เกาหลีใต้เริ่มมุ่งสู่การใช้งานนรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว โดยจังหวัด Gyeonggi ซึ่งตัวจังหวัดล้อมรอบกรุงโซล คล้ายปริมณฑลของกรุงเทพ ประกาศแนวทางการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า ด้วย 3 มาตรการหลัก
เป้าหมายของจังหวัดคือมีรถยนต์ไฟฟ้า 50,000 คันภายในปี 2020 โดยตอนนี้มีรถยนต์ไฟฟ้าเพียง 448 คัน
แนวทางการสนับสนุนของภาครัฐดูจะได้ผลเมื่อ Tesla กำลังเข้าไปทำตลาดในเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการ โดยจะเปิดศูนย์สาธิตรถในวันพรุ่งนี้ และขาย S 90D เป็นรุ่นแรกที่ราคา 121 ล้านวอน (3.7 ล้านบาท) และประกาศว่าจะตั้งจุดชาร์จ 25 จุดทั่วประเทศภายในปีนี้
Comments
สุดยอดครับ
ธุรกิจขายน้ำมันยังกำหนดทิศทางพลังงานของประเทศอยู่
มีจุดชาจ ใรสถานีบริการน้ำมัน ทางด่วนขั้นที่ 1 แล้วครับ แต่ ราชการล่ะนะ ยังไม่เปิดซะที
BOI กำลังเร่งเครื่องอยู่ครับให้สิทธิพิเศษยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 8 ปีเพิ่มเป็น 13 ปี
แต่มีเงื่อนไขต้องเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานแบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเพราะ
ถือเป็นอุปการณ์ที่สำคัญที่ต้องใช้เทคโนโลยีสูง และช่วงรอยต่อนี่เห็นว่าจะให้นักลงทุนนำ
รถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูปทั้งคันเข้ามาจำหน่ายในไทยได้โดยได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต
จุดตายอยู่ที่สถานีชาร์จอยู่ดีครับ มีรถไม่มีที่ชาร์จก็วิ่งไม่ได้ ของเราคงต้องรออีกนานโข
ภาษีน้ำมันก็น้อยลงสิ เขาจะยอมหรอ
ในมุมมอง BOI เค้ากังวลว่ากลุ่มอุตสาหกรรมนี้จะไปลงทุนตั้งฐานในประเทศอื่นในภูมิภาคนี้อย่างเช่นอินโด แล้วไทยเราจะตกรถ เสียโอกาศในอุตสาหกรรมกลุ่มใหม่ แต่ไม่รู้ว่าจะดันได้แค่ไหน
รอไฮโดรเจน
เป็นหมันครับ เพราะประสิทธิภาพมันแย่กว่ารถไฟฟ้าอย่างมาก แถมแหล่ง H ก็ไม่ได้มีเยอะแบบที่คิดครับ
ดูเงินสนับสนุนของเขา โครงการรถคันแรกดูอ่อนไปเลย
ไม่แน่ใจว่ารถไฟฟ้า เริ่มต้นราคาเท่าไร อาจจะมีผลครับ
แต่จำนวนคนจำกัดหนิครับ
แต่จำนวนคนจำกัดหนิครับ
คือถ้าเขามีรถเก่าๆ อยากเปลี่ยนสักคันนึง ไปเข้าโครงการนี่แลกใหม่ได้ P90D (ตัวท็อปสุด) ฟรีๆ เลยนะนั่น...... หรือต่อให้ออกเงินเองก็ยังอยู่ในขอบเขตที่พอซื้อได้ ไม่ใช่พุ่งไป 7-8 ลบ. แบบ Gray Market บ้านเรา
อิจฉาจนน้ำตาแทบไหล
ผมพิมพ์ผิดเองครับต้อง 121 ล้านวอน (แปลงเงินไทยถูกแล้ว)
lewcpe.com, @wasonliw
การใช้งานน => การใช้งาน
Gyeonggi -> คย็องกี
เดี๋ยวนะ โปรโมทรถไฟฟ้ากันตูมๆ แต่ตอนนี้ประเทศไทยกำลังมีปัญหาขาดแคลนพลังงานไฟฟ้านะโรงงานไฟฟ้าก็สร้างไม่ได้ นี่ก็รณรงค์ประหยัดกันจะเป็นจะตายแล้ว มีรถยนต์ไฟฟ้ามาแชร์อัตตราส่วนกินไฟเพิ่มอีกจะรอดเหรอครับ
ส่วนตัวสนับสนุนรถยนต์ไฮโดเจนมากกว่า เติมน้ำเอา ไม่ก็ผสมหว่างไฮโดรเจนกับไฟฟ้า ช่วงหน้าหลากเดิมน้ำถูกกว่าช่วงหน้าแล้วก็ใช้ไฟฟ้าไป
รถไฮโดรเจรไม่ได้ใช้น้ำครับ มันใช้ไฟฟ้าแยกน้ำ แล้วเก็บเป็นไฮโดรเจน (ก๊าซเบามาก ถังเก็บจะแรงดันสูงจัด)
ความฝันประเภทว่าเติมน้ำแล้วรถวิ่งนี่ยังไม่มีจริงนะครับ
lewcpe.com, @wasonliw
แบบนั้นหล่ะครับ เมื่อก่อนเคยดูข่าวหรือรายการอะไรสักอย่างเนี่ยหล่ะนานมากแล้ว ญี่ปุ่นวิจัยรถพลังงานน้ำ ที่ใช้หลักการแยก H ออกจาก O นั่นหล่ะหล่ะ เพียงแต่ตอนนั้นมันติดกับตัวรถเลย ดูทรงแล้วตอนหลังๆมาคงแยกที่ตู้แล้วจ่ายก๊าซตอนเติมไปตรงๆที่รถเลยสินะ เติม H ไปตรงๆเลย
แล้วก็การแยก H กับ O ต้องเพิ่มพลังงานให้มันหลุดออกจากกัน ก็มีคนบอกว่างั้นก็เอาพลังงานที่ต้องใช้เพื่อแยก H กับ O นี่ไปตรงๆเลยไม่ดีกว่าเหรอจะได้ไม่ต้องมี Loss ในการได้มาซึ่งพลังงานในการขับเคลื่อนรถมาก ว่าง่ายก็ใช้ไฟฟ้าไปตรงๆเลยนั่นหล่ะ แต่ผมสงสัยเรื่องตัวเก็บพลังงามมากกว่า ว่าพลังงานไฟฟ้าต้องใช้ Battery ในการเก็บไฟ ถ้าอยู่ในสถานที่ร้อนจัดหรือเย็นจัด ประสิทธิภาพในการเก็บประจุหรือคายประจุจะต่ำลง งั้นถ้าพูดถึงการเก็บพลังงานที่ให้มีอัตราการสูญเสียน้อยๆแล้ว เก็บ H ในถังรอวิ่งน่าจะดีกว่า แต่ถ้าใช้งานบ่อยๆเช่นรถสาธารณะใช้รถไฟฟ้าท่าจะดีกว่าเพราะมันได้ทำงานแทบจะตลอดเวลา
ผมคิดแบบนี้ถูกมั้ยครับ?
ตอบย่อหน้าแรก H ที่จะเอามา "เติมตรงๆ" มันก็ต้องมีสักที่แยกจากสารอื่นมาให้ครับ และมันก็ต้องใช้พลังงาน (ซึ่งน่าจะเป็นไฟฟ้า) อยู่ดี
ย่อหน้าสองอ่านไม่รู้เรื่องครับ loss อะไรตรงไหน และการใช้พลังไฮโดรเจรที่คุณว่ามันลดการสูญเสียอย่างไร
lewcpe.com, @wasonliw
ย่อหน้าสองคงอารมณ์ประมาณว่าถ้าแบตหมดก็เอาไปใส่ตู้เย็นสิมันจะมีไฟกลับมาใช้ได้อีกนิดหน่อย
มันพิมพ์ติดกันจริงๆต้องแยกออกเป็น 2 ส่วนหน่ะครับ
loss ส่วนแรกที่ผมหมายถึงก็คือการใช้พลังงานไฟฟ้าป้อนเข้าไปเพื่อแยก H กับ O หน่ะครับ มันจะต้องใช้พลังงานมากกว่าของพลังงานที่ได้จาก H ที่ถูกดึงออกมาเพื่อใช้งานต่ออยู่แล้ว เพราะมันมีการสูญเสียระหว่างขั้นตอนการป้อนพลังงานไฟฟ้าเพื่อแยก H กับ O ย่อมได้ H กลับมาเพื่อจะเอามาใช้เป็นพลังงานต่อได้ไม่ถึง 100% ของพลังงานไฟฟ้าที่ใช้แยกมัน เพราะแบบนั้นสู้เอาเอาพลังงานไฟฟ้าไปใช้หมุนมอเตอร์ไปเลยดีกว่า ไม่ต้องเอามาใช้แยก H ออกจาก O ให้ยุ่งยากเสียเวลาและสิ้นเปลืองพลังงานด้วย >>> ตรงส่วนนี้ผมอาจเข้าใจผิดเองแหล่ะครับข้ามอันนี้ไปแล้วกัน ดูส่วนที่2เลยดีกว่า พระส่วนที่ 2 นี่จริงจัง
ส่วนที่2 คือ หมายถึงการเก็บพลังงานหน่ะครับ ถ้าเป็นรูปแบบไฟฟ้า มันต้องใช้ battey เก็บซึ่ง battey อ่อนไหวต่ออุณภูมิร้อนกับเย็นมากๆ อุณหภูมิที่เหมาะสมของการใช้งาน battey คือ 25 องศา ทุกๆอุณหภูมิมากกว่าหรือน้อยกว่าจุดๆหนึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพลดลง
ถ้าอุณหภูมิน้อยกว่า 25องศาทุกๆจุดจุดหนึ่ง จะทำให้ความสามารถในการเก็บประจุของ battery จะลดลงครึ่งหนึ่ง
ถ้าอุณหภูมิมากกว่า 25 องศาทุกๆจุดจุดหนึ่ง จะทำให้อายุของ battery จะลดลงครึ่งหนึ่ง
เพราะแบบนั้นในสภาพอากาศที่โหดร้ายมากๆการใช้ H ที่เก็บไว้ในถังเทียบกับการใช้ไฟฟ้าที่เก็บไว้ใน battey การใช้ H น่าจะใช้ได้มีประสิทธิภาพมากกว่าครับ ยกเว้นว่า H ก็มีปัญหาแนวนี้เช่นกันหน่ะนะ
รถไฟฟ้ามีทางออกคือบังคับ เจ้าของต้องมีที่จอด + solar roof + power wall ส่วนตัวไปเลย
ดีที่สุดคือรอ tesla ออก รถไฟฟ้าสาธารณะ (แม้จะทำเงินได้น้อยกว่า)
ไฮโดรเจนผมไม่สนับสนุน 10000% ใครทำขายผมก่อม๊อบแน่นอน
เพราะ "น้ำหมดโลก" เรื่องอภิมหาใหญ่กว่า "น้ำมันหมดโลก" มากมาย เปลี่ยนโลกให้กลายเป็นดาวแห่งความตาย หายนะยิ่งกว่าสงครามนิวเคลียร์
ใจเย็นๆ ครับ Wikipedia เรื่องรถพลังน้ำละเอียดพอสมควร อ่านก่อนแตกตื่นไปก่อม็อบได้
lewcpe.com, @wasonliw
ฮ่าๆ ไม่รู้คุณไปอ่านมาจากไหนนะครับ แต่ H2 + 02 มันก็กลายเป็นน้ำอย่างเดิมนี่แหละครับ ไม่ได้หายไปไหนหรอก
แต่ผมก็ไม่สนับสนุนรถไฮโดรเจนนะ แต่เป็นเหตุผลเรื่องความปลอดภัย ถังไฮโดรเจนนี่อันตรายกว่าถังแก๊สเยอะ
ผมว่าชัดเจนนะว่าคุยกัน เรื่องรถไฮโดรเจน (HHC) (แหล่งไฮโดรเจนที่ใหญ่ที่สุด = น้ำ)
สันดาป HHC = e
ผมแนะนำว่า ลองหาอ่านดูครับว่า HHC สันดาปแล้ว นอกจากได้ e (energy?) แล้ว ยังได้ By product อะไรอีกบ้างครับ
น้ำไม่เคยหมดไปจากโลกนะครับ ที่หายากขึ้นคือ "น้ำจืดสะอาด" ที่หายากขึ้นมากกว่า ที่สำคัญภาวะโลกร้อนทำให้น้ำแข็งทั่วโลกละลาย ปริมาณน้ำที่เป็นของเหลวบนโลกมีมากขึ้นด้วยซ้ำ จนระดับน้ำทะเลค่อยๆ สูงขึ้น ถ้ามีพลังงานมากพอแค่กลั่นน้ำทะเลเป็นน้ำจืด แล้วแยก H กับ O ก็ได้แล้วครับ พอเอาไปใช้งานก็รวมกันกลับมาเป็นไอน้ำตามเดิม
โรงไฟฟ้าทั้ง โลกผลิตพลังงาน 1.55 x 10^14 kwh ต่อปี
น้ำในระบบนิเวศทางบกมีแค่ ~ 1.7% = 2.34e+19 ลิตร
น้ำ 1 ลิตร ผลิตไฮโดรเจน (เหลว) ได้ราวๆ 1 ลิตร (จริงๆ 1.2 แต่ขอคิดคร่าวๆ)
ไฮโดรเจนเหลว 1 ลิตร ได้พลังงาน 0.003 kwh
สรุปแค่ 453 ปีน้ำจะหายไปจากระบบโลก 2% ( = น้ำทั้งหมดระบบนิเวศบนผืนดิน )
ทุกวันนี้น้ำในระบบนิเวศทางบกเท่าเดิม เจอลานิญาทีนึง แล้งมากี่ปีแล้วครับ ?
ถ้าน้ำ "หายไปจากระบบ" เพียง 1% ภูมิประเทศโลก จะเปลี่ยนแปลงขนาดใด ?
เอ่อ ระหว่างระยะเวลา "453 ปี" คุณจะเอาหลังงานไปเก็บไว้ในรูปของไฮโดรเจนหมดเลยเหรอ?
lewcpe.com, @wasonliw
ตอบผมคำถามเดียวครับ
เชื้อเพลิงคาร์บอน นำไปใช้แล้วได้ CO/CO2 เป็นไอเสีย (Exhaust)
เชื้อเพลิงไฮโดรเจน นำไปใช้แล้วได้อะไรเป็นไอเสียครับ
ขอบคุณครับ
ปล. หรือถ้าคุณกำลัง Troll ก็.... งั้นก็ข้ามความเห็นผมไปละกันครับ
มันออกทะเลตั้งแต่มีคนข้างบนโพส car fuel-cell แล้วพวกคุณก็เข้าไปอ่านแล้วครับ นั่นมัน electrode cell ใช้พลังงานการแยกน้ำ
Practical H2–O2 rocket engines run fuel-rich so that the exhaust contains some unburned hydrogen
ไฮโดรเจนเผาไหม้และสูญไป แต่มีจำนวนหนึ่งที่เผาไม่หมด เหลืออยู่และรวมกับ oxidixer กลายเป็นไอน้ำ. (มีการเผากลายเป็น e)
คนละเรื่องกับการดึงพลังงานยึดเหนี่ยวของน้ำมาใช้ -> กลับมาได้น้ำเท่าเดิม (ไม่มีการเผา)
ขอบคุณที่โทรลนะครับ :)
อะไรคือไฮโดรเจนเผาไหม้และสูญไปครับ? แล้วอะตอมไฮโดรเจนนั่นมันหายไปไหนครับ?
ถ้าเป็นในกรณี "เครื่องยนต์จรวด" ตามที่คุณยกมาก็โอเคครับมันเผาไหม้ไม่หมดเพราะเค้าตั้งใจทำแบบ fuel-rich แบบว่า ส่วนเกินก็หลุดไปในอวกาศจริง แต่ fuel cell ในเครื่องยนต์รถยนต์นี่มันเอาไฮโดรเจนไปเผาด้วยเหรอครับ? (แบบรุ่นหลังๆ เอาไปเผาไหม้แทนน้ำมันไม่ได้เอาไปทำไฟฟ้าอะไรแบบนี้ ซึ่งผมไม่ได้ตามข่าวขนาดนั้น)
เอ่อ ไฮโดรเจนเผาไหม้ด้วยตัวเองไม่ได้ครับ ไฮโดรเจนนั่นแหละครับที่เผาไหม้กับออกซิเจนแล้วรวมตัวกัน (เป็นน้ำ? หรือมีไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ด้วย? อันนี้ผมไม่รู้) พร้อมกับปล่อยพลังงานออกมา
และมันไม่ใช่ เผากลายเป็น e ครับ ที่เผาๆ กันอยู่นี่มีเผาอะไรแล้วสสารสูญสลายกลายร่างเป็น e ด้วยเหรอครับ?
ถูกแบนเพื่อป้องกันการเผยแพร่หลักการผิดๆ ครับ
ไปเรียนเคมีม.ปลาย มาก่อนแล้วค่อยกลับมาสมัครใหม่นะครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ปกติรถนำเข้ามันราคาแพงกว่ารถยี่ห้อเกาหลีนิ
ปกติรถยี่ห้อเกาหลีในรุ่นเทียบเคียงกับTeslaมันราคาเท่าไหร่กัน
ไม่ใช่ว่ามีเงินช่วยเหลือจากรัฐแล้วรถTeslaยังแพงกว่ารถในประเทศหรอกนะ
แบบนี้เรียกว่าการทุ่มตลาด(dumping policy) ผิดกฎ WTO หรือไม่
ปัญหาของรถพลังงานไฟฟ้าคือระยะเวลาในการเติมพลังงาน NGV เติมเต็มถัง 3-5 นาที (ต่อคิวนาน) LPG เต็มถัง 2 นาที น้ำมันเต็มถังประมาณ 1 นาที รถไฟฟ้าเต็มหม้อ 20 นาทีนี้คือรอจนเหนื่อย แถมถ้าต้องเป็นคิวที่สามนี้นอนรอเลย
แต่มันสามารถเติมที่บ้าน หรือที่จอดรถที่เขามีจุดบริการได้นิครับ ต่างจากพวกนั้นที่ต้องเติมที่ปั้มเพราะต้องมีถังเก็บ
แต่ถ้าคุณขับรถใกล้ๆ แบบขับในเมืองเป็นส่วนใหญ่ คุณจะไม่ต้องไปปั๊มอีกเลยไงครับ ขับไปทำงานจนกลับบ้าน เอาให้บ้านไกลเลยไปกลับสัก 50 กิโล ถึงบ้านคุณก็เอารถเสียบปลั๊ก เช้าก็ถอดปลั๊กขับออกไปเหมือนชาร์จมือถือตอนนอน
เมื่อคืนลืมชาร์จ ออกจากบ้านไม่ได้ :|
lewcpe.com, @wasonliw
หยิบมือถือมากดเรียก Uber เอ้ย... Grabtaxi เลยครับ
มันต้องมีระบบ power bank ให้เช่าครับ
เป็นแบตสำรอง ก้อนขนาดพอแบกไหว ใส่ไว้หลังรถ ขนาดและคุณภาพเป็นมาตรฐานเหมือนถังแก๊ส พอคุณวิ่งไปจน power bank หมดก็แวะเข้าปั๊ม จ่ายเงินแลกแบตหมดกับแบตเต็มมาเปลี่ยน แล้ววิ่งต่อเลย
จริงๆอยากให้รถเมล์เปลี่ยนไปเป็นรถไฟฟ้าให้หมด น่าจะแจ่มขึ้นเยอะ
สงสัยเค้าไม่มีใคร ถือ หุ้น น้ำมัน
ขอรถไฟฟ้า ติด Solar cell น่าจะเหมาะกับบ้านเรา
ประเทศไทยคงยาก รายใหญ่คุมไว้หมด โรงงานผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ ก็เยอะ คงไม่ยอมถ้ารายใหม่มาแล้วได้สิทธิประโยชน์ล้ำหน้า
That is the way things are.
ประเทศไทยจะมาหรือไม่มาก็ไม่เป็นไร ขอให้ตลาดโลกมันโตไวๆ สุดท้ายในไทยก็ต้องมาอยู่ดี อิอิ
ผมยังเชื่อว่าในอนาคตเราจะยังหาแหล่งพลังงานใหม่ๆมาผลิตไฟฟ้าได้เรื่อยๆ เพราะงั้นสนับสนุนเต็มที่ เพราะการควบคุมมลพิษน่าจะทำได้ดีที่สุดแล้วในปัจุบัน (ทำที่โรงงานผลิตไฟฟ้าที่เดียว)
..: เรื่อยไป