Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg BusinessWeek มีเนื้อหาตอนหนึ่งพูดถึงประเด็นที่ไมโครซอฟท์มีมูลค่ากิจการทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ และตอนนี้เป็นบริษัทที่มีมูลค่ากิจการสูงที่สุดในโลก โดยบอกว่าเขาไม่ได้สนใจข่าวดังกล่าว แถมเข้ารู้สึกไม่ชอบด้วยซ้ำถ้าใครคิดว่าเรื่องนี้ควรต้องฉลอง เขาบอกว่ามูลค่ากิจการเป็นเรื่องของอดีต ที่ไม่ได้สะท้อนอะไร การยึดติดกับเรื่องนี้เท่ากับเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบ
เนื้อหาตอนอื่นพูดถึงช่วงที่เขาเข้ามาเป็นซีอีโอ และทำให้ไมโครซอฟท์เติบโตอีกครั้ง เช่น การเลี่ยงที่ให้ความสำคัญกับ Windows ซึ่งเป็นความสำเร็จในอดีตของไมโครซอฟท์ โดยอีเมลแรกที่เขาเขียนถึงพนักงานนั้น ไม่มีคำว่า Windows เลย
นอกจากนี้ทิศทางหนึ่งที่ Nadella ทำคือการเลิกทำให้ไมโครซอฟท์เป็นบริษัทที่เท่เหมือนบริษัทอื่น เลิกทำผลิตภัณฑ์ตามแนวทางแอปเปิล แต่เปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้สร้างเครื่อง ทำให้บริษัทอื่นเท่ขึ้นมากกว่า
ที่มา: GeekWire
Comments
ความคิด ไอเดีย ไปไกลมาก ชื่นชมครับ
ความคิด แกดี มาก
+1 จอก
แกเก่งมาก เป็นผู้พลิก Microsoft กลับมาได้
แต่เปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้สร้างเครื่อง ทำให้บริษัทอื่นเท่ขึ้นมากกว่า ---> เครื่องมือ
ไม่ระเริง ดีมาก
เข้ามาทีแรกมีแต่คนบอกว่าคนนี้จะใช่เหรอ มารับเผือกร้อนจากบัลเมอร์จะไหวไหม ผลงานมันพิสูจน์ตัวเองแล้ว แม้ผมยังเสียดาย wp อยู่นะ แต่ก็เข้าใจว่าทำธุรกิจไม่ใช่การกุศลถ้ามันเป็นภาระไม่คุ้มเสีย มันก็ควรตัดทิ้ง
ตบหน้าพวกสายการเงินชัดๆ
Microsoft Now = Cloud + Opensource + Subscription
ผมชอบมากเลยนะตรงที่แกเคยบอกว่า 1 ดอลลาห์ที่ MS ได้มาต้องมาจาก 5 ดอลลาห์บริษัทอื่นทำได้ (ใช่เปล่านา ประมาณนี้แหละ)
สุดยอด
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ผมนึกถึงภาพทิมคุก ถ้าเปลี่ยนจากแอปเปิ้ลเป็นไมโครซอฟท์
เยี่ยมครับ Satya Nadella นี่ผมชื่นชมเลย แกพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าสามารถชุบชีวิต Microsoft จนกลับมาแข็งแกร่งได้ ทุกวันนี้ผมถือว่า 3 ธุรกิจหลักของ Microsoft ทำให้ Microsoft มั่นคงพอตัวแล้วนะครับ อย่างธุรกิจ cloud เองก็สดใสมาก ฮาร์ดแวร์ก็เป็นที่ยอมรับแล้ว (ชื่อ Surface ไปอยู่ในใจคนทั่วไปแล้ว แต่จะซื้อไม่ซื้ออีกเรื่องเพราะมันแพง 555) ส่วน Windows นี่ก็ยอมรับในฝีมือจริงๆ ตอนแรกคิดว่า Windows จะตายหรือเลี้ยงไม่โตแล้วเพราะมาเป็นยุคของมือถือ แต่ Microsoft ทำให้เห็นแล้วว่าต่อให้มีมือถือ เราก็ยังขาด Windows ไม่ได้
ตัดมาที่ Apple ที่เสียดายของจริงๆ ก็คือ Mac นี่แหละ จริงๆ เมื่อก่อนตอบโจทย์มากทั้ง Prosumer และ Consumer ซอฟต์แวร์โดยเฉพาะสาย production นี่เจ๋งๆ ทั้งนั้นจนหลายคนต้องยอมจ่ายแพงเพื่อซื้อ Mac แต่ทุกวันนี้ Apple ดันไปทุ่มให้กับ iOS มากเกินไปแล้วทิ้ง Mac คือการไปทุ่มก้บสิ่งที่ได้กำไรมากกว่ามันก็ดี แต่กลายเป็นว่าไปเดิมพันกับสิ่งนึงแล้วทิ้งอีกสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ถ้าซักวัน iOS เสื่อมความนิยมแบบ Symbian, Blackberry เมื่อไหร่ (ที่เมื่อก่อนเราก็ไม่คิดว่ามันจะตกต่ำ) แบบนี้ Apple แย่เลยนะครับเพราะที่อยู่ได้ส่วนใหญ่ก็เพราะ iPhone ถึงจะมีบริการ services/cloud ด้วยแต่ก็ผูกกับ ecosystem ตัวเองอยู่ดี และไม่ได้เป็นสเกลใหญ่แบบ Azure
เห็นแล้วเลยชอบแนวทางของ Microsoft ที่แบ่งส่วนธุรกิจใหญ่ออกเป็นสามส่วน ที่มีความสำคัญพอๆ กัน และมีผลกำไรที่พอๆ กัน ชนิดที่ถ้าธุรกิจส่วนใด 1 ใน 3 มีปัญหา ก็ยังพยุงบริษัทต่อไปได้อย่างมั่นคง ในขณะที่ Apple เองถึงจะรวยจริง แต่เดิมพันเสี่ยงมากกับการมีผลิตภัณฑ์หลักแค่ตัวเดียว (เหมือน Blackberry ที่รวยจริง แต่สุดท้ายก็ไม่มีที่ยืนในตลาด)
อีกอย่าง Microsoft ยุคใหม่ทำตัวน่ารักขึ้นมากๆ จนยุคนี้จะสังเกตได้ว่าไม่มีใครล้อว่า Micro$oft แล้ว เหมือนไม่เห็นมาพักใหญ่แล้วนะ ใช่มั้ยครับ
ของผมเนี่ย ผมเรียก Micros*ck เลยนะครัฟยุค Ballmer น่ะ 5555
ถึงผมไม่ได้ใช้ mac แต่เคยสำผัสประสบการณ์การใช้งานมาอยู่พอสมควร มีส่วนชอบและไม่ชอบผสมกัน ผมเสียดายมากที่มันไม่ถูกใส่ใจเท่าที่ควร ถึงผมไม่คิดจะซื้อแต่ก็อยากเห็นอะไรเด็ดๆ จากค่ายนี้นอกจากมือถือ ความสะดวก มาตรฐานความทน (เช่นคีย์บอร์ดที่มันปัญหา) ที่คนเคยไว้ใจมันเปลี่ยนไปแล้ว
ສະບາຍດີ :)
"การเลี่ยงที่ให้ความสำคัญกับ Windows" สงสัยเปลี่ยนแผนทีหลังเพราะตอนนี้อัทเดททุกปีเลยหรือแกกำลังจะทิ้ง ฮ่า ๆ แต่ดูเหมือนแกจะเอา HoloLens มาแทนที่ pc ในอนาคต หรืออาจจะมาแทนโทรศัพท์ที่แกบอกจะทำอุปกรณ์สื่อสารใหม่แทน หรือเอามาใช้ร่วมกันได้ทั้งหมดเลยก็ได้
ส่วนตัวคิดว่า ข้อความนั้นหมายถึง ยกระดับความสำคัญของผลิตภัณฑ์อื่นๆ ขึ้นมาเทียบเท่าหรือไว้หน้า Windows
Windows ในฐานะระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล มันก็คงเป็นอยู่อย่างนั้นของมัน ที่สำคัญจริงๆ น่าจะเป็น Windows Core ที่เชื่อมทุกผลิตภัณฑ์ของ MS เข้าด้วยกัน
เมื่อหลายๆ ปีก่อน ทุกครั้งที่ MS โชว์วิสัยทัศน์ใดๆ ผมรู้สึกว่า MS ทำเพื่อขาย Windows เช่น แท็บเล็ตสองจอ อะไรทำนองนั้น
เหมือน Surface ที่ตอนแรกก็มีเพื่อโชว์ศักยภาพของ Windows จนตอนนี้ มันมีอยู่เพื่อขายตัวมันเอง แถมแตกไลน์อีกยิบย่อย
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
คือในสมัยแก แกทำให้ Windows เป็นระบบ OS ทางเลือกแล้วครับ แล้วก็ปรับให้ MS มี Product ที่ Support Customer ได้ทุกระดับตั้งแต่ Consumer ยัน Enterprise และให้สามารถใช้ได้กว้างขวางที่สุดเลยได้ Office ที่ใช้งานได้หลาย OS เยอะมาก
MS ยุคนี้ไม่ได้คิดจะทิ้ง Windows หรอกครับ ยังเป็นหนึ่งในสินค้าทำเงินอยู่ แต่ไม่พยายามผูกอะไรหลายๆอย่างไว้กับ Windows เพียงอย่างเดียว
การเลี่ยงให้ความสำคัญไม่ใช่ทิ้งครับแต่เป็นแบบคุณ Neroroms บอก คือไม่ได้ผูกทุกอย่างไว้กับวินโดว
คือเมื่อก่อนนี่คุณจะใช้ผลิตภัณฑ์ของ ms คุณต้องใช้วินโดวขนาด office mac ถึงมีก็จะได้อัพเดทไม่เท่าวินโดว ตอนนี้บริการกับผลิตภัณฑ์ของ ms มันกระจายไปแทบทุกแพลตฟอร์มแถมมีความสำคัญพอๆกันได้อัพเดทไม่ต่างกันนัก ประมาณว่าเมื่อก่อนนี่คือ เลิฟมีเลิฟมายดอกทู เดี๋ยวนี้ยวคือ เลิฟมีก็พอจะเกลียดมายดอกไปเลิฟแคทหรืออะไรก็ได้
เห็นด้วยกับเรื่องนี้เลย
สมัยก่อน ms-office สำหรับ Mac มีปัญหาการทำงานร่วมกับ windows มากๆ (กลับกันก็เป็นแต่น้อยกว่า)
พอเป็น office365 สมัยนี้ smooth มากๆ
แล้วระบบ subscription นี้รู้สึกว่าคุ้มมากๆ เชียร์ให้คนเปลี่ยนมาใช้ตลอด
(ตอนออกมาใหม่ๆ ผม anti มาก)
แฟนแอปเปิลในบล็อกนันก็ไม่ได้สนใจอะไรแบบนี้ เห็นมีแต่บ่นว่าไม่ว้าว ไม่คูล คงยังติดภาพตอนสตีฟ จ็อบส์อยู่แหละ
อยากให้กลับมาทำ OS มือถือนะ ยังชอบ Windows 10 Mobile อยู่เลย แต่เสียที่กั๊กและไม่มีแอพเลย ถ้าทำมาดีตอน Ballmer อยู่ ป่านนี้ Satya คงดันไปได้ไกลแล้วหละ เหมือน iOS และ Android และไม่โดนฆ่าทิ้งด้วย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
Satya นี่เป็นยอด CEO แห่งยุคเลย เขาสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีหลายอย่างใน MS
โดยหลายๆอย่างมันยากที่จะเชื่อว่า MS จะทำด้วย เช่น ระบบ Windows Subsystem for Linux, .Net Core ที่ Opensource และรันบน Linux ได้, ซื้อ Xamarin มาปล่อยให้ใช้ฟรี, ยังรอดูว่า Github ที่ซื้อมามีโปรดีๆ เพิ่มเติมไหม
หัวเรื่องมีเครื่องหมายฟันหนู 3 อัน??
แกเจ๋งจริงๆเนอะ สุดๆอ่ะ
..: เรื่อยไป