ทางการมาเลเซียออกมาตรการใหม่เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนโดยจะให้มีการติดแท็ก RFID ไว้ที่รถยนต์ทุกคัน ประเดิมนำร่องกับรถยนต์ที่จะผ่านด่านยะโฮร์ (ข้ามไปสิงคโปร์) ในเดือนตุลาคมนี้
แท็ก RFID ดังกล่าวจะผนึกมากับสติ๊กเกอร์ที่ผู้เสียภาษีรถยนต์จะได้เอาไว้ติดที่กระจกหน้ารถ โดยแท็กดังกล่าวสามารถตรวจพบได้ด้วยอุปกรณ์ตรวจหาแท็กของเจ้าหน้าที่รัฐ (ซึ่งในอนาคตทางการมาเลเซียจะมีการใช้สัญญาณจากดาวเทียมเข้ามาร่วมใช้งานเพื่อการระบุตำแหน่งรถยนต์ด้วย) และหากใครคิดจะแกะมันออกหรือทำลายมัน ตัวแท็กก็จะสามารถส่งสัญญาณแจ้งเตือนไปให้อุปกรณ์ตรวจหาในบริเวณใกล้เคียงทราบได้ด้วย
เป้าหมายของการออกกฎนี้ ก็เพื่อใช้ประโยชน์จากแท็ก RFID ในการติดตามเส้นทางการวิ่งของรถยนต์ซึ่งอาจถูกนำไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย นอกจากนี้หากมีการพัฒนาระบบแวดล้อมเพิ่มเติม ก็จะสามารถอาศัยข้อมูลจากแท็กเหล่านี้เพื่อวิเคราะห์สภาพการจราจรบนท้องถนนได้ รวมทั้งใช้แทนบัตรผ่านด่านต่างๆ คล้ายคลึงกับระบบ Easy Pass ของทางด่วนในประเทศไทย
โครงการนี้จะเริ่มนำร่องบังคับใช้งานกับรถยนต์ทุกคันที่ผ่านเข้าออกด่านชายแดนที่ยะโฮร์ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ของชาวมาเลเซียเองหรือรถยนต์ที่ข้ามมาจากประเทศเพื่อนบ้าน และจะค่อยๆ เพิ่มการบังคับใช้กฎกับด่านชายแดนอื่นทั้งที่เชื่อมต่อกับไทย, บรูไน และอินโดนีเซีย จนครบภายในอีก 2 ปีข้างหน้า ส่วนรถยนต์ที่วิ่งอยู่ภายในประเทศมาเลเซียเองก็จะได้รับแท็ก RFID นี้จนครบทั้งหมดภายในปี 2018 ซึ่งคาดว่าถึงตอนนั้นจะมีรถยนต์ติดแท็ก RFID มากถึง 28 ล้านคัน
มาตรการนี้แม้ว่าจะช่วยเสริมงานด้านการดูแลความสงบเรียบร้อยของทางการมาเลเซียให้ทำงานได้สะดวกขึ้นมาก แต่อีกทางหนึ่งก็ทำให้ความเป็นส่วนตัวของผู้คนตกอยู่ในความเสี่ยงได้เช่นกัน ต้องจับตาดูว่าประเทศเพื่อนบ้านของไทยเราจะวางระบบป้องกันข้อมูลเหล่านี้ได้แน่นหนาขนาดไหน
ที่มา - The Sun Daily via Engadget
Comments
ต่อไปก็ติดแทคที่คนสินะ
อยากให้เมืองไทยมีอย่างนี้บ้าง
ให้ระบบฐานข้อมูลรัฐมีความปลอดภัย น่าเชื่อถือมากขึ้นกว่านี้ก่อนดีกว่าครับ ล่าสุดนี่แฮกเข้ามากันสนุกเลย
ผมเห็นแฮ็กแต่เว็บทั่วไป ซึ่งเป็นเว็บให้ข้อมูล ไม่มีข้อมูลสำคัญอะไร แต่ที่เป็นระบบฐานข้อมูลสำคัญ อย่างของกรมการปกครอง หรือของตำรวจ ยังไม่เห็นเคยโดนแฮ็คนะ
ถึงโดนก็ไม่บอกหรอกครับ พูดได้เพราะเจอมาแล้ว
กรมขนส่งทางบกเคยคิดทำครับ เป็น NFC เป็นแถบบางๆติดหลังใบ พรบ.
แต่แผนนั้น ก็กลายเป็นแผนนิ่ง(Planning) ไปแล้ว เงียบไปเลย
พอมาในไทย ต้องถกเรื่องสิทธิกันอีกยาว
พูดได้เหรอครับ อำนาจตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่ประชาชนแล้ว
ใจเย็นๆ เอาจริงๆ ตอนนี้เขาก็ไม่ได้มีอำนาจขาดนะ ถ้าคนพร้อมใจกันไม่เอาก็ทำไม่ได้แล้ว มันยังไม่ถึงขั้นจีนครับ อย่าดูถูกฝั่งที่ยังไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดสิครับ ใครทำอะไรไว้มันก็เห็นๆกันแล้ว ตอนนี้ขึ้นอยู่กับความเชื่อเท่านั่นของแต่ละคน ชอบอะไรก็เชื่ออย่างงั้น เกลียดอะไรก็ไม่เชื่ออันนั้นเท่านั่นหน่ะ พอๆกับความรักทำให้คนตาบอดกันเลยทีเดียวเชียว
+1 เห็นด้วยนะครับ ทุกวันนี้ผมว่าเค้ายังไม่ได้มีอำนาจขาดนะครับ ถ้าคนไม่เอาด้วยเค้าก็อยู่ไม่ได้แล้ว มีคนจ้องรอจะแทงอีกเยอะ สภาพมันต่างจากเผด็จการจากที่เราเคยเห็นมาจากประเทศอื่นมาก จะสังเกตว่าทุกวันนี้ทำอะไรยังกล้าๆ กลัวๆ ไม่เด็ดขาดซะที
+2048
จริงหรือครับผมไปดูคำสั่งที่ออกจากมาตรา 44 ล่าสุดก็ =_="
ปล. อำนาจที่ใช้กันแล้วไม่เป็นข่าวมีอีกเยอะครับ ถ้าไม่โดนกับตัวหรือไม่อยู่เบื้องลึกก็ยังมองโลกสวยได้ครับ
สรุปภรรยาใครมีเพื่อนหรือทำงานในระบบตรวจสอบได้ ซวยแน่ 55+
[blockquote]มาตรการใหม่เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน[/blockquote]
ผม...ไม่มั่นใจว่าช่วยดูแลความปลอดภัยประชาชนได้แบบไหนครับ ถ้าเป็นโจรเขาน่าจะสามารถเอาอุปกรณ์มา block สัญญาณได้ไม่ใช่เหรอครับ มันก็จะกลายเป็น track คนทั่วไปแทนอ่ะ
+1 ครับ เอาแม่เหล็กไปแปะไว้ก็เน่าแล้วครับ จะตอบว่า Loss แล้วเตือนก็ไม่เชิงอะครับ รถมันดังวี่ๆๆๆๆ ยังมีคนสนใจกว่าอีก
ก็ต้องบังคับติดตั้ง จุดตรวจสัญญาณ ตรงทางเข้าออกทางด่วน หรือถนนเส้นหลักเข้าออกจังหวัด โดยมีด่านตรวจเฝ้าด้วย ถ้ารถคันไหนวิ่งผ่านแล้วไม่มีtag โดยอาจจะวางไม่ดี หรือจงใจให้จับสัญญาณไม่ได้ ก็ให้ขึ้นไฟเตือน แล้วเชิญมาตรวจสอบที่ด่านครับ
ประเทศไทย น่าจะลองเริ่มต้น ด้วยการติดแบบสมัครใจก่อน
เมื่อคนลองใช้แล้วเห็นประโยชน์ของมันเช่น รถหาย แล้วสามารถตามคืนได้ไว(ออกข่าวโปรโมตหน่อย) ซักพักคนก็จะเริ่มมาติดมากขึ้น
ที่มาเลเซียน่าจะนำมาใช้ได้ง่ายครับ พื้นที่ประเทศเขาเล็กกว่าเราเยอะ และถนนสายหลักของเขาที่เชื่อมเมือง/ภูมิภาคต่างๆ ของเขาจะเป็น highway ที่เสียเงินทั้งหมด (แบบมอเตอร์เวย์บ้านเรา) ถนนสายหลักในมาเลย์จะมีด้านเก็บเงินเป็นระยะๆ เช่น จะเดินทางจากหาดใหญ่ผ่านมาเลย์ไปสิงคโปร์ ก้อจะเป็น highway แบบเสียเงินทั้งหมด น่าจะเจอด่านเก็บเงินไม่ต่ำกว่า 5-10 ด่านจนถึงสิงคโปร์ ทำให้การเอาจุดตรวจสัญญาณมาใช้งานได้ง่าย เพราะถนนสายหลักเขามีด่านเก็บเงินอยู่แล้ว
แต่เมืองไทยจะต่างออกไป ถนนหลวงบ้านเราใช้งานได้ฟรีทั้งประเทศ ไปไหนมาไหนฟรีหมดยกเว้นทางด่วนในกรุงเทพกับมอเตอร์เวย์ไปชลบุรี สภาพถนนเป็นแบบเปิดทั้งหมด แถมขนาดบ้านเราใหญ่กว่า จำนวนถนนเยอะกว่ามาก (ถามคนขับ google streetview ดูได้ว่าถนนบ้านเราเบอะแค่ไหน ป่านนี้ยังถ่ายเก็บอีสานไม่หมดเลย ใหญ่มาก ถ่ายนานมาก) ทำให้ถ้าจะใช้ระบบเดียวกันนี้แบบมาเลย์ จะยากและต้องลงทุนสูงกว่ามาก
ถ้าพูดถึงแค่ฝั่งเพนินซูล่ามาเลเซียอย่างเดียวก็ไม่ใหญ่ครับ แต่ว่าลืมฝั่งซาบา ซาราวัคปะครับ ถึงยังไงก็ไม่ได้เล็กอยู่ดีนะครับมาเลเซียน่ะ
ฝั่งนั้นผมเคยไปมาแล้วครับ ผมไปซาราวัคมา
ตอนที่ผมพูดว่าเล็ก คือผมนับ East malaysia หรือฝั่งเกาะบอร์เนียวไปเรียบร้อยแล้วครับ :) ยินยันได้เลยว่าเล็กจริงๆ (ผมค่อนข้างไปมาเลย์มาทั่วแล้ว ไปไม่ต่ำกว่ายี่สิบครั้ง)
ฝั่ง East ถ้านับเป็นพื้นที่ก็ค่อนข้างใหญ่พอสมควรครับ แต่ถ้านับพื้นที่อาศัยของคนจริงๆ มีค่อนข้างน้อย ลองเปิด Google maps, earth ประกอบได้เลยครับ พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นป่าซะส่วนมาก ตัวเมืองจะอยู่แค่แนวเดียวขนานไปตามความยาวชองชายฝั่งเท่านั้น ลองเปิด Google streetview ประกอบก็ได้ครับ จะเห็นว่าส่วนที่เป็นถนนในมาเลย์ฝั่งบอร์เนียวจะมีไม่มากครับ ถ้าเทียบกับพื้นที่ทั้งหมดซึ่งส่วนใหญ่เป็นป่า
ขนาดเส้นทางเชื่อมระหว่างซาราวัค ซาบา ทางผ่านระหว่างกัน ก็ยังต้องขับผ่านประเทศบรูไนเลยครับ ทั้งๆ ที่พื้นที่อยู่ติดกันแท้ๆ แต่เพราะเป็นภูเขานั่นเอง เขาเลยไม่ทำถนนตัดผ่าน ใช้ถนนผ่านทางบรูไนเอา
ถ้าใช้ google streetview กดดู จะเห็นชัดเลยครับว่าถนนประเทศไหนมากหรือน้อย บางประเทศพื้นที่มาก แต่พื้นที่ที่ประชากรอาศัยมีน้อย เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงหรือภูเขานั่นเอง อย่างมาเลย์หรือเกาหลีใต้ก็ใช่ แต่อย่างบ้านเราที่ราบลุ่มเยอะมากครับ กรุงเทพเองนี่ราบเสมอกันไม่มีภูเขาเลย อีสาน ภาคกลางก็ที่ราบ ประเทศเราเลยทำเกษตรกรรมกัน ประชากรอาศัยกันกระจาย ถนนบ้านเราเลยเยอะมากครับ ในขณะที่ประเทศที่พื้นราบน้อย เขาจะอาศัยเกาะกลุ่มกันมากกว่า
สงสัยนอกเรื่อง สิงคโปร์เขานับคนมาเลย์มาทำงานทุกวันผ่านทางข้ามรัฐยะโฮร์ ถือเป็นนักท่องเที่ยวด้วยหรือไม่ เพราะบางทีก็มีเทียบสถิตินักท่องเที่ยว กับบ้านเรา
อีกหน่อยพอมี gps แล้ว อาจจะมีระบบออกใบสั่งอัตโนมัติตามมาด้วย 555
เมื่อคืนผมนั่งคิดระหว่างทางกลับบ้านว่า ถ้าเราจะทำให้เป็นระบบอัตโนมัติแล้วจะทำได้ไหมยังไง สนุกดีเหมือนกันครับ แต่งบที่ใช้น่าจะมหาศาลอยู่ น่าจะเข้าข่ายละเมิดด้วย
ผมว่าออกใบสั่งอัตโนมัติได้นี่ ดีมากๆเลยน่ะครับ ออกแล้วส่งไปบ้านพร้อมระบุพิกัดที่เกิดเหตุการณ์ จากนั้นก็เอาใบสั่งไปโอนเงินตามATM ไม่ก็7-11
แต่จราจรบ้านเราคงไม่ยอมแน่ๆ
ข้อดีที่ทำให้ทางการต่อยอด หาเรื่องจับคนทำผิดกฏจราจรได้อีกเพียบ ไทยแลนด์คนไทยส่วนใหญ่ไม่ยอมหรอก
3 จังหวัดชายแดนใต้น่าติดตั้งนานแล้ว ทั้งรถยนต์ รถมอไซค์ ติดให้หมด คันไหนไม่ติดมีพิรุท น่าจะช่วยลดความเสียงคาร์บอมได้เยอะ แต่ไม่ทำ...แปลก
+1