เมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา หนึ่งในทีมพัฒนา Chrome ส่งแพตช์เปลี่ยนโค้ดที่ระบุรายชื่อต้องห้ามจากคำว่า blacklist เป็นคำว่า blocklist สอดรับกับสถานการณ์การประท้วง #Blacklivesmatter ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา
แนวทางในลักษณะเดียวกันเคยปรากฏเมื่อปี 2018 โดย Google ได้ออกมาตรฐานการเขียนโค้ดที่ไม่เลือกปฎิบัติต่อคนบางกลุ่ม ระบุแนวทางการใช้คำว่า "blocklist" และ "allowlist" แทนคำว่า "blacklist" และ "whitelist" อย่างไรก็ตามกระบวนการแก้ไขยังเป็นไปโดยไม่เร่งด่วนนัก ยังมีโค้ดภายในกว่า 2000 จุดที่ยังปรากฏคำว่า blacklist โดยเฉพาะโค้ด components/blacklist ทางทีมพัฒนาจึงแทนที่โค้ดภายในดังกล่าวด้วยโค้ด components/blocklist โดยการเปลี่ยนโค้ดในครั้งนี้ไม่น่าส่งผลกระทบต่อตัวเบราว์เซอร์แต่อย่างใด เพราะเปลี่ยนเพียงตัวอักษรเดียวเท่านั้น
กระบวนการพัฒนาของ Google Chrome จะต้องรออีกหลายเดือนจนกว่าโค้ดนี้จะไหลเข้ามาตาม Channel ต่างๆ ของเบราว์เซอร์ จนถึงจุดที่โค้ดทั้งหมดเลิกใช้คำว่า blacklist จริงๆ
Google แสดงจุดยืนเพื่อสนับสนุน #Blacklivesmatter อย่างชัดเจนมาโดยตลอด โดยก่อนหน้านี้ Google ได้บริจาคเงินกว่า 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 370 ล้านบาท) เพื่อสนับสนุนองค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำทางเชื้อชาติ
ที่มา - 9to5Google
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
- สรุปของใหม่และสาระสำคัญจาก AWS re:Invent 2023 | Cloudnone Special EP
Comments
เห็นด้วยครับ คำใหม่ตรงตัวกว่า อยากให้ซอฟต์แวร์อื่นๆ ใช้โอกาสนี้เปลี่ยนตาม
จะว่าไป whitelist, blacklist นี่มีที่มาจากไหนนะครับ - -'
ในสมัยก่อนคำว่า black มันให้ควายหมายเชิงลบเขาเลยเอา list มารวมกันแล้วใช้เป็นรายชื่อสิ่งที่ไม่ค่อยดี ใน Oxford English Dictionary มีบันทึกการใช้คำนี้แรกๆจากหัวหน้าบาทหลวง Joseph Hall ประเทศอังกฤษในปี 1624
"Ye secret oppressors,..ye kind drunkards, and who euer come within this blacke list of wickednesse."
แล้วเริ่มมีการใช้ whitelist กันทีหลังแทนคำตรงกันข้ามของ blacklist
ปล. หลังจากอ่านข่าวผมสงสัยว่า blacklist มีที่มายังไงเลยลองหาอ่านในเน็ตดู
ขอบคุณมากครับ
edit comment ยังไงครับผมพิมพ์ผิด
ถ้ามีคน Reply ไปแล้วจะ Edit ไม่ได้แล้วครับ
บัญชีดำอีกหน่อยคงใช้ไม่ได้เหมือนกัน
เปลี่ยนไปใช้ บัญชีหนังหมา กัน
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
ทารุณกรรมสัตว์ อีกครับ ฮ่าๆ
ใช้ว่า "บัญชีต้องห้าม" กับ "บัญชีอนุญาต" ก็พอกล้อมแกล้มได้นะครับ
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
เออแฮะ เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่เคยนึกถึงเลย
ต่อไปคำว่า ธุรกิจมืด จะเปลี่ยนคำไหมเนี่ยะ
มืด - สว่าง เป็นเรื่องของแสง ไม่น่าจะโยงไปเรื่องสีผิวได้นะ
ธุรกิจผิวสีครับ (sensitive ได้อีก)
น่าเปลี่ยนล่ะครับ เพราะทั้งสองคำที่ใช้มันเป็นการเปรียบเทียบตรงๆ
..: เรื่อยไป
ส่วนตัวเห็นด้วย เพราะน่าจะมีส่วนช่วยลดความกำกวมได้ ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องสีผิวเลย
ยังรู้สึกว่าเรื่องนี้มันดู Sensitive ไปหน่อย ประมาณว่าเราควรแยกแยะให้ได้นะว่าถ้าเป็นคนก็ต้องเท่ากันน่าจะดีกว่า
ส่วนตัวคิดว่า บางทีก็ sensitive ไปหน่อยอ่ะครับ การใช้สีมันเหมือนเป็นสิ่งที่เรียกว่า color coding
อย่างนี้ผมต้องเรียกร้องให้สีเหลือง (yellow) ที่แทน caution ต่างๆ เอาออกไปด้วยมั้ยครับ
นึกถึงยาสีฟันยี่ห้อนึงเลย ที่สุดท้ายก็ต้องยอมเปลี่ยนชื่อ
Chromium , Chrome บน Ubuntu 20.04 lts ใช้งาน DNS Over HTTPS ไม่ได้ ขนาด ตั้งค่า Resolve service แล้วก็ไม่เป็นผล วิ่งหา DNS Nameserver ของ ISP อย่างเดียวเลย
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
ตอบผิดทู้รึเปล่าครับเนี่ย อ่านแล้วงง = =')
โชคดีที่ไม่มีคนผิวสีเขียว/แดง