Tags:
Node Thumbnail

นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ดีของเมืองที่กำลังจะปรับเข้าสู่การใช้มาตรฐานเปิด และ Opensource เต็มตัว ขณะนี้ Mannheim เมืองหนึ่งในเยอรมันได้เริ่มขยับตัวเปลี่ยนเครื่องเซอร์เวอร์ 120 เครื่องไปสู่ระบบปฏิบัติการที่เป็นโอเพ่นซอร์สแล้ว แผนต่อไปของพวกเค้าคือการเปลี่ยนเครื่องเดสก์ทอปที่มีอยู่ 3500 เครื่อง ไปใช้แอพลิเคชั่น OpenOffice.org บนลีนุกซ์

ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการโยกย้ายครั้งนี้ คือเรื่องการยอมรับจากผู้ใช้ซอฟต์แวร์ เพราะฉะนั้นแผนก IT ของเมือง Mannheim จึงได้จัดเตรียมชุดของ OpenOffice และ Linux ให้พนักงานของตนเอาไปใช้ที่บ้าน พร้อมระบบซัพพอรต์สำหรับการใช้ที่บ้านให้ด้วย

และจากการตรวจสอบเอกสารทั้งหมดในเมืองนี้พบว่า มีเพียงเอกสารแค่บางส่วน (10-20%) ที่ไม่สามารถจะเปลี่ยนไปใช้ OpenOffice ได้โดยอัตโนมัติ ถึงแม้ว่าแผนการใช้ OpenOffice นั้นยังคงต้องรอเวลาต่อไปเพื่อให้ครอบคลุมทั้งเมือง แต่ขณะนี้เมือง Mannheim ก็ใช้อย่างน้อยหนึ่ง Opensource โปรแกรมมาตลอดนั่นคือ FireFox ซึ่งถูกใช้ตั้งแต่เวอร์ชั่น 0.8 เรื่อยมาเนื่องจากปัญหาด้านความปลอดภัยใน IE

ถึงแม้ว่ายังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าลีนุกซ์ของค่ายใดจะถูกเลือกใช้สำหรับเครื่องเดสก์ทอป แต่มีการคาดการณ์ว่าน่าจะเป็น Ubuntu ที่หัวหน้าแผนก IT เป็นแฟนพันธ์แท้อยู่

เมื่อไหร่เมืองไทยของเราจะคิดได้อย่างเค้าบ้างเนี้ยะ... 

ที่มา - news.com 

Get latest news from Blognone

Comments

By: wiennat
Writer
on 11 December 2005 - 18:16 #2549

พอดีว่าท่านนายกเค้าเป็นซี้กับ MS นี่ครับ


onedd.net

By: Anonymous on 11 December 2005 - 20:26 #2550

ถ้ามีทำ 1 ประัเทศเดี่ยวก็ทำทุกประเทศ ^^

By: ที่รัก on 12 December 2005 - 01:11 #2554

ทำที่ไทยคงอยากอะค่ะ เพราะส่วนหนึ่งนิสัยคนไทย ไม่ค่อยยอมรับ หรือยอมปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงมากๆ

By: Anonymous on 12 December 2005 - 07:57 #2562

บริษัทที่ชอบใช้ Mac กับ Adobe คงเปลี่ยนยาก ทำไมนะ ทั้งที่ Gimp ก็ดีพอๆกับ Photoshop แล้ว ส่วนผู้ใช้ตามบ้านไม่เสี่ยงถูกจับก็ใช้ Windows กับ software เถื่อนต่อไป

By: พี่จอย on 12 December 2005 - 17:23 #2566

เมืองในเยอรมันมันเล็กนิดเดียว ขนาดเมืองใหญ่ที่สุดอย่างแบลิน ยังมีประชากรแค่ประมาณไม่ถึงสี่ล้าน นอกจากนั้นยังมีระบบการปกครองแบบท้องถิ่นที่เข้มแข็ง การปรับเปลี่ยนอะไรมันจึงทำได้ง่าย

นี่ลองไปเปลี่ยน ปารีส หรือ ลอนดอน ดูสิ มันยากกว่าหลายร้อยเท่า