Tags:
Node Thumbnail

Mark Zuckerberg ให้สัมภาษณ์กับ The Verge ถึงการเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Facebook เป็น Metaverse นอกจากเหตุผลเรื่องวิสัยทัศน์ใหม่ที่ไปไกลกว่าโซเชียลแล้ว มีประเด็นอื่นที่น่าสนใจดังนี้

  • เขาคิดเรื่องเปลี่ยนชื่อบริษัทมาตั้งแต่ตอนซื้อ Instagram และ WhatsApp (ราวปี 2012-2014) แล้ว แต่เพิ่งมาเริ่มคิดจริงจังต้นปีนี้ และเริ่มกระบวนการสรรหาชื่อใหม่เมื่อ 6 เดือนก่อน
  • การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้มีไอเดียมานานแล้ว ไม่ได้เปลี่ยนเพราะหลบหนีปัญหาชื่อเสียงแย่ๆ จากการออกมาแฉของอดีตพนักงานในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
  • เขาอธิบายว่า Meta เป็นการสะท้อนทิศทางใหม่ metaverse-first แทนทิศทางเดิม social-first โดยยกตัวอย่างเปรียบเทียบกรณีของไมโครซอฟท์ ที่เปลี่ยนจาก Windows-first มาเป็น cloud-first
  • เขายืนยันว่าจะยังนั่งเป็นซีอีโอต่อไปอีกนาน เพราะยังหนุ่มอยู่ ยังมีพลังงานอยู่เยอะ ต่างจากกรณีผู้ก่อตั้งกูเกิล (Larry Page และ Sergey Brin) ที่หลบฉากออกไปหลังตั้ง Alphabet แล้ว
  • เขาอธิบายว่าจะมีระบบบัญชีกลาง (ยังไม่ระบุชื่อ แต่น่าจะเรียก Meta Account) ลักษณะเดียวกับ Google Account หรือ Apple ID ที่ใช้กับบริการทุกตัวของบริษัทได้ ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะใช้บัญชี Facebook/Instagram/WhatsApp ของเดิม หรือจะผูกกับบัญชีกลางอันใหม่ก็ได้ แต่ไม่ได้บังคับใช้ Facebook Account สำหรับบริการอื่นๆ ทุกตัวอีกแล้ว

No Description

ที่มา - The Verge

Get latest news from Blognone

Comments

By: akira on 29 October 2021 - 12:39 #1229707

ส่วนตัวมองว่าแนวทาง Larry Page และ Sergey Brin ถูกทางแล้ว ถ้าหมดความสนใจในตัว product เดิม และสินค้าสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองแล้วก็ควรหามืออาชีพมาบริหาร เพราะการบริหารงานบริษัทที่ใหญ่โตไปแล้วมันเหมือนงานรูทีน ทำให้ไฟหมดเอาง่ายๆ สุดท้ายถ้ายังฝืนก็จะทำให้บริษัทยิ่งแย่ลงเพราะอีโก้ของผู้บริหารที่หมดไฟแต่ยังดันทุรังบริหารอยู่ เอาเวลาว่างหลังจากวางมือ เอาไปนับเงิน และไปลงทุนพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่อยากทำดีกว่า

แทงตรงเลยผมว่า Facebook น่าจะค่อยๆ กราฟดิ่งลงเรื่อยๆ ถึงแม้จะพยายาม Re-Brand แล้วก็เถอะ แต่คงไม่ตกฮวบฮาบหรอกเพราะของที่ซื้อมาใหม่จะช่วยพยุงไว้