มีใครยังจำแท็ปเล็ตในฝัน Courier จากไมโครซอฟท์ได้อยู่หรือไม่ แน่นอนมันคงยากที่จะลืม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลาย ๆ คนได้เห็น UI ที่แปลกใหม่ในยุคก่อนที่คนจะได้ลิ้มลองกับ iPad ตัวเป็น ๆ แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายไมโครซอฟท์ได้เลือกที่จะไม่สานต่อโปรเจคนี้
แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะสองนักพัฒนาที่หลงใหลใน UI ของ Courier ได้ตัดสินใจที่จะสานต่อไอเดียนี้ และพร้อมจะนำฟังก์ชั่นต่าง ๆ ของ Courier มาลงบน iPad ภายใต้ชื่อ "Taposé" แต่ในตอนนี้ พวกเขากำลังต้องการการสนับสนุนทางด้านการเงินอยู่ เพื่อที่พวกเขาจะได้พัฒนา Taposé ได้เต็มเวลา
พวกเขายังสัญญาอีกว่าหากมีเงินสนับสนุนมากพอ พวกเขาจะทำ Taposé เวอร์ชั่น Android ออกมาอีกด้วย
ที่มา - 9to5Mac
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
- สรุปของใหม่และสาระสำคัญจาก AWS re:Invent 2023 | Cloudnone Special EP
Comments
เห็นหน้า 2 คนนี้ ถ้าเดินสวนกันคงไม่คิดว่าเป็นโปรแกรมเมอร์ โดยเฉพาะเสื้อส้ม
ยังไงครับที่พูด ส่อเยียดสีผิวมากเลยนะครับ มีปัญหาอะไรมากไหมครับ
สงครามความขัดแย้งเกิดจากความคิดแบบนี้แหละ
หึหึ
คนเกิดมาแค่แตกต่างสีผิว ต่างเชื้อชาติ แตกต่างในความเป็นคน ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต่างดี หรือเลวไปกว่ากัน พวกหน้าตาดี หน้าตี๋ หน้าหมวยเกาหลี ผิวขาว ก็มี 24 ชม เท่ากัน ไม่เห็นว่าพวกนี้จะต่ออายุได้วันละ 28 ชม เป็นเทพอะไร พี่น้องทั้งหลาย ท่านเห็นแต่ฝุ่นในตาของคนอื่น แต่ชุงทั้งท่อนในตาของตัวเองท่านกลับไม่เห็น
ผมว่า Comment แรกนั่นดูแล้วก็ออกแนว Racism เล็กๆ นะครับ แต่ว่าก็ไม่ได้ชัดเจน ไม่ได้บอกว่าเสื้อส้มดูแล้วเป็นคนดำน่าจะเป็นคนเลวหรืออะไรในแง่ลบ
ผมเองไว้หนวดไว้เคราหลายๆ คนก็ทักว่าหน้าตาไม่น่าเชื่อว่าเป็นโปรแกรมเมอร์ น่าจะเป็นดีไซเนอร์มากกว่า เพราะมันดูติสท์นิดนึงครับ ^ ^
ผมเข้าใจว่าคุณ banktp106 ไม่ได้ตั้งใจจะเหยียดชนชาติหรอกครับ แต่ยังไงๆ ก็ระวังการใช้คำพูดด้วยจะดีมากครับ บางครั้งคนที่เค้าได้ยินและมีความอ่อนไหวต่อจุดนี้เค้าก็อาจจะมองเราไม่ดีก็ได้ครับผม :)
ผมว่าเค้าไม่ได้ไปเหยียดผิวหรือเชื้อชาติอะไรตรงไหนนะ ผมว่าความหมายของเค้าคงประมาณหน้าไม่ให้อะไรประมาณนั้น หลาย ๆ คนก็น่าจะเคยเจอคนที่หน้าตา บุคลิคมันขัดกับอาชีพที่ทำซึ่งมันก้ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพียงแค่คนที่เห็นบางคนเค้าก็จะรู้สึกว่าแปลก ๆ แค่นั้นเอง
+1 ตามนั้น
ส่วนตัวพอพูดถึงอาชีพโปรแกรมเมอร์ "แว้บ"แรกผมก็มักนึกขำๆถึงภาพหนุ่มดูเนิร์ดใส่แว่นบ้าง ไว้หนวดเครายาวเฟื้อยสไตล์Geekบ้าง แล้วก็เป็นฝรั่งผิวขาว อันนี้คือไม่ได้เหยียดผิวอะไร หรือไม่ได้บอกว่าโปรแกรมเมอร์เป็นได้แต่ฝรั่ง คนเอเชียหรือคนดำเป็นไม่ได้ ไม่ใช่
มันก็แค่ว่าเราคุ้นตากับโปรแกรมเมอร์หรือคนที่ทำงานด้านไอทีที่เป็นคนขาวในข่าวมากกว่าเชื้อชาติอื่นๆ เพราะข่าวที่เกิดขึ้นและบริษัทยักษ์ใหญ่มันก็มาจากทางนั้น เช่น วันๆก็เห็นแต่ Mark Zuckเอย, Steve Jobเอย, Bill Gatesเอย ฯลฯ ทีนี้พอใครไม่ใช่ฝรั่งผิวขาวมาบอกว่าทำสายอาชีพนี้ ก็เลยดูแปลกหูแปลกตาในความคิดของคนทั่วไป(ซึ่งจริงๆแล้วไม่ได้แปลกอะไร) มันก็แค่นั้นเองครับ...
ยังไงระวังการคอมเมนต์เยอะๆ reply ตัวเองแบบนี้ไม่ให้เกิดอีกด้วยนะครับ มีประเด็นจะติงก็ติงอยู่ที่เดียวได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่ยิงคอมเมนต์แบบนี้มันแทบไม่ต่างจาก spam
lewcpe.com, @wasonliw
ขอบคุณที่เตือนครับ จะระวังไว้
น่าเชื่อถือมั้ยอ่ะ = ="
หวังว่า MS จะรับรู้และกลับใจนะ
+1 ครับ
ผมว่าตรรกะแปลกๆอ่ะ แต่ถ้าท่านสองคนซุ่มลงแรงทำไปจนได้ alpha/beta แล้วค่อยเปิดตัว น่าจะเป็นอะไรที่หวังกำไรจริงๆมากกว่า
ผมว่าเอาดังเสียมากกว่า
คือไม่ใช่อะไรหรอกน่ะ คือผมไม่เห็นว่าทั้งคู่มีต้นทุนอะไรเลย ตอนนี้มีแต่คอนเซปต์ที่ได้แรงบันดาลใจคนอื่นมา แล้วจะใช้กี่ man-month ก็ไม่รู้ แถมคิดง่ายๆว่ารอ investor อันที่จริงใครจะมาเป็น investor ก็ต้องหวังกำไรใช่รึเปล่า แต่อันนี้ไม่มีทางเลย เพราะถ้าคนทั้งคู่ทำสำเร็จจรีงๆ (ส่วนความน่าเชื่อถือของคนคู่นี่ ก็อีกเรื่องหนึ่งนะ) และเกิดติดลมบน ขายเป็นหมื่นๆ/แสนๆชุด ท่าน Microsoft ไม่ฟ้องกันให้สนุกสนานหรอกรึ แล้วนักลงทุนจะได้ผลกำไรเมื่อไรล่ะนั่น
หน้าตา มันจะเป็นยังไงอะ
ไม่ผิดที่กล้าขอเงินสนับสนุน คนที่ให้ก็คงมีตรรกะอยู่ในใจกันแล้วล่ะ ผมชอบนะกล้าคิด กล้าขอเนี่ย
สุดท้ายก็คงขายบน AppStore ไม่ได้ และก็ต้อง Jailbreak ก่อนใช้อยู่ดี ...
ความเห็นส่วนตัว อิอิ
แท๊ปโป๊ะเช๊ะ ><
like
แนวขายฝันแบบ UI Eden ของ Adam อ่ะล่ะ
ยังนึกไม่ออกมันเจ๋งยังไง