Tags:
Node Thumbnail

ผู้อ่าน Blognone หลายท่านอาจจะคุ้นเคยกับ Nutanix ผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์แนวใหม่ที่เรียกว่า hyperconverged (อ่านบทสัมภาษณ์เมื่อปีที่แล้วได้) อยู่บ้าง ในฐานะสตาร์ทอัพรายใหม่ซึ่งมีบทบาทในกลุ่มองค์กรอย่างมาก และเพิ่งจะประกาศคุณสมบัติใหม่สำหรับซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์จำนวนมากที่งานประชุมของ .NEXT ของบริษัทที่เพิ่งผ่านไป (มีนอกจาก Xpress ด้วย) แต่สำคัญที่สุดคงเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงของทิศทางบริษัทจาก hyperconverged ไปสู่ Enterprise Cloud Platform

ผมมีโอกาสได้ไปร่วมงานที่ Nutanix ประเทศไทยจัดขึ้นเมื่อวานนี้ เพื่อสรุปถึงความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ โดยมี Mr.Paul Serrano ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กับ คุณทวิพงศ์ อโนทัยสินทวี ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ Nutanix เป็นคนสรุปและบรรยายให้ครับ

No Descriptionซ้าย คุณทวิพงศ์, ขวา Paul

จาก hyperconverged สู่ Enterprise Cloud Platform

Paul บอกว่าที่ผ่านมา Nutanix มักเป็นที่รู้จักในฐานะบริษัทที่ขายเซิร์ฟเวอร์และซอฟต์แวร์รวมกัน (เด่นที่ซอฟต์แวร์เป็นหลัก) ซึ่งวางตลาดตัวเองเป็น hyperconverged แต่ในระยะหลังมีหลายบริษัทที่พยายามทำตามแนวทางแบบ Nutanix ทำให้ในปีนี้ Nutanix ปรับกลยุทธ์หนีขึ้นไปเป็น Enterprise Cloud และตัวเองเป็นแพลตฟอร์มเปิดมากขึ้น แต่ยังคงความง่ายในการใช้งานเช่นเดิม (คือเปิดกล่องออกมา config แป๊ปเดียวก็ทำงานได้เลย)

ทิศทางนี้มาพร้อมกับการประกาศตัวซอฟต์แวร์ Nutanix 4.7 และรุ่นถัดไปที่ใช้รหัสการพัฒนาว่า Asterisk โดยจะทำหน้าที่ของการเป็นแพลตฟอร์มมากขึ้นกว่าเดิม ของใหม่ที่มาแน่นอนคือการเชื่อม Nutanix Fabric เข้ากับ Bare Metal โดยผ่านตัวกลางที่บริษัทเรียกว่า ABS เชื่อผ่าน iSCSI ทำให้งานที่รันอยู่บนเครื่องแบบเก่าและยังไม่รองรับกับคลาวด์ (ตัวอย่างที่ถูกยก เช่น ในสายงานธนาคาร ที่ระบบใหญ่มาก หรือค่าใช้ซอฟต์แวร์ในแบบ virtualization ที่แพงกว่าในกรณีของ Oracle) สามารถเข้าถึงทรัพยากรของระบบ Nutanix ได้อย่างไม่มีปัญหา

alt="file-page7"

นอกจากคุณสมบัติในการเชื่อมกับ Bare Metal โดยตรงแล้ว ยังมีเรื่องของการสนับสนุน container โดยตอนนี้ยังรองรับเฉพาะ Docker อย่างเดียวเท่านั้น และในรุ่นหน้าก็พยายามจะให้ลดเวลาการ deploy ลงเหลือแค่การคลิกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

alt="file-page14"

ร่วมมือกับบริษัทอื่นๆ มากขึ้น

เมื่อปรับทิศทางไปหา Enterprise มากขึ้น สิ่งแรกที่ Nutanix ทำ คือไปสร้างความร่วมมือกับบริษัทต่างๆ มากขึ้น ซึ่งมี Microsoft เป็นบริษัทแรก โดย Nutanix จะส่งฮาร์ดแวร์ตัวเองที่ติดตั้งผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ทั้ง stack ออกจากโรงงานมาให้ (มี Windows Server 2012 R2, System Center 2012 R2 และ Windows Azure Pack) ทำให้ลูกค้าเชื่อมต่อกับ Azure ที่เป็น Public Cloud ได้ง่ายขึ้น

alt="file-page16"

นอกจากนั้น Dell กับ Lenovo เองก็เป็นอีกหนึ่งสายความร่วมมือ (แม้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์ทับซ้อนกัน) โดย VCE บริษัทลูกของ EMC จะขาย Nutanix รุ่นที่บริษัททำ OEM ให้กับ Dell ด้วย ส่วน Lenovo ก็เช่นกัน และยังร่วมมือกับ Citrix ในการออกโซลูชั่น VDI (เรียกว่า InstantOn VDI) โดยบอกว่ากินเวลาในการติดตั้งระบบเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น และไม่ต้องเปลี่ยนทั้งองค์กร แต่เปลี่ยนตามรอบการจัดซื้อของแต่ละบริษัทได้ทันที

alt="file-page21"

เพิ่มความสามารถใหม่: นำ Machine-learning เข้ามาช่วยงานแผน

ในส่วนตัวผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ (มีสองตัวคือ Prism และ Acropolis ตัวหลังเป็น Hypervisor) มีการเพิ่มความสามารถใหม่ลงไป ที่น่าสนใจที่สุดสำหรับ Prism คือตัวระบบของ Nutanix ที่มีการใช้ Machine-learning ในการช่วยการคาดการณ์และวิเคราะห์ระบบในลักษณะของ What-if (สมมติว่า) ซึ่งจะออกมาเป็นคำแนะนำในการจัดซื้อหาทรัพยากร เพื่อรองรับการใช้งานในภาคองค์กรที่มีมากขึ้นในระยะยาวได้ง่าย

alt="file-page23"

นอกจากนั้นยังมี Network Visualization หรือผังแสดงภาพของเครือข่าย ซึ่งจะทำให้เห็นภาพการเชื่อมต่อทั้งหมดขององค์กร และทำให้แก้ไขปัญหาง่ายขึ้นกว่าเดิม, ระบบค้นหา Prism Search ที่ดีขึ้นกว่าเดิม, เพิ่ม VM Management สำหรับ VMware ESXi ไว้ในหน้า console ของ Nutanix เลย (ใช้แทนได้กรณีทั่วไป กรณีปรับแต่งมากๆ ยังต้องใช้ vCenter เช่นเดิม), และในรุ่นหน้าจะเสริม self-service portal ให้ทุกคนสามารถขอทรัพยากรที่ต้องการได้จากหน้าเว็บ โดยที่ไม่ต้องวิ่งไปฝ่ายไอที แล้วเปิด ticket แบบเดิม

สรุป

ภาพของ Nutanix ในฐานะบริษัทที่ทำเรื่อง hyperconverged แบบเดิมในปีที่แล้ว มาในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงทิศทางไปสู่เส้นทางของการเป็น Enterprise Cloud Platform ที่ชัดเจนขึ้น พร้อมกับเปิดแพลตฟอร์มตัวเองให้มีความร่วมมือกับแบบใหม่ๆ มากขึ้น และเน้นไปที่ตัวซอฟต์แวร์มากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังคงขายฮาร์ดแวร์เช่นเดิม

อย่างไรก็ตาม ตลาดองค์กรในกลุ่มนี้ถือว่ามีการแข่งขันที่ดุเดือดและมีรายใหญ่อยู่ในตลาด (นึกง่ายๆ ก็เช่น Dell, Oracle, IBM) กลยุทธ์ของ Nutanix ที่เพิ่งประกาศไปอาจต้องรอเวลาอีกสักระยะ โดยเฉพาะหลังจากการออกรุ่นต่อไป (Asterisk) ถึงจะพิสูจน์ได้ว่าบริษัทเดินมาถูกทางหรือไม่ครับ

Get latest news from Blognone

Comments

By: TeamKiller
ContributoriPhone
on 16 July 2016 - 00:20 #926368
TeamKiller's picture

ข่าว Server ที comment เงียบเลย