DHL eCommerce บริษัทในเครือ Deutsche Post DHL Group - DPDHL Group ที่แยกมาทำขนส่งอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ ขยายเครือข่ายรองรับอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย และเพิ่มบริการ Pick-Up Service ให้ผู้ประกอบการรายเล็กหรือ SMEs เพราะเห็นโอกาสเติบโตขึ้นอีกมาก
ข้อมูลจาก Euromonitor Project Team Market Model ระบุว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยจะโตสามเท่าหรือเท่ากับ 3,600 ล้านยูโร หรือ 140,000 ล้านบาท ภายในปี 2020 ทาง DHL จึงขยายเครือข่ายการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมภูมิภาคต่างๆ ทั่วไทย นอกจากนี้ยังเห็นโอกาสโตของธุรกิจ SMEs ที่มีผู้ประกอบการอยู่ 2.7 ล้านราย จึงขยายบริการ Pick-Up Service (บริการรับสินค้าถึงบ้าน) เพื่อนำไปส่งต่อให้ลูกค้า โดยเน้นกลุ่มธุรกิจรายย่อยมากขึ้น จำกัดจำนวนสินค้าประมาณ 5-10 ชิ้นขึ้นไป
Pick-Up Service ปัจจุบันมีอยู่แล้วในกรุงเทพฯและปริมณฑล ภาคตะวันออกทั้งหมด เชียงใหม่ ขอนแก่น เป็นต้น ส่วนจะเพิ่มในพื้นที่จังหวัดใดอีกนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด แต่แนวโน้มในอนาคตคือ SMEs จะเข้าสู่การขายแบบอีคอมเมิร์ซมากขึ้น
Charles Brewer, Chief Executive Officer, DHL eCommerce
DHL eCommerce มีบริการส่งสินค้าระหว่างประเทศอยู่ก่อนแล้ว และข้อมูลจากเว็บไซต์ Alizia คาดการณ์ว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศจะแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2020 ปีนี้จึงเน้นสนับสนุน SMEs ในการซื้อขายระหว่างประเทศมากขึ้น เสนอบริการจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศแบบ B2C ให้ผู้ประกอบการด้วย โดย DHL มีจุดกระจายสินค้าในประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐฯ เม็กซิโก ยุโรป ฮ่องกง ออสเตรเลีย และอินเดีย
ด้านความคาดหวังของ DHL ต่อตลาดประเทศไทยในปีนี้ คาดว่าธุรกิจจะโต 25% โดยจะเน้นที่ธุรกิจ SMEs มากขึ้น
Comments
คงไม่โดนป๋าแจ็คซื้อไปเหมือนลาซาด้าอีกนะ ^_^