หลังจากที่มีข่าวออกมาว่าทวิตเตอร์ ต้องยอมเลือกที่จะเซ็นเซอร์เพื่อแลกกับการเข้าถึงตลาดในประเทศที่ยังนิยมการปิดกั้นการรับข้อมูลของประชาชนอย่างเสรี ล่าสุดบางกอกโพสต์รายงานว่าปลัดกระทรวง ICT นางจีราวรรณ บุญเพิมได้ออกมาบอกว่าประเทศไทยขอต้อนรับการเปลี่ยนจุดยืนของทวิตเตอร์ในครั้งนี้
จากในรายงานของ The Next Web รัฐบาลไทยในปีที่แล้วได้ติดต่อกับ Facebook เพื่อทำการปิด Pages จำนวนกว่า 10,000 หน้าเนื่องจากหน้าดังกล่าวมีเนื้อหาที่ละเมิดกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และรัฐบาลไทยอ้างว่าทางรัฐได้รับความร่วมมืออย่างดีจากบริษัทอินเทอร์เน็ตหลายราย และจะเริ่มติดต่อกับทวิตเตอร์ทันทีเพื่อเริ่มใช้คุณสมบัติใหม่นี้ของทวิตเตอร์
รายละเอียดอื่น ๆ แนะนำให้ไปอ่านจากที่มาครับ
ที่มา - The Next Web
Comments
ประเทศไทยดูเหมือนจะชอบการเซ็นเซอร์ เอามากๆเลยนะครับ แสดงจุดยืนเป็นประเทศแรกเลยทีเดียว
มองอีกอย่างประเทศเราชอบการเอาปัญหาซุกไต้พรมมากครับ
ปัญหามันใหญ่เกินกว่าจะแก้ครับ ซุกไต้พรมง่ายกว่า
(ปัญหาความขัดแย้งด้านความคิดและความเชื่อในประเทศไทย ถ้าจะแก้ ใช้เวลา 1 ชั่วชีวิตก็ยังแก้ไม่ได้)
ฟังแล้วเหมือนโดน headshot :P
เปิดพรมมาสลบ!!
ที่เจอบ่อยๆคือดัดจริตทำเป็นรับไม่ได้ครับ
ไม่จริงอ่ะครับ คนธรรมดาทั่วไปชอบแต่ uncen
ให้มันเป็นสีชมพู๊
ไม่เข้าใจอะครับ :P
หนังโป๊ censor ก็ไม่แข็งสิ
@TonsTweetings
ชัดเลย 55
twitter.com/djnoly
โอขั้นเทพ
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
ผมกลับรู้สึกว่า ประเทศไทย ใครจะทำอะไรก็ได้ ประชาชนไม่เคยสนใจ ใช้ได้ก็ใช้ไป ใช้ไม่ได้ก็ไม่ใช้ รัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่เคยสนใจผลกระทบ บางทีชอบด้วยซ้ำไป เหมือนเสรีภาพปลอมๆ กับประชาชน เหตุผลนี้รึเปล่า เขาถึงเลือกประเทศไทยเป็นที่แรกในการทดลอง
เนื่องจากประชาชนไม่เคยใจ และใส่ใจในสิ่งที่ตนเองโพสด้วยรึเปล่าครับ
ประมาณว่าวุฒิภาวะคนไทยต่ำ แต่ถ้ารัฐบาลทำแบบนี้ต่อไปคนไทยก้ไม่โตซักที
ก็ด้วยครับ ส่วนหนึ่ง
โอ้ว ถึงว่าทำไมเข้า t.co ไม่ได้ T_T
Coder | Designer | Thinker | Blogger
"ละเมิดกฎหมายหมิ่นพระบรมฯ" มันสั้นและห่วนไปหน่อยน๊ะครับผมว่า
อ่านแล้วก็เข้าใจได้ว่าหมายถึง ม.112 หรือไม่ก็ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไม่ใช่เหรอครับ? (ต้นฉบับใช้คำว่า lese majeste)
pittaya.com
ประเทศแรกเลยนี่น่าดีใจไหมครับเนี่ย >.<
ภูมิใจ (ดีไม๊เนี่ย???)
ไทยแลนด์ ไชโย ๆ ๆ ๆ
ประชาชนโดนริบเสรีภาพในการรับข่าวสาร
แต่กระทรวง ICT ชอบใจ ทำงานง่ายขึ้น
^
^
that's just my two cents.
ถ้าเป็นประเด็นเรื่องการหมิ่นพระบรมฯก็พอเข้าใจ แต่หวังว่าจะไม่ใช้ข้ออ้างนี้ไปไล่ปิดเวปหรือบล๊อคการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลล่ะ เพราะมันจะกลายเป็นการคุกคามสิทธิขั้นพื้นฐานเกินไป
เหมือนเคยเจอใน FB นะ หมิ่นเป็นชื่อพระบรมฯ และก็ไปด่าคนอื่น
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ผมเห็นด้วยกับคุณ giogio ในประเด็นนี้ครับ
เรื่องสร้างสรรค์นี่ช้ากว่าหอยทาก แต่เรื่องแบบนี้ล่ะเร็วเชียว
"มีเนื้อหาที่ละเมิดกฎหมายหมิ่นพระบรมฯ" โดนอีกแล้วครับ ท่านก็อยู่กันของท่านดีๆ ก็มีใครเอาชื่อท่านไปอ้างว่าต้องปกต้องปิดเพื่อป้องกันการหมิ่น
อ่าน "ที่มา" รึยังครับ?
ถึงจะเซ็นเซอร์ยังไง พวกอยากวิจารณ์หมิ่นเบื้องสูงก็สามารถ หาแนวทางวิจารณ์ได้เหมือนเดิม
คนทวิตบ้าๆ บอๆก็คงไม่ได้ผลกระทบ
คิดในอีกด้านเราจะได้รู้ว่า ข้อความที่โดนแบนมีอะไรบ้าง เพราะมันจะไปขึ้นที่เว็บอีกแห่ง ... (ถ้าเว็บนั้นไม่โดนแบนซะก่อน)
เหอะๆ เรื่องปิดหูปิดตานี่ถนัดกันจริง
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
เหมือนลูกโป่งใส่น่ำแหล่ะครับ เอามือบืบข้างหนึ่งมันก็โป่งออกอีกข้างหนึ่งแหล่ะ
+1 เห็นภาพชัดเจนเลยครับ
แตกง่ายด้วย
ปล.ลมหรือน้ำก็ผลเดียวกันนะ
+1024 ตามนั้นเลย :p
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
เยี่ยม เรื่องเฮีย นี่มาที่ 1
"lese is more."
jQuery !
นั่นมัน write less do more !!
อะเหรออออ :P
เท่าทีอ่านมันแบบเดียวกับระบบกรองคำหยาบนิ ไม่อยากให้กรองคำหยาบ แสดงว่าอยากจะหยาบกัน? หรือคำหยาบมันทำให้ชีวิตใครดีขึ้น? ถ้าแบบนั้นจริงหากผมใช้คำหยาบใน blognone แล้วโดนแบนแสดงว่า blognone กำลังปิดปากผมอยู่รึปล่าว หรือผมไปหมิ่นสมาชิกเว็บคนอื่นแล้วโดนแบน นี้ก็ผมถูกปิดปากอยู่รึปล่าว
แม้แต่ blognone เองที่เรียกร้องเรื่องเสรีภาพนักหนา ก็ยังมี (เช่นเวลาพูดจาดูหมิ่นคนอื่นแล้วโดนแบน) ผมเองก็สับสนอยู่ไม่น้อยเลย
เสรีภาพมาพร้อมคำว่าสิทธิและหน้าที่ครับ
May the Force Close be with you. || @nuttyi
เสรีภาพใช้ว่าจะทำอะไรก็ได้นี่ครับ
บ้านเมืองมีเขื่อมีแบ ใช่ว่าใครจะทำอะไรก็ได้ ไม่งั้นจะมี กม ไว้ทำอะไร
อีกอย่าง ไม่มีไฟ ก็ไม่มีควันแหละครับ
+๑
ย่อหน้าสุดท้ายของที่มานี่....
เลิกบล็อก http://www.facebook.com/pages ก่อนเถอะนะ ไม่รู้บล็อกไปทำไม แต่แก้ได้ง่ายๆโดยการเปลี่ยนเป็น https
ห้ามฉันพูด ฉันก็จะเขียน ห้ามฉันเขียน ฉันก็จะคิด
มีความเป็นไปได้ที่จะหยุดความคิดคนหรือเปล่า ?
@fb.me/frozenology@
ในหลวงวิจารณ์ "ได้"
แต่ที่โดนปิด ไม่ใช่การ "วิจารณ์"
แต่โดนปิดเพราะเป็นคำด่าที่เอา "สะใจ" อย่างเดียว
ผมว่าแค่ "วิจารณ์" ก็โดนลุมด่าทั้งประเทศแล้วละครับ
จากหลายๆ กรณี ขอบอกว่าไม่จริงครับ แค่วิจารณ์หรือการพูดในเชิงวิชาการก็โดนปิดอยู่บ่อยๆ บ่อยครั้งที่ลามไปถึงสวัสดิภาพของผู้วิจารณ์ด้วย
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
แล้วมีความจำเป็นอะไรต้องวิจารณ์ด้วยเหรอครับ ?
ถึงในความเป็นจริงของบ้านเราแล้ว พระองค์ท่านจะอยู่ในสถานะที่ ไม่อาจจะไปวิพากย์วิจารณ์ได้
แต่ตัวพระองค์ท่านเอง ก็ไม่ได้ทำอะไรให้เป็นที่วิพากย์วิจารณ์อยู่แล้วนี่ครับ
ต่างจากบางประเทศ เช่นอังกฤษ ที่ราชวงทำอะไรให้เป็นข่าวบ่อยๆ (และสื่อเองก็สนุกที่จะนำเสนอ)
และจะว่าไป ที่ญี่ปุ่นเองนี่ ก็ไม่เห็นจะมีใครวิจารณ์อะไรราชวง อยู่ในสถานะแบบบ้านเรา
ไม่ว่าจะเป็นข่าว บทความ การ์ตูน ภาพยนต์ ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเกี่ยวกับราชวงหลุดออกมาเลย
ถ้ามีหลุด ก็เป็นราชวงในอดีต ยุคเซ็นก๊กกุ (สงครามกลางเมือง) ที่ชี้ฟันธงไม่ได้ ว่าใครถูกใครผิด
คุยต่อได้นะเนี่ย แต่กลัวโดนจับเสียก่อนอะนะ ฮ่าๆ
ญี่ปุ่นเมื่อไม่นานนี้ก็มีการวิจารณ์เรื่องการสืบราชสันตติวงศ์ครับ คุยกันอย่างเปิดเผยตามสื่อด้วย
ในไทยบางเรื่องก็อยู่ในประเด็นวิจารณ์เพราะมันเป็นประโยชน์สาธารณะครับ บางครั้งเป็นการกระชุ่นเตือนด้วยความเป็นห่วงต่อราชวงศ์ด้วยซ้ำ คนหนึ่งที่ผมยกขึ้นมาบ่อยๆ คือ อ.สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ที่วิจารณ์ในฐานะ royalist แต่ก็เดือดร้อนจนถูกจับหลายครั้งเพราะพวก ultra-royalist ไม่พอใจไปแจ้งความ ซึ่งทางราชเลขาธิการก็ต้องเข้าไปช่วยทุกครั้ง
แม้แต่พระองค์ท่านเองก็เคยมีกระแสพระราชดำรัสเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วว่าให้วิจารณ์ท่านได้ครับ ผมคิดว่าท่านก็คงเห็นประโยชน์
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
เห็นด้วย เชื่อว่าต่อให้วิจารณ์กันอย่างเปิดเผยก็ไม่มีทางทำอะไรพระองค์ได้ ยิ่งทำให้หลายคนหายข้องใจซะด้วยซ้ำ
คนดีจริงไม่มีอะไรต้องกลัวอยู่แล้ว ปัญหาอยู่ที่ "คนๆนั้น" น่ะสิ
555+ ก็เพราะ "คนๆนั้น" นะล่ะครับ ที่ทำให้ ฝ่ายล้ม เอามาอ้างได้ตลอดแล้วตีชิ่งไปถึงตัวพระองค์ และก็ทำให้ผมเห็นด้วยที่ว่าควรแ้ก้กฏหมาย "ข้อนั้น" เพียงแต่ประเด็นในการแก้ของผมนั้น ต่างจากประเด็นของ นิติเรด เนื่องจากผมเชื่อว่า เจตนารมณ์ของผมกับของ นิติเรด นั้นต่างกัน :)
คุณถามแบบนี้ คนจะไปต่อก็โดนจับหมดพอดี
อีกอย่าง เรื่องนี้มันมี paradox
เนื่องจากหลายๆเรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์ ไม่ว่าจะจริง/ไม่จริง มี/ไม่มีหลักฐาน มี/ไม่มีเหตุผล หนาแน่น/ไม่หนาแน่น
ฝ่ายคลั่งก็จะบอกว่า ก็ไปฟังมาจากใคร จากเมืองนอก แต่งเรื่องขึ้นหวังผล ฯลฯ
คือ มันไม่ใช่หลักฐานอย่างเป็นทางการ -> กรูไม่เชื่อ
เอ่อม... จะให้ต่อไง ต้องรอเค้าแถลงเหรอ? หรือจากปาปารัสซี่? มันจะมีได้ไงกันเล่า!!
ชาวญี่ปุ่นเคืองราชวงค์ที่พาประเทศเข้าสู่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 มาก จนไม่ร้องเพลงชาติที่มีข้อความเทิดทูนราชวงค์ด้วยซ้ำ (เคยได้ยินมาจากคนญี่ปุ่น)
ที่ไม่เคยเห็นบทวิจารณ์ อาจจะเป็นเพราะแบนเหมือนบ้านเรานี่แหละ)
ไม่เสมอไปครับ กรุณาแยกแยะคำว่า "วิจารณ์" กับ "ด่าทอ" หรือ "ให้ร้าย" ให้ออก เพราะปัจจุบันนี้ยังมีปัญญาชนหลายคน ที่กลับแยกแยะความหมายของคำเหล่านี้ไม่ได้ ตัวอย่างที่ผมเห็นได้ชัดที่ "วิจารณ์" สถาบันมาตลอด ก็ไม่เห็นจะเป็นอย่างดราม่าอากง อย่างเช่น ศ. ศิวลักษณ์ และ นิธิ เอียวศรีวงศ์ หรือแม้กระทั่งทีเด็ด ศาสดาเจียมฯ ผมยังไม่เห็นว่าใครติดคุกสักคนเลย คงเพราะเขาเหล่านั้นมีปัญญาพอที่จะแยกแยะ 3 คำนี้ออกมั้งครับ ^^
แปลว่าคุณไม่รู้อะไร
ปู่ ส.ศิวลักษณ์ แกโดนจับมาบ่อยแล้ว โดนล่าสุดยุคทักษิณนี่เลย
และที่ดราม่าอากงนี่ก็เกิดจากระบบการสืบสวนมันกาก หละหลวม ไม่ได้เรื่อง เหวี่ยงแห มันถึงได้มีปัญหา
คนอื่นที่โดนบางคนก็โดนเงียบๆ เพราะนี่เป็นคดีลับ ถ้าคุณตามศาสดาเจียมจริงคุณก็น่าจะเห็นว่ามีคนโดนจับอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่ออกข่าว
ครับ ศ.ศิวลักษณ์ เคยโดนกรณีที่วิจารณ์แบบหมิ่นแหม่ แต่ต้องขนาด 20 ปีเหมือนดราม่าอากงไหม? นั่นเพราะอะไรล่ะครับ(ในที่นี้เรื่องกระบวนการผมไม่ขอพูดถึง ขอชี้ไปที่ประเด็นเนื้อหาในข้อความ) เพราะเป็นเพียงแค่การ "วิจารณ์" หาใช่การ "ด่าทอ" หรือ "ให้ร้าย" ใช่หรือไม่ งั้นผมถามกลับ แล้วทำไม ศาสดาเจียมฯ ตัวตั้งตัวตี ยังคงอยู่ดีมีสุขได้จนถึงทุกวันนี้ล่ะครับ วิจารณ์แบบฉลาดนะ ไม่มีใครว่าอะไรหรอก เพียงแต่คุณเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไอ่ที่ส่วนใหญ่ที่มันโดนปิดไปนะ มันไม่ได้ "วิจารณ์" นี่สิ และอีกอย่างนะครับผมไม่ได้ติดตามท่าน ศาสดาเจียมฯ โดยตรงเขาเป็นเพียงหนึ่งในผู้ที่ผมเคยเฝ้าดู แต่ผมรับรู้คดีของเหล่า ผู้หมิ่น มาตลอด ขอบอกว่าส่วนใหญ่นี่เข้าข่ายวิจารณ์แค่ 1% ที่เหลือนี่ คงไม่ต้องบอกนะครัีบว่าเป็นเนื้อหาเช่นไร :)
+1 "วิจารณ์" หาใช่การ "ด่าทอ"
การวิจารณ์ในทางสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่ดีและควรเปิดให้มี
แต่คนที่เรียกร้องส่วนใหญ่ผมว่าอยากจะ "ด่าทอ" ให้สะใจมากกว่าจะวิจารณ์ในทางสร้างสรรค์นะ
ตลกครับ ในเมื่อมันเป็นการสืบสวนลับ ข้อความถูกปิดเป็นความลับ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นกรณีไหน? ต้องเชื่อศาลเท่านั้นว่าไม่ดีจริงๆงั้นสิ?
ก็คนที่โดนจับแต่ละคน ที่ไม่ออกข่าว คุณรู้บ้างรึเปล่าล่ะ? แล้วพอโดนข้อหา ก็โดนจับไปก่อนแล้ว ขังคุกห้ามประกัน เหมือนอากงนั่นไง
ประเทศนี้คนดังๆ มีชื่อเสียง ไม่โดนหรอก เพราะพอกระเทือนก็เกิดแรงต้าน แต่ไปเหวี่ยงแหจับปลาเล็กปลาน้อยแล้วก็ปิดข้อความว่าห้ามเผยแพร่ไม่งั้นจะจับไปอีก
และสุดท้าย
ประเทศที่เจริญทางจิตใจ ไม่ขังคุกคนเป็นสิบยี่สิบปี แค่เพราะด่าสถาบันหรอกครับ
จะบล๊อคทวิตเตอร์ ถามมัลลิกายังครับ?
+1
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ขอยินดีกับหัวก้าวหน้าที่คิดว่าเลือกถูกพรรคแล้วทั้งหลายครับ..
May the Force Close be with you. || @nuttyi
มาไว้อาลัยที่เราจนแต้มไม่มีทางเลือกเลยดีกว่าครับ
@TonsTweetings
ต้องถามว่าพรรคไหนกล้า "ก้าวหน้า" ครับ ขนาดนักวิชาการยังโดนไล่ต้อนเป็นหมูเป็นหมา
ที่นี่เกมแห่งอำนาจกับเกมแห่งความจงรักภักดีเป็นเรื่องเดียวกันครับ
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
เอาจริงคือผมมองว่าผมเป็นหัวก้าวหน้าพอสมควรแต่ผมก็ชอบ ปชป มากกว่า
ตัว ปชป มักโดนมองเหยียดๆ ว่าเป็นอนุรักษ์ โบราณ ไม่เสรี ปิด ฯลฯ
แต่พรรคที่ท่านอ้างว่าก้าวหน้านักหนากลับไม่แตกต่าง..คือผมมองตั้งแต่แรกแล้วว่าพรรคนี้มันตามน้ำ ไม่กล้าทำจริงหรอก สุดท้ายก็ต้องยอมอ่อนให้อำนาจเก่า แต่สร้างคำว่าประชาธิปไตยให้ดูสวยหรู ไปงั้นๆ (คือไม่ได้คิดจะทำจริง แต่สร้างคำเพื่อเรียกคะแนนนั่นแหละ)
ปล.ก็แอบผิดหวังนะที่ตัวเองคิดถูก เพราะก็อยากให้มันก้าวหน้าจริงๆ เหมือนกันล่ะ
May the Force Close be with you. || @nuttyi
จะก้าวหน้าทีไร มีบางอย่างมารั้งไว้ทุกที
ไม่ทำเดี่ยวเขาหาว่าไม่จงรักภักดี :-)
เค้ารีบจงรักภักดี ออกตัวควันขโมงแบบนี้ น่าคิดมุมกลับดีนะ :-)
WE ARE THE 99%
จริง ๆ ถ้าอยากวิพากษ์วิจารณ์ก็พอทำได้ ไปอยู่ในที่ลับ ก็พูดได้ละ พูดคุยกันจนตกผลึกความคิดแล้วส่งจดหมายสนเท่ห์ไปหาทางสำนักราชเลขาก็น่าจะได้...มั้ง เพราะว่าการวิพากษ์วิจารณ์จะได้ประโยชน์สูงสุดเมื่อผู้ถูกวิจารณ์ได้รับคำวิจารณ์ (ส่วนไอ้พวกที่พูดกระทบกระทั่งออกสื่อนี่ ผมว่ามันไม่มีประโยชน์อ่ะ)
ก็ประมาณว่า ตอนอยู่บ้าน ไม่มีใครยืนตรงเคารพธงชาตินั่นล่ะครับ (ก็มีคนทำแหละ)
ส่วนตัวผมไม่มีอะไรจะวิจารณ์ เพราะ ... ไม่รู้สิ ผมไม่รู้จะพูดอะไร แบบไม่มีความรู้มากพอที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์ราชกิจและ/หรือพระราชอำนาจ แฮะ
เอาไว้ถ้าอยากวิจารณ์เมื่อไหร่จะไปลงชื่อสนับสนุนการแก้ 112 ละกัน แต่ตอนนี้... ไม่รู้ว่าจะวิจารณ์อะไร 555 จริง ๆ ก็มีเรื่องนึงแหละ เคยคุยกับเพื่อนหลายคนก็คิดคล้าย ๆ กัน แต่ไ่ม่บอกนะว่าอะไร เดี๋ยวจะโดนเล่นงานเอา :-)
ส่งไปก็โดนคดีสิครับ
ฝรั่งคนนึง ทำหนังสือสอบถามสำนัก.. ว่าเนื้อหาบางบรรทัดในหนังสือทางวิชาการของตนที่เผยแพร่ในวงวิชาการอย่างจำกัดที่สถาบันการศึกษาในตปท. นั้นขัดต่อกฎหมายไทยหรือไม่ ไม่มีคำตอบจากสำนัก...
แต่เมื่อเขาเดินทางมาประเทศไทยครั้งนึง ก็โดนจับกุมและปฎิเสธการให้ประกันตัวตลอดการดำเนินคดีสองปี ระหว่างนั้นก็มีการประนามจากองค์กรสากลทั่วโลก จนสุดท้ายตัดสินจำคุก และได้รับอภัยโทษภายหลัง ถึงได้กลับประเทศไป
นั่นคือ แค่คิดตั้งคำถาม ก็ผิดแล้ว?
+999
บางคนปิดหูปิดตา หลอกตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่รู้อะไรจริง
เข้ามาเฝ้าระวังความเสี่ยงที่จะหมิ่น
ประเภทริดรอนสิทธิ์นี่ชอบนัก