อาจบอกได้ว่าอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนถึงจุดอิ่มตัวมาระยะหนึ่งแล้ว การเปลี่ยนแปลงของรุ่นเรือธงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาอาจเรียกได้ว่าน้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
อย่างไรก็ตามสมาร์ทโฟนในระดับกลางยังพอเหลือพื้นที่ให้ผู้ผลิตแข่งขันกันอีก ทำให้สมาร์ทโฟนระดับกลางหลายรุ่นมีความน่าสนใจมากขึ้น จากราคาที่เอื้อมถึงกว่าและได้ฟังก์ชันและฟีเจอร์ระดับท็อป ๆ ใกล้เคียงกับเรือธง
Galaxa A51 เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางอีกรุ่นที่ได้กล้องถึง 5 ตัว ใกล้เคียงกับพวกเรือธง ในราคาแค่หมื่นต้น ๆ เท่านั้น
ตัวเครื่อง Galaxy A51 ขนาดกำลังพอดีมือ หน้าจอเป็น Infinity-O กินพื้นที่เกือบทั้งหมดด้านหน้า มีเพียงรูกล้องหน้าเล็ก ๆ ด้านบน มีลำโพงสำหรับคุยโทรศัพท์ซ่อนอยู่เล็ก ๆ ดูหรูหราสวยงาม
ขนาดจออยู่ที่ 6.5 นิ้ว ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป แพแนลเป็น Super AMOLED สีสันสดใส ความละเอียด FHD+ ด้านหลังตัวเครื่องเป็นพลาสติก สีที่ได้มารีวิวเป็นสี Prism Crush Pink ซึ่งค่อนข้างสวย และน่าจะเหมาะกับคุณผู้หญิง
ด้านขวาตัวเครื่องเป็นปุ่มปรับเสียงและปุ่มล็อกหน้าจอ ด้านล่างเป็นพอร์ท USB-C รูหูฟังและลำโพง ด้านซ้ายเป็นช่องใส่ซิม รองรับ 2 ซิมและ microSD สูงสุด 512GB
สเปคภายในเป็น Exynos 9611 แปดแกน แรมมี 6GB/8GB ความจุ 128GB ถือว่าลื่นและพื้นที่ให้มาเหลือ ๆ สำหรับการใช้งานทั่วไป ถ่ายรูปหรือแม้กระทั่งเล่นเกม
กล้องเป็นจุดเด่นที่สุดของ Galaxy A51 เพราะเรียกได้ว่าแทบจะถอดมาจากรุ่นเรือธงอย่าง Galaxy S20+ เลย ตั้งแต่การวางเลย์เอ้าท์กล้องหลังแนวตั้งและกล้องทั้งหมด 5 ตัว ต่างกันแค่เปลี่ยนเลนส์ซูมเป็นเลนส์มาโคร
ภาพที่ได้ค่อนข้างคมชัด เก็บรายละเอียด แสงและสีได้ดี และหากเปิดฟังก์ชัน scene optimizer เวลาถ่าย landscape หรือ cityscape ที่จะช่วยปรับไวท์บาลานซ์และเร่ง HDR ขึ้นให้อีกเล็กน้อย สีสันของภาพจะสวยและสีสดขึ้นเล็กน้อย แต่ยังไม่เกินจริง แถมความละเอียดก็มากพอจะอัพลงโซเชียลมีเดียแล้วไม่แตก
HDR ปกติ
ฟังก์ชันและคุณภาพไม่แตกต่างจากกล้องหลัก แต่ด้วยความกว้างของเลนส์ที่สูงสุดถึง 123 องศา ซึ่งถือว่ากว้างมาก ๆ ช่วยเพิ่มลูกเล่นและโอกาสให้การเก็บบรรยากาศได้หลากหลายมากขึ้น ลดข้อจำกัดในการถ่ายภาพลงไปได้เยอะ
เปิด scene optimizer
กล้องมาโครถืออีกหนึ่งกล้องที่ค่อนข้างมีประโยชน์ ช่วยทำลายข้อจำกัดในการถ่ายภาพเวลาไปเที่ยว เพราะเลนส์ปกติของกล้องมือถือ เมื่อถ่ายวัตถุขนาดเล็กใกล้ ๆ จะไม่สามารถโฟกัสได้ เลนส์มาโครจะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ตรงนี้ได้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนในราคาระดับนี้ด้วยกัน
นอกจากเรื่องการถ่ายภาพแล้ว กล้องหลังของ Galaxy A51 ยังรองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุดถึง 4K แถมมีฟีเจอร์ Super Steady ที่นำซอฟต์แวร์มาช่วยเรื่องการกันสั่น จากการทดลองใช้งานพบว่าช่วยได้ค่อนข้างมาก คล้ายกับการถ่ายวิดีโอด้วย stabilizer และใกล้เคียงกับ Super Steady ที่ใช้งานใน Galaxy S ตัวท็อป
นอกจากเรื่องกล้องที่ค่อนข้างตอบโจทย์แทบจะทุกสถานการณ์แล้ว หน้าจอถือเป็นอีกหนึ่งความโดดเด่นของ Galaxy A51 จากทั้งสีสันที่สวยสดไม่แพ้สมาร์ทโฟน 2-3 หมื่น เหมาะสำหรับการดู YouTube, Netflix
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Galaxy A51 คือความบางของตัวเครื่องและน้ำหนักที่ค่อนข้างเบา (172 กรัม) ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วไม่รู้สึกเทอะทะหรือหนักถ่วงใด ๆ ถือนอนเล่นดู Netflix ก็ไม่เมื่อย
สุดท้ายเรื่องแบตเตอรี่ที่ให้มา 4,000mAh ถือว่าเหลือ ๆ เพียงพอจะใช้งานได้ทั้งวัน หรือหากไม่พอจริง ๆ หรือลืมชาร์จ หัวชาร์จที่ให้มาด้วยจะจ่ายไฟให้ 15W ก็เร็วเพียงพอ ชาร์จทิ้งไว้แค่ 30 นาทีก็สามารถใช้ต่อได้ครึ่งค่อนวันแล้ว
ด้วยราคาค่าตัวของ Galaxy A51 เพียง 10,690 บาท กับรุ่นแรม 8GB ความจุ 128GB ถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ เพราะฟังก์ชันใช้งานถือว่าเกินตัว ทั้งหน้าจอที่สวยสดใส แบตเตอรี่ที่อยู่ได้ทั้งวันและกล้องทั้งหมด 5 ตัว ตอบโจทย์การใช้งานแทบทุกสถานการณ์
Galaxy A51 มีให้เลือก 3 สีคือ Prism Crush Pink, Prism Crush Blue และ Prism Crush Black