ไม่นานหรอกครับใจเย็นๆ ผมดูได้จากคดียายฉิมเก็บเห็ดติดคุก 5 ปี บุกรุกป่าพร้อมของกลางทอนซุงกว่าพันต้น โดยเป็นฝีมืออันแสนอัมหิตผิดมนุษย์ของสองตายายไม้ใกล้ฝั่งสองคน มันใกล้แล้วละครับท่านผู้ชม!!!! ~~~ยายฉิมเก็บเห็ด~~~

คุณคงจะสับสนกับคำพูดตัวเอง คุณบอกว่า ญี่ปุ่นจะงดเว้นนำเข้า(หมายถึงห้ามนำเข้า) ซึ่งตรงนี้ คนอื่นเขาก็ยกเรื่องWTO มาซึ่งเป็นความรู้พื้นฐานเลยว่าองค์กรการค้าโลก เขาห้ามการกีดกันแบบเฉพาะเจาะจง

ส่วน blogทีี่คุณยกมาก็พูดลอยๆว่าจะยกเลิกนำเข้า เพราะปลูกผลไม้บางชนิดเองได้ โดยจะยกเลิก GSP ซึ่ง Generalized System of Preferences นี่คือสิทธิพิเศษในการยกเว้นภาษีนำเข้านะครับ โดยมีเป้าเพื่อส่งเสริมกิจกรรมาทางเศรษฐกิจของประเทศต้นทางและเป็นเงื่อนไขช่วยเหลือพิเศษ การยกเลิกGSPมันไม่ใช่การกีดกันหรือห้ามนำเข้า แต่แค่ลดสิทธิพิเศษลง

ทำความเข้าใจสิ่งที่ตัวเองพูดดีๆก่อนที่จะไปกล่าวหาคนอื่น เพราะสิ่งที่คุณยกมาน่ะเข้าตัวเองหมดเลย

ป.ล. ถ้าดูข้อมูลทางเศรษฐกิจเป็น ประเทศไทยส่งออกผลไม้กระป๋องและผลไม้แช่แข็ง/แช่เย็นไปญี่ปุ่นแค่ 0.5%(3100ล้าน) และ 0.1%(650ล้านบาท) ของมูลค่าสินค้าส่งออกไปญี่ปุ่นทั้งหมดนะครับ ส่วนข้าว ก็เยอะหน่อยแต่ก็ยังน้อยมาก 0.6% หรือราวๆ4พันล้านบาท พวกไก่แปรรูป/สดแช่แข็งและอาหารทะเลยังเยอะกว่าเลย รวมกันเกือบๆ10%

ดูตัวเลขโดยไม่ต้องมโนได้ที่นี่ครับ ทุกอย่างหาข้อมูลอ้างอิงได้ อย่าบอกว่าไม่เชื่อตัวเลขของภาครัฐอีกล่ะ?
โครงสร้างสินค้าส่งออกแยกประเทศ

ไม่มีอะไรครับผมแค่เข้ามา LOL XD

อ้างชื่ออะไรสักอย่างที่มีชื่อเสียง พร้อมศัพท์ภาษาอังกฤษ

WTO (World Trade Organization) หรือองค์การค้าโลก เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ไทยเป็นภาคีสมาชิก และการอ้างผมก็ไม่ใช่ลอยๆ แต่เป็นพื้นฐานของเรื่องการค้าระหว่างประเทศนะครับ ถ้าคุณคิดว่าผมยกขึ้นมาเพื่อให้ผมดูดี ผมกำลังคิดว่าคุณเข้าใจอะไรผิดไปอย่างมหาศาลมากทีเดียว เพราะองค์กรนี้คือคนกำกับ ดูแลการค้าระหว่างประเทศและชาติที่เป็นภาคีสมาชิกนะครับ

พูดอีกนัยหนึ่ง ผมมีความไม่แน่ใจว่าตกลงคุณเข้าใจถึงกระบวนการทำงานขององค์กรระหว่างประเทศ หรือการค้าระหว่างประเทศหรือไม่ เพราะทันทีที่คุณตอบแบบนี้ มันแปลว่าคุณไม่เข้าใจระบบการค้า

ยกตัวอย่างเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง มาผูกโยงกับชื่อนั้นๆ

คุณคิดว่าตัวอย่างเรื่อง "ไวน์" ผมเป็นตัวอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างนั้นหรือ? เพราะผมดำเนินอยู่ภายใต้ตรรกะของคุณที่เสนอตอนแรกทั้งหมด และชี้ให้เห็นว่าในความจริงมันไม่เป็นเช่นนั้นนะครับ

แทรกสอดความคิดเห็นส่วนตัว (ซึ่งไม่มีมูลใดๆ)

ตัวอย่างเรื่องของการเปิดการแข่งขันและส่งผลดีต่อสภาพตลาดโดยรวม ถูกพิสูจน์จากวารสารวิชาการในสาขาทางเศรษฐศาสตร์และศาสตร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าระบบนี้ไม่ใช่ระบบที่สมบูรณ์แบบ มันมีจุดด้อยของมันอยู่ (และนักวิชาการทั่วโลกกำลังเจอปัญหานี้ เช่น ช่องว่างระหว่างความรวยที่ห่างขึ้น ฯลฯ) แต่ในภาพรวม มันถูกทดสอบอยู่ตลอด และก็พบว่าระบบยังคงทำงานได้ดี ตัวอย่างที่ชัดเจนคือเรื่องของการทำ vertical integration ที่ทำให้ยังแข่งขันได้ (อ้างอิง) เป็นต้น

ไหนๆ จะกระทบกระเทียบและเสียดสีกันขนาดนี้ ผมก็ขออนุญาตเข้าตรงประเด็นเลยนะครับ ในกรณีที่คุณยกมาจากแหล่งอ้างอิง การยกเลิกที่ว่าเป็นเพียงการยกเลิก "สิทธิพิเศษทางการค้า" แต่ไม่ใช่ "การปิดกั้นการนำเข้า" อย่างถาวรแบบที่คุณเสนอตอนแรก แปลว่าจากเดิมที่เราอาจได้สิทธิส่งกล้วยไปไร้ภาษี อาจจะต้องเจอกำแพงภาษี "บ้าง" แต่ไม่ใช่ "บ้าเลือด" ถึงขั้นส่งออกไปไม่ได้ หรือประเทศญี่ปุ่น "ห้ามนำเข้า" กล้วย (เพราะแบบนั้นเจอร้องเรียน WTO แน่นอน) ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคุณมีแนวโน้มที่จะไม่มีความเข้าใจทางด้านการค้าระหว่างประเทศเลย

ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจนะครับว่างานนี้ใครดีแต่ปาก แต่ผมเชื่อว่าด้วยสิ่งที่ผมเคยทำ จะเป็นเครื่องพิสูจน์ครับว่าใครเป็น "ของจริง" และใครเป็นเพียง "การคิดเองเออเอง"