Tags:
Node Thumbnail

จาก Ask Blognone อันล่าสุดในหัวข้อ ทำไมคุณถึงเป็น “I’m a PC” (ซึ่งกำลังโต้ตอบกันร้อนแรงอีกตามเคย) ผมได้ลองอ่านดู และได้พิจารณาตอนที่จะตอบของตัวเอง และหลังจากนั้นก็อ่านคำตอบของคนที่มาทีหลัง ผมได้สรุปเป็นความคิดสำหรับตัวเองได้ว่า ข้อดีหรือจุดแข็งของสินค้าไมโครซอฟท์ (วินโดวส์) ในสายตาของคนทั่วไป มีจำนวนมากที่เป็นผลจากเครือข่าย ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม

แน่นอนว่าวินโดวส์เอง ก็มีข้อดีในลักษณะของผลิตภัณฑ์ ที่เป็นมูลค่าของมัน เช่น การจัดระบบอะไรต่างๆ อย่างไม่ยากนัก แก้ไขอะไรก็มีหน้าตาเป็นปุ่มเป็นข้อความกดๆ คลิกๆ เอาได้ (เทียบกับลินุกซ์ที่อาจจะซับซ้อนกว่า ยุ่งยากกว่า อาจจะต้องใช้ command line หรือเข้าเป็น root เป็นอะไร) ตัวซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์อย่างชุดออฟฟิศก็นับว่าเป็นชุดออฟฟิศที่เรียกได้ ว่าดีหรือดีมาก (นอกจาก presentation ที่ PowerPoint คงแพ้ Keynote แต่ก็ยังดีกว่า OO.o Impress อยู่) รูปแบบของระบบเองอาจจะเหมาะกับโปรแกรมบางประเภทมากกว่า (อันนี้ผมไม่มีความรู้เชิงเทคนิค ไม่ทราบว่ามันแตกต่างกันได้ขนาดไหน)

นอกจากนี้ คนยังคงใช้ไมโครซอฟท์ด้วยเหตุผลด้านต้นทุนทางการเปลี่ยนแปลง (เช่น ถ้าจะย้ายระบบจากวินโดวส์ไปหาแมคหรือลินุกซ์ ก็จะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ใหม่) แต่ต้นทุนนี้เกิดจากว่า คนเองใช้วินโดวส์อยู่แล้ว ซึ่งก็คงเกิดจากการที่ช่วงหนึ่งในอดีต ผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์เอง “มีดี” กว่าคู่แข่งในตลาดจนสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้สูงขนาดนี้

แต่ในขณะเดียวกัน ลองดูเหตุผลที่หลายๆ คนใช้วินโดวส์ในปัจจุบัน เราจะเห็นว่า เรื่องเครือข่ายมีผลที่ทำให้มูลค่าของวินโดวส์มากขึ้นไปอีก

  • ลูกค้าใช้/ที่ทำงานใช้/เพื่อนใช้/มหาลัยใช้/ฯลฯ อันนี้เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าเป็นเรื่องของการอยู่บนเครือข่ายเดียวกัน

  • ซอฟต์แวร์หลากหลาย/ซอฟต์แวร์เฉพาะทาง/เล่นเกม เรื่องของซอฟต์แวร์เหล่านี้ หากตัดเรื่องข้อจำกัดของระบบปฏิบัติการ (ซึ่งผมไม่รู้ว่ามีความแตกต่างกันมากแค่ไหน) การที่มีซอฟต์แวร์ออกมาบนวินโดวส์มาก ไมว่าจะเป็นโปรแกรมงานหรือเกม น่าจะเกิดจากการที่ตลาดวินโดวส์ใหญ่ ลองดูง่ายๆ ว่า ถ้าคุณจะเขียนโปรแกรมเกมขึ้นมาสักเกมหนึ่ง โดยคุณต้องเลือกเขียนทีละระบบปฏิบัติการ ถามว่ามีแนวโน้มจะเอาไปลงบนระบบไหนมากที่สุด แน่นอนว่าระบบที่มีโอกาสทำตลาดง่ายที่สุดก็คือระบบที่มีคนทั่วไปใช้มาก ที่สุด ยิ่งระบบมีคนมาก คนเข้าไปเขียนซอฟต์แวร์ก็ยิ่งมาก และซอฟต์แวร์มากก็ทำให้คนหันมาใช้ระบบมาก วนเวียนกันไป

  • ปัญหากับฮาร์ดแวร์น้อย ในกรณีนี้หากตัด Apple ที่เลือกจะทำซอฟต์แวร์มาทำงานบนฮาร์ดแวร์ของตัวเอง (และวางตลาดค่อนข้างบน) ไมโครซอฟท์ก็ได้เปรียบเลือกการทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์มากกว่าลินุกซ์ ซึ่งกรณีนี้ การมีคนใช้มากของไมโครซอฟท์ก็ contribute ให้กับสถานการณ์นี้เหมือนกัน ลองคิดดูว่า บริษัทฮาร์ดแวร์ที่ผลิตฮาร์ดแวร์แล้ว incompatible กับวินโดวส์จะเกิดอะไรขึ้น (ฮาร์ดแวร์ในที่นี้ รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ในตัวเครื่อง และบรรดา gadget ต่างๆ อย่างกล้องถ่ายรูป เครื่องเล่นเพลง ฯลฯ) ถ้าอุปกรณ์ใช้กับวินโดวส์ไม่ได้ มีแนวโน้มที่อุปกรณ์จะผิด (มีช่วงแรกๆ ของ Vista ที่มีปัญหาเรื่องเข้ากันไม่ได้แล้วทำให้คนไม่ใช้วิสตา แต่ยาวๆ แล้วอุปกรณ์ต่างๆ ก็ต้องออกมา certify เรื่อง Vista compatability) แล้วกับคนใช้ลินุกซ์ล่ะ? ตัวอย่างหนึ่งที่เจอกับตัวเองคือ คอมพิวเตอร์โตชิบาของผมเปิด Bluetooth ไม่ได้ เพราะมันปิดอยู่ และต้องใช้โปรแกรมของโตชิบาเปิด ซึ่งแน่นอนว่า โตชิบาซัพพอร์ตแต่วินโดวส์

  • ความเข้ากันได้กับเอกสารของคนอื่นๆ แน่นอนว่า ในด้านเอกสารแล้ว ไฟล์ออฟฟิศของไมโครซอฟท์ ไม่ว่าจะเป็น .doc .xls .ppt นั้นเปรียบเสมือนเป็นมาตรฐานแบบ de facto อยู่แล้ว ดังนั้นคนที่จำเป็นต้องมีการแลกเปลี่ยนไฟล์เหล่านี้กับคนอื่นที่ใช้ MS Office ก็โดนบังคับกลายๆ ให้ใช้ MS Office ไปด้วย ซึ่งจริงๆ แล้ว ในสถานการณ์ที่ทำงานเองคนเดียว คนเหล่านี้อาจไม่เลือกใช้โปรแกรมนี้ก็ได้ อย่างที่บอกไปว่า ชุดออฟฟิศของไมโครซอฟท์เรียกได้ว่าดี แต่หลายคนก็ไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้งานอะไรลึกมากมาย หรือฟังก์ชันที่ดีกว่าเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่คุ้มกับราคาที่แพงกว่าก็ได้ รุ่นน้องคนหนึ่งของผมตัดสินใจซื้อ Microsoft Office 2007 เขาบอกผมว่า เขาทนใช้ OpenOffice(.org) ไม่ได้ ทีแรกผมเข้าใจว่า อาจจะจัดงานออกมาได้ไม่ดีเท่า หรือการใช้งานไม่คุ้นชินทำให้ productivity ต่ำ แต่เขาขยายความทีหลังว่า เรื่อง interoperability มันยังไม่สมบูรณ์ (แต่ในกรณีนี้ ยังไงเขาก็คงใช้วินโดวส์อยู่แล้ว ได้ OEM มาด้วย)

  • มี Internet Explorer ไว้เปิดเว็บไซต์เจ้าปัญหาต่างๆ ผมเชื่อว่า ถ้าแต่ละ OS มีส่วนแบ่งผู้ใช้ใกล้ๆ กันแล้ว ยังไงเว็บไซต์ต่างๆ ก็ต้องแคร์กันมากกว่านี้ครับ (ถึงการเขียนให้วินโดวส์อาจจะมากกว่า แต่มูลค่าตลาดที่สูงขึ้นย่อมทำให้การเขียนให้ OS อื่นคุ้มค่ามากขึ้น)

เราจะเห็นได้ว่า อันที่เลือกมายกตัวอย่างมานี้ เกิดขึ้นจากเครือข่าย พูดง่ายๆ คือ ยิ่งคนใช้เยอะ มูลค่ามันก็ยิ่งสูงตาม

เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่เคยได้ยินมา เป็นเรื่องของ network economics ครับ ผมเองก็เพิ่งเคยได้ยินมาไม่นานนัก และยังไม่เคยได้ศึกษาอะไรเท่าไร แต่ก็พอจะอธิบายได้ว่า network effect ทำให้มูลค่าของสินค้ามันมากขึ้น ตัวอย่างของ network effect ก็อย่างเช่น โทรศัพท์ ถ้าทั้งโลกมีคนใช้โทรศัพท์อยู่คนเดียว มูลค่าของโทรศัพท์ก็คงต่ำเตี้ยติดดิน

ถ้ามาดูบริการออนไลน์ ซึ่งจะมีแบบ ระบบใครระบบมัน อย่าง instant messaging ก็จะเป็นเรื่องของ network effect เด็กๆ ที่เริ่มใช้ Windows Live Messenger ตอนนี้ ก็คงไม่เลือกเพราะ WLM มันดีกว่า GTalk, AIM, Yahoo! หรือ Skype แต่เลือกเพราะคนอื่นๆ ใช้ระบบของ WLM (อย่าง Skype ที่ว่าดีมาก เราก็ไม่ได้ออนกันแบบ regular basis เหมือน Windows Live) เว็บไซต์จำพวก social network ก็น่าเข้าข่ายนี้ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Hi5, Twitter

ถ้าให้ลองวิเคราะห์ดูเล่นๆ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นฝ่ายรอง จะมีโอกาสตีกลับขึ้นมาได้ ก็คงจำเป็นที่จะต้องทำให้เห็นว่า สินค้าหรือบริการของตัวเองนั้นดีกว่ามากๆ อย่างคนไทยหันมาใช้ Facebook มากขึ้นในช่วงหลังทั้งที่ Hi5 ครองตลาดเมืองไทยอยู่เดิม น่าจะเกิดจากการที่ Facebook มีระบบที่เสถียรกว่า มี application ดีกว่า (แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเรื่องของเครือข่ายด้วย เพราะ Facebook มีเครือข่ายของคนใช้ทั่วโลกสูงมาก ซึ่งคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับชาวต่างชาติก็มีแนวโน้มจะใช้ Facebook ซึ่งก็ดึงคนอื่นๆ มาใช้กันมากขึ้น เรื่องของ app ก็เกี่ยวกับเครือข่ายด้วยเหมือนกัน)

ดังนั้นการที่ระบบปฏิบัติการอื่นจะมีบทบาทมากขึ้น ส่วนที่ยากที่สุดคงเป็นจุดเริ่มต้นที่จะต้องดึงให้คนหันมาใช้ ซึ่งยิ่งคนหันออกจากวินโดวส์มากขึ้น มูลค่าที่เกิดจากเครือข่ายตรงนี้ก็จะยิ่งมีน้อยลง และดึงให้คนหันออกมาได้มากขึ้นอีก ซึ่งสิ่งนี้คงไม่ใช่งานง่ายแน่นอน เพราะจะต้องพัฒนาสินค้าให้ดีจนเอาชนะทั้งผลจากเครือข่าย และผลจากต้นทุนการเปลี่ยนแปลงให้ได้

Get latest news from Blognone

Comments

By: nuttin0011 on 17 May 2009 - 23:35 #102891

สรุปคือ เขาตาหลิ่ว เราเลยต้องใช้อุปกรณ์หลิ่วตา

By: bankkung
ContributoriPhoneAndroidBlackberry
on 17 May 2009 - 23:41 #102892

ไม่ค่อยเล่น facebook เพราะรำคาญ invite app และขี้เกียจกด ignore สำหรับแอพใหม่ๆที่โดนอินไวท์
ส่วนเครือข่ายยอมรับว่ามีผลเยอะ จะย้ายไปใช้ OO.o ก็โดนที่บ้านบ่น โดนชาวบ้านบ่นว่ามันเปิดร่วมกันแล้วเพี้ยน เซ็งเป็ด ไม่คิดว่าเอ็งเอา .doc มาเปิดบน OO.o แล้วมันเพี้ยนบ้างล่ะ มองแต่ว่าเปิดบน Office ไม่ได้ก็แปลว่ามันไม่ดี ฮ่วย
ผมเป็นสาวกMS แต่ด่าเป็นอาจิณ =___="

By: ellipsis
Windows Phone
on 17 May 2009 - 23:56 #102895

จะบอกว่า อ่าน blognone มาเกือบ 2 ปี แล้ว นี่เป็นบนความยาวๆ อันแรกที่อ่านจบ
เขียนได้ดีคับ

By: 0xffeeddaa on 18 May 2009 - 00:09 #102898

เป็นหนึ่งบนความที่ชอบมาก คนที่เห็นว่าไมโครซอฟท์ดีมากๆ เพราะตัวเองกลัวการเปลี่ยนแปลงใช่ป่ะ

By: emptyzpace on 18 May 2009 - 07:02 #102928 Reply to:102898

+324.95

By: tomazzu
AndroidUbuntu
on 18 May 2009 - 10:53 #102941 Reply to:102898

สำหรับผม จะเรียกว่า "ใช่" ก็ได้ครับ เพราะการไม่เปลี่ยนทำให้ผมยังได้เงินเดือน
จากการที่สื่อสารได้ถูกต้อง ตรงกับชาวบ้าน อยู่ครับ

เช่น การใช้ Outlook กับหน่วยงาน หรือว่าจะเป็น Format ของเอกสารหนะครับ

http://tomazzu.exteen.com

By: xpress
iPhoneWindows PhoneAndroid
on 18 May 2009 - 13:38 #102975 Reply to:102898

สำหรับผม ไม่ใช่ครับ windows โดนมาเยอะ!! ผ่านมาเยอะ!! เขาถึงพยายามทำให้ windows มีตัวเลือกเยอะๆ เพื่อที่จะเลือกเปลี่ยนใด้มากขึ้นต่างหาก ถ้า os อื่นๆมีตัวเลือกที่ดีกว่าผมก็พร้อมที่จะเปลี่ยน

By: -Rookies-
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 18 May 2009 - 17:22 #103048 Reply to:102898

"กลัวการเปลี่ยนแปลง" กับ "เปลี่ยนแปลงไม่ได้" มันต่างกันเยอะนะครับ คนอื่นเขาใช้กัน ถ้าเราเปลี่ยนอยู่คนเดียวมันเข้ากับคนอื่นไม่ได้ มันก็คือเปลี่ยนไม่ได้ อย่างบริษัทผมหันมาใช้ OO.o โดนลูกค้าด่ากระจาย (ยิ่งถ้า deal กับราชการท่านก็คิดดูละกันว่าจะโดนขนาดไหน) สุดท้ายก็ต้องมาจบที่เปิดเครื่อง Microsoft ไว้เครื่องนึง เวลาจะเอาเอกสารออกไป deal กับชาวบ้าน ก็ต้องไปทำในเครื่องนั้นให้แน่ใจก่อนว่ามันจะไม่เพี้ยน สรุป ประหยัดค่าใช้จ่ายได้โข (ค่าซอฟต์แวร์) แต่เสียเวลาสุดๆ ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้แต่แรก ผมว่าทางบริษัทคงไม่เปลี่ยน ยอมเสียเงินดีกว่า

ดังนั้นผมเห็นด้วยกับบทความว่ามันขึ้นอยู่กับฐานจำนวนคนใช้อย่างมาก แต่ไม่เห็นด้วยกับคำว่า "กลัว" เลยครับ ผมชอบที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอย่างมาก ใช้คำนี้รู้สึกถูกด่าเลย...

เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!


เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!

By: pexza
AndroidUbuntuWindows
on 18 May 2009 - 19:34 #103086 Reply to:103048
pexza's picture

ฟังแล้วเจ็บปวด

ประหยัดเงิน แต่ไม่ประหยัดเวลา

เอาน่า ถัว ๆ กันแล้วก็คุ้มอยู่นะ (ถ้างานไม่เยอะ อิอิอิ)

My Experiences : Pexeriences

By: mokin
Contributor
on 19 May 2009 - 00:24 #103150 Reply to:103048
mokin's picture

+1 การเปลี่ยนแปลงอันนี้มีหลายอย่างประกอบน่ะ ไมใช่จะ "กลัวการเปลี่ยนแปลงแบบที่คิดหรอ"

<mOkin>
ตรู่ว่าแล้วในโลกนี้มีปัญหา  เขาไม่ด่า ก็ชื่นชม หรือเฉยๆ
สามประเภทที่ว่านี้มิเปลี่ยนเลย  จงวางเฉยใครถือสาเป็นบ้าตาย<mOkin/>

By: -Rookies-
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 19 May 2009 - 10:52 #103244 Reply to:103150

ดีใจ มีคนคิดเหมือนผมบ้าง ผมเห็นบ่อยเหลือเกิน ชอบแขวะว่า "กลัวการเปลี่ยนแปลง" ตะโกนแล้วได้ยินกันก็จะตะโกนไปแล้วว่า "ไม่ได้กลัวคร้าบบบบ" แต่มัน"เปลี่ยนไม่ได้" หรือ "เปลี่ยนแล้วไม่คุ้มมมม"

ป.ล. Reply ทั้งสองท่านเลยนะครับ ^^
ป.ล.2 นี่สินะความรู้สึกของสาวกที่โดนแขวะโดยใช่เหตุ อุ้ย ล่อเป้าไปรึเปล่าหว่า? ;P

เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!


เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!

By: chayaninw
WriterMEconomicsAndroidIn Love
on 18 May 2009 - 22:23 #103120 Reply to:102898
chayaninw's picture

ในส่วนของการเปลี่ยนแปลง ผมอยากจะใช้คำว่า "ไม่คุ้ม" ที่จะเปลี่ยน มากกว่า "กลัว" ที่จะเปลี่ยนครับ

ถามว่า ถ้าเราหัดใช้วินโดวส์มา จนทำงานได้คล่องแคล่วแล้ว จะเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่น มันมีต้นทุนของการเรียนรู้ครับ เพราะเราต้องไปเรียนรู้ใหม่ สร้างความคุ้นเคยใหม่ ซึ่งถ้าคิดแบบมีเหตุมีผลโดยเอาประโยชน์ที่จะได้รับมาพิจารณากับต้นทุนแล้วเนี่ย มันอาจจะไม่คุ้มก็ได้ที่จะเปลี่ยนไปหาอะไรใหม่ๆ ที่ไม่ได้ดีกว่าอย่างชัดเจนก็ได้ (ถ้าเราไม่ได้รู้สึกว่าแมคทำงานให้เราได้ดีกว่าวินโดวส์ เราจะไปเสียเวลาหัดใช้แมคทำไม?)

ถ้าผมเป็นผู้บริหารบริษัท ผมอาจจะมองว่า ยอมจ่ายเงินซื้อไมโครซอฟท์ออฟฟิศ คุ้มกว่าส่งพนักงานไปอบรมให้ใข้ OO.o ก็ได้ (จะเอาลินุกซ์มาด้วยยิ่งแล้วใหญ่) อันนี้คือแค่ต้นทุนการเปลี่ยนแปลง แล้วไหนจะพวกเรื่องเครือข่ายที่กล่าวมา ไหนจะเป็นตัวผลิตภัณฑ์เองที่มีความแน่นอนแบบซอฟต์แวร์พานิชย์ การที่จะมองว่าไมโครซอฟท์เหมาะสมกว่าก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรครับ

By: khajochi
WriteriPhoneIn Love
on 18 May 2009 - 00:12 #102899
khajochi's picture

MS กลายเป็นทั่งเรื่องของเครือข่ายและมาตรฐาน(จากเครือข่าย) ไปแล้วล่ะครับ

ผมลงทะเบียนขอคืนภาษีไม่ได้ + ลงทะเบียน ป.โท ไม่ได้ ถ้าไม่ใช้ IE
เรียน Dataware house ไม่ได้ถ้าไม่ลง MS SQL (เพราะอาจารย์ให้ใช้ตัวนี้เรียน)
และช่วยคุณพ่อแก้เอกสารไม่ได้ถ้าไม่ลง MS Word

:)

---
Khajochi Blog : It's not a Bug ... It's a Feature


แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com

By: Dio_O
iPhoneUbuntu
on 18 May 2009 - 00:35 #102900

สรุป ออกมาได้ดีครับ

เรื่อง network economics หรือเรื่องของ Facebook, Hi5, Twitter ก็คล้ายๆกับ เรื่องของเครื่อง Fax ครับ

คุณลองคิดดูครับ คนที่ซื้อเครื่อง Fax เครื่องแรก มันจะส่งให้ใคร ก็จนกว่าจะมีคนซื้อเครื่องที่ 2 ไปถูกไหมครับ พอส่งกันได้ โลกเกิดความตกใจ ก็เลยขายเครื่องที่ 3 เครื่องที่ 4 ได้ ต่อมาก็กลายเป็น Network กลายเป็นสิ่งจำเป็น(กลายเป็น Direct-sale ^_^)

ปล.ปัจจุบันก็เป็นการแข่งขันกันอยู่ ตอนนี้ MS ยังมีบุญเก่าอยู่เยอะ คงต้องดูกันต่อไปครับ ว่าจะสู้กับเจ้าอื่นๆที่พัฒนามาแข่งได้แค่ไหน

By: ellipsis
Windows Phone
on 18 May 2009 - 00:51 #102903 Reply to:102900

โอ้ เป็นอีก 1 ตัวอย่างที่ดีคับ

อ่านแล้วรู้สึก "เออ ว่ะ"

By: ouncoms
ContributorAndroid
on 18 May 2009 - 01:27 #102907
ouncoms's picture

อ่านแล้ว ตาสว่างครับ

By: notebakery on 18 May 2009 - 02:03 #102910

โดนใจ ใช่เลย

By: dafty
AndroidWindowsIn Love
on 18 May 2009 - 02:28 #102912

+1 เห็นด้วยครับ

เค้าถึงว่าคนบุกต้องใช้กองทัพที่ใหญ่กว่าเป็น 3 เท่าของคนรับไงครับ (ยิ่งสมรภูมิดีๆ ยิ่งตีแตกยาก) ดังนั้นหากตัวใหม่ๆ ที่เกิดมายังไม่ดีพอที่จะชนะ Features+Network ได้แล้ว ก็คงต้องปิดตัวเองไป หุหุ

By: doctorking
iPhoneWindows PhoneAndroid
on 18 May 2009 - 02:53 #102917

ช่วงนี้แข่งกันเขียนบทความมาราธอนกันเหรอครับ- -* ยาวมาก (แต่เขียนดีทุกบทความนะ)

By: gotobanana
iPhoneAndroidBlackberrySymbian
on 18 May 2009 - 09:28 #102933
gotobanana's picture

เหอๆๆ+1

By: Zerothman
WriteriPhoneIn Love
on 18 May 2009 - 10:02 #102934

น้องผม น้องผมเขียน ภูมิใจเสนอ ฮา

Facebook ช่วงนี้ชัดมากว่าคนเล่นเยอะขึ้นสุดๆ เมื่อก่อนมี Facebook แต่แห้งแล้ง ตอนนี้ทะลักไปด้วยควิซ

แต่เรื่องอีเมล์นี่ Facebook เยอะจริงครับ ต้องไปตั้งไม่ให้มันส่งแล้วจะสงบสุขขึ้นเยอะครับ (จริงๆ แอบรู้สึกว่าหลายๆ อย่างมันน่าจะตั้ง default ให้ไม่ส่งนะ?)

By: Pinery
ContributoriPhoneAndroidIn Love
on 18 May 2009 - 10:31 #102937

+1

เป็นบทความไอทีที่ดีที่สุดที่เคยอ่านมาเลยนะเนี่ย แอบโดนใจ อิอิ ^^

By: zerocool
ContributoriPhoneAndroid
on 18 May 2009 - 11:27 #102949
zerocool's picture

แบบนี้ถ้าตัดประเด็นเรื่องราคาออกไป Linux จะเอาอะไรไปสู้กับ Microsoft บนตลาด Desktop ล่ะนั่น


That is the way things are.

By: Ford AntiTrust
ContributorAndroidBlackberryUbuntu
on 18 May 2009 - 11:48 #102951
Ford AntiTrust's picture

สรุปง่าย ๆ คือการที่คนใช้เยอะ จะห่วย จะดีก็ได้เปรียบไปหลายช่วงตัว เพราะใคร ๆ ก็ใช้กัน ;)

Ford AntiTrust’s Blog | PHP Hoffman Framework

By: film2u
Android
on 18 May 2009 - 12:10 #102956 Reply to:102951

:
+1

@watcharate.w

By: moondrop
iPhoneWindowsIn Love
on 18 May 2009 - 15:27 #103007 Reply to:102951
moondrop's picture

ผมก็คิดแบบนั้นครับ ยิ่งประเทศไทยชอบใช้อะไรตามๆกันด้วย

Twitt ทุกหยด เพื่ออนาคตลูก

By: Ford AntiTrust
ContributorAndroidBlackberryUbuntu
on 19 May 2009 - 11:29 #103253 Reply to:103007
Ford AntiTrust's picture

ไม่ใช่ประเทศไทยครับ เป็นกันทั้งโลกครับ ลองไปโหลดไฟล์เอกสารจาก CISecurity, NSA หรือ DISA ดูก็จะเห็น .doc อยู่เป็นเรื่องปรกติครับ ;)

Ford AntiTrust’s Blog | PHP Hoffman Framework

By: iaee
ContributorWindows PhoneAndroidUbuntu
on 19 May 2009 - 00:15 #103148
iaee's picture

+10 เป็นบทความที่ดีครับ ช่วงนี้มีบทความดีๆเยอะแหะ ขนาดผมไม่ค่อยมาให้ความคิดเห็นยังอดไม่ได้เลย เห็นด้วยกับบทความนี้ ถ้าจะเอาชนะได้คงต้องมีไรที่โดดเด่นจนดึงคนมาใช้มากๆ ให้กลายเป็นเครือข่ายได้ ในวงการโลกไอทีก็มีเกิดและตายไปหลายราย

@Fan Ubuntu
บันทึกลับ ubuntu

By: b4009009
AndroidUbuntu
on 19 May 2009 - 07:55 #103212

อยากให้ประเทศไทยใช้ linux กันเยอะๆ ไหมครับ มีวิธีสร้างเครือข่ายด้วยวิธีง่ายๆ แค่ประกาศให้ราชการทั้งหมดใช้ linux เดี๋ยวบริษัทต่างๆ ก็ต้องเปลี่ยนมาใช้เอง

•••••
k 0 n 9 . c o m

By: irezumi on 23 May 2009 - 15:55 #104240

ส่วนตัวผมคิดว่า คุ้มค่าที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่า เพราะปัจจุบันผมใช้แม็คกับลีนุกซ์
ระบบเสถียรกว่ามากๆ แต่ในแง่ของการทำงานร่วมกับคนอื่นนั้น ผมว่าวินโดวส์กินขาดถึงแม้คุณค่าในตัวมันเองจริงๆแล้ว ค่ายอื่นอย่างapple google ก็กินขาดเช่นกัน แล้วที่บอกว่าทั้งโลกไม่จริงนะครับ ที่UCLA ผมเห้นคนถือแม็คไปเรียนกันมากกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ที่UCSCก็เช่นกัน แต่นั่นก็เพราะว่าสังคมเค้าไม่มีการใช้ซอฟท์แวร์ที่ผิดลิขสิทธิ์นั่นเอง ผมอยากรู้จริงๆว่า ถ้ามีการจับวินโดวส์ที่ผิดลิขสิทธิ์ขึ้นมา จะเหลือคนเข้ามาอ่านบล็อกน็อนได้กี่คน หรือจะมีองค์กรกี่องค์กรที่ไม่เดือดร้อนเพราะใช้ซอฟท์แวร์วินโดวส์ที่ถูกลิขสิทธิ์ทุกอย่าง?
และถ้าพูดถึงคนไทย ยิ่งไปกันใหญ่เพราะมีการใช้ซอฟท์แวร์หรือมีเดียผิดลิขสิทธิ์มากที่สุดในโลกที่นึง
และก็อีกหลายๆอย่าง นั่นคือการกลัวการเปลี่ยนแปลงนั่นเอง สาวกไมโครซอฟท์ส่วนใหญ่จะไม่ยอมรับจุดนี้

เป็นบทความที่เป็นกลางดีมากครับ ผมชอบ ไม่เหมือนบทความบางบทความของบางคน

By: v_grp
ContributoriPhone
on 11 June 2009 - 12:29 #107873

เขียนดีมากเลยครับ :)

--
shoppingwebthailand