แนะนำ ฟิลเตอร์ไอจีต้อนรับสงกรานต์ อัปเดต 2024

iPhonemod - 8 April 2024 - 14:57

สำหรับใครที่ชอบถ่ายรูปอัปลงสตอรี่ไอจี สงกรานต์ปีนี้ทางท […]

The post แนะนำ ฟิลเตอร์ไอจีต้อนรับสงกรานต์ อัปเดต 2024 appeared first on iMoD.

11 เทมเพลต Capcut ต้อนรับสงกรานต์ปี 2567!

iPhonemod - 8 April 2024 - 14:39

ช่วงนี้ก็ใกล้ช่วงสงกรานต์กันแล้ว วันนี้ทีมงานก็เลยมี 11 […]

The post 11 เทมเพลต Capcut ต้อนรับสงกรานต์ปี 2567! appeared first on iMoD.

ลือ! iPhone 16 “บางรุ่น” ใช้ขอบจอบางลง

iPhonemod - 8 April 2024 - 14:04

มีรายงานออกมาอีกว่า iPhone 16 บางรุ่นจะใช้ขอบหน้าจอบางส […]

The post ลือ! iPhone 16 “บางรุ่น” ใช้ขอบจอบางลง appeared first on iMoD.

พบข้อมูลการลงทะเบียน iPad Pro, iPad Air ใหม่ จ่อเปิดตัว พ.ค. 2024

iPhonemod - 8 April 2024 - 10:58

มีรายงานการพบการลงทะเบียนเลขโมเดล iPad รุ่นใหม่ คาดว่าเ […]

The post พบข้อมูลการลงทะเบียน iPad Pro, iPad Air ใหม่ จ่อเปิดตัว พ.ค. 2024 appeared first on iMoD.

ปิดฉาก Motor Show 2024! Toyota ครองเบอร์ 1 ด้วยยอดจอง 8,540 คัน ตามด้วย BYD 5,345 คัน

Brand Inside - 8 April 2024 - 10:43

จบลงแล้วสำหรับงาน Bangkok International Motor Show 2024 โดยงานนี้มียอดจองรถยนต์รวม 53,438 คัน มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ราว 50,000 คัน และมากกว่างานเมื่อปีก่อนที่มียอดจอง 42,885 คัน โดยผู้นำของยอดจองในงานนี้คือ Toyota ที่ถูกจองไปทั้งหมด 8,540 คัน ตามด้วย BYD 5,345 คัน

Bangkok Motor Show 2024

Motor Show 2024 ยอดจองรถยนต์ 53,438 คัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า Bangkok International Motor Show 2024 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 มี.ค. – 7 เม.ย. 2024 มียอดจองรถยนต์ และรถจักรยานยนต์รวมทั้งหมด 58,611 คัน แบ่งเป็นรถยนต์ 53,438 คัน กับรถจักรยานยนต์ 5,173 คัน มากกว่าปี 2023 ที่มียอดจองรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ทั้งหมด 45,983 คัน

หากเจาะไปที่ยอดจองรถยนต์จะพบว่า ยอดจอง 53,438 คัน นั้นมากกว่าเป้าหมายที่ผู้จัดงานวางไว้ที่ 50,000 คัน และมากกว่ายอดจองรถยนต์ในปี 2023 ที่ทำได้ 42,885 คัน หรือมากกว่าราว 10,000 คัน โดยแบรนด์ที่มียอดจองรถยนต์มากที่สุดคือ Toyota ผ่านยอดจองทั้งหมด 42,885 คัน

ตามด้วย BYD ที่มียอดจองทั้งหมด 5,345 คัน และอันดับ 3 คือ Honda 4,607 คัน อันดับ 4 คือ MG 3,518 คัน ปิดท้ายด้วยอันดับ 5 Mitsubishi 3,409 คัน ถือเป็นการกลับมาทวงคืนตำแหน่งผู้นำของกลุ่มแบรนด์รถยนต์จากญี่ปุ่นหลังปล่อยให้แบรนด์จีนครองยอดจองอย่างมีนัยสำคัญในงาน Motor Expo เมื่อปลายปี 2023

Motor Show 2024

ด้านยอดรถจักรยานยนต์ภายในงานที่มียอดจองทั้งหมด 5,173 คัน มีแบรนด์ Yamaha เป็นผู้นำด้วยยอดจอง 1,171 คัน ตามด้วย Strom แบรนด์จักรยานยนต์ไฟฟ้า 780 คัน และ Honda 678 คัน แสดงให้เห็นถึงความสนใจของจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเป็นอย่างดี

สำหรับภาพรวมภายในงานดังกล่าว แบรนด์รถยนต์จากญี่ปุ่นต่างจูงใจลูกค้าด้วยรถยนต์ Hybrid รูปแบบต่าง ๆ เพื่อแข่งขันกับแบรนด์จีนที่จูงใจด้วยรถยนต์ไฟฟ้าล้วน ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าล้วนกำลังถูกจับตาเนื่องจากมีการแข่งขันเรื่องราคาจนผู้บริโภคชะลอซื้อ และกลายเป็นโอกาสที่แบรนด์ญี่ปุ่นจะพลาดไม่ได้

อ้างอิง // Bangkok International Motor Show 2024

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ปิดฉาก Motor Show 2024! Toyota ครองเบอร์ 1 ด้วยยอดจอง 8,540 คัน ตามด้วย BYD 5,345 คัน first appeared on Brand Inside.

Shopee อัปเดต ค้นหาสินค้าในไลฟ์ได้แล้ว!

iPhonemod - 8 April 2024 - 10:22

ใครที่เป็นสายช็อปในแอป Shopee ห้ามพลาด เพราะล่าสุดแอป S […]

The post Shopee อัปเดต ค้นหาสินค้าในไลฟ์ได้แล้ว! appeared first on iMoD.

วิจัย KKP Research: การเข้ามาของ EV สัญชาติจีน คือวิกฤตยานยนต์ไทย

Brand Inside - 7 April 2024 - 21:13

KKP Research รายงานโดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร รายงานว่าภาพรวมของยานยนต์ไทยกำลังเจออุปสรรคใหญ่ ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่อง EV เท่านั้นแต่เป็นเพราะการบุกตลาดของจีนที่กำลังชิงส่วนแบ่งตลาดไทย โดยอุตสาหกรรมยานยนต์ถือเป็นหนึ่งในภาคการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของไทย เป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจมาหลายทศวรรษ และทำรายได้มากถึง 10-12% ของ GDP สร้างงานประมาณ 1 ล้านตำแหน่ง

EV China

ปัจจบันเป็นฐานการผลิตใหญ่ อันดับที่ 11 ของโลก การผลิตรถยนต์รวมเกือบ 2 ล้านคันต่อปี แบ่งเป็นขายภายในประเทศราว 8 แสนคัน และส่งออก 1 ล้านคันต่อปี มูลค่าการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนมีสัดส่วนสูงถึง 15% ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด

อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนของไทยกำลังเผชิญจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) ครองยอดขายต่อเนื่องถึง 7 หมื่นคัน คิดเป็น 9% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ มีสัดส่วน 17% ของเฉพาะยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ส่งผลให้ตลาด EV ไทยก้าวขึ้นเป็นตลาด EV ที่โดดเด่นของโลก ใกล้เคียงกับจีนในระยะเวลาเพียง 1 ปีครึ่ง

ทำไม การเข้ามาของ EV สัญชาติจีน จะสร้างปัญหาให้ยานยนต์ไทยในอนาคต?

ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อยานยนต์ไทย เนื่องจาก การรุกคืบของจีนในการชิงส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ที่จีนมีกำลังการผลิตส่วนเกิน ตามด้วยความสามารถในการตัดราคา ส่งผลให้จีนมีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเวทีโลก 

ผลกระทบไม่ใช่แค่รถยนต์ EV เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของตลาดรถปิกอัพ ที่เป็นหัวใจหลักของธุรกิจยานยนต์ไทยและตลาดส่งออกของไทยด้วย 

คาดการณ์ว่า จีนมีกำลังการผลิตรถยนต์กว่า 40 ล้านคันต่อปี แต่กำลังผลิตจริงอยู่ที่ประมาณ 30 ล้านคัน แบ่งเป็นตลาดภายในประเทศ 25 ล้านคัน และตลาดส่งออก 5 ล้านคัน เหลืออีกกว่า 10 ล้านคันต่อปี คือกำลังการผลิตส่วนเกิน ซึ่งยอดขายรถยนต์ในจีนมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องและภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว ส่งผลให้มีกำลังผลิตส่วนเกินเพิ่มขึ้นอีก ตลาดส่งออกจึงยังเป็นตลาดสำคัญของจีนเพื่อระบายสต็อกรถยนต์ที่ผลิตขึ้นภายในประเทศ 

จีนมีอุปสรรคในการส่งออกยานยนต์ เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์กับสหรัฐอเมริกาที่มีการกีดกันสินค้าจีนรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ ยุโรปก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มภาษีนำเข้าเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมยานยนต์ของยุดรป ส่งผลให้อาเซียน กลายเป็นเป้าหมายหลักในการระบายรถยนต์จีน 

ที่สำคัญ ไทยมีมาตรการให้เงินสนับสนุนการซื้อ EV และยังยกเว้นภาษีนำเข้ารถยนต์จีนผ่านสิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก China-ASEAN FTA (เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน) ทำให้ไทยกลายเป็นไม่กี่ประเทศที่นำเข้ารถไฟฟ้า ส่งผลให้ไทยมีสัดส่วนยอดขาย EV เร่งเร็วขึ้นกว่าหลายประเทศ แม้ประเทศเหล่านั้นจะให้เงินสนับสนุน EV เหมือนกับไทยก็ตาม 

KKP Research ประเมินว่า ความน่ากังวลต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากปิกอัพคือหัวใจหลักของโครงสร้างการผลิตและตลาดรถยนต์ไทยซึ่งมียอดการผลิตกว่า 1 ล้านคันต่อปี หรือ 60-65% ของยอดการผลิตของไทยทั้งหมด ผลกระทบดังนี้

1) ไทยอาจสูญเสียรายได้จากการส่งออกไปยังตลาดสำคัญ ไทยผลิตส่งออกปีละ 6-7 แสนคันต่อปี ขายในประเทศปีละ 5-6 แสนคัน สัญญาณที่ชัดเจนคือ ในตลาดออสเตรเลียปี 2023 ปิกอัพของจีนสามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดได้มากถึง 8% 

2) การผลิตปิกอัพเกี่ยวพันกับธุรกิจชิ้นส่วนภายในประเทศมากกว่าการผลิตรถยนต์นั่งอย่างมาก เนื่องจากใช้วัตถุดิบภายในประเทศมากกว่าครึ่ง 

3) ผลกระทบต่อดุลการค้าจะรุนแรงขึ้น การส่งออกปิกอัพที่ชะลอตัวจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อดุลการค้า ที่มีปัจจัยกดดันเงินบาทให้อ่อนค่าลงได้

การลงทุนจีน อาจไม่ช่วยต่อยอดยานยนต์ไทยเหมือนครั้งญี่ปุ่นมาตั้งฐานการผลิต?

การเข้ามาของยี่ปุ่น ส่งผลให้ยานยนต์ไทยเติบโตรวดเร็ว ทั้งด้านการผลิตและการส่งออก รมทั้งยกระดับรายได้ต่อหัวของไทยด้วย การเข้ามาของญี่ปุ่น่วงนั้นคือค่าเงินเยนที่ถูกกดดันให้แข็งค่าหลัง Plaza Accord (คือข้อตกลงที่ทำร่วมกันระหว่างประเทศ G5 หรือ ฝรั่งเศส เยอรมนี สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น เพื่อทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง แก้ไขปัญหาขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ กับญี่ปุ่น และสหรัฐฯ กับเยอรมนี) 

ความน่ากังวลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทยคือ ตลาดรถไทยเริ่มอิ่มตัว, การแข่งกับจีนโดยตรงในตลาดส่งออกรถยนต์ในต่างประเทศ จะกดดันให้ส่วนแบ่งตลาดการส่งออกรถยนต์ของไทยมีขนาดเล็กลง และมูลค่าเพิ่มภายในประเทศที่ไทยจะได้รับจากการผลิต EV 1 คัน ต่ำก่าการผลิตรถยนต์ ICE 

ที่มา – KKP Research

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post วิจัย KKP Research: การเข้ามาของ EV สัญชาติจีน คือวิกฤตยานยนต์ไทย first appeared on Brand Inside.

Apple ปลดพนักงานเพิ่มกว่า 600 คน! ทั้งโปรเจกต์พัฒนาจอ microLED และรถยนต์ไร้คนขับ

MacThai - 7 April 2024 - 10:00

หลังจากแอปเปิลได้หยุดพัฒนาทั้งโปรเจกต์รถยนต์ และจอ microLED สำหรับสมาร์ตวอตช์ ก็ได้มีการยื่นเอกสารยกเลิกการจ้างงานที่รัฐแคลิฟอร์เนียทั้งแปดฉบับต่อพนักงานที่ต้องการยกเลิกการจ้างงานทั้งหมด 614 คนด้วย

โดยตามเงื่อนไขที่กำหนดบริษัทต่าง ๆ จะต้องยื่นรายงานไปยังหน่วยงานของรัฐสำหรับที่อยู่แต่ละแห่งในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการเลิกจ้างมีทั้งโปรเจกต์รถยนตร์ไร้คนขับ “Project Titan” จากจำนวนพนักงานทั้งหมดประมาณ 2,000 คน

และโปรเจกต์จอ microLED ประมาณ 58 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากบริษัท LuxVue Technology ที่แอปเปิลซื้อกิจการในปี 2014

ซึ่งเมื่อนับรวมกับพนักงานที่แอปเปิลเคยยกเลิกการจ้างงานไปเมื่อเดือนมกราคมที่ดูแล และรับผิดชอบ Siri ในซานดิเอโกก็รวม ๆ ไปแล้ว 700 คนด้วยครับ

และมาในช่วงปีนี้ที่แอปเปิลหยุดพัฒนาไปทั้งสองโปรเจกต์ ก็คาดว่านี่อาจจะเป็นความพยายามครั้งใหญ่ในการพัฒนาเทคโนโลยีของบริษัท หลังโปรเจกต์รถยนต์ถูกยกเลิกไปเพราะความไม่แน่นอนในทิศทาง และความกังวลด้านต้นทุน

ส่วนโปรเจกต์จอ microLED ก็ถูกปิดลงเพราะแอปเปิลต้องชาเลนจ์กับด้านวิศวกรรม ซัพพลายเออร์ และต้นทุนเช่นกันครับ

ที่มา – https://www.bloomberg.com/news/articles/2024-04-04/apple-cut-at-least-600-workers-when-car-screen-projects-stopped

The post Apple ปลดพนักงานเพิ่มกว่า 600 คน! ทั้งโปรเจกต์พัฒนาจอ microLED และรถยนต์ไร้คนขับ appeared first on Macthai.com.

Jony Ive และ Sam Altman จาก OpenAI กำลังหาเงินทุนสร้างอุปกรณ์ AI ด้วยกัน! คาดว่าจะทำคล้ายอุปกรณ์ของ Ive

MacThai - 6 April 2024 - 14:00

Sam Altman CEO ของ OpenAI และ Jony Ive อดีตหัวหน้าฝ่ายออกแบบของแอปเปิลได้ร่วมมือกันอย่างเป็นทางการแล้วหลังมีข่าวลือออกมา ซึ่งในครั้งนี้พวกเขาก็กำลังมองหาเงินทุนในการสร้าง Personal Device ที่มี AI ตามรายงานจาก The Information ครับ

เพราะปัจจุบัน AI อยู่ทั้งในฟีเจอร์ และเครื่องมือมากมายบนอุปกรณ์ต่าง ๆ แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้จักอุปกรณ์ AI แบบ Personal Deive จริง ๆ ซึ่งอาจจะไม่ได้ดูเหมือนสมาร์ตโฟนซะทีเดียว แต่อาจเป็นอุปกรณ์ AI ที่สวมใส่ได้แต่ไม่มีหน้าจอ

จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า AI Personal Device ที่ว่านั้น จะเป็นโปรดักคล้ายกันกับที่ Ive ทำ และตอนนี้ Ive ก็ตั้งเป้าที่จะระดมทุนได้สูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อโปรเจกต์การร่วมมือกันครั้งนี้ด้วย โดยสตาร์?อัปรายใหญ่ที่ไม่เปิดเผยชื่อของ Ive และ Altman กำลังจัดหาเงินทุนจากผู้ร่วมทุนรายใหญ่อยู่

และทั้ง Sam Altman กับ Jony Ive ก็ยังได้พูดคุยกับ Masayoshi Son ซีอีโอของ SoftBank ไปจนถึง Thrive Capital นักลงทุน OpenAI และ Emerson Collective บริษัทร่วมลงทุนและองค์กรการกุศลที่ก่อตั้งโดย Laurene Powell Jobs ด้วยครับ

ที่มา – https://www.macrumors.com/2024/04/05/jony-ive-sam-altman-ai-device/

The post Jony Ive และ Sam Altman จาก OpenAI กำลังหาเงินทุนสร้างอุปกรณ์ AI ด้วยกัน! คาดว่าจะทำคล้ายอุปกรณ์ของ Ive appeared first on Macthai.com.

ขายไม่ขายว่ากัน! Tesla โชว์ Cybertruck รถกระบะไฟฟ้า 4 เดือนในไทย สร้างกระแส EV ไทยด้วยนวัตกรรม

Brand Inside - 5 April 2024 - 17:44

Tesla จัดแสดง Cybertruck รถกระบะไฟฟ้าสุดล้ำเป็นเวลา 4 เดือน ในประเทศไทย ไปพบตัวจริงได้ที่ศูนย์บริการย่านรามคำแหง เผยไทยเป็นประเทศที่ 4 ในเอเชียที่จัดแสดง ตามหลัง เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น และฮ่องกง ส่วนการวางจำหน่ายจริง รวมถึงช่วงราคายังไม่มีความชัดเจน

Tesla

Tesla จัดแสดง Cybertruck ในประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า Tesla ประกาศจัดแสดง Cybertruck รถกระบะไฟฟ้ารุ่นแรกของแบรนด์ในประเทศไทย โดยการจัดแสดงจะอยู่ที่ศูนย์บริการย่านรามคำแหงตลอด 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. 2023 เป็นต้นไป โดยการจัดแสดงนี้เกิดขึ้นหลัง Cybertruck ได้ส่งมอบในสหรัฐอเมริกาเมื่อปลายปี 2023

ขณะเดียวกันการจัดแสดงในประเทศไทยยังเป็นพื้นที่ที่ 4 หลังจากเกาหลีใต้, ญี่ปุ่น และฮ่องกง แสดงให้เห็นถึงความสำคัญในประเทศไทย เพราะในภูมิภาคนี้ยังมีประเทศที่อาจมีศักยภาพ หรือเริ่มทำตลาด Tesla ก่อนประเทศไทย แต่กลับไม่มีการจัดแสดง Cybertruck

เจ้าหน้าที่ของ Tesla แจ้งว่า Cybertruck ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องช่วงเวลาจำหน่ายในไทย รวมถึงราคา ทำให้การจัดแสดง Cybertruck ครั้งนี้อาจเป็นเพียงแค่การจัดแสดงเท่านั้น ไม่มีการจำหน่ายจริง ยิ่งรถกระบะขนาดเดียวกับ Cybertruck ยังไม่มีทำตลาดในประเทศไทย ผ่านขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ จึงยากต่อการทำตลาดเช่นกัน

มิติโดยรวมของ Cybertruck ยาว 5.88 ม. กว้าง 2.02 ม. และสูง 1.90 ม. เป็นรถกระบะ 4 ประตู น้ำหนักรวมกว่า 3 ตัน ขนาดดังกล่าวจัดอยู่ในกลุ่มกระบะขนาด Full Size หรือใหญ่กว่ารถกระบะส่วนใหญ่ที่ขายในประเทศไทยที่อยู่ในกลุ่ม Compact เช่น Hilux Revo กระบะตอนเดียว ขนาดยาว 5.27 ม. กว้าง 1.80 ม. และสูง 1.69 ม.

ปัจจุบัน Tesla ทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย 2 รุ่น ประกอบด้วย Model 3 และ Model Y ราคาเริ่มต้น 1.599 ล้านบาท ส่วน Cybertruck ที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกา รุ่นขับเคลื่อนล้อหลังราคาเริ่มต้น 57,390 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.10 ล้านบาท และรุ่นสูงสุด CYBERBEAST ราคา 96,390 ดอลลาร์ หรือราว 3.53 ล้านบาท

อ้างอิง // Tesla

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ขายไม่ขายว่ากัน! Tesla โชว์ Cybertruck รถกระบะไฟฟ้า 4 เดือนในไทย สร้างกระแส EV ไทยด้วยนวัตกรรม first appeared on Brand Inside.

KBank เปิดตัว K Scan to Pay สแกนจ่าย QR Code บัตรเครดิตบน K PLUS สะดวกกว่า ไม่ต้องพกบัตรอีกต่อไป

Brand Inside - 5 April 2024 - 17:30

ภายหลังงจากประเทศไทยมีการรับจ่ายเงินผ่านการสแกน QR Code กันอย่างแพร่หลาย ทำให้สังคมไทยก้าวสู่การเป็นสังคมไร้เงินสด หรือ Cashless Society อย่างเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ หลายคนลืมพกเงินสดติดตัวแล้ว เพราะสามารถสแกนจ่ายเงินผ่านมือถือได้ สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โดยเฉพาะกับมูลค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมากนัก

kbank

แต่เมื่อต้องซื้อสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าสูง หรืออยากจะแบ่งเบาการจ่ายชำระด้วยบัตรเครดิต ในอดีตอาจต้องพกบัตรเครดิตติดตัวไปด้วย จะรูดบัตรแบบเดิมและจะแตะชำระ แต่สุดท้ายก็ต้องพกบัตรไปด้วยอยู่ดี และบางทีก็มีบัตรหลายใบเพื่อเลือกใช้สิทธิประโยชน์ใหม้เหมาะกับการใช้จ่าย จนล่าสุดทางธนาคารกสิกรไทย หรือ KBank เดินหน้าพัฒนาบริการ Digital Payment ด้วยการเปิดฟีเจอร์ K Scan to Pay สแกนทั่ว เปย์ถึง ให้ผู้ถือบัตรเครดิต KBank สแกนจ่าย QR Code ด้วยบัตรเครดิตบน K PLUS ได้แล้ว

นี่คือความสะดวกสบายและปลอดภัยในการใช้จ่ายของผู้ใช้ เพราะจากเดิมเราอาจจะเปิด K PLUS สแกนจ่ายด้วยเงินจากในบัญชี แต่ตอนนี้เรามีทางเลือกมากขึ้น นั่นคือสามารถเปิด​ K PLUS สแกนจ่ายด้วยบัตรเครดิต KBank ได้เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ผู้ใช้บัตรเครดิตต้องไม่ลืมคือ ใช้บัตรเครดิตเพื่อความสะดวกในการชำระสินค้าและบริการ แต่ใช้เท่าที่จำเป็น และถ้าเป็นไปได้ชำระคืนเต็มจำนวนตามที่กำหนดเพื่อจะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

shutterstock

ณัฐพล ลือพร้อมชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย บอกว่า การพัฒนาฟีเจอร์​ K Scan to Pay กับคอนเซปต์ สแกนทั่ว เปย์ถึง เพื่อให้ผู้ที่มีบัตรเครดิต KBank ทุกคนมีความสะดวกสบายมากขึ้น ทำให้สามารถใช้วิธีการสแกน QR Code ที่คุ้นเคยอยู่แล้ว ใช้กับบัตรเครดิตได้ด้วย โดยไม่ต้องหยิบบัตรออกมาหรือไม่ต้องพกบัตรอีกต่อไป แต่ยังได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ และยังได้รับคะแนนสะสม K Point รวมถึงโปรโมชั่นต่างๆ ตามแต่ละบัตรเช่นเดิม

kbank

และสิ่งที่สำคัญคือ เวลานี้มีกว่า 300,000 ร้านค้าทั่วประเทศ ที่พร้อมรับชำระด้วย K Scan to Pay ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ทั้งสายช้อป สายกิน มีร้านค้าชั้นนำ เช่น ท็อปส์ (TOPS) วัตสัน (Watsons) บูทส์ (Boots) แบล็ค แคนยอน (Black Canyon) คิงพาวเวอร์ (King Power) โพเมโล (Pomelo) จัสปาล กรุ๊ป (Jaspal Group) เครือกรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) เป็นต้น และแน่นอนว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต

ปัจจุบัน KBank มีลูกค้าบัตรเครดิตรวมกว่า 4 ล้านใบ โดย 80% มีการผูกบัตรเครดิตกสิกรไทยบน K PLUS อยู่แล้ว สามาถใช้ฟีเจอร์ K Scan to Pay ได้ทันที ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

  1. เข้าแอป K PLUS
  2. เลือกสแกนจ่ายเงิน โดยสแกน QR Code ร้านค้าที่ต้องการจ่ายเงิน
  3. เลือกชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
  4. ตรวจสอบความถูกต้องของจำนวนเงิน และกดรหัส PIN
  5. ชำระเงิน รับ e-slip เรียบร้อย

kbank

ณัฐพล ระบุว่า ลูกค้าที่ใช้งาน K PLUS มีความคุ้นเคยในการใช้จ่าย QR Code ผ่านมือถืออยู่แล้ว เพียงแค่เปลี่ยนจากจ่ายด้วยเงินในบัญชีเป็นบัตรเครดิตเท่านั้น เป็นการเพิ่มช่องทาง เพิ่มความสะดวกและตอกย้ำการเป็น Digital Payment ของ KBank ให้เด่นชัดมากขึ้น โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2567 จะมีลูกค้าใช้งานฟีเจอร์ K Scan to Pay อย่างต่อเนื่องมากกว่า 5 แสนราย และมียอดใช้จ่ายรวมกว่า 5,000 ล้านบาท  

และเพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้ K Scan to Pay ได้มีการจัดโปรโมชั่นเมื่อมีการใช้ K Scan to Pay บน K PLUS รับคะแนน K Point ทันทีโดยไม่ต้องลงทะเบียน ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2567 – 31 พฤษภาคม 2567 โดยใช้ครบ 2 ครั้ง รับคะแนน K Point  เพิ่ม 2 เท่า ใช้ครบ 8 ครั้ง รับคะแนน K Point เพิ่ม 8 เท่า และใช้ครบ 15 ครั้ง รับคะแนน K Point เพิ่ม 15 เท่า

สุดท้าย K Scan to Pay เป็นอีกฟีเจอร์ที่อำนายความสะดวกในการใช้จ่าย แค่สแกน QR Code บนมือถือผ่าน K PLUS สามารถเลือกจ่ายด้วยบัตรเครดิตกสิกรไทยได้ แต่ผู้ใช้ทุกคนต้องใช้จ่ายอย่างเข้าใจ และชำระเงินเต็มจำนวนตามเวลาที่กำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี และเป็นการสร้างวินัยทางการเงินที่ดีให้กับตัวเอง นั่นจะการใช้บัตรเครดิตที่ดีที่สุด

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post KBank เปิดตัว K Scan to Pay สแกนจ่าย QR Code บัตรเครดิตบน K PLUS สะดวกกว่า ไม่ต้องพกบัตรอีกต่อไป first appeared on Brand Inside.

ชี้พิกัด! แอปทำรูป P2S สุดฮิต แบบฟรีไม่เสียเงิน

iPhonemod - 5 April 2024 - 16:02

ช่วงนี้กระแสการทำรูป P2S กำลังมาแรงบน TikTok วันนี้ทีมง […]

The post ชี้พิกัด! แอปทำรูป P2S สุดฮิต แบบฟรีไม่เสียเงิน appeared first on iMoD.

กำไรดำเนินงานโต 900%! Samsung เตรียมแจ้งในไตรมาส 1 นี้ หลังหน่วยธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ฟื้นตัว

Brand Inside - 5 April 2024 - 15:13

Samsung แจ้งอย่างเป็นทางการว่า กำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 1 ของปี 2024 มีโอกาสเติบโตมากกว่า 900% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากหน่วยธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์สามารถทำกำไรได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

samsung

Samsung กำไรจากการดำเนินงานโตกระฉูด

Samsung หนึ่งในผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายสำคัญของโลก คาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานของไตรมาส 1 ปี 2024 ที่ 6.6 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 931.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวม 71 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 11.4% ซึ่งตัวเลขกำไรจากการดำเนินงานนั้นมากกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ แต่รายได้นั้นไม่ถึง

หากเทียบระหว่างไตรมาส 1 ปี 2024 กับไตรมาสก่อนหน้านี้ กำไรจากการดำเนินงานจะเติบโตราวเท่าตัว และรายได้เติบโต 4.8% โดย Samsung จะแจ้งผลประกอบการอย่างเป็นทางการอีกครั้งภายในเดือน เม.ย. 2024 โดยนักวิเคราะห์มองว่าการที่ Samsung มีกำไรจากการดำเนินงานเติบโตขนาดนี้มาจากธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ฟื้นตัว

สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานโดยอ้างอิงนักวิเคราะห์ว่า ธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของ Samsung ฟื้นตัวจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่กำลังเผชิญปัญหา ผ่านการยกระดับการพัฒนา Hih-Bangwidth Memory หรือ HBM ซึ่งชิ้นส่วนดังกล่าวมีความสำคัญต่อการใช้งาน AI ในยุคปัจจุบัน

นักวิเคราะห์ดังกล่าวยังชี้ว่า Samsung ได้ฟื้นตัวจากการจำศีล และกลับมาเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดอีกครั้ง ยิ่งการเกิดแผ่นดินไหว 7.2 ริกเตอร์ ในไต้หวัน ยังเป็นอีกโอกาสสำคัญในการเร่งทำตลาดเซมิเคอนดักเตอร์ของ Samsung เพราะ Micron และ TSMC สองยักษ์ใหญ่เซมิคอนดักเตอร์มีฐานการผลิตหลักอยู่ที่นั่น

อ้างอิง // Nikkei Asia

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post กำไรดำเนินงานโต 900%! Samsung เตรียมแจ้งในไตรมาส 1 นี้ หลังหน่วยธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ฟื้นตัว first appeared on Brand Inside.

How To เชื่อมต่อบลูทูธพร้อมกัน 2 อัน บน Samsung!

iPhonemod - 5 April 2024 - 14:43

ใครที่อยากจะฟังเพลงพร้อมกับเชื่อมต่อบลูทูธพร้อมกัน 2 อั […]

The post How To เชื่อมต่อบลูทูธพร้อมกัน 2 อัน บน Samsung! appeared first on iMoD.

คนไทยนิยมเที่ยวญี่ปุ่นมากที่สุด กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ต่อยอดแคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี” ดึงคนไทยใช้บัตรกรุงศรีคุ้มค่ากว่า

Brand Inside - 5 April 2024 - 12:24

ญี่ปุ่น คือ จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของคนไทยจำนวนมาก และครั้งเดียวไม่พอเพราะเป็นประเทศที่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี เที่ยวซ้ำก็ยังได้ ดังนั้น กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องญี่ปุ่นอยู่แล้ว ได้จัดแคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี” ด้วยการมีเครือข่ายที่แข็งแกร่งอย่าง มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) ยิ่งเสริมความได้เปรียบในการจัดโปรโมชั่นทำการตลาดในญี่ปุ่นให้คนไทยที่ถือบัตรเครดิต ในเครือกรุงศรรี คอนซูมเมอร์ ได้ประโยชน์มากกว่า

krungsri consumer

สมหวัง โตรักตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด บอกว่า จากการสำรวจพบว่า ญี่ปุ่นคือประเทศที่คนไทยอยากไปเที่ยวมากที่สุด โดยพบว่า ปี 2023 คนไทยเดินทางมาญี่ปุ่น 9.95 แสนคน เมื่อดูข้อมูลลูกค้าบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ จะพบว่า มีการใช้จ่ายผ่านบัตรในต่างประเทศมีกว่า 183,000 คน มีมูลค่าใช้จ่ายรวม 5,500 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นสัดส่วนมาประเทศญี่ปุ่น 106,000 คน มีมูลค่าใช้จ่ายรวม 2,200 ล้านบาท

krungsri consumer

แนวโน้มการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในเครือ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ที่ญี่ปุ่นมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตลาด การจัดแคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี” ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้บริษัทได้ขยายความร่วมมือกับเครือข่ายทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของ MUFG และพันธมิตรทั้งในญี่ปุ่นและไทยเพิ่มเติม รวมกว่า 600 แบรนด์ นำเสนอสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้บัตรที่ดียิ่งขึ้นในฐานะบัตรเครดิตหลักที่ลูกค้านิยมใช้จ่ายที่ญี่ปุ่น เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดใช้จ่ายผ่านบัตร โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว

krungsri consumer

krungsri consumer

สำหรับยอดการใช้จ่ายกว่า 2,200 ล้านบาทในปี 2566 มีหมวดใช้จ่ายสูงสุด เรียงตามยอดใช้จ่าย ได้แก่ 1. ห้างสรรพสินค้า 2. โรงแรม ที่พัก 3. สินค้าแฟชั่น เครื่องแต่งกาย 4. เครื่องสำอาง สินค้าเบ็ดเตล็ด 5. สนามบินและสินค้าปลอดภาษี โดยลูกค้าส่วนใหญ่ราว 80% เป็นกลุ่ม Gen X และ Gen Y มียอดใช้จ่ายต่อคน เฉลี่ย 32,000 บาท หรือ เติบโต 10% เทียบกับปี 2565

krungsri consumer

ส่วนสำคัญของแคมเปญนี้ คือการสร้างประสบการณ์การเที่ยวญี่ปุ่นแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบ เริ่มจากการจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก กิน ดื่ม เที่ยว ช้อปปิ้ง ลูกค้าจะได้รับโปรโมชั่น ส่วนลด เครดิตเงินคืน ฯลฯ ผ่านพันธมิตรกว่า 600 แบรนด์ตลอดการเดินทาง และเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของแคมเปญนี้ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จะขับเคลื่อนด้วย 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

  1. ขยายความร่วมมือโดยเพิ่มจำนวนพันธมิตร เพิ่มสิทธิประโยชน์ เสริมหมวดหมู่ใหม่ ๆ ภายใต้ระบบนิเวศธุรกิจเพื่อคนรักญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 600 แบรนด์ทั่วประเทศญี่ปุ่น
  2. นำเสนอทางเลือกในการชำระเงินที่หลากหลาย อำนวยความสะดวกให้ลูกค้า สามารถผ่อนชำระได้ ใช้ U Point ได้ ชำระเงินแบบ Wallet ได้ รวมถึงร่วมกับธนาคารกรุงศรี ด้วยบัตรพรีเพด Krungsri Boarding Card แลกเงินได้เรทที่ดีกว่า
  3. เสริมประสบการณ์ให้หลากหลาย ครบทุกเรื่องญี่ปุ่น ทั้งในและต่างประเทศ เช่น เพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านร้านอาหาร การช้อปปิ้ง และบริการ งานอีเวนต์ที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น เรียกว่า สร้างประสบการณ์ญี่ปุ่นในไทย แม้ไม่ได้ไปเที่ยวก็สามารถได้รับสิทธิประโยชน์ผ่านกว่า 2,000 ร้านค้าในไทยได้
  4. ใช้ข้อมูลและนวัตกรรม เสริมประสิทธิภาพการตลาด ใช้ AI มาคำนวณการนำเสนอโปรโมชั่นเฉพาะบุคคล เฉพาะสถานที่

krungsri consumer

ทั้งนี้ คาดว่า สิทธิประโยชน์ที่ครบ จบ ทุกประสบการณ์เรื่องญี่ปุ่น และเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง จะช่วยให้กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เป็นผู้นำธุรกิจในเซกเมนต์ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่น และกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านบัตร โดยบริษัทตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ญี่ปุ่น 2,950 ล้านบาทในปี 2567 (เติบโต 50% เทียบกับปีก่อน)

สำหรับแคมเปญ เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี มีสิทธิประโยชน์ เช่น จองโรงแรม สายการบิน และบัตรเข้าสถานที่ท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นกับแพลตฟอร์มบริการท่องเที่ยวที่ร่วมรายการ เช่น Klook, Traveloka, Trip.com, Agoda, การใช้คะแนนสะสมแลกซื้อซิมเพื่อใช้งานที่ญี่ปุ่นในราคาพิเศษ หรือแลกสิทธิเข้าเลานจ์ภายในสนามบิน, สิทธิพิเศษเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรที่ห้างและร้านค้าพันธมิตรที่ญี่ปุ่น เช่น Takeya, Mitsui Outlet Group, Bic Camera, Keio Department Store, Kintetsu Department Store

krungsri consumer

ทั้งนี้ ทุกยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ญี่ปุ่นตามเงื่อนไข ยังสามารถสะสมยอดเพื่อรับเครดิตเงินคืนเพิ่มสูงสุด 5,200 บาท และสำหรับบัตรเครดิตกรุงศรี เจซีบี แพลทินัม และบัตรเครดิตสยาม ทาคาชิมายะ เจซีบี ยังได้รับเครดิตเงินคืน 10% เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรที่ญี่ปุ่นตามเงื่อนไข (ระยะเวลาและเงื่อนไขของแต่ละโปรโมชันขึ้นอยู่กับร้านค้าและประเภทของบัตรที่ร่วมรายการ)

นอกจากนี้ เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติม ลูกค้าที่สนใจใช้บัตร Travel Card ยังสามารถเลือกใช้บัตร Krungsri Boarding Card จากธนาคารกรุงศรีฯ ซึ่งเป็นบัตร VISA Prepaid Card Multi-Currency ที่มีกระเป๋าเงิน e-Wallet 16 สกุลเงินต่างประเทศ และ 1 Wallet สกุลเงินบาท ตอบโจทย์ในด้านความคุ้มค่าของเรทเงิน และความสะดวกสบายในการใช้งานอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต ผู้ถือบัตรควรใช้แต่พอดีตามความจำเป็น และชำระเงินเต็มจำนวนตามเวลาที่กำหนด เพื่อสร้างวินัยทางการเงินที่ดี

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post คนไทยนิยมเที่ยวญี่ปุ่นมากที่สุด กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ต่อยอดแคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี” ดึงคนไทยใช้บัตรกรุงศรีคุ้มค่ากว่า first appeared on Brand Inside.

Apple ปลดพนักงานกว่า 600 ราย หลังโปรเจกต์ Apple Car และจอ microLED สำหรับ Apple Watch ไปไม่รอด

Brand Inside - 5 April 2024 - 12:09

Apple ปลดพนักงานกว่า 600 ตำแหน่งในแคลิฟอร์เนีย หลังตัดสินใจยุบโปรเจกต์ใหญ่อย่างการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า Apple Car และหน้าจอ microLED รุ่นใหม่สำหรับ Apple Watch 

apple

ตามรายงานที่ Apple ยื่นต่อสำนักงานพัฒนาการจ้างงานของรัฐแคลิฟอร์เนีย (EDD) พนักงานที่ถูกปลดอย่างน้อย 87 ราย อยู่ในฝ่ายพัฒนาหน้าจอรุ่นใหม่ของ Apple Watch ขณะที่ 361 รายเป็นพนักงานที่ทำงานในโปรเจกต์รถยนต์ไฟฟ้าในสำนักงานหลักในแคลิฟอร์เนีย รวมทั้งอีกหลักสิบคนในสำนักงานย่อย

ตัวเลขของพนักงานที่ถูกปลดออกเป็นไปได้ว่าอาจต่ำกว่าความเป็นจริงเนื่องจาก Apple มีพนักงานที่รับผิดชอบใน 2 โปรเจกต์ใหญ่อยู่ในรัฐอื่นนอกเหนือจากแคลิฟอร์เนียและในประเทศอื่นด้วย แม้ว่าพนักงานบางคนยังได้ทำงานต่อโดยได้รับมอบหมายให้ทำงานร่วมกับฝ่ายอื่นแทน

ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ Apple ได้แจ้งต่อพนักงาน 2,000 รายที่ทำงานในส่วนรถยนต์ไฟฟ้าว่าโปรเจกต์นี้จะถูกยุติลงทำให้พนักงานบางคนจะถูกย้ายไปทำงานฝ่าย AI แทนซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่หลายแห่งให้ความสนใจเพิ่มขึ้น รวมถึงในฝ่ายหุ่นยนต์ผู้ช่วยภายในบ้านด้วย

ต้นทุนที่สูงเกินไปและความล่าช้าในการเปิดตัวกระทบต่อโปรเจกต์ Apple Car ที่ยังต้องคำนึงถึงเรื่องเทคโนโลยี การทำกำไร และความสนใจของกลุ่มผู้บริโภค

นอกจากนี้ Apple ยังได้ตัดสินใจที่จะยุติความพยายามในการพัฒนาหน้าจอรุ่นใหม่สำหรับ Apple Watch จากปัญหาเรื่องต้นทุนและความล่าช้าเช่นเดียวกัน รวมถึงปัญหาด้านวิศวกรรมและซัพพลายเออร์ด้วย

Apple มีพนักงานทั้งหมดอยู่ 161,000 ราย ตามข้อมูลทที่ปรากฎในรายงานประจำปีในช่วงสิ้นสุดไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว

ที่มา – Bloomberg, Business Insider

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post Apple ปลดพนักงานกว่า 600 ราย หลังโปรเจกต์ Apple Car และจอ microLED สำหรับ Apple Watch ไปไม่รอด first appeared on Brand Inside.

GO Wholesale เดินหน้าเปิดสาขารังสิต ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร เพื่อผู้ประกอบการในระบบสมาชิก

Brand Inside - 5 April 2024 - 10:49

โก โฮลเซลล์ (GO Wholesale) ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร เพื่อผู้ประกอบการในระบบสมาชิก ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดสาขาลำดับที่ 6 “รังสิต” ใกล้ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต

สุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจในประเทศไทยและต่างประเทศ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า พื้นที่รังสิต เป็นทำเลศักยภาพพื้นที่หนึ่งของ โก โฮลเซลล์ (GO Wholesale) ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหารเพื่อผู้ประกอบการ  เพราะโดยรอบมีผู้ประกอบการร้านอาหาร ผู้เกี่ยวข้องในธุรกิจอาหาร ตลอดจนร้านค้าปลีกขนาดเล็ก หรือโชห่วย ตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสตรีทฟู้ด กลุ่มอาหารตามสั่ง อาหารจานเดียว ร้านกาแฟ คาเฟ่  ถือได้ว่ามีความหนาแน่นเป็นพิเศษ สอดคล้องกับจำนวนประชากรที่อาศัยในย่านดังกล่าว  ซึ่งสาขานี้มีพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร มีสินค้ากว่า 20,000 รายการ มีแผนกอาหารสด ขนาดใหญ่ ที่จะทำให้ทุกคนประทับใจกับความเป็น King of Fresh, อาหารแช่แข็ง ขนาดใหญ่ครบครัน, ข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องปรุงรส และสินค้าอุปโภคบริโภคจากในไทยและทั่วโลกมากมาย ที่จะสร้างโอกาสและประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ผู้ประกอบการทุกคน

โก โฮลเซลล์  ได้ศึกษาความต้องการของผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก พบว่า ลูกค้าไม่เพียงต้องการสินค้าคุณภาพในราคาขายส่งเท่านั้น แต่ยังต้องการประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะช่วยเติมเต็มความรู้ ไอเดีย ที่หลากหลาย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับร้านของตนเองในมิติอื่นๆ ด้วย เราจึงไม่ได้เป็นแค่ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร แต่ยังเป็นเหมือน คอมมูนิตี้ ให้ผู้ประกอบการได้เข้ามาพบเจอบริการที่หลากหลาย”

โก โฮลเซลล์ สาขารังสิต ได้รับการออกแบบให้มีความครบครัน ด้วยร้านค้าและบริการที่เข้ามาเพิ่มเติมสีสันและจุดประกายความคิดในการทำธุรกิจ อาทิ GOfe’ มุมอาหารและเครื่องดื่มที่คนชื่นชอบหลังเปิดตัวครั้งแรกที่สาขาพระราม 2 ซึ่งมีเมนูยอดนิยมอย่าง ไก่ย่าง ซี่โครงหมูบาร์บีคิว ไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟ, Beverage Solution คลังไอเดียดีๆ ที่มีสูตรเครื่องดื่มมาชงชิมกันแก้วต่อแก้ว พร้อมแจกสูตรไปสร้างกำไรให้อีก, ร้านค้าพันธมิตร อาทิ “อเมซอน”  “อานตี้ แอนส์”  “ยอดชา” ฯ, ห้องเวิร์คช้อป ที่จะมีหลักสูตรอาชีพและความรู้ดีๆ มาอัพเดท

ในช่วงเปิดสาขา ยังเปิดพื้นที่ให้ โอท็อปและสินค้าท้องถิ่นในจังหวัดปทุมธานีจำนวน 14 ร้านค้า มาร่วมออกบูทจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 3-8 เมษายน เปิดโอกาสสร้างรายได้ให้กับเอสเอ็มอีในพื้นที่ รวมถึงนำผักสลัด จากน้องๆ ผู้บกพร่องทางสติปัญญา ในศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพราชานุกูล (บางพูน) จ.ปทุมธานี มาจำหน่ายที่แผนกผักสด ส่งเสริมการสร้างทักษะพื้นฐานการทำงาน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายส่งเสริมการสร้างอาชีพที่มั่นคงให้กับคนในท้องถิ่นและกลุ่มเปราะบาง

“ในวันที่มีการผลักดันการเติบโตด้านการท่องเที่ยว ตลอดจนส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ด้านอาหารอย่างมากมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ทำให้เกิดปัจจัยบวกที่เอื้อต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ที่ต้องการเตรียมความพร้อมรองรับกำลังซื้อที่จะเกิดขึ้น โก โฮลเซลล์ จึงเป็นจุดหมายใหม่ที่จะมาเติมเต็มและสร้างโอกาสในการทำธุรกิจให้เติบโตและมั่นคงไปด้วยกัน”

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post GO Wholesale เดินหน้าเปิดสาขารังสิต ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร เพื่อผู้ประกอบการในระบบสมาชิก first appeared on Brand Inside.

Apple ยุติสองโปรเจคต์ใหญ่ ยืนยันปลดพนักงาน 600 คน

iPhonemod - 5 April 2024 - 10:23

Apple ยุบโครงการ Apple Car และการพัฒนาหน้าจอ microLED ข […]

The post Apple ยุติสองโปรเจคต์ใหญ่ ยืนยันปลดพนักงาน 600 คน appeared first on iMoD.

Pages