สำหรับหลาย ๆ คนที่เคยใช้มือถือจากค่ายโนเกียมานานอาจจะเสียใจไม่น้อย เมื่อ Nokia Sans หรือฟอนต์ที่โนเกียได้ใช้บนโทรศัพท์มือถือและในป้ายต่าง ๆ ที่ใช้ในร้านและการทำการตลาดที่ทุกครั้งกำลังจะถูกทิ้ง

Nokia Sans เป็นฟอนต์ที่โนเกียได้ใช้มานานแสนนาน นานมากเสียจนการตัดสินใจที่จะเปลี่ยนฟอนต์ในครั้งนี้ของโนเกียจำเป็นที่จะต้องมีคำอธิบายยาวเกือบ 800 คำถึงเหตุผลของการติดสินใจที่จะเปลี่ยนฟอนต์ในครั้งนี้ โดยฟอนต์ใหม่ที่โนเกียจะนำมาใช้แทน Nokia Sans คือ Nokia Pure ซึ่งมีมอตโต้ว่า "Beauty in supreme usability"

ดูเหมือนว่าโนเกียพยายามที่จะเปลี่ยนภาพลักษณ์ขององค์กรทั้งหมด ไม่ใช่แค่ OS อย่างเดียวเสียแล้ว ส่วนตัวแล้วผมเห็นว่าฟอนต์ใหม่ของโนเกียดูจะเข้ากันกับ Windows Phone 7 ได้ดีทีเดียว

จากศึกที่โนเกียได้ร้องต่อคณะกรรมการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ (ITC) ว่าแอปเปิลได้ละเมิดสิทธิบัตรของตนและให้ ITC ห้ามการนำเข้าสินค้าของแอปเปิล ก่อนที่แอปเปิลจะฟ้องโนเกียด้วยโทษฐานละเมิดสิทธิบัตรเช่นกัน (ดูรายชื่อสิทธิบัตร)

ล่าสุด คณะกรรมการการค้าได้มีคำตัดสินในคดีหนึ่งออกมาแล้วว่า แอปเปิลไม่ได้ละเมิดสิทธิบัตรห้าชุดของโนเกีย โดยคำวินิจฉัยนี้จะต้องรอผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการ ก่อนที่จะดำเนินการต่อไป

Stephen Elop ซีอีโอของโนเกียให้สัมภาษณ์ว่าตอนนี้ทีมพัฒนากำลังทำ Nokia Windows Phone ตัวแรกอย่างเต็มที่ และเราน่าจะได้เห็นมันวางขายภายในปี 2011 นี้

เขายังปฏิเสธข่าวลือว่าไมโครซอฟท์จะซื้อโนเกีย โดยบอกว่าไม่เห็นเหตุผลในเชิงธุรกิจที่ทำให้ไมโครซอฟท์ต้องเข้ามาซื้อกิจการ นอกจากนี้เขายังบอกว่าโนเกียน่าจะเซ็นสัญญากับไมโครซอฟท์ได้ในอีกไม่กี่เดือนนี้

เขาพูดถึงทีมบริหารของโนเกียชุดปัจจุบันที่ถูกมองว่าเป็นปัญหา และยังไม่เปลี่ยนตัวบุคคลากรไปจากเดิมหลังเขาเข้ามาคุมบริษัท โดย Elop บอกว่านี่ถือเป็นทีมใหม่ภายใต้ผู้นำใหม่ และผู้บริหารชุดนี้ต้องแสดงให้เห็นว่าทำงานได้มีประสิทธิภาพ

ที่มา - Reuters

แม้โนเกียจะหันมาใช้ Windows Phone 7 แต่การพัฒนา Symbian ก็ยังดำเนินต่อไปเช่นกัน โดยเฉพาะด้าน UI ที่เป็นปัญหาเรื้อรังของ Symbian มานาน (อ่านข่าวเก่า เบื้องหลังความล้มเหลวของโนเกียในการสร้าง UI ใหม่ให้ Symbian ประกอบ)

ล่าสุดผู้บริหารของโนเกียที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ให้ข้อมูลว่า Symbian จะได้รับการอัพเดตสองครั้ง ครั้งแรกช่วงฤดูร้อนนี้ (ประมาณเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป) จะเป็นอัพเดตเล็กสำหรับ N8 และ E7 (อาจรวมถึง C6 และ C7-01 ด้วย) ซึ่งเปลี่ยนไอคอนของหน้าจอให้ทันสมัยขึ้น

Mark Wilcox อดีตพนักงานของโนเกียและผู้แต่งหนังสือด้าน Symbian ได้เขียนบล็อกเล่า "เบื้องหลัง" ความพยายามของโนเกียในการปรับปรุง UI ของ Symbian ให้กลับมาทันสมัยแข่งกับคู่แข่งได้ แต่ความพยายามของโนเกียกลับล้มเหลวเพราะการเมืองภายในระหว่างทีมพัฒนาแต่ละทีม จนสุดท้าย Stephen Elop ต้องหันไปพึ่งระบบปฏิบัติการภายนอกอย่าง WP7 แทน

Wilcox เริ่มเล่าถึงภัยคุกคามจาก iPhone ในปี 2007 ซึ่งโนเกียตอบโต้โดยปรับ S60 ให้รองรับการสัมผัส แต่กลับยิ่งยุ่งเพราะ S60 ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับนิ้วมือ ทางออกของโนเกียจึงเป็นการซื้อบริษัท Trolltech เพื่อเอา Qt มาเป็นตัวเชื่อมแพลตฟอร์มต่างๆ ของโนเกีย แต่ก็มีปัญหาอีกเช่นกันเพราะ Qt ยังขาด UI Toolkit (ภายหลังทีมงาน Trolltech จึงพัฒนาภาษา QML ขึ้นมาใช้งาน)

โนเกียได้ยื่นเอกสารไปยังคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐ ทำให้เรารู้ข้อมูลของข้อตกลงโนเกีย-ไมโครซอฟท์เพิ่มขึ้น

เอกสารชิ้นนี้ยืนยันว่าโนเกียยังไม่ได้เซ็นสัญญากับไมโครซอฟท์ เพราะยังตกลงกันในรายละเอียดบางจุดไม่เสร็จดี ใจความสำคัญอื่นในเอกสารคือโนเกียยอมรับ (อย่างเป็นทางการ) ว่า Symbian ไม่สามารถแข่งขันได้แล้ว และการย้ายไปใช้ Windows Phone 7 อย่างสมบูรณ์จะต้องใช้เวลา 2 ปีเต็ม

ประเด็นอื่นๆ

ถึงแม้โนเกียจะยังปากหวานว่าจะไม่ทิ้ง Qt แน่ๆ และจะขายมือถือ Symbian อีก 150 ล้านเครื่อง แต่การกระทำอาจไม่ตรงกับคำพูดสักเท่าไร เพราะล่าสุดโนเกียประกาศขายฝ่ายธุรกิจและบริการของ Qt ออกไปแล้ว

บริษัทที่มารับช่วงซื้อฝ่ายธุรกิจของ Qt ต่อคือ Digia ซึ่งมาจากฟินแลนด์เช่นกัน ธุรกิจหลักคือซอฟต์แวร์องค์กรหลายประเภท ซึ่งหลายตัวก็มีฐานมาจาก Qt

การซื้อกิจการครั้งนี้จะทำให้การขายไลเซนส์ของ Qt ย้ายไปอยู่กับ Digia แทนโนเกีย ส่วนโนเกียก็ยังเป็นเจ้าของ Qt และยังยืนยันคำเดิมว่าจะลงทุนใน Qt ต่อไป

Bloomberg BusinessWeek เผยข้อตกลงเรื่องมือถือระหว่างโนเกียกับไมโครซอฟท์ โดยอ้างแหล่งข้อมูลจากคนวงใน ดังนี้

ผมได้อีเมลจากประชาสัมพันธ์ของโนเกีย แจ้งว่า Nokia E7 มือถือตัวท็อปที่สุดของโนเกียในขณะนี้ (ที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีก) เริ่มวางขายในไทยแล้ว โดยตั้งราคาที่ 20,800 บาท ไม่รวมภาษี

โนเกียยังจัดโปรโมชัน E7 ร่วมกับ AIS โดยสามารถเลือกเพิ่มแพกเกจ 349 บาท ได้โทร 400 นาที กับ EDGE 500MB นาน 12 เดือน

E7 ถือเป็นมือถือตัวสุดท้ายใน "โนเกียยุคก่อน" น่าจับตาดูว่าความสำเร็จของ E7 จะส่งผลถึงอนาคตของ Symbian ในยุคถัดไปมากแค่ไหนนะครับ (ว่าแต่มีใครรอซื้ออยู่หรือเปล่าเนี่ย)

ถึงแม้ว่าโนเกียจะต้องเจอกับทั้งศึกในและศึกนอกบริษัทหลังจากดีลกับไมโครซอฟท์ไปแล้วนั้น ในงาน Mobile World Congress 2011 ที่ผ่านมา โนเกียก็ได้แอบเผยภาพ UI ใหม่ของ Symbian^3 ที่กำลังรื้อทำใหม่อยู่ลับๆ โดยไม่ให้ใครรู้เลย ล่าสุด Jo Harlow ก็ได้ปรากฎตัวกลางงาน Event ที่ประเทศจีน พร้อมเผยหน้า Home Screen ใหม่ของ Symbian^3 ที่ทำเสร็จแล้วสู่สายตาชาวโลกอีกครั้ง

ดองเอาไว้นานมาก เนื่องด้วยรายละเอียดมันมากกว่าที่คิด และภาระงานอย่างอื่น รอบนี้เลยถือโอกาสที่เกิดประเด็นร้อน โนเกีย-ไมโครซอฟท์ ซึ่งแสดงให้เห็น "ขั้วที่สาม" ที่เริ่มชัดเจนขึ้น จึงเขียนตอนเฉพาะกิจ "สามก๊กมือถือ" จับใจความเฉพาะก๊กของไมโครซอฟท์กับพันธมิตรรายล่าสุดอย่างโนเกีย ออกมาคั่นเวลาก่อนนะครับ

Paul Otellini ซีอีโอของอินเทลให้สัมภาษณ์นักข่าวว่าการที่โนเกียทิ้ง MeeGo ไปเลือกที่จะร่วมมือกับไมโครซอฟท์นั้นเพราะไมโครซอฟท์เสนอเงินให้ และถ้าเป็นเขาเองเขาน่าจะเลือกแอนดรอยมากกว่า Windows Phone

อย่างไรก็ดี Otellini ระบุว่าทางเลือกที่ดีที่สุดของโนเกียน่าจะเป็น MeeGo แต่ Stephen Elop ก็ไม่สามารถรอมันได้ การที่โนเกียละทิ้ง MeeGo ไปแม้จะเหลือทีมพัฒนาอยู่บ้าง ก็บีบให้อินเทลต้องหาพันธมิตรรายใหม่เพื่อร่วมกันผลักดัน MeeGo ต่อไป โดยอินเทลระบุว่าตลาดยังต้องการแพลตฟอร์มที่สาม ความต้องการนี้เป็นแรงผลักดันให้อินเทลยังคงดัน MeeGo ต่อไป

Stephen Elop ซีอีโอของโนเกียให้สัมภาษณ์ว่าในการเจรจากับไมโครซอฟท์ ไมโครซอฟท์ได้โน้มน้าวโนเกียให้เชื่อว่าราคาของ Windows Phone 7 จะ "ตกลงอย่างรวดเร็ว" (ซึ่งโนเกียก็เชื่อตามนั้น และเป็นสิ่งที่โนเกียต้องการเพื่อทำตลาดล่าง)

แผนการของไมโครซอฟท์ที่จะดันราคาให้ลงเร็ว ก็คือปลดล็อคข้อกำหนดเรื่องสเปกขั้นต่ำ และยอมให้ใช้ชิปเซ็ตตัวอื่นนอกเหนือจาก Qualcomm

Elop ยังบอกว่าจะเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการกับไมโครซอฟท์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ มีรายงานว่าเขาเริ่มขายหุ้นไมโครซอฟท์ที่มีอยู่ และเปลี่ยนมาซื้อหุ้นโนเกียแทนแล้ว

โนเกียส่งอีเมลถึงนักพัฒนาที่เข้าร่วมโครงการ Nokia Launchpad (เครือข่ายนักพัฒนาของโนเกีย เหมือนกับพวก MSDN ต้องเสียเงินค่าสมาชิกแต่ตอนนี้เปิดฟรี 1 ปี) ว่าจะแจกมือถือให้นักพัฒนาคนละ 2 เครื่อง

มือถือเครื่องแรกคือ Nokia E7 รุ่นท็อปของสาย Symbian ณ ปัจจุบัน ส่วนมือถืออีกตัวคือมือถือ Windows Phone 7 ตัวแรกของโนเกีย ซึ่งจะส่งให้ทันทีที่วางจำหน่าย (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร) นอกจากนี้ยังมีของแจกอื่นๆ อย่างบัตรเข้างาน Nokia Developer Summit และ support ticket ฟรี เป็นต้น

Stephen Elop ยังไม่ยอมปริปากบอกว่าโนเกียจะออกมือถือ Windows Phone รุ่นแรกเมื่อไร แต่มีคนตั้งข้อสังเกตว่าเขาไม่เคยใช้คำ "Windows Phone 7" เลย จะใช้ว่า "Windows Phone" แทนทั้งหมด

หนังสือพิมพ์ Guardian รายงานว่าโนเกียน่าจะรอรุ่นอัพเดตใหญ่ของ Windows Phone รหัส "Mango" ที่จะออกเดือนตุลาคม คาดว่าจะนับรุ่นเป็น 7.5 และตัวเครื่องน่าจะมาหลังจากนั้นอีกสักพัก

สิ่งที่ Elop พูดมีอย่างเดียวคือเราจะเห็นมือถือ Windows Phone หลายรุ่นในปี 2012 แต่ยังไม่บอกว่าปีนี้จะได้เห็นหรือไม่ เขาตอบเรื่องยอดขายของ Symbian ที่อาจจะตกลงเพราะคนมองว่า "ไร้อนาคต" ว่าพร้อมรับทุกการโจมตีจากคู่แข่ง และมั่นใจในแบรนด์ของตัวเองว่ายังเข้มแข็งอยู่

หลังจากที่เป็นข่าวใหญ่โตว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นโนเกียบางส่วนไม่เห็นด้วยกับดีลไมโครซอฟท์และต้องการปลด Stephen Elop ออกจากตำแหน่ง ตอนนี้กลุ่ม Nokia Plan B ได้ประกาศล้มเลิกแผนเรียบร้อยแล้ว โดยให้เหตุผลว่าแม้จะได้ผลตอบรับที่ดีจากนักลงทุนรายย่อย แต่นักลงทุนสถาบัน (ซึ่งน่าจะมีหุ้นในสัดส่วนที่มากกว่า) กลับเห็นชอบกับแนวทางการร่วมมือกับไมโครซอฟท์มากกว่า

พวกเขายังบอกด้วยว่า กว่าแผนนี้จะได้ผล นักพัฒนาเก่งๆ ของโนเกียก็คงทิ้งบริษัทไปหมดแล้ว และน่าจะเป็นการยากที่จะสู้ในสภาพเช่นนั้น

ผมว่าเรื่องนี้กลับจบง่ายกว่าที่คาดไว้เยอะเลยครับ

Eric Schmidt แห่งกูเกิลพูดคุยกับนักข่าวหลังการพูด keynote ในงาน Mobile World Congress ว่าเขายังอยากให้สักวันโนเกียเลือกใช้ Android โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องเลิกใช้ Windows Phone 7 ก็ได้ โดยเขาเผยว่าตัวเขาและ Andy Rubin หัวหน้าผู้ดูแล Android นั้นเคยพูดคุยกับทางโนเกียอยู่หลายครั้ง แต่ปฏิเสธที่จะลงรายละเอียดในเนื้อหาที่พูดคุยกัน

Schmidt ตอบคำถามว่าการร่วมมือกันนี้จะทำให้เกิดการยกระดับไปถึงขั้นสามก๊กวงการโทรศัพท์มือถือหรือไม่ว่า ต้องรอดูว่าสิ่งที่โนเกียและไมโครซอฟท์จะนำเสนอออกมานั้นเป็นอย่างไรก่อน

หลังจากโนเกียกับไมโครซอฟท์ประกาศเป็นพันธมิตรกันก็ทำให้บริษัททั้งสองตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งไม่เว้นแต่ละวัน ล่าสุดเว็บไซต์ TechCrunch Europe อ้างแหล่งข่าวว่าก่อนหน้านี้โนเกียได้คุยกับ RIM และกูเกิลมาก่อน โดย RIM ได้ตอบปฏิเสธไปเพราะไม่สนใจแนวทางการเป็นพันธมิตรร่วมกับโนเกีย ส่วนกูเกิลนั้นปฏิเสธที่จะให้โนเกียเปลี่ยนแปลงแพลตฟอร์ม Android (อาทิ เปลี่ยนแผนที่จาก Google Maps ไปใช้ Ovi Maps หรือปรับเปลี่ยน PIM (Personal Information Manager)) ดังนั้นสุดท้ายโนเกียจึงเลือกแพลตฟอร์ม Windows Phone 7 จากไมโครซอฟท์

กลุ่มผู้ถือหุ้นของโนเกียจำนวน 9 คนในชื่อ "Nokia Plan B" ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงระหว่างโนเกีย-ไมโครซอฟท์ และอาสาเปลี่ยนแปลงบริษัท โดยเรียกร้องให้ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ โหวตพวกเขาให้ได้เป็นคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ของโนเกีย

โนเกียจะประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีในวันที่ 3 พ.ค. นี้ ช่วงนี้กลุ่ม Nokia Plan B จึงเริ่มออกมาโปรโมทแนวคิดของตัวเอง ดังนี้

นโยบายถ้า Nokia Plan B ได้ครองเสียงข้างมากในบอร์ดของโนเกีย

ต่อจากภาคแรก อนาคตที่ยังไม่ชัดเจนของ Qt ทีมงาน Qt ได้เขียนบล็อกชี้แจง 2 รอบดังนี้ครับ

รอบแรกอยู่ในบล็อกชื่อ Nokia new strategic direction. What is the future for Qt? สรุปใจความดังนี้

ในงานแถลงข่าวของโนเกียที่ Mobile World Congress มีคนเขียนข่าวเก็บไปหลายประเด็นแล้ว ย้อนความได้แก่

• Stephen Elop โว "เป้าหมายแรกของเราคือ ล้ม Android"
• โนเกียบอกเป็นนัย อาจได้เห็น Windows Phone 7 สมาร์ทโฟนภายในปีนี้
• Elop ตอบคำถามเรื่องหุ้นไมโครซอฟท์ที่ยังถืออยู่

แต่ยังมีประเด็นที่พูดเพียงสั้นๆ อีกอันที่ไม่ควรมองข้าม เพราะ Stephen Elop ยอมตอบคำถามสำคัญว่า "ไมโครซอฟท์จ่ายโนเกียเท่าไรสำหรับดีลนี้"

หลังจากที่มีการประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างโนเกียและไมโครซอฟท์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รวมถึงได้เห็นภาพเครื่องต้นแบบที่ Stephen Elop CEO ของโนเกียกล่าวว่าเราอาจจะได้เห็นตัวจริงภายในปีนี้ ทั้ง 2 บริษัทก็เรียกได้ว่าตกเป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวันเลยทีเดียว และล่าสุด คุณ Long Zheng ชาวบล็อกช่างสังเกตคนหนึ่งได้นำภาพเครื่องต้นแบบมาคำนวนอัตราส่วนของความสูง/กว้างของจอภาพ พบว่าอัตราส่วนนั้นไม่เท่ากับอัตราส่วนที่กำหนดโดยไมโครซอฟท์ที่ 800x480 พิกเซล (อัตราส่วนสูง/กว้าง = 1:1.66) แต่กลับไปตรงกลับอัตราส่วนแบบ nHD ของโนเกียที่ใช้ใน N8 หรือ E7-00 ที่ 640x360 พิกเซล แทน (อัตราส่วนสูง/กว้าง = 1:1.77)

ในงาน Mobile World Congress ล่าสุดนั้นนอกจาก Stephen Elop ซีอีโอโนเกียจะโต้ว่าเขาไม่ใช่ม้าโทรจันจากไมโครซอฟท์ไปแล้ว เขายังได้ตอบอีกคำถามซึ่งมีคนตั้งข้อสังเกตคือจำนวนหุ้นของไมโครซอฟท์ที่ตัวเขายังถือครองอยู่ โดยมีมูลค่าตามราคาตลาดปัจจุบันถึง 3.18 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาอยากดึงไมโครซอฟท์มาร่วมกับโนเกียมากกว่าจะเป็นบริษัทอื่น

ในงาน Mobile World Congress โนเกียได้เผยภาพต้นแบบ Windows Phone 7 สมาร์ทโฟนซึ่งเป็นคนละภาพกับภาพหลุดที่ Engadget ปล่อยเมื่อคราวก่อน (ดูภาพได้ที่ท้ายข่าว) คุณ Jo Harlow หัวหน้าทีมที่ดูแลผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Smart Devices ยังได้บอกเป็นนัยอีกว่าอาจจะได้เห็น Windows Phone 7 สมาร์ทโฟนภายในปีนี้อีกด้วย

สถานการณ์ของโนเกียไม่สู้ดีนักหลังจาก ข่าวการร่วมมือกันครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งประกาศชัดว่าโนเกียจะลอยแพ Symbian แล้วเปลี่ยนมาใช้ Windows Phone แทนในอนาคต ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับหลายฝ่ายที่ได้รับผลกระทบ ส่งผลให้หุ้นโนเกียตกกันเป็นว่าเล่น

ในงาน MWC (Mobile World Congress) นาย Stephen Elop ผู้บริหารคนเก่งของโนเกียจึงต้องออกมาแสดงทิศทางเพื่อสยบความแตกตื่น "เป้าหมายแรกของเราคือ ถล่ม Android ให้ราบ!!"