MakerBot ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ 3 มิติชื่อดัง กำลังตกเป็นจำเลยโดนฟ้องร้องฐานจงใจส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีปัญหาการใช้งานให้แก่ลูกค้า

คำฟ้องในคดีนี้ซึ่งเป็นการร่วมฟ้องของกลุ่มลูกค้าหลายคน ระบุว่าทาง MakerBot จงใจส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพให้แก่ลูกค้า ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าชิ้นส่วนสำคัญอย่าง extruder ซึ่งทำหน้าที่หลอมละลายเส้นพลาสติกและฉีดมันออกมาเพื่อขึ้นรูปชิ้นงานตามคำสั่งพิมพ์นั้นมีปัญหาอุดตันอย่างรวดเร็วหลังผ่านการใช้งานไปเพียงไม่กี่ครั้ง (ผู้ใช้รายหนึ่งระบุว่าจากประสบการณ์ตรงของเขา ตัว extruder ของเครื่อง MakerBot นี้ใช้งานได้ไม่ถึง 10 ครั้งก็ตันแล้ว)

หลักฐานแนบคำฟ้องยังระบุอีกด้วยว่า MakerBot มีปัญหาเรื่องคุณภาพของหัว extruder และปัญหานั้นก็ส่งผลให้การผลิตหัว extruder นั้นทำแทบไม่ทันกับความต้องการเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่เป็นจำนวนมาก ถึงขนาดที่ว่าแม้แต่ฝ่ายประกันคุณภาพของ MakerBot เองยังประสบปัญหาในการหาหัว extruder มาทดสอบคุณภาพการผลิตได้อย่างครบถ้วน

หนำซ้ำยังมีรายงานว่า MakerBot ใช้วิธีหลบเลี่ยงการเผชิญหน้ากับกลุ่มลูกค้าในประเด็นนี้แทนที่จะออกมาแสดงความรับผิดชอบและหาทางแก้ไขปัญหาอย่างตรงไปตรงมา ตัวอย่างเช่น MakerBot ตัดสินใจปิดกลุ่มสนทนาใน Google Group เพราะไม่อยากเจอคำบ่นจากกลุ่มลูกค้า

ในขณะที่ฝ่ายบริหารของ MakerBot พยายามนำเสนอข้อมูลยอดขายที่พุ่งพรวดเพื่อดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุน ทว่าด้วยปัญหาด้านคุณภาพของเครื่องพิมพ์ ที่ทำให้จำนวนการส่งคืนสินค้าและการส่งซ่อมเพิ่มสูงขึ้นมาก ยังผลให้ในเวลาต่อมา MakerBot ต้องประสบปัญหาจนถึงขั้นปลดพนักงานออกไปถึง 1 ใน 5 และผู้ถือหุ้นบริษัทต้องสูญเสียเงินนับล้านดอลลาร์ จึงน่าเป็นห่วงว่าหาก MakerBot แพ้คดีนี้ด้วยแล้วจะส่งผลกระทบต่อบริษัทขนาดไหน

นี่คงเป็นกรณีตัวอย่างที่ดีว่าการซื่อสัตย์เลือกนำเสนอแต่สินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐานนั้น สำคัญอย่างไรต่อการดำเนินธุรกิจ

ที่มา - Engadget