Tags:
Node Thumbnail

IDC ออกรายงานส่วนแบ่งตลาดของอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ ไตรมาสที่ 4/20 เฉพาะไตรมาสนี้ยอดขายเติบโต 27.2% รวมทั้งปียอดขายเติบโต 28.4% จากการที่ผู้บริโภคนำเงินจากกิจกรรมบันเทิงที่ทำไม่ได้ในช่วงกักตัวมาซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และ COVID-19 ยังทำให้ผู้บริโภคใส่ใจกิจกรรมด้านสุขภาพและฟิตเนสมากขึ้น ส่งผลดีต่ออุปกรณ์สวมใส่ยิ่งขึ้นไปอีก

อุปกรณ์สวมใส่ประเภทหูฟังอัจฉริยะ (หูฟังที่มีฟังก์ชั่นมากกว่าแค่เล่นเพลงได้ เช่นมีผู้ช่วยอัจฉริยะ หรืออื่นๆ) กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญในปี 2020 และเติบโตมากที่สุดในไตรมาส 4/20 คิดเป็นสัดส่วน 64.2% เพราะอุปกรณ์ประเภทหูฟัง ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้ ทั้งช่วงกักตัวอยู่บ้านและออกไปข้างนอก และเพราะฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน (ANC) กับผู้ช่วยอัจฉริยะ เริ่มมีอยู่บนหูฟังที่ราคาถูกลงเรื่อยๆ

อันดับสองคือนาฬิกาอัจฉริยะ เติบโต 24.1% อุปกรณ์ประเภทริสต์แบนด์รั้งท้าย (wristbands) ยอดขายลดลงถึง 17.8% จากไตรมาสก่อน เหลือคิดเป็น 11.5% ของยอดขายอุปกรณ์สวมใส่รวมทั้งไตรมาส สาเหตุหลักมาจากภาวะขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ที่บางบริษัทเช่น Xiaomi กับ Huawei เผชิญอยู่

No Description

ภาพรวมของทั้งปี 2020 ตลาดอุปกรณ์สวมใส่ยอดขายรวมเพิ่มเป็น 444.7 ล้านยูนิต จาก 346.4 ล้านยูนิต, Apple ยังครองตำแหน่งส่วนแบ่งตลาดอุปกรณ์สวมใส่เป็นอันดับหนึ่ง ที่ 34.1% ยอดขายเติบโต ที่ 35.9%, Xiaomi มาเป็นอันดับสอง ส่วนแบ่งตลาด 11.4% เติบโต 21.7%

Huawei มาเป็นอันดับสาม ส่วนแบ่งตลาด 9.8% ยอดขายอุปกรณ์สวมใส่เติบโตมากที่สุด ที่ 50.7%, ส่วน Fitbit ที่ถูก Google ประกาศเข้าซื้อตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2019 และเพิ่งเสร็จสิ้นเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา มียอดขายลดลงถึง 18.8%

No Description

ข้อมูลเฉพาะไตรมาสที่ 4/20, Apple ก็ครองอันดับหนึ่งเช่นกัน มีส่วนแบ่งตลาดที่ 36.5% เพิ่มจาก 35.1% ในไตรมาสที่แล้ว ยอดขายนาฬิกาอัจฉริยะเพิ่มขึ้นถึง 45.6% เพราะมีตัวเลือกถึง 3 รุ่น คือ Series 6, Watch SE และ Series 3

Xiaomi ตามมาอันดับสอง ส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 8.8% เติบโตจากปีที่แล้ว 5% แม้ประสบปัญหายอดขาย Mi Band ลดลง 18.3% เนื่องจากขาดแคลนซัพพลาย แต่ได้ยอดจำหน่ายหูฟังที่เติบโตถึง 55.5% มาช่วยดึงไว้

Samsung อยู่อันดับสาม ส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 8.5% มียอดจำหน่ายหูฟัง 8.8 ล้านยูนิต ยอดขายอุปกรณ์ตระกูลริสต์แบนด์เพิ่มเป็น 1.3 ล้านยูนิต ยอดขายนาฬิกาอัจฉริยะ ลดลงเหลือ 2.9 ล้านยูนิต

No Description

ที่มา - IDC

Get latest news from Blognone