Tags:
Node Thumbnail

ถ้าย้อนไปไม่กี่ปีก่อน ไมโครซอฟท์อาจมีภาพลักษณ์เป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ไม่โดดเด่นในด้านผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าทั่วไป ออกสินค้าอะไรมาก็สู้คู่แข่งรายอื่นที่ดูตื่นตาตื่นใจกว่าไม่ได้ สิบปีที่ผ่านมาในโลกของไอทีมีสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นมากมาย อาทิ สมาร์ทโฟน, เสิร์ชอินเทอร์เน็ต, โฆษณาออนไลน์ หรือบริการคลาวด์ ทุกอย่างที่ว่ามา ไมโครซอฟท์ล้วนไม่ใช่ผู้ชนะในแต่ละหมวด จนดูราวเป็นบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ที่น่าเบื่อ และไม่น่าสนใจในสายตานักลงทุนอีกต่อไปเมื่อเทียบกับบริษัทใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา

ใครที่ยังเชื่อเช่นนี้อาจต้องกลับความคิดใหม่ เพราะไมโครซอฟท์ในยุคของ Satya Nadella ที่เข้ามาเป็นซีอีโอได้เกือบ 5 ปี ได้เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้ไมโครซอฟท์กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ากิจการมากที่สุดในโลกกว่า 8.5 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่าแชมป์เก่าหลายปีอย่างแอปเปิล ที่ราคาหุ้นปรับลงมามากในช่วงที่ผ่านมา ถึงแม้อาจมองได้ว่าการที่ไมโครซอฟท์ขึ้นเป็นเบอร์ 1 เป็นเพราะหุ้นแอปเปิลราคาตก แต่เมื่อมองย้อนไปในช่วงที่ Satya มาเป็นซีอีโอนั้น หุ้นไมโครซอฟท์ก็ราคาเพิ่มขึ้นมามากถึงเกือบ 3 เท่าตัวเลย

เกิดอะไรขึ้นกับไมโครซอฟท์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จนทำให้บริษัทเติบโตได้ขนาดนี้

Satya Nadella

ยอมรับความพ่ายแพ้ในสมาร์ทโฟน

ไมโครซอฟท์ซื้อกิจการโทรศัพท์มือถือของโนเกียมาในปี 2013 ผลลัพธ์ต่อมานั้นทราบกันอยู่แล้ว แต่ในตอนนั้นซีอีโอ Steve Ballmer บอกว่า สมาร์ทโฟนคือก้าวกระโดดครั้งสำคัญของบริษัท ขณะที่ Satya ไม่คิดเช่นนั้น เขาเลือกถอนตัวจากธุรกิจนี้ โดยตัดบัญชีสินทรัพย์ด้อยค่าของโนเกียถึง 7.6 พันล้านดอลลาร์ จนผลประกอบการออกมาขาดทุน และปลดพนักงานชุดสุดท้ายถึง 7,800 คน

ถึงเลือกยอมแพ้ในศึกสมาร์ทโฟนแก่แอปเปิลและกูเกิล แต่ไมโครซอฟท์ก็ยังไม่หายไปจากโลกโทรศัพท์มือถือ บริษัทมาเปลี่ยนเน้นพัฒนาแอปมือถือและซอฟต์แวร์สำหรับลูกค้าธุรกิจ ซึ่งได้ผลดีด้วย

Nokia

เดิมพันครั้งใหญ่ด้วยคลาวด์

ถ้าพูดถึงโลกอินเทอร์เน็ต ไมโครซอฟท์ไม่ใช่คนใหม่ในวงการนี้ เราคุ้นเคยกับบริการหลากหลายในเครือ MSN และเสิร์ช Bing ซึ่งมีอยู่มานานแล้ว แต่กับบริการคลาวด์นั้น ไมโครซอฟท์เพิ่งเริ่มเข้ามาในปี 2010 ซึ่งช้ากว่า Amazon ถึง 4 ปี และเริ่มอยู่ในระดับแข่งขันได้ในปี 2013

alt="Azure"

ภาพในตอนนั้นบริการคลาวด์สำหรับไมโครซอฟท์ดูเป็นธุรกิจเสริมมากกว่าจะเป็นธุรกิจหลัก ยิ่งรายได้หลักบริษัทยังมาจากการขาย Windows และ Office แต่เมื่อ Satya เข้ามา เขาชูกลยุทธ์บริษัทคือ Mobile-First คู่ไปกับ Cloud-First แม้ยังไม่ชนะ แต่ก็เติบโตมากทุกปี Azure มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นเบอร์ 2 รองจาก Amazon ส่วนธุรกิจทำเงินอย่าง Office ก็ผลักดันการขาย Office 365 ที่ทำงานผ่านคลาวด์มากขึ้น ซึ่งช่วยให้แข่งขันกับกูเกิลได้

การปรับมาโฟกัสที่ธุรกิจคลาวด์ทำให้ไมโครซอฟท์กลับมาเป็นบริษัทเติบโตระดับเลขสองหลักได้ทุกไตรมาส และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทำสถิติตลอด สิ่งนี้จึงสะท้อนกลับไปที่ราคาหุ้น

ไมโครซอฟท์ยุคเปิดกว้าง ทั้งกับผู้ใช้และนักพัฒนา

ดีลซื้อกิจการที่สำคัญของไมโครซอฟท์ในยุค Satya มีสองรายการที่น่าสนใจคือการซื้อ LinkedIn และ GitHub เพราะทั้งสองรายการเป็นโลกของนักพัฒนามืออาชีพที่อยู่บนหลากหลายแพลตฟอร์ม สะท้อนว่าไมโครซอฟท์พร้อมเปิดกว้างกับเทคโนโลยีที่หลากหลาย ไม่จำกัดแค่บน Windows

Microsoft Linux

ท่าทีหนึ่งคือการที่ไมโครซอฟท์มีเป้าหมายให้ซอฟต์แวร์สามารถทำงานได้บนทุกระบบปฏิบัติการ จากเดิมที่มีแค่ Windows และ macOS เป็นหลัก เมื่อเปิดกว้างไปถึงโอเพ่นซอร์ส ก็มีความชัดเจนและจริงใจมากขึ้น เห็นได้จากผู้อำนวยการของ Linux Foundation ยังยอมรับว่าไมโครซอฟท์มีท่าทีเปิดกว้างมากขึ้น

Michael A. Cusumano อาจารย์ของสถาบัน Sloan แห่ง MIT ยังให้ความเห็นว่า ไมโครซอฟท์ปรับองค์กรไปหลายอย่างจนทำให้บริษัทดูเท่และน่าทำงานอีกครั้ง

โครงสร้างรายได้ที่กระจายความเสี่ยง

ไมโครซอฟท์แบ่งโครงสร้างรายได้ออกเป็น 3 หน่วยธุรกิจในยุคของ Satya ประกอบด้วย Productivity and Business Processes (Office, Office 365, LinkedIn), Intelligent Cloud (Azure) และ More Personal Computing (Windows, Surface, Xbox, Bing) ที่น่าสนใจคือรายได้ทั้ง 3 หน่วยนี้อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน และเติบโตในระดับเลขสองหลักได้ทั้งหมด เท่ากับไมโครซอฟท์ไม่ได้เป็นบริษัทที่พึ่งพารายได้จากธุรกิจประเภทใดมากเป็นพิเศษ ดังตัวเลขผลประกอบการไตรมาสล่าสุดในภาพ

alt="MSFT Number"

หากเทียบกับ 5 บริษัทกลุ่มเทคโนโลยียุคใหม่ตัวย่อ FAANG จะเห็นว่าทั้ง 5 บริษัท พึ่งพารายได้ทางใดทางหนึ่งเป็นพิเศษ กล่าวคือ Facebook มีรายได้จากโฆษณา 99%, Apple มีรายได้จาก iPhone สินค้าเดียว 59%, Amazon มีรายได้จากอีคอมเมิร์ซในอเมริกา 58%, Netflix รายได้ทั้งหมดมาจากค่าสมาชิก และ Alphabet (Google) มีรายได้จากโฆษณา 87%

ไมโครซอฟท์ จึงกลายเป็นบริษัทที่กระจายความเสี่ยงธุรกิจออกมาได้ดีกว่ารายอื่น นักวิเคราะห์ประเมินว่าหุ้นไมโครซอฟท์จะค่อย ๆ เติบโตไปเรื่อย ๆ แต่ไม่รวดเร็ว และน่าจะทำให้บริษัทมีมูลค่ากิจการแตะระดับล้านล้านดอลลาร์ได้เช่นกันภายในปีหน้า

ที่มา: The New York Times

Get latest news from Blognone

Comments

By: keen
iPhoneAndroidUbuntu
on 1 December 2018 - 09:17 #1084748
keen's picture

ถ้าพี่เน้น Surface ให้เนี๊ยบอีกนิดจะดีกว่านี้อีก

By: Neroroms
Windows
on 1 December 2018 - 12:22 #1084767 Reply to:1084748

Surface รุ่นหลังๆเนี๊ยบระดับที่ Apple ตามไม่ทันแล้วนะครับ ทั้งเรื่องวัสดุและความทนทานรวมถึงสเปคด้วย
ยกเว้น Pro 6 กับ Laptop 2 ที่ ไม่ ทราบ ว่า จะ ใส่ MI NI DIS PLAY PORT มา ทำ อะ ไร ไม่ ทราบ ฟระ

By: hanel
AndroidSymbianWindows
on 1 December 2018 - 12:51 #1084770 Reply to:1084767
hanel's picture

dp ปกติขนาดมันใหญ่มาก มันเลยลงขอบ sf ไม่ได้มั้ง แต่ที่มันนรกแตกคือ ซื้อ sf hub แต่เจือกได้ mini dp 2 port อันนี้จะทำมาพระแสงอะไร

By: gobman
iPhoneAndroidSymbianUbuntu
on 1 December 2018 - 15:30 #1084790 Reply to:1084767

ผมกลับมองตรงข้าม โดยมองจากผู้ใช้งานจริง ว่าถ้าอยากทำตลาดฮาร์ดแวร์ต่อ ไมโครซอฟต์ต้องทำเครื่องในคุณภาพดีกว่านี้มากๆ ยังตามหลัง Apple อยู่อีกไกลครับเรื่องคุณภาพและความทนทาน สวนทางกับราคามาก ความทนและคุณภาพต่ำมาก เพื่อนผมซื้อตามผมในรุ่นหลังๆ ก็เครมกันกระจายแม้จะเป็น SF6 ก็ตาม หน้าตารูปลักษณ์อาจสวยงามน่าใช้ แต่ UI/UX กลับไม่ตามสินค้าตนเองคืออะไร เชียร์ไม่ขึ้นอะครับ ผมย้ายมาจาก Macbook นะ ทุกเครื่องใช้จน OS ไม่อัพเดทแล้วค่อยเปลี่ยน ที่สำคัญคือไม่ได้เครมอะไร ย้ายเพราะมองว่าปากกา + จอสัมผัส + โน็ตบุ๊ค มันต้องไปด้วยกันได้ เครื่องเก่าถึงวาระพอดี ลองเล่นมานานมากจนตัดใจซื้อตอนเครื่องแมคไม่ได้ไปต่อ บอกเลยว่าเจ็บมาก

และที่สำคัญอะไรที่ต่างประเทศได้เครม แต่พอเป็นในไทยบอกว่าไม่เข้าร่วม คือมันควรเป็น worldwide warranty แล้วนะ ไม่ใช้ให้คนใช้ในไทยเป็นลูกค้าชั้นสอง หวังว่าคงมีคนไมโครซอฟต์ไทยมาเห็นแล้วเอาไปคิดบ้างนะ

By: errin on 1 December 2018 - 16:17 #1084792 Reply to:1084790

เห็นด้วยทั้งหมดครับ

By: Neroroms
Windows
on 1 December 2018 - 17:12 #1084801 Reply to:1084790

อยากได้รายละเอียดหน่อยครับว่ามีอะไรเสียบ้างแล้ว Sp6 นี่คือซื้อจากไหนมาหรือครับ จะได้เก็บข้อมูลไว้เพราะ Sp6 มันยังไม่เข้าไทยเลย

By: thanyadol
iPhone
on 2 December 2018 - 23:22 #1084914 Reply to:1084790

คนที่บอกว่าเนียบนี่เคยใช้จริงยังครับ นี่ยังไม่รวมเรื่องพวกลอยแพ หลังหัก suface รุ่นแรกๆ นะ

By: sdc on 1 December 2018 - 21:53 #1084839 Reply to:1084767

5555555555555555555 เนี้ยบระดับ Apple ตามไม่ทันเลยหรอครับ ยังเห็นมีคนบ่นเรื่อง ประกัน และการประกอบอยู่เลย

ถ้าจะรัก m$ ควรจะรักให้พอดีนะครับ เข้าใจว่าชอบ แต่บางทีก็ต้องมองความจริงนิดหนึ่งนะ

ส่วนตัวผม ชอบทั้ง Apple + Google แต่ถ้ามันมีปัญหาก็ด่าเหมือนกัน ไม่ชม ไม่อวย เช่น ราคาของ Apple ที่แพงแสนแพงเกิน และมันจำเป็นต้องใช้ ก็เลยกัดฟันซื้อ เช่น iPad Pro 2018 คือถ้าเทียบกับ tablet ด้วยกัน ยังไงก็ต้อง iPad และยิ่งขีดๆ เขียนๆ จดโน้ตด้วยแล้ว App iOS คือดีกว่า OneNote มาก ยิ่งเป็น OneNote for App แล้วยิ่งห่วยกว่าตัว 2016 อีก

By: Neroroms
Windows
on 1 December 2018 - 23:57 #1084860 Reply to:1084839

รู้สึก Case นี้ตัวผมเองน่าจะพลาดจริงๆด้วย ขออภัยทุกท่านด้วยนะครับ

By: nrml
ContributorIn Love
on 1 December 2018 - 21:28 #1084843 Reply to:1084767
nrml's picture

อ่านแล้วถึงกับขยี้ตามาอ่านซ้ำอีกรอบ หลังจากที่เคยอ่านข่าวที่มีสมาชิกเข้ามาคอมเพลนเกี่ยวกับปัญหาของ Surface ในข่าวก่อนๆ ซึ่งจากข่าวนี้ตัว MS เองก็เหมือนจะรู้ตัวดีว่าควรจะไปดันผลิตภัณฑ์ตัวไหน จนประสบความสำเร็จอย่างที่เราเห็น เรื่อง HW ของผลิตภัณฑ์ในระดับ Consumer นี่เหมือนยังมีปัญหาใหญ่ๆ ที่ต้องได้รับการแก้ไขอีกเยอะอยู่นะครับ

By: IDCET
Contributor
on 1 December 2018 - 09:27 #1084749

ตอนนี้กลับมีปัญหากับระบบ Update ไม่รู้ว่าแก้แล้วหรือยังเนี่ย

แถม MS ชอบปรับตัวช้าอีก อย่าง Cortana ที่ผ่านมา ของก็ดี แต่กั๊กประเทศ แถมไม่พัฒนาอะไรเลย ก็ใกล้ถึงจุดจบไปอีก product นึง

แม้แต่ WP ที่เป็นของดีมาก UI สวย ใช้งานง่าย แต่การปรับตัวช้า ไม่สนใจ และเปิด API ไม่หมด ทำให้คนหนีออกจาก WP เสียดายมาก


ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว

By: gnamsai on 1 December 2018 - 09:28 #1084750
gnamsai's picture

ผมรัก visual code มากๆ ครับ

By: je901
iPhoneAndroidWindows
on 1 December 2018 - 13:07 #1084772 Reply to:1084750

+1024

By: Neroroms
Windows
on 1 December 2018 - 13:29 #1084777 Reply to:1084750

+2048

By: dukez78
iPhoneUbuntuWindows
on 1 December 2018 - 09:50 #1084753

มีผลงานก็น่าชื่นชมครับ
ต้องยอมรับว่า M$ ยุคนี้เป็นมิตรขึ้นเยอะ
ไม่เกรี้ยวกราดเหมือนสมัยก่อน

ปล. Apple สะดุดขาตัวเองด้วยแหล่ะ

By: PriteHome
ContributorAndroidWindows
on 1 December 2018 - 13:25 #1084776 Reply to:1084753
PriteHome's picture

+1
Apple สะดุดขาตัวเอง

แต่ผลงาน Satya ก็ดีจริงๆ

ปล. Windows ยังเน่าเหมือนเดิม แต่ก็เอื้อมไป Mac ไม่ไหว

By: Architec
ContributorWindows PhoneAndroidWindows
on 1 December 2018 - 13:57 #1084779 Reply to:1084776

คิดว่าถ้าไม่ได้ยุ่งกับ xcode หรืองาน media จริงๆไม่จำเป็นต้องซื้อแมคขนาดนั้นครับ

จากคนที่หลงซื้อมาสองเครื่อง

By: SilentHeal
AndroidUbuntuWindowsIn Love
on 1 December 2018 - 16:24 #1084794 Reply to:1084779
SilentHeal's picture

+1 บอกตรงๆ ถ้าไม่ได้ ต้องยุ่งกะ xcode ผมก็ไม่ยุ่งกะ mac เหมือนกัน พยายามใช้ยังไง ก็ไม่คล่อง ซักที

By: Krit04
iPhoneWindows
on 1 December 2018 - 17:01 #1084798 Reply to:1084779
Krit04's picture

ผมกลับมองว่า ถึงไม่ได้ยุ่งกับ Xcode ไม่ได้เป็นฝ่าย Media เต็มตัว ก็น่าจัด Mac นะครับ ถ้าปัญหาเรื่องงบไม่ตึงจนเกินไป และไม่เล่นเกม เจ็บแต่จบ ลืมปัญหาหน่วง ๆ สมัยยังอยู่กับ Windows OS, แต่ก็รอลุ้น Microsoft ยุคใหม่นะครับ เอาใจช่วยทุกบริษัท ไม่ชอบการผูกขาด

By: readonly
iPhone
on 1 December 2018 - 18:30 #1084815 Reply to:1084798
readonly's picture

ย้ายหนีมา 7 ปี คงไม่กลับไป win ละครับ

เห็นแฟนใช้ win ก็เหมือนเดิม เพิ่มเติมคืออัพเดตบ่อยชิบ บ่อยจนน่ารำคาญ ดีละที่เราจากกันด้วยดี

By: MaxxIE
iPhoneAndroidUbuntuWindows
on 1 December 2018 - 21:14 #1084835 Reply to:1084798
MaxxIE's picture

ผมก็ใช้Macเอาไว้เอนเตอร์เทน เฉยๆ ผมยังติดใจเลยครับ

เพราะมันตัดปัญหาจุกจิกหลายๆอย่างบนวินโดว์ไปได้เยอะมาก เอาแค่ปัญหาเรื่องไวรัสก็สบายไปเยอะแล้ว ไม่ต้องคอยมารำคาญแอนติไวรัสเด้งนู่นนี่นั่น

และ Finder แรกๆก็เกลียดนะ แต่ใช้ๆไปก็เริ่มรู้สึกว่ามันก็มีเสน่ห์อีกแบบที่ Windows Explorer ไม่มี ชอบสุดก็ตรงตั้งค่าการแสดงผลขนาดไอคอนขนาดตัวหนังสือได้ง่ายได้ละเอียดดี

แต่ที่ชอบที่สุดบนMacก็คงเป็นเรื่องทัชแพดนี่แหละ เป็นคอมเครื่องเดียวเลยที่มั่นใจไม่ต้องพกเมาส์ออกนอกบ้านก็ได้

By: sdc on 1 December 2018 - 21:23 #1084840 Reply to:1084798

ติดเรื่อง งบ อย่างเดียวเลย

By: thanyadol
iPhone
on 3 December 2018 - 15:20 #1084991 Reply to:1084798

ผมก็เหมือนกัน ขนาดต้อง dev visual studio ตัวเต็ม ยังใช้ผ่านบูทแคมป์ ต่อให้เขียนฝั่ง node ก็ยังชอบแมคมากกว่า

By: msmgames
iPhoneAndroidBlackberry
on 2 December 2018 - 01:08 #1084864 Reply to:1084753

วันนี้พาพี่ไปเดินเลิอกมือถือมา ไป Iphone แล้วราคาแรงอย่างที่บอกๆกันเลยครับเลยคิดว่าคนที่จะใช้ได้นี่ควรมีรายได้เท่าไหร่ดี

By: rainhawk
AndroidWindows
on 1 December 2018 - 09:54 #1084755
rainhawk's picture

รู้สึกยังใหญ่เทอะทะเหมือนเดิม

By: Be1con
ContributorWindows PhoneWindowsIn Love
on 1 December 2018 - 10:40 #1084761
Be1con's picture

ทุุกไตรมาส

สระอุเกินมาตัวนึงครับ


Coder | Designer | Thinker | Blogger

By: arjin
WriteriPhoneWindows
on 1 December 2018 - 12:40 #1084769 Reply to:1084761
arjin's picture

แก้ไขแล้วครับ

By: macxide
iPhoneAndroid
on 1 December 2018 - 13:07 #1084771

ตบหน้า Steve Ballmer ตายไปเบยย ^_^ ผู้ที่ทำให้ Microsoft ตกต่ำที่สุด

By: jokerxsi on 1 December 2018 - 14:38 #1084781 Reply to:1084771

ทำไมผมคิดเหมือนกันเลยก็ไม่รู้ 555

ผมว่า Satya เก่งนะ ดูไม่หยิ่งเหมือน MS สมัยก่อน

By: Diew
ContributoriPhoneWindows PhoneAndroid
on 1 December 2018 - 14:41 #1084782 Reply to:1084771
Diew's picture

ไม่ใช่ cloud first เริ่มสมัยนี้เหรอครับ

By: msmgames
iPhoneAndroidBlackberry
on 2 December 2018 - 01:10 #1084865 Reply to:1084771

แต่หนังสือ hit refresh Satya แกนับถือ Steve มากเลยนะครับ

By: tom789
Windows Phone
on 1 December 2018 - 13:16 #1084774

แก ก็มาเปลี่ยน และพัฒนา ไมโคร ไปในทิศทางที่ดี นะ รอดุ อนาคต ต่อไปว่าเป็นยังไง

By: TheOne
iPhoneWindows Phone
on 1 December 2018 - 14:59 #1084784
TheOne's picture

ฝีมือจริง ๆ แถมมองขาดด้วย สมาร์ทโฟนสู้ไม่ได้ก็แทรกซึมด้วย software ขนาด Azure ที่เริ่มมาอย่างช้า ๆ ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นช่วงที่องค์กรเริ่มเปลี่ยนผ่านสู่ Cloud พอดี

By: huajaiplateen on 1 December 2018 - 15:10 #1084785
huajaiplateen's picture

ที่นี่เขาลงรูปกันยังไงอะ

By: Be1con
ContributorWindows PhoneWindowsIn Love
on 1 December 2018 - 15:19 #1084786 Reply to:1084785
Be1con's picture

ใช้โฮสต์ข้างนอก แล้วใช้แท็กเอาครับ

![ชื่อภาพ](URL ภาพ)

Coder | Designer | Thinker | Blogger

By: Elysium
ContributorWindows PhoneSymbianWindows
on 1 December 2018 - 15:21 #1084787 Reply to:1084785
Elysium's picture

ใช้ markdown ไม่ก็แท็ก img


คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ

By: fulbert on 1 December 2018 - 16:21 #1084793

Surface go ที่ใช้อยู่ก็ยังมีปัญหาแปลกๆ หลังอัพเดต เช่น ใช้ปุ่มปรับแสงสว่างของจอบน Surface type cover ไม่ได้ ทางแก้จาก forums คือให้ถอดคียร์บอร์ดออกก่อนที่จะเปิดเครื่องหรือรีสตาร์ท หรือ English UK keyboard layout ที่ยังคงเอาไม่ออกครับ หรือการใช้งานในโหมด tablet ที่ผมยอมแพ้ แล้วใช้เมาส์สะดวกกว่า

By: sdc on 1 December 2018 - 21:27 #1084844 Reply to:1084793

Windows ไม่เหมาะกับ Tablet + Entertainment ด้าน App จริงๆครับ เคยซื้อจอสัมผันสมาใช้ ตอนนี้ขายไปละ คิดผิดที่ซื้อมา Windows = Real Keyboard + Real Mouse

By: TeamKiller
ContributoriPhone
on 3 December 2018 - 17:12 #1085005 Reply to:1084844
TeamKiller's picture

ผมว่าปัญหามันอยู่ที่ H/W มากกว่านะครับ Microsoft ไม่ไหวกะ H/W สักเท่าไร

By: sdc on 1 December 2018 - 21:25 #1084842

เฉยๆ นะ ไม่ค่อยว้าวเท่าไรด้วย

By: foizy
AndroidUbuntuWindows
on 2 December 2018 - 01:00 #1084863

รวมๆก็คือ Direction ที่ดี
และไม่ขวางเรือ Open Ecosystem เท่าไรนักมั๊งครับ

ยิ่งถ้าเทียบกับเบอร์ 1 เดิมอย่างแอปเปิ้ลนั้น
เอาจริงๆ น่าจะถือว่าแอปเปิ้ลเป็นรายเดียวที่ยังยืนหยัดอยู่ได้ด้วย Ecosystem แบบปิดและจำกัดมากได้แหล่ะ (มากกว่าชาวบ้านเยอะ)