มันจำเป็นในแง่มุมของการเป็นสิ่งพิมพ์น่ะครับ

แต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้ความจำเป็นในการอ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์ลดลงไปเยอะ และเพิ่มความสะดวกสำหรับผู้มีปัญหาด้านสายตาขึ้นเป็นอย่างยิ่ง

เคยอยากหัดอักษรเบลล์เหมือนกัน แต่ลองศึกษาไปได้หน่อยเดียว ยอมแพ้ (เหงื่อตก) ฮา

เชื่อว่าคนตาบอดส่วนใหญ่ที่ใช้สมาร์ตโฟนได้ ก็คงจะพิมพ์แป้น virtual keyboard ได้ระดับนึงอยู่แล้วครับ
ใครจะคล่องไม่คล่อง หรือหนีไปใช้ voice typing กันบ้างก็แล้วแต่
แต่การสามารถใช้ Braille input ได้เนี่ย ผมว่าน่าจะพิมพ์ได้ไวกว่า virtual keyboard อยู่นะครับ
เพราะเราแตะครั้งเดียว ได้หนึ่งตัวอักษรแน่นอน ไม่ต้องกะตำแหน่ง หรือปาดหาตัวอักษร ที่ความเป็นไปได้ที่จะแตะครั้งเดียวแล้วพิมพ์ได้เลยค่อนข้างน้อย
โอเค ถ้าใช้ word suggest คล่องๆ ก็อาจจะไวกว่า
ส่วนถ้าเป็น Voice typing ก็ไม่เหมาะในหลายโอกาส

แต่เงื่อนไขของ Braille input ค่อนข้างยุ่งยากอยู่เหมือนกันครับ
ตามที่ในข่าวบอกไว้คร่าวๆ ว่าโดยปกติ เบรลล์ 1 cell ประกอบไปด้วย 6 dot
ดังนั้นถ้าเราจะสามารถ input มากได้ถึง 6 ตำแหน่งพร้อมกัน แปลว่ามือถือเครื่องนั้นๆ ต้องรองรับการสัมผัส 6 จุดพร้อมกันด้วย
เข้าใจว่าไม่น่าใช่ทุกเครื่อง หรือแม้แต่ส่วนใหญ่ด้วย
ดังนั้นข้อจำกัดด้าน hardware ก็ข้อหนึ่งแล้ว

ส่วนข้อจำกัดด้าน software ก็คือว่า ตัว Braille code แต่ละภาษา ก็จะแตกต่างกัน
จริงๆ มันก็คล้ายกับ keyboard ทั่วไปแหละครับ ที่ไม่ได้รองรับภาษาทั้งหมดได้เหมือนกัน
แต่ Braille keyboard มีคนใช้น้อย คนพัฒนาก็น้อย
โอกาสที่เขาจะใส่ภาษาที่รองรับมาให้เยอะๆ มันก็น้อยตามไปด้วย
ดังนั้นคนที่สนใจจะใช้ ก็จำกัดไปอีก

อย่างตัวในข่าวนี่ ผมก็เดาว่าก็ไม่น่าจะใช้ภาษาไทยได้ ดังนั้นถ้าสำหรับคนตาบอดในไทย ก็จะใช้ได้แต่การพิมพ์อังกฤษ ซึ่งก็ไม่น่ามีประโยชน์เท่าไหร่ >_<

สุดท้ายคือข้อจำกัดของ user เอง โดยทั่วไป virtual keyboard ออกแบบมาให้เราใช้แค่นิ้วเดียว ลากไปลากมา
แต่การ input ด้วย braille code เราจำเป็นจะต้องป้อนข้อมูลพร้อมกัน มากถึง 6 ตำแหน่งพร้อมกัน
แปลว่าท่าทางการถือมือถือ ต้องอยู่ในสภาวะที่มั่นคงในระดับนึง
กลายเป็นว่ามันก็จะไม่เหมาะกับการใช้งานในหลายกรณีไปอีก