทีหลังอยู่ดี
AI จะมาแทนคนในแง่ของการเขียนได้เกือบจริงๆ ก็ต่อเมื่อมันเข้าใจถึงความเป็นมนุษย์นั่นแหละผมว่า ซึ่งคนเรามันซับซ้อนมาก เอาแค่เรื่องความรักระหว่างคนกับคนอย่างเดียว ผมก็ว่าแม้แต่คนกันเอง ยังไม่มีใครกล้าพูดว่าเข้าใจมันครบทุกแง่มุม