Mini เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ก้าวเข้าสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้ากับเขาแล้ว โดยการเปิดตัว Mini Cooper SE รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของบริษัท หลังเคยออกรถต้นแบบมาเป็นน้ำจิ้มเมื่อปี 2017
การออกแบบภายนอกยังคงความเป็น Mini อยู่มาก แต่ใช้สีเหลืองสดใสตามชิ้นส่วนรอบรถเช่นหน้ากระจัง, กรอบกระจกมองข้าง, ขอบล้อแม็ก ฯลฯ เพื่อแสดงให้เห็นว่านี่ไม่ใช่รถ Mini ธรรมดา
Mini Cooper SE เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า โดยวางมอเตอร์ไว้ใต้ฝากระโปรงหน้าแทนที่เครื่องยนต์ปกติ มอเตอร์มีกำลัง 135 กิโลวัตต์ หรือราว 181 แรงม้า ส่วนแรงบิดอยู่ที่ 270 นิวตันเมตร ทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 7.3 วินาที ซึ่ง Mini โฆษณาว่าขับสนุกเหมือนขับรถโกคาร์ท
ด้านแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนก็ถูกติดตั้งอยู่ที่พื้นเหมือนรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป มีขนาด 32.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จเต็มหนึ่งครั้งวิ่งได้ไกล 235 ถึง 270 กิโลเมตร (วัดตามมาตรฐาน WLTP)
ช่องชาร์จไฟอยู่ด้านหลังขวาเหมือนรถยนต์ทั่วไป หากชาร์จด้วยเครื่องชาร์จขนาด 11 กิโลวัตต์จะชาร์จได้ 80% ภายในเวลาสองชั่วโมงครึ่ง แต่หากชาร์จที่สถานีชาร์จด่วนขนาด 50 กิโลวัตต์ จะใช้เวลาเพียง 35 นาที
รายละเอียดอื่นๆ ของ Cooper SE ยังคงคล้ายกับ Mini Cooper รุ่นปกติอยู่มาก เช่นความจุท้ายรถสำหรับเก็บของ หรือหน้าตาการออกแบบภายในก็ไม่ได้ต่างจากรุ่นปกติอะไรนัก แต่ตัวรถนั้นสูงกว่ารุ่นปกติอยู่ 18 มิลลิเมตร เพื่อให้มีที่เหลือสำหรับแบตเตอรี่
Mini Cooper SE จะถูกผลิตที่เมือง Oxford ประเทศอังกฤษ โดยยังไม่เปิดราคาในสหรัฐอเมริกา แต่ราคาที่เยอรมนีเริ่มที่ 32,500 ยูโร หรือราว 1.12 ล้านบาท
ภาพทั้งหมดโดย BMW Group (ดูรูปเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ของ Motor1)
Comments
ลิงค์ => ลิงก์
ขอบคุณครับ
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
ชอบไฟท้าย ออกแบบลายแสงได้ออริจินัลมากๆๆ
ระยะการใช้งาน 270 กิโล นี่ปัญหาใหญ่สำหรับการขายรถไฟฟ้าเลย น่าจะใช้ได้แค่ขับในเมืองหรือจังหวัดใกล้เคียง
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ถ้ามันมีสถานีชาร์จด่วนกระจายทั่วไป มันก็ไม่มีปัญหานี่ครับ
ชาร์จครึ่งชั่วโมงก็เต็มละ แวะเข้าห้องน้ำซื้อของ หรือ จะนอนพัก แป๊บ ๆ ก็ครบครึ่งชั่วโมงแล้ว
ขอราคาสัก 3 ล้านกว่าๆ เท่า Cooper S จะน่าสนใจมาก
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6