Tags:
Node Thumbnail

ปัจจุบันการซื้อหาและฟังเพลงผ่านอินเตอร์เน็ตนั้นได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะบริการ music streaming ที่ทำให้เราฟังเพลงที่ต้องการในราคาแบบเหมาจ่ายรายเดือนที่ไม่แพงมากนัก แต่ก็ต้องแลกกับคุณภาพเสียงที่สูญเสียไปจากการบีบอัดข้อมูลระหว่างการสตรีมมิ่ง

พอดีผมได้รับโอกาสจากทาง Blognone ในการรีวิว TIDAL ซึ่งเป็นบริการ music streaming ที่ชูจุดขายเรื่องการบีบอัดข้อมูลแบบ lossless เพื่อคงคุณภาพเสียงจากต้นฉบับเอาไว้ครับ

TIDAL เป็นบริการ music streaming ของบริษัท Aspiro ประเทศสวีเดน เปิดตัวในปี 2014 ก่อนที่จะถูกซื้อในช่วงต้นปี 2015 โดยบริษัท Project Panther Bidco ของ Jay Z ศิลปินชื่อดังชาวอเมริกัน ซึ่งหลังจากการถูกซื้อ TIDAL ก็ได้กลับมาเปิดตัวใหม่อีกครั้ง พร้อมกับศิลปินพันธมิตรชื่อดังหลายคน ประกาศว่า TIDAL เป็นบริการ music streaming ที่ศิลปินเป็นเจ้าของโดยตรง รายได้จะไม่ผ่านผู้ให้บริการและเหล่าค่ายเพลงทั้งหลายเหมือนบริการอื่น ๆ

สำหรับผู้ใช้ทั่วไป จุดเด่นของ TIDAL นอกเหนือจากการสตรีมเพลงด้วยการบีบอัดแบบ Lossless แล้ว ยังมีมิวสิควิดีโอความละเอียดระดับ HD เพลง วิดีโอ ถ่ายทอดการแสดงสด บทความ playlist ที่สร้างโดยศิลปิน และเนื้อหาอื่น ๆ ซึ่งจะมีเฉพาะบน TIDAL เท่านั้น

alt="tidal-subscription"

รูปแบบสมาชิกของ TIDAL มีอยู่ 2 แบบ คือ TIDAL Premium ที่สตรีมเพลงที่บีบอัดแบบ lossy ราคาเดือนละ 179 บาท และ TIDAL HiFi ที่สตรีมเพลงที่บีบอัดในรูปแบบ lossless ราคาเดือนละ 358 บาท ซึ่งทาง Blognone ก็ได้รับสมาชิกแบบ TIDAL HiFi จาก TIDAL มาเพื่อทดลองการใช้งานครับ

alt="tidal-platforms-support"

บริการของ TIDAL รองรับการใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์ด้วย web player ผ่านเบราว์เซอร์ยอดนิยมทั้ง Firefox, Safari แต่ถ้าต้องการเล่นเพลงแบบ lossless ต้องใช้ Chrome เท่านั้น ส่วนอุปกรณ์พกพาจะมีแอพสำหรับระบบปฏิบัติการ iOS 7 ขึ้นไป และ Android 4.4.4 ขึ้นไปให้ นอกจากนี้ TIDAL ยังสามารถใช้งานกับ network player จากบริษัทเครื่องเสียงชั้นนำ ทั้ง SONOS, LINN, Meridian เป็นต้น

ในการใช้งาน TIDAL ผมได้ใช้ web player ผ่าน Chrome บนคอมพิวเตอร์ และลงแอพของ TIDAL บน Walkman ZX1 ซึ่งก็ทำผมแปลกใจว่าทำไมถึงลงได้ เพราะ Android ของมันแค่เวอร์ชัน 4.1 เท่านั้น

alt="tidal-web-player"

Web player บน Chrome

หน้าตาของ web player และแอพบนอุปกรณ์พกพานั้นอาจจะแตกต่างเพราะขนาดของหน้าจอกันไปบ้าง แต่การทำงานต่าง ๆ นั้นไม่แตกต่างกันเท่าไร การใช้งานจัดว่าง่าย ไม่ยุ่งยากเท่าไร

alt="tidal-android-app"alt="tidal-android-app-menu"

App บน Android

เพลงที่ทาง TIDAL ให้บริการ จะเป็นเพลงสากลจากค่าย Big Three คือ Sony Music, Universal Music และ Warner Music ซึ่งน่าจะครอบคลุมความต้องการของเหล่าคอเพลงสากล นอกจากนี้ยังมีเพลงภาษาอื่น ๆ อีก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ไทย ให้เลือกฟังกันอีกด้วย

alt="tidal-web-player-tidal-rising"

นอกจากนี้ยังมีเพลงจากศิลปินค่ายเล็ก ๆ และศิลปินอินดี้ให้เลือกฟังอีกมากมาย ซึ่งเพลงในกลุ่มหลัง ทาง TIDAL ก็มีเมนู TIDAL Rising และ TIDAL Discovery เพื่อแนะนำเพลงในกลุ่มนี้ให้ผู้ใช้ TIDAL ได้รู้จักด้วย

alt="tidal-web-player-artist"

หน้ารายละเอียดศิลปินจะมีข้อมูลทั้งเพลงที่ได้รับความนิยม อัลบั้มและซิงเกิ้ลของศิลปิน วิดีโอ ประวัติและลิงก์ไปยังเว็บของศิลปิน นอกจากนี้ยังมี Artist Radio เพื่อให้ TIDAL สุ่มเพลงที่น่าสนใจที่มีแนวคล้าย ๆ กับศิลปินที่เลือกได้

alt="tidal-android-app-audio-search"alt="tidal-android-app-audio-search-result"

บนแอพสำหรับอุปกรณ์พกพาจะมี Audio Search เพื่อค้นหาเพลงจากฐานข้อมูลของ Gracenote ด้วยเสียงเพลงที่เราฟัง คล้าย ๆ กับ TrackID หรือ Shazam

ส่วนระบบค้นหาทั่วไปของ TIDAL จากการที่ทดลองใช้งาน ยังติดปัญหาอยู่บ้าง คือมันยังไม่ฉลาดพอที่จะเดาสิ่งที่เราต้องการแต่พิมพ์ผิดได้ และบางครั้งถึงผลการค้นหาจะขึ้นมาว่าเจอศิลปินที่ต้องการ แต่เวลาเปิดจริง ๆ ก็ขึ้น not found แทน

alt="tidal-web-player-profile"

เมื่อเราเจอศิลปิน เพลง อัลบั้ม หรือ playlist ที่น่าสนใจ เราสามารถกด favorite เก็บเอาไว้ใน profile ของเราได้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ก็จะตามเราไปยังทุกที่ที่เราล็อกอิน Web player และแอพบนอุปกรณ์พกพาที่เราได้ sign in ไว้

alt="tidal-web-player-playlist"

ส่วนของการเล่นเพลงก็สามารถทำได้เหมือนโปรแกรมเล่นเพลงทั่ว ๆ ไป มีส่วนจัดคิวเพลงที่จะเล่น (Play queue) ซึ่งเมื่อเราเลือกเพลง เพลงที่เลือกก็จะมาต่ออยู่ในคิวนี้ ต่อกันไปเรื่อย ๆ หากเราชอบเพลงที่อยู่ในคิวก็กดบันทึกเป็น playlist เก็บเอาไว้ได้

alt="tidal-android-app-player" alt="tidal-android-app-player-menu"

สำหรับแอพของบน Android สามารถควบคุมการเล่นเพลงผ่านหน้าจอ Lock screen ได้ และหากอุปกรณ์ของเรามีปุ่มควบคุมการเล่นเพลง เช่น ปุ่มควบคุมบน Walkman ก็สามารถใช้ปุ่มเหล่านี้ควบคุมแอพได้ด้วย

alt="tidal-android-app-playlist-offline" alt="tidal-android-app-offline-download"

ความพิเศษของการใช้งาน TIDAL บนอุปกรณ์พกพา คือความสามารถในการโหลดเพลงที่ต้องการเล่นเก็บไว้บนอุปกรณ์ แล้วเปิดฟังแบบ offline ได้ ซึ่งวิธีการทำก็แสนง่ายได้ เพียงเข้าไปดูอัลบั้มหรือ playlist ที่ต้องการ แล้วเลื่อนสวิตช์ offline เท่านั้น ตัวแอพจะทำการดาวน์โหลดเพลงลงมาในอุปกรณ์ตามคุณภาพที่เราตั้งค่าไว้ เมื่อโหลดเสร็จแล้ว เราก็สามารถเข้ามาในเมนู Offline content เพื่อเล่นเพลงที่โหลดมาได้

บัญชี TIDAL 1 บัญชี จะสามารถใช้งาน Offline content ได้บนอุปกรณ์สูงสุด 3 เครื่อง และใช้งานแบบ online ได้สูงสุด 1 เครื่องพร้อมกันครับ

alt="tidal-web-player-settings"

ในส่วนของการตั้งค่า web player นอกจากเรื่องการจัดการบัญชีผู้ใช้ การเชื่อมต่อกับ Facebook และ Last.fm ยังมีการตั้งค่าคุณภาพของการสตรีมเพลง ซึ่งเราสามารถเลือกคุณภาพการบีบอัดได้ 3 ระดับ คือ

  • Normal เข้ารหัสสัญญาณเสียงแบบ AAC+ (ชื่อตามมาตรฐาน HE-AAC) ที่ bit rate 96 kbps
  • High เข้ารหัสสัญญาณเสียงแบบ AAC ที่ bit rate 320 kbps
  • HiFi เข้ารหัสสัญญาณเสียงแบบ FLAC ที่ bit rate 1411 kbps

ความละเอียดของสัญญาณเสียงของ TIDAL อยู่ที่ 16-bit 44.1 kHz ซึ่งเทียบเท่ามาตรฐาน Audio CD

alt="tidal-web-player-hifi-indicator"

เมื่อเราเลือกคุณภาพการบีบอัดแบบ HiFi ในหน้าจอ player โลโก้ HiFi จะสว่างขึ้นมา อย่างไรก็ตามยังมีเพลงบางส่วนที่ไม่สามารถเลือกคุณภาพ HiFi ได้ เราก็จะฟังได้แค่คุณภาพระดับ High หรือต่ำกว่าครับ

alt="tidal-android-app-settings"

ส่วนการตั้งค่าของแอพบนอุปกรณ์พกพา จะเพิ่มเติมในส่วนของการตั้งค่าการโหลดเพลงแบบ offline และสามารถตั้งค่าคุณภาพของการสตรีมเพลงและการโหลดเพลงแบบ offline แยกจากกันได้ นอกจากนี้ยังสามารถให้แอพกำหนดคุณภาพเองตามความเร็วของการเชื่อมต่อได้อีกด้วย

สำหรับข้อแตกต่างสำหรับ codec ทั้ง 3 ตัว คือ AAC+ และ AAC จะเป็นการเข้ารหัสเสียงแบบ lossy คือ ระหว่างการเข้ารหัสจะมีการตัดทอนข้อมูลบางส่วนที่ไม่สำคัญออกไป เช่น ช่วงความถี่เสียงที่มนุษย์ไม่สามารถได้ยิน และเมื่อนำสัญญาณที่เข้ารหัสมาเล่นกลับ ก็จะไม่สามารถนำข้อมูลที่โดนตัดทอนไปคืนมาได้

alt="sbr-codec"

ผังอธิบายการเข้ารหัสด้วยเทคโนโลยี SBR ที่มา: Coding Technologies

AAC+ จะแตกต่างจาก AAC คือใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Spectral band replication (SBR) มาเพิ่มประสิทธิภาพการเข้ารหัส โดยการให้เข้ารหัสเฉพาะช่วงความถี่ต่ำและความถี่กลาง ส่วนช่วงความถี่สูงจะให้ตัวถอดรหัสสร้างขึ้นมาใหม่ โดยการยกระดับฮาร์โมนิคจากช่วงความถี่ต่ำและกลางร่วมกับข้อมูลอื่น ๆ  ที่ใส่มาในสัญญาณ ทำให้คงคุณภาพเสียงที่ bit rate น้อย ๆ ได้

ส่วน FLAC นั้นจะเป็นการเข้ารหัสเสียงแบบ lossless คือระหว่างการเข้ารหัส จะไม่มีการตัดทอนข้อมูลใด ๆ ออกไป และสามารถนำข้อมูลต้นฉบับกลับมาเมื่อนำสัญญาณมาเล่นกลับได้

เมื่อเทียบความแตกต่างของเพลงที่คุณภาพทั้ง 3 ระดับแล้ว ตัว AAC+ นั้นให้เสียงที่อุดอู้ไม่ชัดเจน ความดังของเสียงค่อนข้างเบา คุณภาพเสียงโดยรวมทำได้พอ ๆ กับเสียงในวิดีโอของ Youtube ในขณะที่ AAC นั้นให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่า AAC+ แบบเห็นได้ชัด ส่วน FLAC นั้น ถ้าเทียบกับ AAC แล้ว ค่อนข้างแยกความแตกต่างได้ยาก เพราะตัว AAC ของ TIDAL เอง ก็เข้ารหัสที่ bit rate สูงกว่า AAC ที่ไว้เข้ารหัสเพลงที่ขายใน iTunes Store เสียอีก

นอกจากนี้การเลือกคุณภาพแบบ FLAC นั้นต้องการความเร็วอินเตอร์เน็ตที่มากและเสถียรพอสมควร ถึงจะเล่นได้อย่างไม่กระตุก ซึ่งอย่างบ้านของผมใช้อินเตอร์เน็ตความเร็ว 20 Mbps ก็ยังมีกระตุกบ้างเป็นบางครั้ง และตอนเริ่มเล่นเพลงแรกทุกครั้ง ตัว player จะใช้เวลา buffer ข้อมูลนานพอสมควรถึงจะเริ่มเล่นได้ จากนั้นเพลงต่อมาในคิวก็จะถูกตัว player แอบโหลดมาเก็บไว้ล่วงหน้าก่อน แต่ถ้าเรามีการกดข้ามเพลงในคิว ก็ต้องรอ buffer ใหม่อีกครั้ง

อย่างไรก็ตามถ้าอินเตอร์เน็ตที่ใช้งานมีความเร็วไม่มากนักหรือมีความเสถียรต่ำ เช่น ต้องแชร์ความเร็วร่วมกับคนอื่น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเล่นเพลงด้วยคุณภาพ FLAC โดยไม่กระตุกหรือใช้เวลา buffer ไม่นาน ทำให้ต้องลดคุณภาพลงมาเพียง AAC หรือ AAC+ เพื่อให้สามารถเล่นเพลงได้อย่างต่อเนื่องแทน

Conclusion

จากการใช้บริการ TIDAL มาสักพักใหญ่ สิ่งที่ผมประทับใจอย่างแรกคือการมีคลังเพลงขนาดใหญ่ ที่เราอยากจะฟังเพลงไหนก็กดค้นหาศิลปินที่ต้องการ แล้วเลือกเพลงมาฟังได้เลย ซึ่งถ้าใครเป็นคอเพลงสากลยอดนิยม ก็น่าจะหาเพลงยอดนิยมในระบบมาฟังไม่ยากนัก รวมทั้งการเล่นเพลงแบบ offline บนอุปกรณ์พกพา ที่ช่วยให้เราสามารถฟังเพลงบน TIDAL ในสถานที่ที่การเชื่อมต่อไม่อำนวย หรือต้องการประหยัดโควต้าการใช้งานอินเตอร์เน็ตได้

ส่วนจุดขายของ TIDAL ในเรื่องของคุณภาพเสียง จริง ๆ แค่คุณภาพระดับ High ก็เพียงพอต่อการฟังแบบทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าใครมีชุดเครื่องเสียงที่มีประสิทธิภาพ ก็น่าจะได้ประโยชน์จากเพลงในคุณภาพแบบ HiFi ซึ่งนอกเหนือจากการใช้การเข้ารหัสที่เหนือกว่าผู้ให้บริการเจ้าอื่นแล้ว TIDAL เองน่าจะได้ต้นฉบับที่มีคุณภาพเพียงพอจากทางค่ายเพลง ในการนำมาเข้ารหัสในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้บริการอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม TIDAL เองก็ยังมีคู่แข่งที่น่ากลัวอยู่อีกมาก ในกลุ่มผู้ฟังทั่วไป ก็มีบริการ Music streaming เจ้าอื่น ๆ ที่ตอนนี้ก็มีบางเจ้าเริ่มให้บริการเพลงแบบ lossless แล้ว เช่น Deezer Elite ในส่วนกลุ่มนักฟังเพลงจริงจัง ก็ต้องไปสู้กับร้านค้าที่ขายเพลงความละเอียดสูง ซึ่งถึงแม้ว่าราคาต่อเพลงจะค่อนข้างสูง แต่ลูกค้ากลุ่มนี้ก็ยังยินดีที่จะจ่ายเพื่อแลกกับคุณภาพอยู่ ถึงแม้ว่า TIDAL เองจะได้ตกลงกับ Meridian ในการนำการเข้ารหัสสำหรับเสียงความละเอียดสูงอย่าง MQA เพื่อเตรียมนำมาให้บริการสตรีมเพลงในรูปแบบความละเอียดสูงเหมือนกัน แต่นั้นก็เป็นเรื่องของอนาคต

ผมคิดว่าตัวบริการ TIDAL โดยเฉพาะสมาชิกแบบ HiFi เองน่าจะเหมาะสำหรับคนที่ต้องซื้อซีดีเพลงสากลทุก ๆ เดือน ซึ่งถ้าเปลี่ยนจากการซื้อแผ่น มาเป็นการสมัครสมาชิก TIDAL HiFi ก็จะสามารถเข้าถึงเพลงคุณภาพระดับเดียวกับในแผ่นซีดีได้มากกว่า การซื้อแผ่นเพลงเสียอีก ถ้าใครมีลักษณะการฟังเพลงแบบนี้ TIDAL เองก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจครับ

ขอขอบคุณ TIDAL ที่ได้มอบสมาชิกเพื่อทดลองใช้ และทีมงาน Blognone ที่ให้โอกาสได้รีวิวด้วยครับ

Get latest news from Blognone

Comments

By: darthvader
Windows PhoneWindows
on 6 May 2015 - 10:31 #811090
darthvader's picture

รีวิวดีมากๆเลยครับ ได้ความรู้เพิ่มเติมเยอะเลย ขอบคุณครับ

By: twometre
WriterAndroidWindows
on 6 May 2015 - 13:52 #811123
twometre's picture

ขอบคุณครับ :-)

เท่าที่ลองใช้มา (ตัวพรีเมี่ยม 179.-) เพลงต่างประเทศค่อนข้างไวและครบถ้วนดีมากครับ ถ้าแนวโน้มแบบนี้ต่อไปก็ไม่ต้องหาฮาร์ดดิสก์ลูกใหญ่ๆ มานั่งจัดไลบรารีเอง (ในกรณีโหลดเถื่อนแล้วต้องการจัดหน้าปก-ชื่อเพลงให้เป็นระเบียบ)และเป็นมิตรกับเครื่องที่ใช้ SSD ลูกน้อยๆ ด้วย

พอจะทราบจากวงในบ้างไหมครับว่าจะมีแอพบนวินโดวส์และแมคไหม?

By: Sephanov
iPhoneUbuntu
on 6 May 2015 - 13:56 #811125
Sephanov's picture

ใช้อยู่เลยครับ ผมชอบฟัง content ที่หายากๆ ซึ่งในนี้ก็มีพอดี

By: nzangel
Windows PhoneAndroidUbuntu
on 6 May 2015 - 14:27 #811136

จัดแล้วเหมือนกัน

ให้ดี ต่อ DAC เลยครับ เสียงแทบไม่ต่างจากแผ่น cd แล้ว

By: panurat2000
ContributorSymbianUbuntuIn Love
on 6 May 2015 - 14:54 #811140
panurat2000's picture

อินเตอร์เน็ต => อินเทอร์เน็ต

ผ่านบราวเซอร์ยอดนิยมทั้ง Firefox, Safari

บราวเซอร์ => เบราว์เซอร์

ของมันแค่เวอร์ชั่น 4.1 เท่านั้น

เวอร์ชั่น => เวอร์ชัน

ประวัติและลิ้งก์ไปยังเว็บของศิลปิน

ลิ้งก์ => ลิงก์

ด้วยเสียงเพลงที่เราเราฟัง

เราเรา => เรา

มันยังไม่ฉลาดพอที่เดาสิ่งที่เราต้องการ

พอที่เดา => พอที่จะเดา

ตัวแอพจะทำการดาวน์โหลดเพลงคงมาในอุปกรณ์

คงมา ?

ก็ยังมีกระตุกบางเป็นบางครั้ง

กระตุกบาง => กระตุกบ้าง

ในสถานที่การเชื่อมต่อไม่อำนวย

ในสถานที่ => ในสถานที่ที่

By: at1987
ContributorAndroidWindows
on 6 May 2015 - 15:04 #811146 Reply to:811140
at1987's picture
By: toandthen
WriterMEconomics
on 6 May 2015 - 17:01 #811174
toandthen's picture

content หายากครบหมดเลยครับ สุดยอดมาก ปรกติฟังเพลงซีกยุโรปเยอะ พอสมัคร Spotify US มักจะขาดหายไปเยอะ

เลิก Spotify อย่างง่ายๆเลยครับ ไม่ต้องคิดเลย ถูกมาก


@TonsTweetings

By: intersballar
AndroidWindows
on 6 May 2015 - 19:33 #811188
intersballar's picture

ตอนนี้ทราบแล้วครับ

By: mrKaqz
ContributorAndroidBlackberry
on 6 May 2015 - 19:29 #811189

สำหรับคนที่ยังไม่แน่ใจว่า เครื่องเสียงหรืออุปกรณ์การฟังเพลงที่ตัวเองใช้งานอยู่ มันจะแยกความแตกต่างระหว่าง ACC กับ FLAC ออกไหม เค้ามีให้ทดลองครับที่ http://test.tidalhifi.com/ แล้วลองทายดู่วาทายถูกไหม ถ้าทายถูกเยอะก็ควรค่าแก่การสมัคร Hifi Package ครับ

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 7 May 2015 - 05:42 #811240 Reply to:811189
hisoft's picture

จากห้าเพลง ฟังยังไงก็แยกไม่ออกเพลงนึง ที่เหลือแยกออกแต่ไม่รู้ว่าที่ต่างกันนี่อันไหนมันเสียงดีกว่ากัน ได้ 3/5 มาครับ orz

By: nrml
ContributorIn Love
on 7 May 2015 - 14:08 #811298 Reply to:811189
nrml's picture

รู้สึกโชคดีจัง ผมฟังแล้วแยกแทบไม่ออกเลย

By: nessuchan
iPhoneAndroidWindows
on 7 May 2015 - 17:57 #811318 Reply to:811189
nessuchan's picture

หูฟังตัวละ 100 กว่าบาท ได้ 3/5 - -
แต่คือถ้าไม่มานั่งฟังแบบจับผิดจริง ๆ นี่แทบจะเหมือนกันเลย

ACC ก็พอแล้วสำหรับหูฟังผม - -

By: aunnop
iPhoneWindows PhoneAndroidSUSE
on 7 May 2015 - 18:10 #811322 Reply to:811189

ใช้หูฟังฟรี แยกไม่ออกเลยจ้า 555

By: 100dej
AndroidWindows
on 8 May 2015 - 09:42 #811417 Reply to:811189

จะแยกเสียงอุปกรณ์ก็ต้องดีด้วยนะครับ ถึงจะเห็นความแตกต่าง

By: 077023
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 8 May 2015 - 16:06 #811515 Reply to:811189
077023's picture

ได้ 4/5 แค่ฟังแล้วมีแค่บางเพลงที่ต่างกันจนเห็นได้ชัด

น่าจะเป็นที่คอมด้วยละมั้ง


もういい

By: angel13th
Android
on 8 May 2015 - 20:40 #811576 Reply to:811189
angel13th's picture

...ผมเทสแล้วได้ 0/5

แต่ลองเลือกฟัง aac กับ flac มันต่างกันชัดเจนเลยนะ

By: TeamKiller
ContributoriPhone
on 8 May 2015 - 21:06 #811581 Reply to:811189
TeamKiller's picture

แยกไม่ออก ตอบมั่วได้ 4/5 งงเลย

By: warit94
AndroidWindows
on 9 May 2015 - 06:44 #811588 Reply to:811189
warit94's picture

น่าจะเพราะมี SBR บวกกับ lossy ของมัน 320+ kbps ใครฟังออกนี้ขอคารวะ
https://www.dropbox.com/s/vd8hba7x7o95faj/tidal.png

By: jack8855
iPhoneAndroidRed HatSymbian
on 9 May 2015 - 20:26 #811692 Reply to:811189
jack8855's picture

จะดีใจหรือเสียใจดี ผมแยกได้ทุกเพลงเลย หูทองหรือหูฟังมันดี?

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 10 May 2015 - 02:56 #811754 Reply to:811692
hisoft's picture

ทุกอย่างต้องดีหมดครับ หูคน หูฟัง การ์ดเสียง

By: viroth
ContributorBlackberryIn Love
on 10 May 2015 - 11:32 #811801 Reply to:811189
viroth's picture

3/5 หูรากหญ้าจริง ๆ

By: mr_tawan
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 6 May 2015 - 20:30 #811195
mr_tawan's picture

น่าสนใจตรงมีเพลงจากหลาย ๆ ประเทศ ผมฟังเพลงญี่ปุ่นเป็นหลักเลย หาสตรีมมิ่งค่อนข้างยาก พอเห็น L'Arc ก็เออ น่าสนใจนะ


  • 9tawan.net บล็อกส่วนตัวฮับ
By: 3dpro
AndroidBlackberry
on 6 May 2015 - 21:35 #811210

ส่วนตัวผมใช้ Spotify US เป็นหลัก พวก Starred ที่เก็บไว้เยอะมาก ผมเลยติดอยู่กับที่ย้ายไปลำบากเลย แล้วศิลปินวงโปรดผมหลายวงก็มีอัลบั้มไม่ครบด้วย เลยยังต้องอยู่กับ Spotify ต่อไป

แนะนำสำหรับคนที่จะย้าย playlist ไปบริการ streaming เจ้าอื่นๆ สามารถย้ายผ่านเว็บ soundiiz.com ได้ครับผม เจอตอน TIDAL ส่งข้อมูลมาแนะนำ

By: SuphanutJui
iPhoneAndroidWindows
on 6 May 2015 - 23:12 #811226

อยากสอบถามผู้ที่ใช้อยู่ว่ามีเพลงประเภท Anisong เยอะไหมครับ

ตอนนี้ผมฟังของ Sawano Hiroyuki หลักๆเลย

By: animateex
iPhoneAndroidUbuntuWindows
on 7 May 2015 - 01:10 #811231 Reply to:811226
animateex's picture

น้อยจนเรียกว่าไม่มีเลยดีกว่าครับ

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 7 May 2015 - 14:39 #811301 Reply to:811226

อยากทราบเหมือนกันว่ามีstreaming เจ้าไหนที่มีเพลงญี่ปุ่นเยอะๆ ตอนนี้ใช้kkbox ก็มีน้อยมาก

By: Wasipo
iPhoneAndroidWindowsIn Love
on 7 May 2015 - 16:38 #811307 Reply to:811301
Wasipo's picture

Music Unlimited ที่ปิดไปแล้ว (หรือยัง?) น่าจะมีเพลงญี่ปุ่นเยอะสุด ถ้าสมัครที่ญี่ปุ่นนะครับ

By: bboyearth
AndroidWindows
on 7 May 2015 - 01:13 #811232

ส่วนตัวใช้ Spotify us อยู่ ดีอย่างเสียอย่างครับ

Spotify - เพลงไวรอล edm เยอะกว่ามาก
Tidal - เสียงดี เพลงญี่ปุ่นเยอะกว่า

ใช้สลับกันไปครับ แทนกันไม่ได้ = =

By: Bluetus
iPhone
on 7 May 2015 - 06:01 #811242
Bluetus's picture

อ่านแล้วนึกถึง Pied Piper ใน Silicon Valley เบาๆ ฮ่าๆ #ติดซีรีย์

By: varnfake on 7 May 2015 - 12:04 #811280

ถ้าอยากสมัคร แนะนำให้สมัครผ่านหน้าเว็บนะครับ อย่าสมัครผ่าน ios เพราะราคาจะแพงกว่าเยอะเลย
เพราะ apple ชาร์จค่าบริการของตัวเองเข้าไปอีก 30% -"-

ใช้วิธีสมัครผ่านหน้าเว็บแล้วค่อยมา log in ใน app ดีกว่าครับ

By: 4timonly
iPhoneWindows PhoneWindows
on 8 May 2015 - 04:59 #811386

สมัครที่ออสดันแพงกว่าที่ไทยซะงั้น รอกลับไทยละกัน

By: alph501
iPhoneWindowsIn Love
on 8 May 2015 - 09:32 #811413
alph501's picture

สตีมช้ามากๆๆๆ อึดอัด จริงๆคือเปิดเพลงแบ่งบันกับที่ทำงาน แต่ กระตุกจนมีคนบอกว่า ปิดเหอะ

/เสียใจ

By: 100dej
AndroidWindows
on 8 May 2015 - 09:41 #811416

สมัครแล้ว มี Trial Free 30 วันซะด้วย

เล่น Wifi TOT Fiber 15Mb ก็ ok นะ ลื่นไม่มีสะดุด เสียงก็ Ok เลย

แต่เสียอย่างเดียว cast เข้า chrome cast เพื่อเล่นด้วย receiver ไม่ได้

By: chunbogbog
Android
on 8 May 2015 - 12:56 #811467

ตกลงเทียบกับ Spotify กับ Deezer นี่เป็นยังไงครับ

By: Super_Ball
iPhone
on 8 May 2015 - 14:08 #811481

เพลงที่เราโหลดใส่มือถือไว้ฟัง Offline นี่เราสามารถเอาไฟล์ออกมาไว้ไปเล่นกับ Player อื่นได้รึเปล่าครับ

By: jungkung6
AndroidBlackberrySymbianUbuntu
on 8 May 2015 - 16:24 #811522 Reply to:811481
jungkung6's picture

ไม่ได้ครับ

By: worawee.b
ContributorAndroid
on 9 May 2015 - 20:54 #811696

ผมใช้กับ Linn DS Player ใช้ได้ง่ายเลยครับ integrate เข้าไปกับ controller เลย แต่ก็เหมือนกันคือ buffer ค่อนข้างนานตอนแรก
No Description


ช่อง Youtube ของผมครับ รีวิวและชวนคุยนู่นนี่

By: Virusfowl
ContributorAndroidSymbianWindows
on 11 May 2015 - 15:55 #811989
  • อินเตอร์เน็ต => อินเทอร์เน็ต
  • แล้วเปิดฟังแบบ offline ได้ ซึ่งวิธีการทำก็แสนง่ายได้ //ง่ายได้ => ง่ายดาย

@ Virusfowl

I'm not a dev. not yet a user.