Tags:
Node Thumbnail

ธนาคารหลักของสิงคโปร์ ได้แก่ DBS, OCBC, และ UOB ประกาศบริการล็อกเงินใบบัญชี เพื่อลดความเสี่ยงที่ลูกค้าจะถูกหลอกลวงรูปแบบต่างๆ รวมถึงการถูกหลอกให้ติดตั้งแอปดูดเงิน โดยแนวทางคล้ายกันคือลูกค้าจะกันเงินบางส่วนให้ถอนได้จากที่สาขาเท่านั้น ไม่สามารถใช้แอปได้

DBS ให้บริการในชื่อ digiVault สามารถใช้ได้กับบัญชีฝากประจำส่วนบุคคลเท่านั้น ลูกค้าสามารถสั่งล็อกบัญชีจากในแอปได้เอง แต่หลังจากล็อกไปแล้วไม่สามารถปลดล็อกจากในแอปได้อีกต่อไป ต้องไปถอนเงินที่สาขาเท่านั้น ความพิเศษคือ DBS ให้ดอกเบี้ยกับบัญชี digiVault เพิ่มเติมด้วย

UOB เปิดบัญชีประเภทใหม่ ในชื่อ LockAway สามารถเปิดบัญชีได้จากในแอปได้ โดยบัญชีนี้ไม่สามารถผูกบัตรเดบิต หรือถอนเงินออนไลน์ แต่ลูกค้ายังตรวจสอบรายการฝากถอนได้จากในแอปอยู่

OCBC เปิดบริการ Money Lock ความพิเศษคือบริการนี้ไม่ได้แยกบัญชีจากบัญชีเดิม แต่อาศัยการตั้งค่าในบัญชีเดิมว่าต้องการล็อกเงินไว้เท่าไหร่ และเมื่อล็อกไปแล้วจะไม่สามารถถอนเงินให้ต่ำกว่าค่าที่ล็อกไว้ได้ แต่บริการนี้ยังเปิดให้ปลดล็อกผ่านทางตู้ ATM หรือสาขาได้ ข้อดีของการรวมบัญชีคือหากธนาคารมีโปรโมชั่นเช่น ดอกเบี้ยโบนัสเมื่อคงเงินไว้ในบัญชี ลูกค้าก็ยังคงได้สิทธิต่างๆ เช่นเดิมเพราะเงินอยู่ในบัญชีเดิม

ที่มา - Today Online

No Description

ภาพโปรโมทบริการ digiVault ของ DBS

Get latest news from Blognone

Comments

By: zda98
Windows Phone
on 1 December 2023 - 18:41 #1300388

สูงสุดคืนสู่สามัญ

By: cittavuddho
iPhoneAndroidRed HatUbuntu
on 2 December 2023 - 04:15 #1300411
cittavuddho's picture

ปกติคนที่ใช้เงินดิจิตอลสามารถไว้ใจระบบได้ขนานนั้นเลยหรือ ต่อให้ไม่มีแอปดูดเงินความผิดพลาดส่วนบุคคลก็อันตรายทำให้หมดตัวได้ ก่อนที่การจารกรรมด้วยแอปพวกนี้จะเป็นที่นิยม โดยทั่วไปไม่ควรเก็บเงินสดไว้ในบัญชีเงินพร้อมจ่าย t+0 เกิน 3 เดือนของวงเงินรายจ่าย เงินที่อยู่เหนือ 3 เดือนของวงเงินรายจ่ายควรอยู่ในระบบ t+1
คือเบิกวันนี้ได้รับพรุ่งนี้ เงินสำหรับ 12 เดือนข้างหน้าควรจะเป็น t+2 เงินสำหรับ 7 ปีข้างหน้าควรจะเป็น t+3 ส่วนเงินที่อยู่เหนือระยะ 7 ปีถือว่าเป็นเงินเกษียร ควรอยู่ในระบบที่เราจะถอนได้ก็ตอนอายุ 60

หากมีการลงทุนแบบนี้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา เรารู้แล้วว่าเงินเราจะมีผลตอบแทนก็ไม่น่าจะโลภอยากได้เกินไป ส่วนเงินค่าปรับใดก็ให้ศาลไปออกคำสั่งกับธนาคารเอง

By: N Pack on 2 December 2023 - 11:52 #1300428
N Pack's picture

ผมว่าน่าจะเพิ่มขั้นตอนในการโอนให้ใส่
PIN สแกนลายนิ้วมือ สแกนหน้า แล้วก็ OTP ทั้งสี่ขั้นตอนพร้อสกัน
ยุ่งยากหน่อยแต่ น่าจะปลอดภัยขึ้นมานิดหนึ่ง

By: meejaa on 3 December 2023 - 14:14 #1300497 Reply to:1300428

ความปลอดภัยที่ดีมาก ๆ มักจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบเวลาที่เกิดความเสียหายที่น้อยลง เพราะ ธ. จะอ้างว่า ระบบเขามีความปลอดภัยที่ สูงงงงงงงงงงง แค่ไหนก้อไปถุงงงงงงงง ไม่มีคำว่าสูงงงงงงงงงง วัดได้หากใจถถุงงงงงง

ฉะนั้น ระบบความปลอดภัยปกติ แต่มีความรับผิดชอบ ต่อความเสียหาย จะดีกว่า และ 80% การที่เงินหาย มาจาก user error เอง

By: Bigkung
iPhoneWindows Phone
on 3 December 2023 - 14:29 #1300499 Reply to:1300428
Bigkung's picture

มิจฉาจีบก็หลอกให้ทำครบอยู่ดีนี่ครับ ไม่รอดหรอก ถ้าจะโดนหลอกไปแล้ว ก็ทำตามเข้าหมด ไม่อ่านคำเตือนด้วย

By: tom789
Windows Phone
on 2 December 2023 - 12:37 #1300432

ก็ดีนะ แต่แลกมากับความไม่สะดวก แทน

By: sp on 3 December 2023 - 07:56 #1300473

แล้วจะมีระบบไว้ทำไม เช็คเงินในบัญชีเฉย ๆ ?

By: Bigkung
iPhoneWindows Phone
on 3 December 2023 - 14:27 #1300498 Reply to:1300473
Bigkung's picture

ที่โดนกันส่วนมาก user error กันทั้งนั้นครับเขาป้องกันให้ตายก็กันไม่อยู่หรอก ระบบนี้สำหรับกลุ่มคนที่มัานใจว่าตัวเองโดนหลอกแน่นอนครับ ที่ต้องใช้บริการ จริงๆก็กลุ่มคนสูงอายุนั่นล่ะเพราะเขาส่วนมากก็ไปใช้เป็นแต่เงินสดอยู่แล้วถ้า 65 ปีขึ้นไปนี่หายากที่จะเจอคนสแกนจ่าย หรือโอนผ่าน App

By: Alysium on 3 December 2023 - 19:09 #1300504

คล้ายๆที่เคยเสนอไปคือให้หน่วงเวลาในการโอน แก้ได้ที่ธนาคารเท่านั้น