เว็บไซต์นิตยสาร Forbes รายงานข่าวโดยระบุว่า Palo Alto Networks บริษัทวิจัยด้านความปลอดภัย ได้ออกประกาศเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุว่ามีการตรวจพบมัลแวร์ที่ชื่อ "KeyRider" แพร่ระบาดบนแพลตฟอร์มของ iOS โดยผู้ใช้งานที่จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดในครั้งนี้ คือคนที่ทำการเจลเบรคอุปกรณ์สาย iOS นั่นเอง
รายงานข่าวระบุว่า มัลแวร์ตัวนี้ซึ่งสงสัยว่าอาจจะมีต้นทางมาจากจีน จะทำการดักเอา Apple ID ของผู้ใช้งาน แล้วส่งกลับไปยังแฮกเกอร์ หลังจากนั้นแฮกเกอร์จะนำเอา Apple ID ไปใช้งาน มากกว่านั้นคือมีความเป็นไปได้ที่จะแฮกเอาทั้งรหัสประจำตัวของโทรศัพท์และใบรับรองความปลอดภัยไป เพื่อเข้าถึงบริการอย่าง Apple Pay ด้วย โดยระบุว่ามีผู้ได้รับผลกระทบแล้วกว่า 2 แสนราย
นอกจากนั้นแล้ว ทางบริษัทยังออกรายงานเพิ่มเติมว่ามีการตรวจพบ ransomware เพื่อบังคับให้ผู้ใช้จ่ายเงินแลกกับการได้กลับมาควบคุมโทรศัพท์เหมือนเดิมด้วย โดยคำแนะนำที่ดีที่สุดในการปกป้องตัวเองจากการแพร่ระบาดในครั้งนี้สำหรับทั้งมัลแวร์และ ransomware คือการไม่เจลเบรคเครื่อง ส่วนคนที่ได้รับผลกระทบนอกจากเปลี่ยนรหัสผ่าน Apple ID และเปิดการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (two-factor authentication) แล้ว ยังต้องหมั่นตรวจสอบความผิดปกติในรายการซื้อสินค้าต่างๆ ผ่าน Apple ID ด้วย
ที่มา - Forbes
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
- สรุปของใหม่และสาระสำคัญจาก AWS re:Invent 2023 | Cloudnone Special EP
Comments
ระบบปิดดีสุดแล้ว
สำหรับคนไม่รู้เรื่อง (และไม่คิดจะรู้เรื่อง) ระบบปิดมันเหมาะสมกับคนกลุ่มนี้ครับ แต่ถ้าคนที่รู้เรื่องและเข้าใจระบบดี ระบบเปิดย่อมดีกว่าเยอะครับ
ผมก็พูดไปตามเนื้อข่าว จะมาแขวะผมทำไมเนี้ย
ปล.เจลผมก็เคยทำแล้ว แอนดรอยด์ก็รูทมาหมด แต่พอถึงจุดนึงผมขอเลือกระบบปิดดีกว่า เพราะถ้าระบบมันเสียสมดุลย์ มันก็ไม่ได้เกิดจากเรา และสามารถแก้ปัญหาได้เร็วกว่าด้วย
+100
ไม่น่าจะใช้คำว่าระบบปิดครับ น่าจะใช้คำว่าไม่เจลหรือแหกคุกมากกว่า เพราะรูรั่วนี้เกิดจากการปรับแต่งระบบปฏิบัติการชองผู้ใช้ซึ่งมันรั่วได้ทั้งสองระบบอยู่แล้วครับ
ขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจแขวะ
+1000 ลูกผู้ชายตัวจริง.... ใจเย็นๆ กันนะครับ
แปลว่าการเจลการรูทของคุณ ไม่ได้ทำให้คุณสนุกขึ้นเลยในความคิดของคุณ
ไม่ว่าปิด-เปิด ก็มีช่องโหว่ทั้งนั้น อยู่ที่จะป้องกัน และเข้าใจที่อยู่กับมันยังไง
เห็นด้วยครับ
กำลังจะบอกแบบฟอร์ดเลยครับ ว่าเปิด หรือปิด ไม่เกี่ยวเลย
ยกตัวอย่าง Android OS เปิดแล้วไง เราก็ไม่สามารถ build ROM เองเพื่อ Patch ปัญหาได้ สุดท้ายก็ต้องรอผู้ผลิตอยู่ดี?
เมื่อเข้าใจแล้วจะไม่กลัว
ก็ว่าจะอัพเป็น 8.4.1 ให้หลุดเจลอยู่เหมือนกันครับ
เพราะที่เจลตอนนี้ก็เจลเฉยๆ ไม่ได้ลง tweak อะไรเลย
^
^
that's just my two cents.
การที่ JB ผมว่าเขาต้องรู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น
อยู่ที่เราเลือกแอดซอร์สมากกว่า ผมว่าใครๆ ก็เจลได้ เจลแล้วไม่ผิดหรอก
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
ทุกวันนี้คนที่ยังเจลอยู่ ต้องการใช้งานโปรแกรมอะไรเป็นพิเศษเหรอครับ ไม่ได้ตามนานอยากทราบ
บางคนเค้าชอบปรับแต่ง(เช่นฟอนต์) แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการลงแอพเถื่อน หรือเข้าไปแก้ไขตัวเกมส์(พวก In appทั้งหลาย)เพื่อให้เล่นง่ายขึ้น
ปล.ดูจากรอบๆตัวผมเป็นหลักนะครับ คิดว่าประมานนี้
ใช้ Whoscall ได้เหมือนมันมากับเครื่อง
อันนี้โดน ชอบ Whoscall บน android มาก
จากประสบการณ์ตรง คือเพื่อใช้แอพส์เถื่อนครับ สมัยก่อนถ้าไม่เจลมันลงเถื่อนไม่ได้ไง แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องเจลก็เถื่อนได้ แต่มันมีปัญหาจุกจิกตามมาสู้เจลไม่ได้อยู่ดี
ผมเลิกเจลตั้งแต่ iOS7 เพราะรู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่าอะไรเลย พอเจลแล้วเกิดปัญหาจุกจิกมากมาย ใช้เครื่องเดิมๆ เสถียรกว่ามากครับ แอพส์ในเครื่องผมตอนนี้ก็ซื้อทั้งหมด รู้สึกว่ามันแฟร์กับ dev มากกว่านะ ราคาแอพส์บน iOS ก็ไม่ได้แพงมากมายอะไร มีช่วงลดราคาเป็นระยะๆ ด้วย
แรกๆ ตอน iPhone 3-4 ผมก็เจลเพื่อนจะลงแอพเถื่อน แต่หลังๆ เริ่มรู้สึกลำบากเวลาจะอัพเวอร์ชั่นทีก็ต้องรอให้เจลได้ก่อน และต้องใช้แอพเกี่ยวกับธนาคารบ่อยๆ เลยไม่เจลและ ซื้อแอพแท้ใช้ปลอดภัยและสบายใจกว่า เอาจริงๆ ก็ใช้แค่ไม่กี่แอพเอง ซื้อเอาสนับสนุน dev เช่นเดียวกัน
บางอย่างที่ต้องเจลถึงทำได้ ผมก็เลี่ยงไปใช้บนแอนดรอย์แทน หลายๆ อย่างสามารถทำได้เลยไม่ปิดเหมือน apple
อยู่บ้านรักเมียไม่ซุกซน บลอดภัยกว่า ถึงจะไม่100%
เคยเจลแล้ว หมดเงินไปกะทวีคที่เค้าว่าเจ๋งไปเป็นพันๆ สุดท้ายก็สู้ที่มากับเครื่องไม่ได้ ไม่เสถียร ที่สำคัญ ไม่สวยเอามากๆ ยอมทิ้งเงินเลย
ปิด หรือ เปิด ก็มีโอกาสเจอได้น่ะ
แค่เปิดมันเจอได้ง่ายกว่า(มาก)เท่านั้นเอง เพราะระบบปิดมันค่อนข้างกรองปัญหาพวกนี้โดยธรรมชาติของระบบปิดอยู่แล้ว
ก็เหมือนปลูกผัก ปลูกในโรงเพาะ กับ ปลูกกลางแจ้ง มีโอกาสโดนขโมยเหมือนกัน แต่ถ้าจะขโมยในโรงเพาะมันก็ต้องหาวิธีเข้าไปโรงเพาะให้ได้ก่อนเท่านั้นเอง
และเอาจริงๆAndroidมันก็ไม่เปิดเท่าไหร่น่ะ
นั้นคือความแตกต่างระหว่างระบบเปิดกับระบบปิดครับ
ระบบเปิดมีรูตรงใหน เนื่องจากมีคนมอง code มากมายสุดท้ายก็จะมีการเปิดเผยและช่องว่างเหล่านั้นก็จะใด้รับการปิดและหายากขึ้นเรื่อยๆ
ระบบปิดเนื่องจากไม่มีใครรู้มากทำให้หารูยาก แต่ถ้ามีคนกลุ่มเล็กๆหาเจอ ก็สามารถแอบไช้ประโยชน์นานๆ ใด้
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เลิกเจลช่วงปลาย iOS 4 นั่นละมั่งเรา...
ตอนนี้ก็แท้มันทั้งเครื่องละ
รู้สึกไม่ปวดหัวดี