เล่ายาวเลยนะครับ ยืนยันก่อนว่าอยากทราบจริงๆ จะทยอยพิมพ์อธิบายเป็นตอนๆ ให้อ่านครับ

สำหรับคำตอบสั้นๆ ของคำถามคุณคือ "สูญเสียตรงไหน?" มันแล้วแต่การวาง Circuit ครับ (รายตัวโทรศัพท์เลยนะ)

"รูปแบบไหน ในเมื่อมันไม่ร้อน" จุดที่ร้อน ไม่ใช่จุดที่บอกได้ว่าจุดนั้นคือ "ความสูญเสีย" ครับ ตรงนี้จะขอธิบายเลย เพราะไม่ยาวนัก

ถ้าคุณมีเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านหลายตัว กินไฟเยอะทั้งสิ้น แต่สายไฟ main เข้าบ้านคุณใช้แค่สาย 2.5 เท่านั้น ถามว่า ตรงไหนจะร้อนจะไหม้ครับ? แน่นอน คำตอบคือ สาย main แล้วใช่สาย main หรือไม่ที่เป็นตัวผลาญกำลังไฟฟ้า? (จะเปลี่ยนคำถามจากสายไฟ main เป็น ปลั๊กไฟมีหน้า contact พื้นที่น้อยแทนก็ได้นะครับ)

ส่วน "สูญเสียตรงไหน?" อันนี้ผมไขความกระจ่างให้เด็กๆ มาเยอะแล้ว เข้าใจดีว่าคนทั่วไปเวลาคิดมัก Focus ที่จุดใดจุดหนึ่งของ Device จึงมีคำถามแบบนี้ออกมา ซึ่งผมสามารถอธิบายให้เป็นภาษาที่เข้าใจง่ายขึ้นได้ก็จริง แต่ก็ยังยาวเอาเรื่องครับ

แล้วยังมีอีกเรื่อง จากประโยคของคุณ terdsak.s กล่าวไว้ ก็ไม่ได้ถูกต้องกับความเป็นจริงเสียทีเดียวนัก ที่ว่า "Watt สุดท้ายที่เข้าแบตฯ ยังไง Voltage สูงๆ ก็ทำได้ดีกว่า"
คืองี้ ที่จริง Voltage สูงๆ ที่เข้าแบตฯ จริงๆ ยังไงก็ไม่เกิน 4.25V ครับ ไม่งั้นระเบิด เพราะมันสุดที่จะรับได้แล้วตามคุณสมบัติของ Lithium แต่ถ้าไปพิจารณาจากสิทธิบัตร Fast charge ทั้งหลายแหล่ จะพบว่า Technic ที่เขาใช้เป็นไปในทำนองคือ อนุกรม Cell ในขณะ Charge และขนาน Cell ในขณะ Discharge
ส่วนวงจรที่จะทำหน้าที่นี้นั้น ถ้าเขาเอาวางไว้ในแบตฯ ก็ไปร้อนที่แบตฯ
ถ้าเอาวางบน Circuit board ของโทรศัพท์ ก็ไปร้อนที่โทรศัพท์
เพราะวงจรนี้ มี FET อยู่ใน Chip เยอะเลย (เปรียบได้กับหน้า Contact ปลั๊กไงครับ คุณ hisoft)

และนั่นพอจะพูดเหมาๆ ง่ายๆ ว่า ถ้ามันไม่ร้อนเลยซักที่ แต่ไปร้อนที่ Power supply ที่ใช้ Charge อยู่แทน ก็แปลว่า... มันสูญเสียพอๆ กันทุกที่แหละ (เครื่องใช้ไฟฟ้ากินไฟเยอะหลายตัว) จนไปร้อนที่ PWS แทน (สายไฟ main)

จุดที่ร้อน จึงไม่ได้แสดงว่า สูญเสียกำลังไฟฟ้าไปมากที่จุดนั้นเสมอไปครับ (นี่เราพูดถึงในกรณีระบบ Charge โทรศัพท์นะครับ)

นี่แค่ Appetizer เองนะ เริ่มยาวละ.... ยังไม่ได้ขึ้นคำอธิบายเรื่อง "รูปแบบไหน?" เลย ซึ่งอันนี้แหละ ยาวจริงๆ ครับ ต้องพากันไปถึง Electron motion physics กันเลย